เฮ้อ! ข้าพเจ้าขอถอนหายใจอย่างโล่งอกขอรับ ปิดตอนที่สิบเอ็ดได้เสียที ตอนนี้หนักหนายิ่งนักขอรับ
กว่าจะเก็บตัวละครแต่ละตัวครบ ข้าพเจ้าแทบจะปาดเหงื่อ เกือบจะไม่รอดนะขอรับ จะเป็นลมตายคาแป้นพิมพ์ แฮะๆ
ข้าพเจ้าต้องเพิ่มพละกำลังด้วยการกิน ปลาร้าสามต่อน อ่อมเขียด ย่างตุ๊กแก และตบท้ายด้วยสาโทอีกสองจอกจอดสนิทเลยขอรับ
สำนวนภาษาที่ใช้อาจจะไม่ดีนักหรือไม่หวือหวาเท่าไรค่ะ ข้าพเจ้าคงต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะ
ณ เวลานี้ขอเขียนไปแบบเรียบๆแต่ไปเรื่อยๆก่อนแล้วกันนะคะ อ่านให้สนุกครื้นเครงบันเทิงใจค่ะ
สวัสดีค่ะ ด้วยรักและห่วงใยผู้อ่านเป็นยิ่งนัก
ตอนที่ 11.1
http://ppantip.com/topic/34303445
ตอนที่ 11.2 กองทัพตอริกถล่มหมู่บ้านแอนนา
ไฟย่า
สิ้นเสียงอันดา เสียงเคาะไม้ส่งสัญญาณเตือนภัยอันตรายก็ดังกระหึ่มไปทั่วหมู่บ้าน ชาวบ้านหลายคนวิ่งแตกตื่นร้องลั่น
“ไอ้พวกผีร้าย มันมาเป็นกองทัพเลยขอรับ” จามัสวิ่งหน้าตาตื่นมายังพวกเขาที่กำลังนั่งทานข้าวอยู่ ปากยังตะโกนร้องลั่น
“ไอ้ผีร้ายมารีบหนีเร็ว” จามัสตะโกนบอกผู้หญิง เด็กเล็ก ความโกลาหลวุ่นวายปกคลุมไปทั่วหมู่บ้าน
“แอนนาเจ้าดูแลแม่กับน้อง พ่อจะไปต้านพวกมันด้านหน้า” บาคอสหันมาสั่งบุตรสาวคนโต แอนนาพยักหน้าเป็นการตอบรับ
“เจ้าดูแลตัวเองด้วย” เฟรสหันมาพูดกับแอนนาก่อนจะรีบวิ่งตามบาคอสไป
ไคลน์ เรน และเคียลูส ยืนประจำการอยู่ด้านหน้าประตูไม้เรียบร้อยแล้ว ไฟย่าปีนบันไดขึ้นไปบนหอสังเกตการณ์พร้อมคันธนูที่สะพายไว้ข้างหลัง เจ้าหญิงทอรีเนียและเหล่าเทพจิ๋วต่างทำหน้าที่คอยคุ้มกันชาวบ้าน พระองค์นำทหารเทพจิ๋วมาต้านรับที่ท้ายหมู่บ้าน
“มันล้อมไว้หมดแล้ว ทุกด้านเลย บอกชาวบ้านห้ามออกจากหมู่บ้านเด็ดขาด” ไฟย่าตะโกนบอกคนที่อยู่ข้างล่าง เมื่อเธอมองไปโดยรอบแล้วเห็นกองทัพของไพรทั่มกระจายอยู่เกลื่อนป่า ไฟย่ากระชับคันธนูในมือไว้มั่น
“ไฟย่าพอประมาณได้ไหม มันมีมากเท่าไร” ไคลน์ตะโกนขึ้นไปถามคนข้างบน
“ข้าไม่แน่ใจ ในป่ามืดมาก แต่ข้าจับได้ถึงการเคลื่อนไหว และมองเห็นเป็นกลุ่มก้อนสีดำมีมากโขทีเดียว เกรงว่าน่าจะมากกว่าพวกเราเป็นสองเท่า” ไฟย่าตะโกนตอบกลับมา
"งานนี้ สงสัยจะหนักหน่อยนะ” เรนหันมากระซิบกับไคลน์
“ท่านนาร์ดเบิร์ก กองกำลังได้กระจายไปยังจุดต่างๆรึยัง” บาคอสหันไปถามคนที่ยืนอยู่ข้างเขา
“ท่านนาซูดนำคนจำนวนหนึ่งไปดักทางด้านซ้ายของกำแพงแล้วขอรับ ส่วนท่านบิลกระจายไปทางด้านขวาจามัสก็ไปด้วย” นาร์ดเบิร์กรายงานตามแผน
“แล้วด้านหลังล่ะ ใครไปรอต้าน มันเป็นจุดที่ท่านต้องไปมิใช่รึ” บาคอสเอ่ยถาม คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน
“เจ้าหญิงทอรีเนียและเหล่าทหารของพระองค์อาสาไปขอรับ พระองค์ให้ข้ามาคอยช่วยเหลือท่านด้านหน้า”
เพียงไม่นานเกินรอกองกำลังของไพรทั่มก็เคลื่อนทัพเข้ามาประชิดรอบหมู่บ้านไว้หมดทุกด้าน
“โจมตีพวกมัน” ตอริกตะโกนสั่งการลูกน้อง กองทัพของไพรทั่มบุกทำลายกำแพงไม้อย่างบ้าคลั่ง มันใช้ท่อนไม้อันใหญ่ที่มีล้อเลื่อนอยู่ข้างล่างกระแทกประตูไม้ หมายจะพังทลายรั้วกั้นให้ล้มลง เสียงโห่ร้องของพวกมันดังกึกก้องกระหึ่มไปทั่ว
ไฟย่าขึ้นคันธนูแล้วยิงลูกธนูรัวใส่พวกมันที่อยู่ข้างล่างราวกับห่าฝนเม็ดใหญ่กระทบตกใส่ไพรทั่ม หญิงสาวหันมาเล็งเป้าใส่ทหารที่กำลังจะพังประตูเข้ามา ลูกธนูดอกหนึ่งของไฟย่าปักเข้าที่กลางหลังไพรทั่มตนหนึ่ง แล้วเกิดประกายไฟเผาไหม้ร่างของมันทันที ธนูไฟอีกหลายลูกของไฟย่าก็กระหน่ำใส่พวกมันอย่างต่อเนื่อง
“ด้านขวา” ไฟย่าตะโกนบอกชาวบ้านอีกคนซึ่งอยู่บนหอสังเกตการณ์กับตน เขาเมื่อได้ยินที่ไฟย่าบอกก็หันคันธนูไปทางนั้นทันทีพร้อมกับกระหน่ำยิงลูกธนูใส่ไพรทั่มสองตนที่กำลังปีนกำแพงขึ้นมา
“พวกมันกำลังจะเผากำแพงแล้ว” เขาบอกไฟย่า
“ข้างบน สอยมันลงมา” ตอริกตะโกนสั่งทหาร พร้อมกับชี้นิ้วมาทางไฟย่ากับชาวบ้านที่อยู่บนที่สูง ไม่นานลูกธนูห่าใหญ่พุ่งผ่านอากาศ ก็กระหน่ำใส่พวกเขาทั้งสองอย่างไม่หยุดหย่อน เขาทั้งสองต้องหมอบตัวลงต่ำเพื่อหลบหลีกลูกธนู
“ท่านรีบลงไปข้างล่างเร็ว” ไฟย่าบอกชาวบ้านคนนั้น เมื่อเห็นว่าธนูหยุดยิงไปแล้ว
ชายหนุ่มรูปร่างเล็กแต่ดูแข็งแรงรีบปีนบันไดไม้ลงมาที่พื้นเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว แต่ปีนลงมาได้เพียงเล็กน้อยร่างของเขาก็ถูกลูกธนูปักเข้าที่กลางลำตัวส่งร่างไร้วิญญาณร่วงลงสู่พื้นดินทันที
ไฟย่าพยายามจะยื่นมือไปคว้าร่างนั้นไว้แต่ช้าเกิน หญิงสาวทำได้เพียงแนบนิ่งมองร่างที่ร่วงหล่นด้วยความเศร้าใจเสียใจ ความโกรธแค้นเกาะกุมหัวใจของเธอ
เสียงโรมรันฟาดฟันดาบใส่กันดังกระหึ่มทั่วหมู่บ้านเมื่อไพรทั่มบางส่วนทยอยบุกเข้ามาในหมู่บ้านได้แล้ว กำแพงไม้หลายจุดเกิดไฟไหม้ลุกโชติช่วง เปลวเพลิงพัดโหมทำลายรั้วกั้นพังลงไปทีละจุด ลามมาจนถึงจุดที่ไฟย่าอยู่
“ไฟย่ารีบลงมาเร็ว” ไคลน์ตะโกนบอกสหายที่ยังอยู่ข้างบน แต่ในมือเขายังฟาดฟันดาบใส่ไพรทั่ม
ไฟย่าสะพายคันธนูไว้ข้างหลังก่อนจะรีบปีนลงบันได แต่เปลวไฟก็ลุกเผาไหม้ลามมาจนถึงจุดที่หญิงสาวอยู่เร็วเกินคาด ท่อนไม้ติดไฟหักทับบันไดหายไปเกือบทั้งหมด ไฟย่าต้องห้อยร่างตัวเองอยู่บันไดไม้ที่เหลืออยู่แค่สามขั้น
“ไฟย่าปล่อยมือเลย” เฟรสตะโกนขึ้นไป เขาวางกระบี่คู่ไว้ที่พื้นมือทั้งสองชูรอรับร่างของหญิงสาว โดยมีเรนกับไคลน์คอยคุ้มกันไม่ให้ไพรทั่มเข้ามาทำร้ายพวกเขาได้
ไม่ต้องให้บอกเป็นครั้งที่สองไฟย่าปล่อยมือทันที ร่างของหญิงสาวร่วงหล่นลงสู่พื้นเบื้องล่าง ลงมาทับบนร่างของเฟรสเต็มแรงทำเอาคนที่เป็นเบาะรองรับถึงกับจุกกระอักออกมาไม่เป็นคำพูด
“ท่านไม่เป็นไรนะ” ไฟย่าเอ่ยถามเฟรส
“จุก” เฟรสสำลักคำออกมาได้เพียงเท่านี้
“อืม..ก็น่าจะจุกละนะ ขอบใจท่านมาก” ไฟย่าเอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน พลางกับใช้มือตบอกเฟรสเบาๆ ก่อนจะดึงดาบที่อยู่ข้างเอวออกจากฝัก แล้ววิ่งไปประชันหน้าฟาดฟันดาบใส่พวกไพรทั่มทันที
“โอ๊ย” เฟรสส่งเสียงร้องโอดโอยเบาๆก่อนจะลุกขึ้นเขายังไม่ลืมตรวจดูความปลอดภัยของกล่องดวงใจ แต่มือทั้งสองก็ต้องรีบคว้ากระบี่คู่ขึ้นมาเมื่อไพรทั่มสองตนวิ่งตรงมายังเขา
“บุกทำลายพวกมัน ฆ่าให้หมดอย่าให้เหลือ” ตอริกตะโกนสั่งลูกน้องเมื่อกำแพงไม้พังทลายลง มันชูดาบขึ้นฟ้าแล้วชี้ดาบตรงไปที่หมู่บ้านเพื่อส่งสัญญาณบุกโจมตี
เมื่อไม่มีกำแพงกั้นทหารของไพรทั่มสองร้อยกว่าตน ต่างวิ่งโหมเข้าสู่หมู่บ้านทั่วทุกสารทิศ เสียงกรีดร้องของชาวบ้านดังสะท้อนก้อง หลายคนถูกฆ่าตายศพกองเกลื่อนพื้น หลายคนวิ่งหอบลูกหอบเต้าหนีตาย หน้าตาหวาดกลัวแตกตื่นตกใจ
“มันมามากเกินกำลังของเรานะท่านบาคอส” นาร์ดเบิร์กเอ่ยขึ้น เมื่อหลังของเขากับบาคอสหันมาชนกัน แต่ในมือของทั้งสองยังแกว่งตวัดดาบฟันใส่ศัตรูไม่หยุดหย่อน
“มากเท่าไรก็อย่าไปกลัว สู้จนตัวตาย” บาคอสตะโกนบอกเหล่านักรบชาวบ้านที่ต่อสู้อยู่ใกล้ๆกับเขา
“อืม” นาร์ดเบิร์กตอบรับ ร่างกายรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขาพุ่งตัวกระหน่ำดาบฟันไพรทั่มอย่างบ้าคลั่ง
เคียลูสสังหารไพรทั่มสามตัวไปอย่างรวดเร็ว แม้ร่างกายของเขายังบาดเจ็บจากการสู้รบในครั้งก่อน จึงไม่สามารถออกแรงได้มากนัก แต่ด้วยความเป็นคนใจนักสู้แลเป็นทหารขององค์ราชา เจ็บเพียงแค่นี้ไม่สามารถจะหยุดยั้งพละกำลังที่อยู่ในกายชายหนุ่มได้ เขากระโดดหลบหลีกอาวุธของคู่ต่อสู้ได้อย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะหาจังหวะสวนกลับด้วยการตลบหมุนกายมาข้างหลังพร้อมมอบดาบสีนิลจ้วงทะลุร่างไพรทั่มทันที
ดาบสีนิลถูกกระชากดึงกลับมาอย่างรวดเร็ว เพื่อตั้งรับดาบของคู่ต่อสู้อีกสองตนที่วิ่งเข้ามาจู่โจมใส่เขา เคียลูสใช้เท้าถีบไพรทั่มตนหนึ่งกระเด็นออกไป ทั้งที่มือยังกุมดาบต้านรับจากไพรทั่มอีกตน ไพรทั่มที่โดนถีบกระเสื-อ-กกระสนลุกขึ้นอย่างรวดเร็วหมายจะฆ่าอีกฝ่าย มันชี้ปลายหอมแหลมคมพุ่งตรงใส่เคียลูส แต่ยังไม่ทันจะออกตัววิ่ง ก็โดนมีดสั้นของเรน เสียบทะลุคอหอยส่งมันกลับขุมนรกได้อย่างง่ายดาย
ฟากเรนกับเฟรส วิ่งเข้าไปปกป้องชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่ถูกไพรทั่มกลุ่มใหญ่วิ่งไล่ฆ่าฟัน ทั้งสองกระโดดเข้ามาขว้างทางเจ้าผีร้ายเอาไว้ก่อนจะโรมรันกระหน่ำฟาดฟันอาวุธเข้าใส่กัน เรนมิเพียงแต่มีความว่องไวในการเคลื่อนไหวร่างกาย สามารถหลบหลีกคู่ต่อสู้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ และความว่องไวในการปามีดสั้นของเขาก็เกินใครจะเทียบเท่า แม้มือจะกุมดาบต่อสู้ แต่ยังสามารถปามีดสั้นสังหารไพรทั่มที่อยู่ยังอีกทิศทางหนึ่งโดยไม่ต้องหันไปดู เขาใช้เพียงประสาทสัมผัสหู กำหนดทิศทางสังหารก่อนจะเล็งอาวุธพิฆาตได้ทันที
กระบี่คู่ของเฟรสกวาดตวัดฟาดใส่ศัตรูอย่างดุเดือด และรวดเร็ว กระบวกท่ากระบี่คู่ของเขาคล้ายกับกลายเป็นส่วนหนึ่งของธาตุอากาศ ศัตรูไม่สามรถจับทิศทางการเคลื่อนไหวของกระบี่คู่ได้ รู้ตัวอีกทีก็เมื่อสังเวยเลือดแก่กระบี่คู่นี้เสียแล้ว
ด้านหลังของหมู่บ้านถูกไพรทั่มยึดครองพื้นที่เกือบทั้งหมด กองกำลังของเจ้าหญิงทอรีเนียจึงค่อยๆถอยร่นเข้ามา เจ้าหญิงทอรีเนียไม่เพียงแต่ใช้พลังเวทของตนสกัดกั้นพวกไพรทั่มเอาไว้ พระองค์ยังต้องคอยคุมกันภัยให้กับพวกชาวบ้านที่ต่างวิ่งแตกตื่นหนีเอาชีวิตรอด แตกกระจายไปทั่วทุกสารทิศ พระองค์ใช้พลังเวทมากเกินไปตัวพระองค์เองก็เกือบจะหมดแรงไปเช่นกัน
“ท่านคูไซคุ้มครองเจ้าหญิง” นอสตะโกนบอกเพื่อนที่อยู่ใกล้เจ้าหญิงทอรีเนียที่สุด เมื่อเขามองเห็นการเคลื่อนตัวของไพรทั่มสามตนซึ่งวิ่งถือหอกยาวพุ่งใส่เจ้าหญิงทอรีเนีย
คูไซกระโดดลอยตัวขึ้นสูงหมายจะใช้ดาบสั้นอันเล็กปลิดชีพคู่ต่อสู้ แต่ไพรทั่มตนนี้มันรู้ทิศทางของอาวุธมันกระโดดหลบหนีได้ทัน ก่อนจะหันหอกยาวปลายหอกแหลมคมเสียบแทงขึ้นบนอากาศ ณ จุดที่เทพจิ๋วทิ้งตัวลงมา หอกแหลมคมเจาะทะลุร่างเล็กกระจิริดของเทพจิ๋ว เลือดสีแดงไหลรินอาบด้ามหอบ ไพรทั่มตนนั้นโห่ร้องลั่นด้วยความพอใจในผลงานของตน
เหล่าเทพจิ๋วเมื่อเห็นเพื่อนถูกสังหารต่างพากันส่งเสียงแผดร้องเรียกชื่อผู้ตาย ร่างกายของเหล่าเทพจิ๋วสะทกสะท้านราวกับมีมีดมากรีดที่กลางดวงใจ พวกเขาพยายามจะเข้ามาให้ถึงตัวเพื่อน แต่ก็ถูกไพรทั่วอีกหลายตนเข้ามาขวางทางไว้
“หึ หึ” ไพรทั่มที่สังหารคูไซ ส่งเสียงหัวเราะเยาะพวกเขา ในมือยังถือหอกที่เสียบร่างเทพจิ๋วเอาไว้ มันจับด้ามหอกหมุนไปมาอย่างสนุกสนาน
เจ้าหญิงทอรีเนียเมื่อเห็นทหารของพระองค์ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม พระองค์ทรงกรีดร้องลั่น น้ำตาไหลรินอาบแก้มทั้งสอง ร่างกายสั่นสะท้านอย่างเจ็บปวดทรมานราวกับเป็นคนที่ถูกคมหอกนั้นทิ่มแทงเสียเอง มือที่ทรงกุมคฑาอยู่นั้นสั่นระริกด้วยความโกรธแค้น แววตาพลันฉายแววเหี้ยมโหดขึ้นมา
แสงสีเขียวมรกตเปล่งประกายเข้มอยู่ปลายคฑา พระองค์ชูคฑาขึ้นฟ้าเกิดเป็นสายฟ้าสีเขียวส่องสะท้อนกลับลงมาจากเบื้องบนเข้าบรรจบกับปลายคฑา พระองค์กวาดคฑาฟาดใส่ร่างไพรทั่มที่ฆ่าคูไซเต็มกำลัง ร่างของไพรทั่มตนนั้นพลันระเบิดแตกละเอียดกลายเป็นเศษผงธุลี
จากการทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อฆ่าไพรทั่มตนนั้น ก็ทำให้เจ้าหญิงทอรีเนียถึงกับต้องนั่งคุกเข่าลงที่พื้นมือทั้งสอง จับคฑาเอาไว้เพื่อพยุงกายไม่ให้ล้มลง น้ำตาของพระองค์ยังคงหลั่งริน ความเจ็บปวดแทรกซึมเข้าไปในหัวใจของพระองค์อย่างสุดจะห้ามได้
ไพรทั่มตนหนึ่งย่องมาข้างหลังหมายจะสังหารเจ้าหญิงทอรีเนีย แต่โดนอาวุธพระจันทร์เสี้ยวบั่นหัวขาดเสียก่อน แอนนา อันดา และมารดา ต่างวิ่งมาดูเจ้าหญิงที่ยังคงนั่งก้มหน้ามองพื้น
“เจ้าหญิงทอรีเนียเพคะ” แอนนาแตะที่ไหล่เจ้าหญิงทอรีเนียเบาๆ
“ข้าไม่เป็นไร” เจ้าหญิงทอรีเนียตอบกลับน้ำเสียงราบเรียบ
“อันดา เจ้าอยู่กับท่านแม่ ดูแลเจ้าหญิงด้วย” แอนนาหันไปบอกน้องสาว ก่อนที่ตนจะวิ่งไปช่วยยาเอิ้ง กับ มักเวย์ ที่โดนไพรทั่มสี่ตนกระหน่ำโจมตี
เสียงการต่อสู้ดังสะท้อนก้องไปทั่วผืนป่า แสงไฟจากเปลวเพลิงยังลุกโชติช่วงเผาหมู่บ้านเล็กๆให้ลุกไหม้ไปพร้อมกับไฟสงครามซึ่งเผาทำลายทุกสรรพสิ่งให้ดับสิ้นลงอย่างไร้ความปรานี
*** ศึกป่วนเทพคัมภีร์สังหาร : ตอนที่ 11.2 กองทัพตอริกถล่มหมู่บ้านแอนนา ***
เฮ้อ! ข้าพเจ้าขอถอนหายใจอย่างโล่งอกขอรับ ปิดตอนที่สิบเอ็ดได้เสียที ตอนนี้หนักหนายิ่งนักขอรับ
กว่าจะเก็บตัวละครแต่ละตัวครบ ข้าพเจ้าแทบจะปาดเหงื่อ เกือบจะไม่รอดนะขอรับ จะเป็นลมตายคาแป้นพิมพ์ แฮะๆ
ข้าพเจ้าต้องเพิ่มพละกำลังด้วยการกิน ปลาร้าสามต่อน อ่อมเขียด ย่างตุ๊กแก และตบท้ายด้วยสาโทอีกสองจอกจอดสนิทเลยขอรับ
สำนวนภาษาที่ใช้อาจจะไม่ดีนักหรือไม่หวือหวาเท่าไรค่ะ ข้าพเจ้าคงต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะ
ณ เวลานี้ขอเขียนไปแบบเรียบๆแต่ไปเรื่อยๆก่อนแล้วกันนะคะ อ่านให้สนุกครื้นเครงบันเทิงใจค่ะ
สวัสดีค่ะ ด้วยรักและห่วงใยผู้อ่านเป็นยิ่งนัก
ตอนที่ 11.1 http://ppantip.com/topic/34303445
ตอนที่ 11.2 กองทัพตอริกถล่มหมู่บ้านแอนนา
ไฟย่า
สิ้นเสียงอันดา เสียงเคาะไม้ส่งสัญญาณเตือนภัยอันตรายก็ดังกระหึ่มไปทั่วหมู่บ้าน ชาวบ้านหลายคนวิ่งแตกตื่นร้องลั่น
“ไอ้พวกผีร้าย มันมาเป็นกองทัพเลยขอรับ” จามัสวิ่งหน้าตาตื่นมายังพวกเขาที่กำลังนั่งทานข้าวอยู่ ปากยังตะโกนร้องลั่น
“ไอ้ผีร้ายมารีบหนีเร็ว” จามัสตะโกนบอกผู้หญิง เด็กเล็ก ความโกลาหลวุ่นวายปกคลุมไปทั่วหมู่บ้าน
“แอนนาเจ้าดูแลแม่กับน้อง พ่อจะไปต้านพวกมันด้านหน้า” บาคอสหันมาสั่งบุตรสาวคนโต แอนนาพยักหน้าเป็นการตอบรับ
“เจ้าดูแลตัวเองด้วย” เฟรสหันมาพูดกับแอนนาก่อนจะรีบวิ่งตามบาคอสไป
ไคลน์ เรน และเคียลูส ยืนประจำการอยู่ด้านหน้าประตูไม้เรียบร้อยแล้ว ไฟย่าปีนบันไดขึ้นไปบนหอสังเกตการณ์พร้อมคันธนูที่สะพายไว้ข้างหลัง เจ้าหญิงทอรีเนียและเหล่าเทพจิ๋วต่างทำหน้าที่คอยคุ้มกันชาวบ้าน พระองค์นำทหารเทพจิ๋วมาต้านรับที่ท้ายหมู่บ้าน
“มันล้อมไว้หมดแล้ว ทุกด้านเลย บอกชาวบ้านห้ามออกจากหมู่บ้านเด็ดขาด” ไฟย่าตะโกนบอกคนที่อยู่ข้างล่าง เมื่อเธอมองไปโดยรอบแล้วเห็นกองทัพของไพรทั่มกระจายอยู่เกลื่อนป่า ไฟย่ากระชับคันธนูในมือไว้มั่น
“ไฟย่าพอประมาณได้ไหม มันมีมากเท่าไร” ไคลน์ตะโกนขึ้นไปถามคนข้างบน
“ข้าไม่แน่ใจ ในป่ามืดมาก แต่ข้าจับได้ถึงการเคลื่อนไหว และมองเห็นเป็นกลุ่มก้อนสีดำมีมากโขทีเดียว เกรงว่าน่าจะมากกว่าพวกเราเป็นสองเท่า” ไฟย่าตะโกนตอบกลับมา
"งานนี้ สงสัยจะหนักหน่อยนะ” เรนหันมากระซิบกับไคลน์
“ท่านนาร์ดเบิร์ก กองกำลังได้กระจายไปยังจุดต่างๆรึยัง” บาคอสหันไปถามคนที่ยืนอยู่ข้างเขา
“ท่านนาซูดนำคนจำนวนหนึ่งไปดักทางด้านซ้ายของกำแพงแล้วขอรับ ส่วนท่านบิลกระจายไปทางด้านขวาจามัสก็ไปด้วย” นาร์ดเบิร์กรายงานตามแผน
“แล้วด้านหลังล่ะ ใครไปรอต้าน มันเป็นจุดที่ท่านต้องไปมิใช่รึ” บาคอสเอ่ยถาม คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน
“เจ้าหญิงทอรีเนียและเหล่าทหารของพระองค์อาสาไปขอรับ พระองค์ให้ข้ามาคอยช่วยเหลือท่านด้านหน้า”
เพียงไม่นานเกินรอกองกำลังของไพรทั่มก็เคลื่อนทัพเข้ามาประชิดรอบหมู่บ้านไว้หมดทุกด้าน
“โจมตีพวกมัน” ตอริกตะโกนสั่งการลูกน้อง กองทัพของไพรทั่มบุกทำลายกำแพงไม้อย่างบ้าคลั่ง มันใช้ท่อนไม้อันใหญ่ที่มีล้อเลื่อนอยู่ข้างล่างกระแทกประตูไม้ หมายจะพังทลายรั้วกั้นให้ล้มลง เสียงโห่ร้องของพวกมันดังกึกก้องกระหึ่มไปทั่ว
ไฟย่าขึ้นคันธนูแล้วยิงลูกธนูรัวใส่พวกมันที่อยู่ข้างล่างราวกับห่าฝนเม็ดใหญ่กระทบตกใส่ไพรทั่ม หญิงสาวหันมาเล็งเป้าใส่ทหารที่กำลังจะพังประตูเข้ามา ลูกธนูดอกหนึ่งของไฟย่าปักเข้าที่กลางหลังไพรทั่มตนหนึ่ง แล้วเกิดประกายไฟเผาไหม้ร่างของมันทันที ธนูไฟอีกหลายลูกของไฟย่าก็กระหน่ำใส่พวกมันอย่างต่อเนื่อง
“ด้านขวา” ไฟย่าตะโกนบอกชาวบ้านอีกคนซึ่งอยู่บนหอสังเกตการณ์กับตน เขาเมื่อได้ยินที่ไฟย่าบอกก็หันคันธนูไปทางนั้นทันทีพร้อมกับกระหน่ำยิงลูกธนูใส่ไพรทั่มสองตนที่กำลังปีนกำแพงขึ้นมา
“พวกมันกำลังจะเผากำแพงแล้ว” เขาบอกไฟย่า
“ข้างบน สอยมันลงมา” ตอริกตะโกนสั่งทหาร พร้อมกับชี้นิ้วมาทางไฟย่ากับชาวบ้านที่อยู่บนที่สูง ไม่นานลูกธนูห่าใหญ่พุ่งผ่านอากาศ ก็กระหน่ำใส่พวกเขาทั้งสองอย่างไม่หยุดหย่อน เขาทั้งสองต้องหมอบตัวลงต่ำเพื่อหลบหลีกลูกธนู
“ท่านรีบลงไปข้างล่างเร็ว” ไฟย่าบอกชาวบ้านคนนั้น เมื่อเห็นว่าธนูหยุดยิงไปแล้ว
ชายหนุ่มรูปร่างเล็กแต่ดูแข็งแรงรีบปีนบันไดไม้ลงมาที่พื้นเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว แต่ปีนลงมาได้เพียงเล็กน้อยร่างของเขาก็ถูกลูกธนูปักเข้าที่กลางลำตัวส่งร่างไร้วิญญาณร่วงลงสู่พื้นดินทันที
ไฟย่าพยายามจะยื่นมือไปคว้าร่างนั้นไว้แต่ช้าเกิน หญิงสาวทำได้เพียงแนบนิ่งมองร่างที่ร่วงหล่นด้วยความเศร้าใจเสียใจ ความโกรธแค้นเกาะกุมหัวใจของเธอ
เสียงโรมรันฟาดฟันดาบใส่กันดังกระหึ่มทั่วหมู่บ้านเมื่อไพรทั่มบางส่วนทยอยบุกเข้ามาในหมู่บ้านได้แล้ว กำแพงไม้หลายจุดเกิดไฟไหม้ลุกโชติช่วง เปลวเพลิงพัดโหมทำลายรั้วกั้นพังลงไปทีละจุด ลามมาจนถึงจุดที่ไฟย่าอยู่
“ไฟย่ารีบลงมาเร็ว” ไคลน์ตะโกนบอกสหายที่ยังอยู่ข้างบน แต่ในมือเขายังฟาดฟันดาบใส่ไพรทั่ม
ไฟย่าสะพายคันธนูไว้ข้างหลังก่อนจะรีบปีนลงบันได แต่เปลวไฟก็ลุกเผาไหม้ลามมาจนถึงจุดที่หญิงสาวอยู่เร็วเกินคาด ท่อนไม้ติดไฟหักทับบันไดหายไปเกือบทั้งหมด ไฟย่าต้องห้อยร่างตัวเองอยู่บันไดไม้ที่เหลืออยู่แค่สามขั้น
“ไฟย่าปล่อยมือเลย” เฟรสตะโกนขึ้นไป เขาวางกระบี่คู่ไว้ที่พื้นมือทั้งสองชูรอรับร่างของหญิงสาว โดยมีเรนกับไคลน์คอยคุ้มกันไม่ให้ไพรทั่มเข้ามาทำร้ายพวกเขาได้
ไม่ต้องให้บอกเป็นครั้งที่สองไฟย่าปล่อยมือทันที ร่างของหญิงสาวร่วงหล่นลงสู่พื้นเบื้องล่าง ลงมาทับบนร่างของเฟรสเต็มแรงทำเอาคนที่เป็นเบาะรองรับถึงกับจุกกระอักออกมาไม่เป็นคำพูด
“ท่านไม่เป็นไรนะ” ไฟย่าเอ่ยถามเฟรส
“จุก” เฟรสสำลักคำออกมาได้เพียงเท่านี้
“อืม..ก็น่าจะจุกละนะ ขอบใจท่านมาก” ไฟย่าเอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน พลางกับใช้มือตบอกเฟรสเบาๆ ก่อนจะดึงดาบที่อยู่ข้างเอวออกจากฝัก แล้ววิ่งไปประชันหน้าฟาดฟันดาบใส่พวกไพรทั่มทันที
“โอ๊ย” เฟรสส่งเสียงร้องโอดโอยเบาๆก่อนจะลุกขึ้นเขายังไม่ลืมตรวจดูความปลอดภัยของกล่องดวงใจ แต่มือทั้งสองก็ต้องรีบคว้ากระบี่คู่ขึ้นมาเมื่อไพรทั่มสองตนวิ่งตรงมายังเขา
“บุกทำลายพวกมัน ฆ่าให้หมดอย่าให้เหลือ” ตอริกตะโกนสั่งลูกน้องเมื่อกำแพงไม้พังทลายลง มันชูดาบขึ้นฟ้าแล้วชี้ดาบตรงไปที่หมู่บ้านเพื่อส่งสัญญาณบุกโจมตี
เมื่อไม่มีกำแพงกั้นทหารของไพรทั่มสองร้อยกว่าตน ต่างวิ่งโหมเข้าสู่หมู่บ้านทั่วทุกสารทิศ เสียงกรีดร้องของชาวบ้านดังสะท้อนก้อง หลายคนถูกฆ่าตายศพกองเกลื่อนพื้น หลายคนวิ่งหอบลูกหอบเต้าหนีตาย หน้าตาหวาดกลัวแตกตื่นตกใจ
“มันมามากเกินกำลังของเรานะท่านบาคอส” นาร์ดเบิร์กเอ่ยขึ้น เมื่อหลังของเขากับบาคอสหันมาชนกัน แต่ในมือของทั้งสองยังแกว่งตวัดดาบฟันใส่ศัตรูไม่หยุดหย่อน
“มากเท่าไรก็อย่าไปกลัว สู้จนตัวตาย” บาคอสตะโกนบอกเหล่านักรบชาวบ้านที่ต่อสู้อยู่ใกล้ๆกับเขา
“อืม” นาร์ดเบิร์กตอบรับ ร่างกายรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขาพุ่งตัวกระหน่ำดาบฟันไพรทั่มอย่างบ้าคลั่ง
เคียลูสสังหารไพรทั่มสามตัวไปอย่างรวดเร็ว แม้ร่างกายของเขายังบาดเจ็บจากการสู้รบในครั้งก่อน จึงไม่สามารถออกแรงได้มากนัก แต่ด้วยความเป็นคนใจนักสู้แลเป็นทหารขององค์ราชา เจ็บเพียงแค่นี้ไม่สามารถจะหยุดยั้งพละกำลังที่อยู่ในกายชายหนุ่มได้ เขากระโดดหลบหลีกอาวุธของคู่ต่อสู้ได้อย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะหาจังหวะสวนกลับด้วยการตลบหมุนกายมาข้างหลังพร้อมมอบดาบสีนิลจ้วงทะลุร่างไพรทั่มทันที
ดาบสีนิลถูกกระชากดึงกลับมาอย่างรวดเร็ว เพื่อตั้งรับดาบของคู่ต่อสู้อีกสองตนที่วิ่งเข้ามาจู่โจมใส่เขา เคียลูสใช้เท้าถีบไพรทั่มตนหนึ่งกระเด็นออกไป ทั้งที่มือยังกุมดาบต้านรับจากไพรทั่มอีกตน ไพรทั่มที่โดนถีบกระเสื-อ-กกระสนลุกขึ้นอย่างรวดเร็วหมายจะฆ่าอีกฝ่าย มันชี้ปลายหอมแหลมคมพุ่งตรงใส่เคียลูส แต่ยังไม่ทันจะออกตัววิ่ง ก็โดนมีดสั้นของเรน เสียบทะลุคอหอยส่งมันกลับขุมนรกได้อย่างง่ายดาย
ฟากเรนกับเฟรส วิ่งเข้าไปปกป้องชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่ถูกไพรทั่มกลุ่มใหญ่วิ่งไล่ฆ่าฟัน ทั้งสองกระโดดเข้ามาขว้างทางเจ้าผีร้ายเอาไว้ก่อนจะโรมรันกระหน่ำฟาดฟันอาวุธเข้าใส่กัน เรนมิเพียงแต่มีความว่องไวในการเคลื่อนไหวร่างกาย สามารถหลบหลีกคู่ต่อสู้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ และความว่องไวในการปามีดสั้นของเขาก็เกินใครจะเทียบเท่า แม้มือจะกุมดาบต่อสู้ แต่ยังสามารถปามีดสั้นสังหารไพรทั่มที่อยู่ยังอีกทิศทางหนึ่งโดยไม่ต้องหันไปดู เขาใช้เพียงประสาทสัมผัสหู กำหนดทิศทางสังหารก่อนจะเล็งอาวุธพิฆาตได้ทันที
กระบี่คู่ของเฟรสกวาดตวัดฟาดใส่ศัตรูอย่างดุเดือด และรวดเร็ว กระบวกท่ากระบี่คู่ของเขาคล้ายกับกลายเป็นส่วนหนึ่งของธาตุอากาศ ศัตรูไม่สามรถจับทิศทางการเคลื่อนไหวของกระบี่คู่ได้ รู้ตัวอีกทีก็เมื่อสังเวยเลือดแก่กระบี่คู่นี้เสียแล้ว
ด้านหลังของหมู่บ้านถูกไพรทั่มยึดครองพื้นที่เกือบทั้งหมด กองกำลังของเจ้าหญิงทอรีเนียจึงค่อยๆถอยร่นเข้ามา เจ้าหญิงทอรีเนียไม่เพียงแต่ใช้พลังเวทของตนสกัดกั้นพวกไพรทั่มเอาไว้ พระองค์ยังต้องคอยคุมกันภัยให้กับพวกชาวบ้านที่ต่างวิ่งแตกตื่นหนีเอาชีวิตรอด แตกกระจายไปทั่วทุกสารทิศ พระองค์ใช้พลังเวทมากเกินไปตัวพระองค์เองก็เกือบจะหมดแรงไปเช่นกัน
“ท่านคูไซคุ้มครองเจ้าหญิง” นอสตะโกนบอกเพื่อนที่อยู่ใกล้เจ้าหญิงทอรีเนียที่สุด เมื่อเขามองเห็นการเคลื่อนตัวของไพรทั่มสามตนซึ่งวิ่งถือหอกยาวพุ่งใส่เจ้าหญิงทอรีเนีย
คูไซกระโดดลอยตัวขึ้นสูงหมายจะใช้ดาบสั้นอันเล็กปลิดชีพคู่ต่อสู้ แต่ไพรทั่มตนนี้มันรู้ทิศทางของอาวุธมันกระโดดหลบหนีได้ทัน ก่อนจะหันหอกยาวปลายหอกแหลมคมเสียบแทงขึ้นบนอากาศ ณ จุดที่เทพจิ๋วทิ้งตัวลงมา หอกแหลมคมเจาะทะลุร่างเล็กกระจิริดของเทพจิ๋ว เลือดสีแดงไหลรินอาบด้ามหอบ ไพรทั่มตนนั้นโห่ร้องลั่นด้วยความพอใจในผลงานของตน
เหล่าเทพจิ๋วเมื่อเห็นเพื่อนถูกสังหารต่างพากันส่งเสียงแผดร้องเรียกชื่อผู้ตาย ร่างกายของเหล่าเทพจิ๋วสะทกสะท้านราวกับมีมีดมากรีดที่กลางดวงใจ พวกเขาพยายามจะเข้ามาให้ถึงตัวเพื่อน แต่ก็ถูกไพรทั่วอีกหลายตนเข้ามาขวางทางไว้
“หึ หึ” ไพรทั่มที่สังหารคูไซ ส่งเสียงหัวเราะเยาะพวกเขา ในมือยังถือหอกที่เสียบร่างเทพจิ๋วเอาไว้ มันจับด้ามหอกหมุนไปมาอย่างสนุกสนาน
เจ้าหญิงทอรีเนียเมื่อเห็นทหารของพระองค์ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม พระองค์ทรงกรีดร้องลั่น น้ำตาไหลรินอาบแก้มทั้งสอง ร่างกายสั่นสะท้านอย่างเจ็บปวดทรมานราวกับเป็นคนที่ถูกคมหอกนั้นทิ่มแทงเสียเอง มือที่ทรงกุมคฑาอยู่นั้นสั่นระริกด้วยความโกรธแค้น แววตาพลันฉายแววเหี้ยมโหดขึ้นมา
แสงสีเขียวมรกตเปล่งประกายเข้มอยู่ปลายคฑา พระองค์ชูคฑาขึ้นฟ้าเกิดเป็นสายฟ้าสีเขียวส่องสะท้อนกลับลงมาจากเบื้องบนเข้าบรรจบกับปลายคฑา พระองค์กวาดคฑาฟาดใส่ร่างไพรทั่มที่ฆ่าคูไซเต็มกำลัง ร่างของไพรทั่มตนนั้นพลันระเบิดแตกละเอียดกลายเป็นเศษผงธุลี
จากการทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อฆ่าไพรทั่มตนนั้น ก็ทำให้เจ้าหญิงทอรีเนียถึงกับต้องนั่งคุกเข่าลงที่พื้นมือทั้งสอง จับคฑาเอาไว้เพื่อพยุงกายไม่ให้ล้มลง น้ำตาของพระองค์ยังคงหลั่งริน ความเจ็บปวดแทรกซึมเข้าไปในหัวใจของพระองค์อย่างสุดจะห้ามได้
ไพรทั่มตนหนึ่งย่องมาข้างหลังหมายจะสังหารเจ้าหญิงทอรีเนีย แต่โดนอาวุธพระจันทร์เสี้ยวบั่นหัวขาดเสียก่อน แอนนา อันดา และมารดา ต่างวิ่งมาดูเจ้าหญิงที่ยังคงนั่งก้มหน้ามองพื้น
“เจ้าหญิงทอรีเนียเพคะ” แอนนาแตะที่ไหล่เจ้าหญิงทอรีเนียเบาๆ
“ข้าไม่เป็นไร” เจ้าหญิงทอรีเนียตอบกลับน้ำเสียงราบเรียบ
“อันดา เจ้าอยู่กับท่านแม่ ดูแลเจ้าหญิงด้วย” แอนนาหันไปบอกน้องสาว ก่อนที่ตนจะวิ่งไปช่วยยาเอิ้ง กับ มักเวย์ ที่โดนไพรทั่มสี่ตนกระหน่ำโจมตี
เสียงการต่อสู้ดังสะท้อนก้องไปทั่วผืนป่า แสงไฟจากเปลวเพลิงยังลุกโชติช่วงเผาหมู่บ้านเล็กๆให้ลุกไหม้ไปพร้อมกับไฟสงครามซึ่งเผาทำลายทุกสรรพสิ่งให้ดับสิ้นลงอย่างไร้ความปรานี