ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/34280583
ตอนที่ 2
http://ppantip.com/topic/34285085
ตอนที่ 3
http://ppantip.com/topic/34290054
ตอนที่ 4
http://ppantip.com/topic/34294223
อากาศสดใสท้องฟ้าโปร่ง ตลาดบ้านท่าจีนเนืองแน่นไปด้วยผู้คน เนื่องจากเรือสำเภาจีนเพิ่งเข้ามาเทียบท่ามีสินค้าใหม่มาลงเป็นจำนวนมาก ทำให้พ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายหลั่งไหลเข้ามาจับจ่ายซื้อของไปขาย พร้อมออกจากบ้านแต่เช้ามืดเพื่อมาเตรียมรับของที่สั่งไว้จากเมืองจีน เครื่องกระเบื้องถ้วยโถโอชามลวดลายสวยงามถูกลำเลียงลงจากเรือ ถัดมาด้านข้างเป็น
1ผ้าม่วงที่สั่งทำมาจากเมืองจีน ใช้เป็นผ้าสำหรับเจ้านาย และข้าราชการนุ่งห่มเป็นยศแทนสมปักอย่างเดิม ใช้นุ่งเวลาเข้าเฝ้า เวลาออกแขกเมืองใหญ่ หรือมีงานใหญ่ที่ต้องแต่งเต็มยศ ผ้าม่วงที่สั่งจากประเทศจีนเข้ามาใช้นั้นเป็นชื่อเมืองที่ผลิต มิได้หมายถึงสีของผ้าแต่อย่างใด เพราะนอกจากสีน้ำเงินแล้ว ยังมีสีเหลือง สีแดง อีกด้วย
ชายหนุ่มเข้าตรวจนับสินค้า แล้วจึงสั่งให้บ่าวไพร่ขนใส่เกวียนลากไปเก็บที่ร้าน ในขณะที่กำลังง่วนอยู่กับการตรวจนับสินค้า เสียงทักทายก็ดังขึ้น "เป็นอย่างไรบ้างพ่อพร้อม" ชายวัยกลางคนผู้เปรียบดั่งญาติสนิทกล่าวทักทาย
พร้อมหันหลังกลับเมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยจึงพนมมือไหว้แล้วกล่าว"ของที่สั่งไว้เที่ยวนี้มากโข สินค้าที่ได้ก็ฝีมือละเอียดงามนัก ว่าแต่คุณน้ามารับสินค้าเช่นกันหรือจ๊ะ" บ่าวขนหีบที่ตรวจนับแล้วหลายใบขึ้นเกวียน
นายทองยิ้มตอบด้วยสินค้าที่ส่งไปขายที่จีนได้กำไรดีนัก ทั้งข้าวสาร อาหารแห้ง และเกลือ จึงมีเงินมากพอที่จะหาซื้อสินค้าใหม่ๆ อาทิเช่นผ้าแพรพรรณลวดลายสวยงาม ที่มากับสำเภาจีน แล้วส่งไปขายยังหัวเมืองใกล้เคียง "น้าว่าจะมาหาซื้อของไปขายยังหัวเมืองอื่นหน่ะพ่อพร้อม"
ทั้งสองพูดคุยกันได้สักพัก สาวน้อยหน้าแฉล้มก็โผล่มาด้านหลังทำให้พร้อมตกใจ "ขวัญอ่อนจริงพี่พร้อม คิๆๆ" เฟื่องหัวเราะคิกคักมือยังคงจับอยู่ที่ชายเสื้อของชายหนุ่ม
"แม่เฟื่องนี่เอง ลมกระไรหอบมาหล่ะ"
พร้อมปรายตามองมือเรียวเล็กที่ดึงชายเสื้อไว้ ทำให้กระแสความอบอุ่นส่งผ่านจากเนื้อผ้ามายังหัวใจที่เต้นตุบๆ รู้สึกชุ่มชื่น หญิงอื่นที่ผ่านเข้ามาในชีวิตยังไม่มีใครพึงใจสักคน หากแต่สาวน้อยตรงหน้าผู้ที่คลุกคลีกันมานานเริ่มเติบใหญ่ ผิวพรรณนวลผ่อง หน้าตาจิ้มลิ้มหมดจด กลับเข้ามาจับจองพื้นที่หัวใจตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ เพลานี้ดรุณีน้อยใกล้ย่าง 15 แล้ว สรีระร่างกายอรชรอ้อนแอ้นเกินหญิงวัยเดียวกัน แต่กริยามารยาทยังคงความเดียงสาไม่มีจริตจะก้านดังเดิม
"เฟื่องตามมาช่วยงานคุณพ่อจ๊ะ เผื่อมีกระไรจะใช้สอย"
"จะมีกระไร ตามมาเที่ยวเล่นหล่ะไม่ว่า อย่าเอาพ่อมาอ้างเลย เจ้ามันซุกซนไม่รู้จักโตเสียที แม่เจ้าก็บ่นจนพ่อขี้เกียจจะฟัง" ผู้เป็นพ่อเสมองลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนด้วยความเอ็นดู แม้แม่จวงจะบ่นว่ากล่าวเรื่องความเป็นหญิงของผู้เป็นลูกสาว แต่ตัวเขาเองกลับคิดตรงกันข้าม นายทองยังไม่อยากให้เฟื่องรีบโตเป็นสาวแล้วออกเรือน อยากเลี้ยงเป็นลูกเล็กๆ ซุกซนไปมามากกว่า
"แหม! คุณพ่อรู้ใจลูกจริง หากลูกขอออกมาเที่ยว แม่คงไม่ให้มา" เฟื่องทำหน้ามุ่ยเมื่อคิดถึงมารดา
"พี่ทำงานจวนจะเสร็จแล้ว ประเดี๋ยวพี่จะพาเจ้าไปเอง คุณน้าจะได้ไม่เป็นห่วง" พร้อมหันมองนายทองเพื่อเป็นการขอนุญาต
"ไปเถิดพ่อ น้าฝากดูแม่เฟื่องด้วย อย่าให้ไปเกะกะระรานใคร" ผู้เป็นพ่อส่งสายตาไปยังลูกสาวเพื่อเป็นเชิงห้ามปรามด้วยรู้นิสัยใจคอ เมื่อพ่อพร้อมอาสาเขาจึงเบาใจ เพราะงานที่ต้องสะสางมีมากนัก ไม่มีเวลาที่จะตามไปควบคุมเจ้าตัวดี
เฟื่องได้ยินดังนั้นจึงทำหน้าตากระเหง้ากระงอดงอนผู้เป็นพ่อ ที่คิดว่าหล่อนเป็นเด็กที่ไม่รู้จักโตเสียที "ฉันโตแล้วหนา ไม่ใช่เด็กจะได้ไปเกะกะระรานใคร"
"เสร็จหรือยังพี่เพิ่ม ไปกันเถอะ" เฟื่องกระตุกแขนชายหนุ่มแล้วสะบัดหน้าเดินจากไป
ผู้เป็นพ่อส่ายหัวระอาใจ ส่วนชายหนุ่มปรายตามองตามหญิงสาวแล้วสั่งงานบ่าวไพร่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบเดินตามแม่เฟื่องไป "แม่เฟื่องรอพี่ก่อน แสนงอนจริงเชียว" พร้อมอมยิ้มด้วยความเอ็นดู
"ฉันไม่ได้งอน ทำไมทุกคนชอบบอกว่าฉันเป็นเด็กอยู่เรื่อย เฟื่องโตแล้วหนา แต่โตแล้วก็ไม่เห็นจะมีกระไรดีเลย เป็นเด็กอย่างเดิมก็ดีเหมือนกัน สนุกกว่าตั้งเยอะ"
"อ้าว! แม่เฟื่องพูดกระไรเยี่ยงนั้น คนเราก็ต้องโตไปตามวัยเป็นธรรมดา เป็นเด็กเจ้าก็ทำอย่างผู้ใหญ่ไม่ได้ เป็นผู้ใหญ่เจ้าก็ทำกระไรได้ตั้งมาก อย่าเพิ่งคิดอคติไป" พร้อมเป่าลมออกจากปากทอดถอนใจ หากหล่อนไม่อยากโตเป็นสาวเขาคงต้องรอไปอีกนาน
ทั้งสองคนเดินเล่นชมตลาดโดยรอบ สินค้านานาชนิดมีให้เลือกมากมาย ความสดใสร่าเริงของสาวน้อย ทำให้หัวใจของชายหนุ่มพองโต หน้าตาหมดจดนวลผ่อง ยามแย้มยิ้มแก้มเปล่งเปล่งมีเลือดฝาดงามจับตา สายตาที่จับจ้องอยู่ทำให้เฟื่องหันมองมา "มีกระไรติดหน้าฉันรึ" หล่อนยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตา
"มีเศษเขม่าติดอยู่ที่แก้มเจ้า" พร้อมรู้สึกเก้อเขินจึงโกหกออกไป
หญิงสาวหันหน้าประสานสายตากับชายหนุ่มแล้วกล่าว "ออกหรือยังพี่เพิ่ม" หน้าที่ใกล้กันทำให้พร้อมจ้องมองอย่างไม่ละสายตา ดวงตากลมโต ผิวเนียนละเอียด จมูกที่เชิดรั้นทำให้หัวใจหวั่นไหว
"ยังไม่ออก" เสียงตอบแผ่วเบาดั่งเคลิ้มอยู่ในฝัน พร้อมใช้ปลายนิ้วสัมผัสที่แก้มนวลลูบไล้ไปมาแผ่วเบา ก่อนจะได้สติแล้วกล่าวว่า "ออกหมดแล้ว" เขาผละแล้วเดินจากไปด้วยความอิ่มเอมใจ
2ไม่เมาหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน
ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน
อากาศที่ร้อนอบอ้าวในช่วงกลางวันทำให้เหนียวเหนอะหนะไม่สบายตัว ชายหนุ่มชำระล้างร่างกายแล้วจึงนั่งเอกเขนกอยู่ที่ท่าน้ำ สายน้ำที่ไหวเป็นละลอกน้อยๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เพิ่มหย่อนขาลงทอดสายตามองดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่สาดแสงสีส้มตัดกับท้องฟ้าสีครามสวยงาม หน้าที่แหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าไม่ได้สังเกตุเห็นแผ่นน้ำเบื้องล่างที่มีละลอกคลื่นเคลื่อนตัวเข้ามา เพียงครู่เดียวเขาถูกแรงดึงจากเบื้องล่างให้ร่วงหล่นลงไปสู่สายน้ำ
เพิ่มดำดิ่งลึกแหวกว่ายอยู่ในน้ำ เห็นเพียงเงาเลือนลางไหวๆ ด้วยความเดือดดาลจึงว่ายปรี่เข้าไปหมายจับตัวการ ที่เป็นสาเหตุให้เขาต้องตกน้ำตกท่าเปียกปอนเช่นนี้ เงาทะมึนแหวกว่ายหนีการไล่ล่า ชายหนุ่มว่ายตามไม่ลดละ ด้วยพละกำลังและความเร็วที่เหนือกว่า ชั่วเวลาเพียงไม่นานเขาก็จับตัวการได้ในสุด เมื่อฉุดกระชากลากผู้ลอบทำร้ายขึ้นมาบนผิวน้ำ คิ้วก็ขมวดมุ่นเป็นปมยุ่งเหยิง สาวน้อยหน้าตาหมดจดสำลักน้ำจากการต่อสู้ อ้อมแขนที่โอบรัดทำให้สัมผัสเนื้อแนบเนื้อที่มีเพียงผ้าบางๆ กางกั้น ชายหนุ่มถอนหายใจลึกแล้วสะบัดความรู้สึกบางอย่างออกไป เขาฉุดดึงร่างหญิงสาวขึ้นไปที่ท่าน้ำ
"เล่นอะไรพิเรนทร์ ทำไมถึงซุกซนเช่นนี้ห่ะแม่เฟื่อง" คำกล่าวตำหนิด้วยน้ำเสียงดุดันทำให้หญิงสาวหน้ามุ่ย
"เฟื่องขอโทษ แค่อยากจะแกล้งพี่เพิ่มเล่นเท่านั้นเอง ไม่คิดว่าจะโกรธเสียยกใหญ่"
เพิ่มพึ่งสังเกตุเห็นหญิงสาวสวมใส่เสื้อผ้าผู้ชาย ชุดที่เขาเคยเข้าใจผิดคิดว่าหล่อนเป็นหนุ่มน้อยมาก่อน เสื้อที่เปียกน้ำทำให้ผ้าแนบกับลำตัวเผยให้เห็นสัดส่วนที่บ่งบอกถึงความเป็นสาวเต็มตัว ชายหนุ่มพยายามละสายตาแล้วถอดเสื้อยื่นส่งให้หญิงสาวตรงหน้า
"เอาไปสวมทับเสีย แล้วเจ้าสวมชุดกระไรนี่" เพิ่มผ่อนลมออกจากปากด้วยความโล่งอกที่หญิงสาวสวมเสื้อทับปิดบังสัดส่วน
หญิงสาวรับเสื้อมาสวมทับด้วยรู้สึกถึงความหนาวเมื่อสายลมพัดโชยมา "ก็แม่หยุดหน่ะซิ บ่นนู่นบ่นนี่จนรำคาญไปหมด เฟื่องแค่อยากว่ายน้ำเล่น นู่นก็ไม่เหมาะ นี่ก็ไม่ควร กลัวใครจะแอบมอง ฉันเลยใส่ชุดคลุมตั้งแต่คอลงไปจะได้ไม่ต้องสนใจว่ามีใครจะมอง ฉันแหวกว่ายอยู่แถวนี้เห็นพี่เพิ่มนั่งเหม่ออยู่ที่ท่าน้ำ จึงคิดจะเหย้าเล่น ไม่ได้ตั้งใจให้โกรธเลยหนา" เสียงบ่นพรั่งพรูออกมาจากปากไม่ขาดสาย
"ที่แม่หยุดพูดก็ถูกแล้ว เจ้าโตเป็นสาวแล้วหนา ไม่ใช่เด็กเหมือนแต่ก่อน ทำอะไรต้องหัดระมัดระวังตัวบ้าง แล้วห้ามเล่นพิเรนทร์เยี่ยงนี้กับผู้อื่นอีก"
"ไม่เล่นกับผู้อื่น แล้วเล่นกับพี่เพิ่มได้หรือไม่?"
"เล่นกับใครก็ไม่ได้ทั้งนั้น" น้ำเสียงแข็งกร้าว
ชายหนุ่มสกัดกั้นอารมณ์ด้วยความยากเย็น ด้วยเวลานี้ทั้งคู่หาใช่เด็กน้อยอีกต่อไป หากมีเหตุการณ์ดังเช่นเมื่อกี้ตัวเขาเองไม่แน่ใจว่าจะควบคุมมันได้หรือไม่ จึงสั่งห้ามหญิงสาวโดยเด็ดขาดห้ามเล่นแบบนี้กับผู้ใดอีก
"พี่เพิ่มจะอยู่อีกนานหรือไม่" เฟื่องปรายตามอง เมื่อเพิ่มหันมาหญิงสาวจึงผลุบตาลง
"ก็จนกว่าคุณลุงท่านจะเรียกตัว" เพิ่มทอดสายตามองสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆ พยายามเลี่ยงสายตาต่อภาพเบื้องหน้า
"แล้วครานี้จะบอกกล่าวกันก่อนหรือไม่" น้ำเสียงแฝงไปด้วยความน้อยอกน้อยใจเมื่อคิดถึงความหลังที่เคยไกลห่าง
เพิ่มเอื้อมมือลูบหัวเบาๆ ด้วยความเอ็นดูแล้วกล่าว "จากไปครานี้พี่สัญญาว่าจะมาลาเจ้าก่อน พอใจหรือไม่แม่เฟื่อง" มือที่สัมผัสและรอยยิ้มที่ส่งมาทำให้หญิงสาวใจเต้นรัว
เฟื่องยิ้มตอบรู้สึกหน้าร้อนผ่าว แล้วคิดสงสัยว่าท่าทางตนเองจะจับไข้เสียแล้ว สักพักเสียงเรียกจากแม่หยุดผู้เป็นพี่เลี้ยงตะโกนมาด้วยความเป็นห่วง หญิงสาวหันมากล่าว "เฟื่องไปก่อนหล่ะ แม่หยุดตะโกนเรียกแล้ว "แล้วถอดเสื้อคืนก่อนที่จะว่ายน้ำกลับไปทางเดิม
ดวงจันทร์กลมโตสุกสกาวอยู่บนท้องนภา ล้อมด้วยหมู่ดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า เป็นภาพที่สวยงามจับตายิ่งนัก ชายหนุ่มนอนทอดหุ่ยอยู่บนเตียง สายตาจ้องมองดวงจันทร์นอกหน้าต่าง อากาศที่พัดผ่านยามค่ำคืนเย็นสบาย แต่หัวใจของเขากลับร้อนรุ่มไปด้วยภาพสาวน้อยที่ยังคงติดตา ความใกล้ชิดสนิทสนมแต่เด็กทำให้เขารักและเอ็นดูหล่อนดั่งน้องสาว ครั้นชายหนุ่มต้องติดตามผู้เป็นลุง ความห่างไกลทำให้ทั้งคู่ห่างเหินกันไป เมื่อกลับมาพบกันอีกครั้งเด็กน้อยก็เติบโตเป็นสาวเสียแล้ว
ตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่มเพิ่มไม่เคยใกล้ชิดแนบสนิทกับหญิงสาวคนใดเท่านี้มาก่อน ความรู้สึกแปลกๆ เริ่มก่อตัว ทำให้ชายหนุ่มนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง คิดวนไปเวียนมาถึงเหตุการณ์เมื่อเย็น เขาข่มใจอยู่นานจนกระทั่งผลอยหลับไปในที่สุด
3จะหักอื่น ขืนหัก ก็จักได้
หักอาลัย นี้ไม่หลุด สุดจะหัก
สารพัด ตัดขาด ประหลาดนัก
แต่ตัดรัก นี้ไม่ขาด ประหลาดใจ
อ้างอิง
1 ผ้าม่วง
http://kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book.php?book=15&chap=5&page=t15-5-infodetail05.html
2 กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "นิราศภูเขาทอง"
3 กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "นิราศอิเหนา"
จอมใจจอมขวัญ(พีเรียด) ตอนที่ 5
ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/34280583
ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/34285085
ตอนที่ 3 http://ppantip.com/topic/34290054
ตอนที่ 4 http://ppantip.com/topic/34294223
อากาศสดใสท้องฟ้าโปร่ง ตลาดบ้านท่าจีนเนืองแน่นไปด้วยผู้คน เนื่องจากเรือสำเภาจีนเพิ่งเข้ามาเทียบท่ามีสินค้าใหม่มาลงเป็นจำนวนมาก ทำให้พ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายหลั่งไหลเข้ามาจับจ่ายซื้อของไปขาย พร้อมออกจากบ้านแต่เช้ามืดเพื่อมาเตรียมรับของที่สั่งไว้จากเมืองจีน เครื่องกระเบื้องถ้วยโถโอชามลวดลายสวยงามถูกลำเลียงลงจากเรือ ถัดมาด้านข้างเป็น1ผ้าม่วงที่สั่งทำมาจากเมืองจีน ใช้เป็นผ้าสำหรับเจ้านาย และข้าราชการนุ่งห่มเป็นยศแทนสมปักอย่างเดิม ใช้นุ่งเวลาเข้าเฝ้า เวลาออกแขกเมืองใหญ่ หรือมีงานใหญ่ที่ต้องแต่งเต็มยศ ผ้าม่วงที่สั่งจากประเทศจีนเข้ามาใช้นั้นเป็นชื่อเมืองที่ผลิต มิได้หมายถึงสีของผ้าแต่อย่างใด เพราะนอกจากสีน้ำเงินแล้ว ยังมีสีเหลือง สีแดง อีกด้วย
ชายหนุ่มเข้าตรวจนับสินค้า แล้วจึงสั่งให้บ่าวไพร่ขนใส่เกวียนลากไปเก็บที่ร้าน ในขณะที่กำลังง่วนอยู่กับการตรวจนับสินค้า เสียงทักทายก็ดังขึ้น "เป็นอย่างไรบ้างพ่อพร้อม" ชายวัยกลางคนผู้เปรียบดั่งญาติสนิทกล่าวทักทาย
พร้อมหันหลังกลับเมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยจึงพนมมือไหว้แล้วกล่าว"ของที่สั่งไว้เที่ยวนี้มากโข สินค้าที่ได้ก็ฝีมือละเอียดงามนัก ว่าแต่คุณน้ามารับสินค้าเช่นกันหรือจ๊ะ" บ่าวขนหีบที่ตรวจนับแล้วหลายใบขึ้นเกวียน
นายทองยิ้มตอบด้วยสินค้าที่ส่งไปขายที่จีนได้กำไรดีนัก ทั้งข้าวสาร อาหารแห้ง และเกลือ จึงมีเงินมากพอที่จะหาซื้อสินค้าใหม่ๆ อาทิเช่นผ้าแพรพรรณลวดลายสวยงาม ที่มากับสำเภาจีน แล้วส่งไปขายยังหัวเมืองใกล้เคียง "น้าว่าจะมาหาซื้อของไปขายยังหัวเมืองอื่นหน่ะพ่อพร้อม"
ทั้งสองพูดคุยกันได้สักพัก สาวน้อยหน้าแฉล้มก็โผล่มาด้านหลังทำให้พร้อมตกใจ "ขวัญอ่อนจริงพี่พร้อม คิๆๆ" เฟื่องหัวเราะคิกคักมือยังคงจับอยู่ที่ชายเสื้อของชายหนุ่ม
"แม่เฟื่องนี่เอง ลมกระไรหอบมาหล่ะ"
พร้อมปรายตามองมือเรียวเล็กที่ดึงชายเสื้อไว้ ทำให้กระแสความอบอุ่นส่งผ่านจากเนื้อผ้ามายังหัวใจที่เต้นตุบๆ รู้สึกชุ่มชื่น หญิงอื่นที่ผ่านเข้ามาในชีวิตยังไม่มีใครพึงใจสักคน หากแต่สาวน้อยตรงหน้าผู้ที่คลุกคลีกันมานานเริ่มเติบใหญ่ ผิวพรรณนวลผ่อง หน้าตาจิ้มลิ้มหมดจด กลับเข้ามาจับจองพื้นที่หัวใจตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ เพลานี้ดรุณีน้อยใกล้ย่าง 15 แล้ว สรีระร่างกายอรชรอ้อนแอ้นเกินหญิงวัยเดียวกัน แต่กริยามารยาทยังคงความเดียงสาไม่มีจริตจะก้านดังเดิม
"เฟื่องตามมาช่วยงานคุณพ่อจ๊ะ เผื่อมีกระไรจะใช้สอย"
"จะมีกระไร ตามมาเที่ยวเล่นหล่ะไม่ว่า อย่าเอาพ่อมาอ้างเลย เจ้ามันซุกซนไม่รู้จักโตเสียที แม่เจ้าก็บ่นจนพ่อขี้เกียจจะฟัง" ผู้เป็นพ่อเสมองลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนด้วยความเอ็นดู แม้แม่จวงจะบ่นว่ากล่าวเรื่องความเป็นหญิงของผู้เป็นลูกสาว แต่ตัวเขาเองกลับคิดตรงกันข้าม นายทองยังไม่อยากให้เฟื่องรีบโตเป็นสาวแล้วออกเรือน อยากเลี้ยงเป็นลูกเล็กๆ ซุกซนไปมามากกว่า
"แหม! คุณพ่อรู้ใจลูกจริง หากลูกขอออกมาเที่ยว แม่คงไม่ให้มา" เฟื่องทำหน้ามุ่ยเมื่อคิดถึงมารดา
"พี่ทำงานจวนจะเสร็จแล้ว ประเดี๋ยวพี่จะพาเจ้าไปเอง คุณน้าจะได้ไม่เป็นห่วง" พร้อมหันมองนายทองเพื่อเป็นการขอนุญาต
"ไปเถิดพ่อ น้าฝากดูแม่เฟื่องด้วย อย่าให้ไปเกะกะระรานใคร" ผู้เป็นพ่อส่งสายตาไปยังลูกสาวเพื่อเป็นเชิงห้ามปรามด้วยรู้นิสัยใจคอ เมื่อพ่อพร้อมอาสาเขาจึงเบาใจ เพราะงานที่ต้องสะสางมีมากนัก ไม่มีเวลาที่จะตามไปควบคุมเจ้าตัวดี
เฟื่องได้ยินดังนั้นจึงทำหน้าตากระเหง้ากระงอดงอนผู้เป็นพ่อ ที่คิดว่าหล่อนเป็นเด็กที่ไม่รู้จักโตเสียที "ฉันโตแล้วหนา ไม่ใช่เด็กจะได้ไปเกะกะระรานใคร"
"เสร็จหรือยังพี่เพิ่ม ไปกันเถอะ" เฟื่องกระตุกแขนชายหนุ่มแล้วสะบัดหน้าเดินจากไป
ผู้เป็นพ่อส่ายหัวระอาใจ ส่วนชายหนุ่มปรายตามองตามหญิงสาวแล้วสั่งงานบ่าวไพร่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบเดินตามแม่เฟื่องไป "แม่เฟื่องรอพี่ก่อน แสนงอนจริงเชียว" พร้อมอมยิ้มด้วยความเอ็นดู
"ฉันไม่ได้งอน ทำไมทุกคนชอบบอกว่าฉันเป็นเด็กอยู่เรื่อย เฟื่องโตแล้วหนา แต่โตแล้วก็ไม่เห็นจะมีกระไรดีเลย เป็นเด็กอย่างเดิมก็ดีเหมือนกัน สนุกกว่าตั้งเยอะ"
"อ้าว! แม่เฟื่องพูดกระไรเยี่ยงนั้น คนเราก็ต้องโตไปตามวัยเป็นธรรมดา เป็นเด็กเจ้าก็ทำอย่างผู้ใหญ่ไม่ได้ เป็นผู้ใหญ่เจ้าก็ทำกระไรได้ตั้งมาก อย่าเพิ่งคิดอคติไป" พร้อมเป่าลมออกจากปากทอดถอนใจ หากหล่อนไม่อยากโตเป็นสาวเขาคงต้องรอไปอีกนาน
ทั้งสองคนเดินเล่นชมตลาดโดยรอบ สินค้านานาชนิดมีให้เลือกมากมาย ความสดใสร่าเริงของสาวน้อย ทำให้หัวใจของชายหนุ่มพองโต หน้าตาหมดจดนวลผ่อง ยามแย้มยิ้มแก้มเปล่งเปล่งมีเลือดฝาดงามจับตา สายตาที่จับจ้องอยู่ทำให้เฟื่องหันมองมา "มีกระไรติดหน้าฉันรึ" หล่อนยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตา
"มีเศษเขม่าติดอยู่ที่แก้มเจ้า" พร้อมรู้สึกเก้อเขินจึงโกหกออกไป
หญิงสาวหันหน้าประสานสายตากับชายหนุ่มแล้วกล่าว "ออกหรือยังพี่เพิ่ม" หน้าที่ใกล้กันทำให้พร้อมจ้องมองอย่างไม่ละสายตา ดวงตากลมโต ผิวเนียนละเอียด จมูกที่เชิดรั้นทำให้หัวใจหวั่นไหว
"ยังไม่ออก" เสียงตอบแผ่วเบาดั่งเคลิ้มอยู่ในฝัน พร้อมใช้ปลายนิ้วสัมผัสที่แก้มนวลลูบไล้ไปมาแผ่วเบา ก่อนจะได้สติแล้วกล่าวว่า "ออกหมดแล้ว" เขาผละแล้วเดินจากไปด้วยความอิ่มเอมใจ
ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน
อากาศที่ร้อนอบอ้าวในช่วงกลางวันทำให้เหนียวเหนอะหนะไม่สบายตัว ชายหนุ่มชำระล้างร่างกายแล้วจึงนั่งเอกเขนกอยู่ที่ท่าน้ำ สายน้ำที่ไหวเป็นละลอกน้อยๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เพิ่มหย่อนขาลงทอดสายตามองดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่สาดแสงสีส้มตัดกับท้องฟ้าสีครามสวยงาม หน้าที่แหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าไม่ได้สังเกตุเห็นแผ่นน้ำเบื้องล่างที่มีละลอกคลื่นเคลื่อนตัวเข้ามา เพียงครู่เดียวเขาถูกแรงดึงจากเบื้องล่างให้ร่วงหล่นลงไปสู่สายน้ำ
เพิ่มดำดิ่งลึกแหวกว่ายอยู่ในน้ำ เห็นเพียงเงาเลือนลางไหวๆ ด้วยความเดือดดาลจึงว่ายปรี่เข้าไปหมายจับตัวการ ที่เป็นสาเหตุให้เขาต้องตกน้ำตกท่าเปียกปอนเช่นนี้ เงาทะมึนแหวกว่ายหนีการไล่ล่า ชายหนุ่มว่ายตามไม่ลดละ ด้วยพละกำลังและความเร็วที่เหนือกว่า ชั่วเวลาเพียงไม่นานเขาก็จับตัวการได้ในสุด เมื่อฉุดกระชากลากผู้ลอบทำร้ายขึ้นมาบนผิวน้ำ คิ้วก็ขมวดมุ่นเป็นปมยุ่งเหยิง สาวน้อยหน้าตาหมดจดสำลักน้ำจากการต่อสู้ อ้อมแขนที่โอบรัดทำให้สัมผัสเนื้อแนบเนื้อที่มีเพียงผ้าบางๆ กางกั้น ชายหนุ่มถอนหายใจลึกแล้วสะบัดความรู้สึกบางอย่างออกไป เขาฉุดดึงร่างหญิงสาวขึ้นไปที่ท่าน้ำ
"เล่นอะไรพิเรนทร์ ทำไมถึงซุกซนเช่นนี้ห่ะแม่เฟื่อง" คำกล่าวตำหนิด้วยน้ำเสียงดุดันทำให้หญิงสาวหน้ามุ่ย
"เฟื่องขอโทษ แค่อยากจะแกล้งพี่เพิ่มเล่นเท่านั้นเอง ไม่คิดว่าจะโกรธเสียยกใหญ่"
เพิ่มพึ่งสังเกตุเห็นหญิงสาวสวมใส่เสื้อผ้าผู้ชาย ชุดที่เขาเคยเข้าใจผิดคิดว่าหล่อนเป็นหนุ่มน้อยมาก่อน เสื้อที่เปียกน้ำทำให้ผ้าแนบกับลำตัวเผยให้เห็นสัดส่วนที่บ่งบอกถึงความเป็นสาวเต็มตัว ชายหนุ่มพยายามละสายตาแล้วถอดเสื้อยื่นส่งให้หญิงสาวตรงหน้า
"เอาไปสวมทับเสีย แล้วเจ้าสวมชุดกระไรนี่" เพิ่มผ่อนลมออกจากปากด้วยความโล่งอกที่หญิงสาวสวมเสื้อทับปิดบังสัดส่วน
หญิงสาวรับเสื้อมาสวมทับด้วยรู้สึกถึงความหนาวเมื่อสายลมพัดโชยมา "ก็แม่หยุดหน่ะซิ บ่นนู่นบ่นนี่จนรำคาญไปหมด เฟื่องแค่อยากว่ายน้ำเล่น นู่นก็ไม่เหมาะ นี่ก็ไม่ควร กลัวใครจะแอบมอง ฉันเลยใส่ชุดคลุมตั้งแต่คอลงไปจะได้ไม่ต้องสนใจว่ามีใครจะมอง ฉันแหวกว่ายอยู่แถวนี้เห็นพี่เพิ่มนั่งเหม่ออยู่ที่ท่าน้ำ จึงคิดจะเหย้าเล่น ไม่ได้ตั้งใจให้โกรธเลยหนา" เสียงบ่นพรั่งพรูออกมาจากปากไม่ขาดสาย
"ที่แม่หยุดพูดก็ถูกแล้ว เจ้าโตเป็นสาวแล้วหนา ไม่ใช่เด็กเหมือนแต่ก่อน ทำอะไรต้องหัดระมัดระวังตัวบ้าง แล้วห้ามเล่นพิเรนทร์เยี่ยงนี้กับผู้อื่นอีก"
"ไม่เล่นกับผู้อื่น แล้วเล่นกับพี่เพิ่มได้หรือไม่?"
"เล่นกับใครก็ไม่ได้ทั้งนั้น" น้ำเสียงแข็งกร้าว
ชายหนุ่มสกัดกั้นอารมณ์ด้วยความยากเย็น ด้วยเวลานี้ทั้งคู่หาใช่เด็กน้อยอีกต่อไป หากมีเหตุการณ์ดังเช่นเมื่อกี้ตัวเขาเองไม่แน่ใจว่าจะควบคุมมันได้หรือไม่ จึงสั่งห้ามหญิงสาวโดยเด็ดขาดห้ามเล่นแบบนี้กับผู้ใดอีก
"พี่เพิ่มจะอยู่อีกนานหรือไม่" เฟื่องปรายตามอง เมื่อเพิ่มหันมาหญิงสาวจึงผลุบตาลง
"ก็จนกว่าคุณลุงท่านจะเรียกตัว" เพิ่มทอดสายตามองสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆ พยายามเลี่ยงสายตาต่อภาพเบื้องหน้า
"แล้วครานี้จะบอกกล่าวกันก่อนหรือไม่" น้ำเสียงแฝงไปด้วยความน้อยอกน้อยใจเมื่อคิดถึงความหลังที่เคยไกลห่าง
เพิ่มเอื้อมมือลูบหัวเบาๆ ด้วยความเอ็นดูแล้วกล่าว "จากไปครานี้พี่สัญญาว่าจะมาลาเจ้าก่อน พอใจหรือไม่แม่เฟื่อง" มือที่สัมผัสและรอยยิ้มที่ส่งมาทำให้หญิงสาวใจเต้นรัว
เฟื่องยิ้มตอบรู้สึกหน้าร้อนผ่าว แล้วคิดสงสัยว่าท่าทางตนเองจะจับไข้เสียแล้ว สักพักเสียงเรียกจากแม่หยุดผู้เป็นพี่เลี้ยงตะโกนมาด้วยความเป็นห่วง หญิงสาวหันมากล่าว "เฟื่องไปก่อนหล่ะ แม่หยุดตะโกนเรียกแล้ว "แล้วถอดเสื้อคืนก่อนที่จะว่ายน้ำกลับไปทางเดิม
ดวงจันทร์กลมโตสุกสกาวอยู่บนท้องนภา ล้อมด้วยหมู่ดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า เป็นภาพที่สวยงามจับตายิ่งนัก ชายหนุ่มนอนทอดหุ่ยอยู่บนเตียง สายตาจ้องมองดวงจันทร์นอกหน้าต่าง อากาศที่พัดผ่านยามค่ำคืนเย็นสบาย แต่หัวใจของเขากลับร้อนรุ่มไปด้วยภาพสาวน้อยที่ยังคงติดตา ความใกล้ชิดสนิทสนมแต่เด็กทำให้เขารักและเอ็นดูหล่อนดั่งน้องสาว ครั้นชายหนุ่มต้องติดตามผู้เป็นลุง ความห่างไกลทำให้ทั้งคู่ห่างเหินกันไป เมื่อกลับมาพบกันอีกครั้งเด็กน้อยก็เติบโตเป็นสาวเสียแล้ว
ตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่มเพิ่มไม่เคยใกล้ชิดแนบสนิทกับหญิงสาวคนใดเท่านี้มาก่อน ความรู้สึกแปลกๆ เริ่มก่อตัว ทำให้ชายหนุ่มนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง คิดวนไปเวียนมาถึงเหตุการณ์เมื่อเย็น เขาข่มใจอยู่นานจนกระทั่งผลอยหลับไปในที่สุด
หักอาลัย นี้ไม่หลุด สุดจะหัก
สารพัด ตัดขาด ประหลาดนัก
แต่ตัดรัก นี้ไม่ขาด ประหลาดใจ
อ้างอิง 1 ผ้าม่วง http://kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book.php?book=15&chap=5&page=t15-5-infodetail05.html
2 กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "นิราศภูเขาทอง"
3 กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "นิราศอิเหนา"