ใครยังไม่ได้เข้าสายจินก็รีบเข้าน่ะ ใกล้หมดเวลาแล้วครับ

กระทู้คำถาม
ก่อนอื่นผมขอบอกว่าผมติดตามสายจินมานาน แต่ตอนนี้ผมเริ่มกลัวมาก ไม่ใช่เพราะหุ้นตก หรือหุ้นไม่ขึ้นน่ะครับ แต่ที่ผมกลัวที่สุดคือเม่าไทยเริ่มกลับมาซื้อ
ได้ 2 วันติด ดังนั้นแนวคิดแบบ  Contrarian กำลังจะเริ่มใช้ไม่ได้ผลแล้วครับ

การลงทุนแบบ Contrarian

Money Game : วิสิฐ องค์พิพัฒนกุล
การลงทุนแบบ Contrarian investing เป็นการลงทุนชนิดที่ให้ผลสำเร็จสูงมากๆ อีกวิธีหนึ่ง เป็นการแยกตัวเองจากการลงทุนชนิดตามแห่ หรือ แยกตัวเองออกจากฝูงชน ไม่ใช้อารมณ์ของฝูงชนเป็นสิ่งเร้าและสิ่งกระตุ้น


เหมือนกับคำโบราณที่ว่า “อย่าซื้อควายหน้านา ไม่ซื้อพัดหน้าร้อน” เพราะการซื้อควายหน้านา จะทำให้ต้นทุนของคนซื้อสูงกว่าปกติ

แท้ที่จริงแล้ว นักลงทุนที่ชาญฉลาดจะซื้อควายในช่วงฤดูที่ไม่ใช่หน้านา หรือซื้อเสื้อกันหนาวในฤดูร้อน จะทำให้มีราคาถูกมาก ถึงแม้อาจมีต้นทุนการเก็บ (Carrying Cost) บ้าง แต่ถ้าฤดูนาหรือหน้าหนาวมาถึงแล้ว นักลงทุนท่านนั้นจะได้กำไรเป็นกอบกำเลยทีเดียว เพราะมีต้นทุนที่ต่ำอยู่แล้ว

ฉะนั้นนักลงทุนที่ชาญฉลาด จะต้องมีการคาดการณ์ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่คาดว่าจะเป็นวัฏจักร (Cycle) และคาดการณ์สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในลักษณะคาดการณ์ไม่ถึง (Unexpected Events) เทคนิคอย่างหลัง นักลงทุนควรใช้หลักบริหารความเสี่ยง (Risk Management) มาใช้ เพื่อประเมินผลลัพธ์ในเชิงเลวร้ายที่สุด (Worst Case Scenario) เพื่อวัด Risk/Reward Ratio (ความเสี่ยง / ผลตอบแทน) ให้ได้

ผู้ใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Contrarian แล้วประสบความสำเร็จอย่างงดงามคือ John Maynard Keynes หรือปรมาจารย์แห่งวิชาเศรษฐศาสตร์นั่นเอง กลยุทธ์และคำพูดที่ Keynes ให้ไว้คือ “To go contrary to general opinion, if everyone is agreed about its merits, the investment is inevitably too clear and therefore unattractive”

สามารถสรุปได้ว่า ถ้าทุกๆ คนมองเห็นมูลค่าในสิ่งลงทุนนั้น สิ่งๆ นั้นจะมีราคาแพงเนื่องจากทุกคนต้องการ

Keynes มองว่า การลงทุนในสินค้าที่ทุกคนต้องการนั้นไม่น่าสนใจเลย ในอัตชีวประวัติของ Keynes ได้กล่าวว่า ผลตอบแทนในการลงทุนได้เพิ่มขึ้นกว่า 65 เท่าในช่วง Great Depression ในระหว่างปี ค.ศ. 1920 -1930 เลยทีเดียว

กลยุทธ์การฝึก Contrarian investing สามารถใช้หลักคิด ดังนี้คือ

หลักที่หนึ่ง การอ่านอารมณ์ของตลาด (Market Sentiment) ซึ่งสามารถคาดการณ์ได้จาก ความคิดเห็นของนักลงทุนทั้งรายย่อยและสถาบัน ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ จากการศึกษาที่ผ่านมา ภาวะอารมณ์ที่หดหู่สามารถคาดการณ์ตลาดหุ้นที่จุดต่ำสุดได้ (Bottom) มากกว่าอารมณ์ที่ Bull ในการคาดการณ์ตลาดที่ Peak

หลักที่สอง It’s better to be right than smart คือ นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุน คือสามารถมองทิศทางของราคาหุ้นได้อย่างแม่นยำ ในบางครั้งด้วยเหตุผลที่ผิดจะดีกว่า นักลงทุนอีกกลุ่มหนึ่งที่สามารถให้เหตุผลที่ถูกต้องชาญฉลาด แต่บอกทิศทางราคาหุ้นที่ผิดพลาดไป

หลักที่สาม ปรัชญาในการลงทุน คือ Purchasing shares in any company is a bet not on the present but on the future การซื้อขายหุ้นจะอาศัยสมมติฐานของราคาในอนาคตไม่ใช่ราคาปัจจุบัน

หลักที่สี่ เป็นข้อที่สำคัญที่สุด คือ The most stridently held views in the investment business are often the most wrong ถ้านักลงทุนทุกคนเชื่อในสิ่งเดียวกันหมด ความเชื่อนั้นมักจะเป็นความเชื่อให้ผลลัพธ์การลงทุนผิดพลาดมากที่สุด



Create Date : 21 สิงหาคม 2549
Last Update : 21 สิงหาคม 2549 10:53:38 น.        

ถ้าพรุ่งนี้เขียวแล้วเม่าซื้อ นั่นแสดงว่าเกมใกล้จบ ถ้าหุ้นจะขึ้นมีกรณีเดียวครับ เม่าต้องขายเท่านั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่