ประชาชนร้องเรียนว่า นายองอาจ  อุระดา  นายก อบต.รุ่งระวี ใช้อำนาจในตำแหน่งนายก อบต.เบิกจ่ายเงินของทางราชการให้นายไพบูลย์  ศิริจันดา  ผู้เป็นรองนายก อบต.รุ่งระวี ซึ่งนายไพบูลย์  ศิริจันดาได้ถ่ายภาพเถียงนาที่อยู่ในสวนมาอ้างว่าเป็นบ้านพักอาศัยที่ได้รับความเสียหายจากวาตภัย  ในปี  2553  เมื่อ ผวจ.ศรีสะเกษ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว  สรุปความเห็นว่า  นายองอาจ  อุระดา  ตำแหน่งนายก อบต.รุ่งระวี  ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยจำนวน  2  รายที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์และวิธีดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน  พ.ศ. 2551  ได้แก่ นายไพบูลย์  ศิริจันดา  เป็นจำนวนเงิน  9,758  บาท และนางวิไล  ลุนพรม  เป็นเงินจำนวน  287  บาท  โดยเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานได้ชี้แจงข้อมูลรายละเอียด  ระเบียบ ข้อกฎหมาย  เพื่อประกอบการพิจารณาให้ทราบเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว  พฤติการณ์จึงถือได้ว่าเป็นการกระทำด้วยความจงใจที่ได้สั่งการและพิจารณาอนุมัติไม่เป็นไปตามระเบียบ  ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง  จนเป็นเหตุทำให้องค์การบริหารส่วนตำบลรุ่งระวีได้รับความเสียหาย  เป็นเงินจำนวน  10,045  บาท  แต่พิจารณาแล้วเห็นว่า  นายองอาจ  อุระดา  ตำแหน่ง นายก อบต.รุ่งระวี  มีเจตนาที่จะบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัย  จึงเห็นควรให้นายองอาจ  อุระดา  ตำแหน่ง นายก อบต.รุ่งระวี  ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนคืนให้แก่ อบต.รุ่งระวี เป็นเงินจำนวน  10,045  บาท    จาก กรณีนี้จะเห็นได้ชัดเจนที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงก็บอกเองว่านายองอาจ  อุระดา  ตำแหน่งนายก อบต.  จงใจปฏิบัติการอันไม่ชอบด้วยกฎหมาย  แต่แล้วทำไม จังหวัดศรีสะเกษจึงละเว้นการสั่งให้นายองอาจ  อุระดา  ให้พ้นจากตำแหน่ง ตามความใน มาตรา 92  แห่ง พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล  พ.ศ. 2537 แก้ไข (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2546  และทำไมจังหวัดศรีสะเกษ  จึงไม่มีการดำเนินคดีอาญากับนายองอาจ  อุระดา  ตามประมาวลกฎหมายอาญา  มาตรา 157  และที่น่าสังเกต  ทำไมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงต้องดึงเอาประชาชนที่ได้รับเงินเพียงแค่  287  บาท  ซึ่งเป็นเพียงเงินจำนวนน้อยนิดมาอ้างเป็นเจตนาช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้าน  ประชาชนเขาร้องเรียนประเด็นที่เบิกเงินงบประมาณให้นายไพบูลย์  ศิริจันดา  ตำแหน่งรองนายก อบต.  รุ่งระวี  เป็นค่าเสียหายของเถียงนาที่อยู่ในสวนพังเพราะลมแรง  มันเข้าลักษณะเจตนาเบิกเงินโดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อให้ประโยชน์แก่พรรคพวก