ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/34280583
ตอนที่ 2
http://ppantip.com/topic/34285085
ตอนที่ 3
http://ppantip.com/topic/34290054
อากาศยามเย็นเริ่มคลายความร้อนอบอ้าวจากช่วงกลางวัน แปรเปลี่ยนเป็นเย็นสบายจากสายลมที่พัดโชยเอื่อย ช่วงเวลานี้เป็นเวลาพักผ่อนหย่อนใจของผู้คนที่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการตรากตรำทำงานทั้งวัน บ้างก็นั่งกินข้าวปลาอาหารพูดคุยหยอกล้อกับครอบครัว บ้างก็แวะเยี่ยมเยียนมิตรสหายเพื่อสนทนาปราศัย แต่ก็มีผู้คนบางจำพวกที่หาความสำราญจากสิ่งเสพติดของมึนเมา
ภายในตรอกโรงยาที่ถูกประดับประดาด้วยโคมไฟมีผู้คนแวะเวียนไปมาอย่างคับคั่ง เพื่อหาความสำราญบานใจ โรงฝิ่นแห่งนี้เปรียบเสมือนเป็นแหล่งบันเทิงเริงใจของพวกเขาเหล่านั้น
เดินลึกเข้าไปในตรอกมีบ้านหลังหนึ่งขนาดใหญ่โตโอ่อ่าตามฐานะของเจ้าของ ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายด้านนอก ก่อสร้างด้วยอิฐตามแบบอย่างเมืองบรรพบุรุษ หลังคามุงด้วยกระเบื้องลอนจากเมืองจีน มีศาลาเก๋งจีนตั้งอยู่ด้านหลังบริเวณท่าน้ำ ด้านหน้ามีอ่างบัวลวดลวยวิจิตรวางอยู่หลายใบ ดอกบัวหลากสีเบ่งบานแข่งกันชูช่องาม
ชายหนุ่มผู้หนึ่งแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีเดินตามชายสูงวัยผู้ที่ใส่ชุดผิดแผกไปจากชาวสยาม เขาสวมเสื้อกระดุมคอจีน นุ่งกางเกงแพร ไว้ผมเปียเป็นหางยาว ตัวเล็กรูปร่างผอมบาง ด้วยท่าทางพินอบพิเทาบ่งบอกถึงสถานะความเป็นบ่าว เพียงแค่เห็นหน้าแขกผู้มาเยือนโดยไม่ต้องเอ่ยปากอันใดก็เป็นอันเข้าใจด้วยคุ้นเคยกันมาช้านาน
ผู้เป็นบ่าวนำทางชายหนุ่มไปยังห้องที่เจ้าของบ้านพำนักอยู่ เดินตรงไปเพียงไม่นานก็หยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องโถง เขาส่งภาษาจีนโต้ตอบกับผู้ที่อยู่ด้านในชั่วครู่แล้วจึงผลักบานประตูเข้าไป กลุ่มควันลอยตลบอบอวลอยู่ทั่วห้อง เจ้าบ้านนั่งกึ่งนอนพิงหมอนอยู่บนตั่งจีนขนาดใหญ่ ดวงตาปรือเคลิบเคลิ้มล่องลอย ในมือถือปล้องยาสูบลวดลายสวยงาม ควันที่พ่นออกจากปากช้าๆ ลอยตลบอบอวลคละคลุ้งไปทั่ว ทางด้านซ้ายขวาขนาบด้วยบ่าวหญิงสองคนหน้าตาจิ้มลิ้มคอยบีบเฟ้นนวดคลายกล้ามเนื้อ
"นั่งซิ คุณหลวง" มือผายไปด้านหน้าเชื้อเชิญให้แขกผู้มาเยือนนั่งลง
ชายหนุ่มผู้มีนามว่าหลวงนิมิตวรากรนั่งลงด้วยใบหน้าที่ตึงเครียด ความกังวลใจที่แสดงออกมาทำให้ชายสูงวัยพอจะเดาได้ว่ามาจากสาเหตุใด สองมือพนมขึ้นเหนือหัวพร้อมกล่าว "เพลานี้มีพระบรมราชโองการลงมาให้ยกเลิกระบบเจ้าภาษีนายอากร"
ชายเจ้าของบ้านเสมองแล้วสูดควันลึกก่อนจะพ่นควันออกมาอีกครั้งแล้วกล่าว "เยี่ยงนี้คุณหลวงไม่ขาดรายได้แย่รึ" เขาพูดแล้วยื่นส่งปล้องยาสูบให้กับชายหนุ่มที่นั่งอยู่เบื้องหน้า
หลวงนิมิตวรากรยื่นมือไปรับแล้วสูบปล้องยาด้วยความคุ้นเคย กลุ่มควันที่แทรกซึมผ่านเข้าไปในร่างกายทำให้ความตึงเครียดมลายหายไปรู้สึกผ่อนคลาย เขาสูบปล้องยาอยู่หลายครั้งเพื่อให้ความทุกข์กังวลใจจางหายไป ดวงตาเริ่มเคลิ้มลอยดั่งอยู่ในความฝัน
"คุณหลวงยังสนใจข้อเสนอขอกระผมอยู่หรือไม่" ชายสูงวัยปรายตามองคู่สนทนา
"แต่มันเสี่ยงนะเจ้าสัว ทางการยิ่งตรวจตราเข้มงวดอยู่" สีหน้าว้าวุ่นใจปรากฎอยู่บนใบหน้า ด้วยกริ่งเกรงพระราชอาญา
"หากมีคุณหลวงช่วยเปิดทาง ไม่น่าจะเป็นปัญหากระไรดอก คุณหลวงก็เองออกจะกว้างขวางไม่ใช่รึ" เจ้าสัวไท่ผิงผู้เป็นเจ้าของโรงยาจ้องมองชายหนุ่มด้วยสายตาของผู้มีประสบการณ์ชีวิตอันโชกโชน แล้วผุดยิ้มที่มุมปากก่อนจะกล่าว "เพลานี้กระผมมีการละเล่นสนุกจะเสนอ เสร็จแล้วเราค่อยหารือกันอีกครั้ง คุณหลวงว่าดีหรือไม่"
เจ้าสัวไท่ผิงกระซิบบอกบ่าวหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มรูปร่างอรชรสองคนให้ลุกขึ้นไปปรนนิบัติชายหนุ่ม สองสาวเยื้องย่างปรายตาไปยังหลวงนิมิตวรากร ชายหนุ่มยิ้มเยือนยินดี มือเนียนนุ่มฉุดมือเขาแล้วลับหายเข้าไปอีกห้องที่จัดเตรียมไว้ ชายสูงวัยผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวผุดยิ้มที่มุมปาก เสียงความหฤหรรษ์ที่ดังลอดออกมาทำให้รู้ว่าเรื่องที่เจรจาค้างไว้คงจะสำเร็จได้ไม่ยาก ด้วยคุณหลวงผู้นี้มีนิสัยมักมากในกาม รับสินบาทคาดสินบน การเจรจาเรื่องขนฝิ่นเถื่อนคงจะลุล่วงไปได้ด้วยดี
เพลาพลบค่ำความมืดมิดแผ่กระจายไปทั่ว มีเพียงแสงไฟจากตะเกียงส่องนำทาง ชายหนุ่มผู้ยังคงมีอารมณ์คุกรุ่นไม่จางหาย เขาก้าวขึ้นเรือนพร้อมบ่าวไพร่คนสนิท ทิ้งตัวลงบนตั่งคลายกระดุมเสื้อ ครุ่นคิดถึงเรื่องที่เพิ่งได้พูดคุยกับเจ้าสัวไท่ผิง เขารับปากช่วยเหลือเรื่องขนฝิ่นเถื่อนโดยจะได้รับส่วนแบ่งอย่างงาม รายได้ที่ขาดหายไปจากการยักยอกเงินภาษีที่จัดเก็บกลับได้การชดเชยจากแหล่งอื่นแทน เพียงแค่อำนวยความสะดวกเล็กน้อยเท่านั้น ดวงตาที่เลื่อนลอยมองตรงไปยังห้องๆ หนึ่ง เขาผลักประตูเข้าไปพบชายสูงวัยนอนนิ่งไม่ไหวติง
เสียงเปิดประตูทำให้ชายสูงวัยเปิดตาขึ้นมอง ชายหนุ่มเดินวนไปรอบๆ เตียงเฝ้ามองดูชายผู้ที่นอนอยู่ไม่วางตา สายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังและเศร้าหมองปนเปกันไป อนุภาพพิษร้ายของฝิ่นที่เกาะกินทำลายสมองชายหนุ่มทีละน้อย จนทำให้เกิดภาพหลอนเริ่มรุนแรงขึ้น ชายสูงวัยส่งสายตาด้วยความหวาดกลัวดวงตาที่ดูวิปลาสคู่นั้น
"วันนี้ลูกทำเรื่องสนุกสนานมา อยากให้เจ้าคุณพ่อร่วมหรรษาด้วย" ชายหนุ่มแสยะยิ้มแล้วตะโกนเรียกบ่าวคนสนิทให้ตามแม่ชื่นเมียของเจ้าคุณพ่อมาพบ
หญิงสาวที่แก่กว่าเขาเพียง2-3ปี เดินเยื้องกายเข้ามาปรายตามองชายสูงวัยด้วยความเบื่อหน่าย แม่ชื่นเดินตรงไปยังชายหนุ่มลูบไล้ที่ต้นแขนด้วยความสนิทเสน่หาแล้วกล่าว "คุณหลวงเรียกชื่น มีอะไรให้รับใช้เจ้าคะ" คำพูดที่กล่าวเสมือนคู่รักมากกว่าที่จะเป็นแม่เลี้ยงลูกเลี้ยงตามฐานะ
หลวงนิมิตวรากรฉุดกระชากแม่ชื่นขึ้นไปบนเตียงที่มีพื้นที่ด้านข้าง เสียงหัวร่อต่อกระซิกหยอกล้อกันอย่างเร่าร้อน ผู้เป็นพ่อเฝ้ามองการเริงรื่นของทั้งคู่ด้วยสายตาปวดร้าว เมล็ดพันธ์ุแห่งความชั่วร้ายที่เขาเป็นผู้เพาะบ่มบัดนี้มันย้อนแย้งมาสนองเขาดั่งตายทั้งเป็น
จากเด็กน้อยขี้แยเดินตามผู้เป็นแม่ไม่ห่าง ผู้เป็นพ่อสอนให้เขาเดินตามรอยเท้าของตน ดั่งต้นไม้ใหญ่ที่ผลิดอกออกผลแตกกิ่งก้านสาขาออกมาจากรากเหง้าเดียวกัน ข้าราชการผู้มั่งคั่งจากการฉ่อราษฎร์บังหลวง ไร้ศีลธรรมจรรยา ชายผู้หมกมุ่นอยู่ในกามารมณ์
หลวงนิมิตวรากรจ้องมองไปที่ใบหน้าผู้เป็นพ่อ แววตาที่เจ็บปวดทำให้เขารู้สึกสาแก่ใจ พ่อผู้ที่เคยรักและเทิดทูนพรากทุกคนที่เขารักไป แม่ผู้เป็นที่รักคอยปกป้องเขา ถูกฝังร่างให้เป็นปุ๋ยกับเหล่าต้นไม้ต้นหญ้า ภาพนิมิตเก่าๆ ปรากฏขึ้นในห้วงความคิด ผู้เป็นพ่อบรรดาลโทสะที่เดือดดาลทุบตีแม่ เมื่อหล่อนมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับเมียคนใหม่ของเจ้าคุณพ่อ
"ฉันบอกหล่อนกี่ครั้งแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับคนที่เรือนหลังเล็ก ทำไมหล่อนไม่ฟัง" ผู้เป็นสามีกล่าวด้วยความเดือดดาล
"ดิฉันไม่เคยเข้าไปยุ่มย่ามแต่อย่างใด แต่คนของคุณพี่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เถียงคำไม่ตกฟาก ไม่มีความเกรงใจดิฉันเลย" ผู้เป็นภรรยากล่าวด้วยความน้อยใจ น้ำตาคลอสองเบ้าตา
"ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เหอะ! หล่อนมันก็ไม่ได้วิเศษวิโสมาจากไหน กะอีแค่ลูกพ่อค้าเท่านั้น" เขาปรายตามองภรรยาด้วยความเบื่อหน่ายและเหยียดหยาม
"ทำไมคุณพี่พูดเยี่ยงนี้ ก็เพราะไม่ใช่อีลูกพ่อค้ารึ คุณพี่ถึงมีทุกอย่าง" น้ำตาไหลนองอาบแก้ม ด้วยไม่นึกว่าสามีคนที่หล่อนรักและบูชา จะพูดจาหักหาญน้ำใจกันเช่นนี้
"ลำเลิกบุญคุณกูรึ" สายตาจ้องมองมาด้วยความโกรธขึ้ง
"ดิฉันไม่ได้ลำเลิกบุญคุณ แต่พูดความจริง หากไม่มีคุณพ่อของดิฉันอุ้มชู ป่านนี้คุณพี่ก็คงไม่ได้เป็นถึงเจ้าคุณดอก" ความน้อยอกน้อยใจและโมโหจนขาดสติ ทำให้หล่อนพูดระบายทุกสิ่งที่เคยอัดอั้นอยู่ในใจ
ท่านเจ้าคุณเดินเข้าไปทำร้ายผู้เป็นภรรยาด้วยความโมโหโกรธา ความรุนแรงทำให้หัวของหล่อนกระแทกเข้ากับแง่งตั่ง ร่างล้มลงดั่งใบไม้ร่วง เลือดไหลนองเต็มพื้น
เด็กน้อยตกใจตื่นจากเสียงที่ดังลอดเข้ามา เขาเฝ้าแอบมองอยู่ตรงช่องประตูร่างกายสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เมื่อบ่าวจำนวนหนึ่งลากร่างที่ไร้วิญญาณของแม่ที่มีเลือดไหลนองเป็นทางออกไปตามคำสั่งเจ้าคุณพ่อ น้ำตาไหลพรั่งพรู เขาปิดปากแน่นกลัวเสียงสะอื้นจะดังไปถึงหูผู้เป็นพ่อ ด้วยวัย 10 ขวบ ทำให้เขาโตพอที่จะรับรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่
เด็กชายรอให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แล้ว จึงค่อยๆ แง้มประตูออกมาจากห้อง ย่องลงจากเรือนที่มีแต่ความมืดมิดปกคลุม ความกลัวที่แผ่ซ่านเข้าไปในจิตใจยังไม่เท่ากับความอาลัยอาวรณ์ผู้เป็นแม่
แสงจากตะเกียงส่องรำไร ชาย 3 คน กำลังขุดหลุมดังสวบสาบ เด็กน้อยเฝ้ามองดูอยู่ในความมืดร่างกายสั่นเทาด้วยความเหน็บหนาวในจิตใจ น้ำตาไหลอาบแก้ม มือที่อุดปากไว้เปลี่ยนเป็นกัดแน่น เพื่อไม่ให้เสียงร่ำไห้เล็ดลอดออกมา ในปากมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง นัยน์ตาเบิกโพลงเมื่อเห็นร่างอันเป็นที่รักถูกโยนอย่างไร้ปราณีลงในหลุม ดินฝังกลบหน้าจนมิด เขารอจนบ่าวเดินลับหายไป
เด็กน้อยวิ่งไปที่เนินดินที่เพิ่งฝังกลบร่างมารดา เขาซบหน้าลงพร่ำร้องเรียกชื่อมารดาจนเสียงแหบพร่า น้ำตาแห้งเหือด ความโศกเศร้าเสียใจ เหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า ทำให้เขาหมดแรงล้มตัวลงนอน เพื่อให้ผืนดินได้โอบกอดสัมผัสถึงไออุ่นจากร่างที่นอนอยู่เบื้องล่าง
รุ่งเช้าท่านเจ้าคุณบอกกับเด็กชายและทุกคนในบ้านว่าแม่ของเขาคบชู้สู่ชายแล้วหนีตามชายชั่วไป ห้ามไม่ให้ผู้ใดกล่าวถึงหล่อนอีก เด็กน้อยเก็บตัวเงียบไม่พูดจากับใครเป็นเวลานานหลายเดือน จากเด็กขี้แยเปลี่ยนเป็นเด็กก้าวร้าวชอบความรุนแรง
เวลาผ่านไปหลายปีจนเขาเริ่มโตเป็นหนุ่มอายุได้ 15 ปี แม่ช้อยหญิงผู้เป็นรักแรกที่ถูกพ่อนำมาขัดดอก เขาเฝ้าทะนุทะนอมผูกสมัครรักใคร่ แต่ผู้เป็นพ่อกลับขยี้ดวงใจของเขาแหลกหลาญแล้วโยนเศษซากที่เหลือมาให้ หญิงสาวทนความเจ็บปวดและเสียใจอย่างสุดซึ้งที่มีต่อคนรักไม่ได้ จึงปลิดชีพตนทิ้งร่างที่ไร้ลมหายใจให้เขาดูต่างหน้า
ความเกลียดชังและโกรธขึ้งผู้เป็นพ่อเกาะกินหัวใจตลอดมา ใจที่แห้งแล้งเดินตามรอยผู้เป็นพ่อ แม้กระทั่งบรรดาเมียของท่านเจ้าคุณก็ตกเป็นเมียของเขา บาดแผลกรีดลึกในจิตใจทำให้เขาต้องการครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างของผู้เป็นพ่อ
จนกระทั่งในวันที่ความจริงถูกเปิดเผย เจ้าคุณผลักประตูเข้าไปในห้องแม่ชื่นยามดึก พบบุตรชายกำลังเริงรักอยู่กับเมียรักของตน ด้วยความเดือดดาลผู้เป็นพ่อจึงเข้าทุบตีทำร้ายเขา
ความเจ็บปวดผสมกับความเกลียดชัง ภาพที่แม่โดนทำร้ายปรากฏขึ้นในความนึกคิด ด้วยโทสะขาดสติทำให้เขาเข้าทำร้ายผู้เป็นพ่อจนกระทั่งล้มหัวฟาดพื้น สายตาท่านเจ้าคุณเฝ้ามองบุตรชายดั่งจะตั้งคำถาม ความในใจที่อัดอั้นมานานพรั่งพรู สายตาขจ้องมองผู้เป็นพ่อดั่งจะกลืนกิน ด้วยชายหนุ่มรู้ความจริงทั้งหมดที่ผู้เป็นพ่อได้กระทำต่อแม่และหญิงคนรักของตน ชายสูงวัยตกใจตาเบิกโพลงก่อนจะสิ้นสติไป
ท่านเจ้าคุณฟื้นสติคืนมาด้วยร่างที่เหี่ยวเฉาดั่งผักนอนอยู่บนเตียง ร่างกายไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวได้ ปากเบี้ยวพูดไม่ได้ มีเพียงเปลือกตาเท่านั้นที่ขยับขึ้นลง ผู้เป็นลูกไม่ได้ปล่อยให้เขาสิ้นลมลงไป หาหมอมารักษาแล้วจับขังไว้ในห้อง เพราะท่านเจ้าคุณยังพอมีประโยชน์ต่อชายหนุ่มอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าเวลานี้ท่านเจ้าคุณจะเป็นอัมพาสแต่บารมีที่ยังมีอยู่จึงทำให้ชายหนุ่มไต่เต้าจนมียศเป็นหลวงนิมิตวรากร
เขาเก็บท่านเจ้าคุณไว้ในห้อง แล้วผลัดเปลี่ยนบรรดาเมียทุกคนของเจ้าคุณมาเริงรักต่อหน้าอดีตนายใหญ่ของบ้าน ความปวดร้าวและหวาดกลัวที่ได้รับจากผู้เป็นลูก ทำให้เขาสำนึกต่อความผิดบาป แต่มันก็สายไปเสียแล้ว กรรมที่เขาก่อไว้มากมายนักทำให้เขาต้องชดใช้มัน หากเป็นไปได้เขาอยากจะเลือกทางดับทุกข์มากกว่าตายทั้งเป็น
จอมใจจอมขวัญ(พีเรียด) ตอนที่ 4
ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/34280583
ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/34285085
ตอนที่ 3 http://ppantip.com/topic/34290054
อากาศยามเย็นเริ่มคลายความร้อนอบอ้าวจากช่วงกลางวัน แปรเปลี่ยนเป็นเย็นสบายจากสายลมที่พัดโชยเอื่อย ช่วงเวลานี้เป็นเวลาพักผ่อนหย่อนใจของผู้คนที่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการตรากตรำทำงานทั้งวัน บ้างก็นั่งกินข้าวปลาอาหารพูดคุยหยอกล้อกับครอบครัว บ้างก็แวะเยี่ยมเยียนมิตรสหายเพื่อสนทนาปราศัย แต่ก็มีผู้คนบางจำพวกที่หาความสำราญจากสิ่งเสพติดของมึนเมา
ภายในตรอกโรงยาที่ถูกประดับประดาด้วยโคมไฟมีผู้คนแวะเวียนไปมาอย่างคับคั่ง เพื่อหาความสำราญบานใจ โรงฝิ่นแห่งนี้เปรียบเสมือนเป็นแหล่งบันเทิงเริงใจของพวกเขาเหล่านั้น
เดินลึกเข้าไปในตรอกมีบ้านหลังหนึ่งขนาดใหญ่โตโอ่อ่าตามฐานะของเจ้าของ ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายด้านนอก ก่อสร้างด้วยอิฐตามแบบอย่างเมืองบรรพบุรุษ หลังคามุงด้วยกระเบื้องลอนจากเมืองจีน มีศาลาเก๋งจีนตั้งอยู่ด้านหลังบริเวณท่าน้ำ ด้านหน้ามีอ่างบัวลวดลวยวิจิตรวางอยู่หลายใบ ดอกบัวหลากสีเบ่งบานแข่งกันชูช่องาม
ชายหนุ่มผู้หนึ่งแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีเดินตามชายสูงวัยผู้ที่ใส่ชุดผิดแผกไปจากชาวสยาม เขาสวมเสื้อกระดุมคอจีน นุ่งกางเกงแพร ไว้ผมเปียเป็นหางยาว ตัวเล็กรูปร่างผอมบาง ด้วยท่าทางพินอบพิเทาบ่งบอกถึงสถานะความเป็นบ่าว เพียงแค่เห็นหน้าแขกผู้มาเยือนโดยไม่ต้องเอ่ยปากอันใดก็เป็นอันเข้าใจด้วยคุ้นเคยกันมาช้านาน
ผู้เป็นบ่าวนำทางชายหนุ่มไปยังห้องที่เจ้าของบ้านพำนักอยู่ เดินตรงไปเพียงไม่นานก็หยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องโถง เขาส่งภาษาจีนโต้ตอบกับผู้ที่อยู่ด้านในชั่วครู่แล้วจึงผลักบานประตูเข้าไป กลุ่มควันลอยตลบอบอวลอยู่ทั่วห้อง เจ้าบ้านนั่งกึ่งนอนพิงหมอนอยู่บนตั่งจีนขนาดใหญ่ ดวงตาปรือเคลิบเคลิ้มล่องลอย ในมือถือปล้องยาสูบลวดลายสวยงาม ควันที่พ่นออกจากปากช้าๆ ลอยตลบอบอวลคละคลุ้งไปทั่ว ทางด้านซ้ายขวาขนาบด้วยบ่าวหญิงสองคนหน้าตาจิ้มลิ้มคอยบีบเฟ้นนวดคลายกล้ามเนื้อ
"นั่งซิ คุณหลวง" มือผายไปด้านหน้าเชื้อเชิญให้แขกผู้มาเยือนนั่งลง
ชายหนุ่มผู้มีนามว่าหลวงนิมิตวรากรนั่งลงด้วยใบหน้าที่ตึงเครียด ความกังวลใจที่แสดงออกมาทำให้ชายสูงวัยพอจะเดาได้ว่ามาจากสาเหตุใด สองมือพนมขึ้นเหนือหัวพร้อมกล่าว "เพลานี้มีพระบรมราชโองการลงมาให้ยกเลิกระบบเจ้าภาษีนายอากร"
ชายเจ้าของบ้านเสมองแล้วสูดควันลึกก่อนจะพ่นควันออกมาอีกครั้งแล้วกล่าว "เยี่ยงนี้คุณหลวงไม่ขาดรายได้แย่รึ" เขาพูดแล้วยื่นส่งปล้องยาสูบให้กับชายหนุ่มที่นั่งอยู่เบื้องหน้า
หลวงนิมิตวรากรยื่นมือไปรับแล้วสูบปล้องยาด้วยความคุ้นเคย กลุ่มควันที่แทรกซึมผ่านเข้าไปในร่างกายทำให้ความตึงเครียดมลายหายไปรู้สึกผ่อนคลาย เขาสูบปล้องยาอยู่หลายครั้งเพื่อให้ความทุกข์กังวลใจจางหายไป ดวงตาเริ่มเคลิ้มลอยดั่งอยู่ในความฝัน
"คุณหลวงยังสนใจข้อเสนอขอกระผมอยู่หรือไม่" ชายสูงวัยปรายตามองคู่สนทนา
"แต่มันเสี่ยงนะเจ้าสัว ทางการยิ่งตรวจตราเข้มงวดอยู่" สีหน้าว้าวุ่นใจปรากฎอยู่บนใบหน้า ด้วยกริ่งเกรงพระราชอาญา
"หากมีคุณหลวงช่วยเปิดทาง ไม่น่าจะเป็นปัญหากระไรดอก คุณหลวงก็เองออกจะกว้างขวางไม่ใช่รึ" เจ้าสัวไท่ผิงผู้เป็นเจ้าของโรงยาจ้องมองชายหนุ่มด้วยสายตาของผู้มีประสบการณ์ชีวิตอันโชกโชน แล้วผุดยิ้มที่มุมปากก่อนจะกล่าว "เพลานี้กระผมมีการละเล่นสนุกจะเสนอ เสร็จแล้วเราค่อยหารือกันอีกครั้ง คุณหลวงว่าดีหรือไม่"
เจ้าสัวไท่ผิงกระซิบบอกบ่าวหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มรูปร่างอรชรสองคนให้ลุกขึ้นไปปรนนิบัติชายหนุ่ม สองสาวเยื้องย่างปรายตาไปยังหลวงนิมิตวรากร ชายหนุ่มยิ้มเยือนยินดี มือเนียนนุ่มฉุดมือเขาแล้วลับหายเข้าไปอีกห้องที่จัดเตรียมไว้ ชายสูงวัยผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวผุดยิ้มที่มุมปาก เสียงความหฤหรรษ์ที่ดังลอดออกมาทำให้รู้ว่าเรื่องที่เจรจาค้างไว้คงจะสำเร็จได้ไม่ยาก ด้วยคุณหลวงผู้นี้มีนิสัยมักมากในกาม รับสินบาทคาดสินบน การเจรจาเรื่องขนฝิ่นเถื่อนคงจะลุล่วงไปได้ด้วยดี
เพลาพลบค่ำความมืดมิดแผ่กระจายไปทั่ว มีเพียงแสงไฟจากตะเกียงส่องนำทาง ชายหนุ่มผู้ยังคงมีอารมณ์คุกรุ่นไม่จางหาย เขาก้าวขึ้นเรือนพร้อมบ่าวไพร่คนสนิท ทิ้งตัวลงบนตั่งคลายกระดุมเสื้อ ครุ่นคิดถึงเรื่องที่เพิ่งได้พูดคุยกับเจ้าสัวไท่ผิง เขารับปากช่วยเหลือเรื่องขนฝิ่นเถื่อนโดยจะได้รับส่วนแบ่งอย่างงาม รายได้ที่ขาดหายไปจากการยักยอกเงินภาษีที่จัดเก็บกลับได้การชดเชยจากแหล่งอื่นแทน เพียงแค่อำนวยความสะดวกเล็กน้อยเท่านั้น ดวงตาที่เลื่อนลอยมองตรงไปยังห้องๆ หนึ่ง เขาผลักประตูเข้าไปพบชายสูงวัยนอนนิ่งไม่ไหวติง
เสียงเปิดประตูทำให้ชายสูงวัยเปิดตาขึ้นมอง ชายหนุ่มเดินวนไปรอบๆ เตียงเฝ้ามองดูชายผู้ที่นอนอยู่ไม่วางตา สายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังและเศร้าหมองปนเปกันไป อนุภาพพิษร้ายของฝิ่นที่เกาะกินทำลายสมองชายหนุ่มทีละน้อย จนทำให้เกิดภาพหลอนเริ่มรุนแรงขึ้น ชายสูงวัยส่งสายตาด้วยความหวาดกลัวดวงตาที่ดูวิปลาสคู่นั้น
"วันนี้ลูกทำเรื่องสนุกสนานมา อยากให้เจ้าคุณพ่อร่วมหรรษาด้วย" ชายหนุ่มแสยะยิ้มแล้วตะโกนเรียกบ่าวคนสนิทให้ตามแม่ชื่นเมียของเจ้าคุณพ่อมาพบ
หญิงสาวที่แก่กว่าเขาเพียง2-3ปี เดินเยื้องกายเข้ามาปรายตามองชายสูงวัยด้วยความเบื่อหน่าย แม่ชื่นเดินตรงไปยังชายหนุ่มลูบไล้ที่ต้นแขนด้วยความสนิทเสน่หาแล้วกล่าว "คุณหลวงเรียกชื่น มีอะไรให้รับใช้เจ้าคะ" คำพูดที่กล่าวเสมือนคู่รักมากกว่าที่จะเป็นแม่เลี้ยงลูกเลี้ยงตามฐานะ
หลวงนิมิตวรากรฉุดกระชากแม่ชื่นขึ้นไปบนเตียงที่มีพื้นที่ด้านข้าง เสียงหัวร่อต่อกระซิกหยอกล้อกันอย่างเร่าร้อน ผู้เป็นพ่อเฝ้ามองการเริงรื่นของทั้งคู่ด้วยสายตาปวดร้าว เมล็ดพันธ์ุแห่งความชั่วร้ายที่เขาเป็นผู้เพาะบ่มบัดนี้มันย้อนแย้งมาสนองเขาดั่งตายทั้งเป็น
จากเด็กน้อยขี้แยเดินตามผู้เป็นแม่ไม่ห่าง ผู้เป็นพ่อสอนให้เขาเดินตามรอยเท้าของตน ดั่งต้นไม้ใหญ่ที่ผลิดอกออกผลแตกกิ่งก้านสาขาออกมาจากรากเหง้าเดียวกัน ข้าราชการผู้มั่งคั่งจากการฉ่อราษฎร์บังหลวง ไร้ศีลธรรมจรรยา ชายผู้หมกมุ่นอยู่ในกามารมณ์
หลวงนิมิตวรากรจ้องมองไปที่ใบหน้าผู้เป็นพ่อ แววตาที่เจ็บปวดทำให้เขารู้สึกสาแก่ใจ พ่อผู้ที่เคยรักและเทิดทูนพรากทุกคนที่เขารักไป แม่ผู้เป็นที่รักคอยปกป้องเขา ถูกฝังร่างให้เป็นปุ๋ยกับเหล่าต้นไม้ต้นหญ้า ภาพนิมิตเก่าๆ ปรากฏขึ้นในห้วงความคิด ผู้เป็นพ่อบรรดาลโทสะที่เดือดดาลทุบตีแม่ เมื่อหล่อนมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับเมียคนใหม่ของเจ้าคุณพ่อ
"ฉันบอกหล่อนกี่ครั้งแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับคนที่เรือนหลังเล็ก ทำไมหล่อนไม่ฟัง" ผู้เป็นสามีกล่าวด้วยความเดือดดาล
"ดิฉันไม่เคยเข้าไปยุ่มย่ามแต่อย่างใด แต่คนของคุณพี่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เถียงคำไม่ตกฟาก ไม่มีความเกรงใจดิฉันเลย" ผู้เป็นภรรยากล่าวด้วยความน้อยใจ น้ำตาคลอสองเบ้าตา
"ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เหอะ! หล่อนมันก็ไม่ได้วิเศษวิโสมาจากไหน กะอีแค่ลูกพ่อค้าเท่านั้น" เขาปรายตามองภรรยาด้วยความเบื่อหน่ายและเหยียดหยาม
"ทำไมคุณพี่พูดเยี่ยงนี้ ก็เพราะไม่ใช่อีลูกพ่อค้ารึ คุณพี่ถึงมีทุกอย่าง" น้ำตาไหลนองอาบแก้ม ด้วยไม่นึกว่าสามีคนที่หล่อนรักและบูชา จะพูดจาหักหาญน้ำใจกันเช่นนี้
"ลำเลิกบุญคุณกูรึ" สายตาจ้องมองมาด้วยความโกรธขึ้ง
"ดิฉันไม่ได้ลำเลิกบุญคุณ แต่พูดความจริง หากไม่มีคุณพ่อของดิฉันอุ้มชู ป่านนี้คุณพี่ก็คงไม่ได้เป็นถึงเจ้าคุณดอก" ความน้อยอกน้อยใจและโมโหจนขาดสติ ทำให้หล่อนพูดระบายทุกสิ่งที่เคยอัดอั้นอยู่ในใจ
ท่านเจ้าคุณเดินเข้าไปทำร้ายผู้เป็นภรรยาด้วยความโมโหโกรธา ความรุนแรงทำให้หัวของหล่อนกระแทกเข้ากับแง่งตั่ง ร่างล้มลงดั่งใบไม้ร่วง เลือดไหลนองเต็มพื้น
เด็กน้อยตกใจตื่นจากเสียงที่ดังลอดเข้ามา เขาเฝ้าแอบมองอยู่ตรงช่องประตูร่างกายสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เมื่อบ่าวจำนวนหนึ่งลากร่างที่ไร้วิญญาณของแม่ที่มีเลือดไหลนองเป็นทางออกไปตามคำสั่งเจ้าคุณพ่อ น้ำตาไหลพรั่งพรู เขาปิดปากแน่นกลัวเสียงสะอื้นจะดังไปถึงหูผู้เป็นพ่อ ด้วยวัย 10 ขวบ ทำให้เขาโตพอที่จะรับรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่
เด็กชายรอให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แล้ว จึงค่อยๆ แง้มประตูออกมาจากห้อง ย่องลงจากเรือนที่มีแต่ความมืดมิดปกคลุม ความกลัวที่แผ่ซ่านเข้าไปในจิตใจยังไม่เท่ากับความอาลัยอาวรณ์ผู้เป็นแม่
แสงจากตะเกียงส่องรำไร ชาย 3 คน กำลังขุดหลุมดังสวบสาบ เด็กน้อยเฝ้ามองดูอยู่ในความมืดร่างกายสั่นเทาด้วยความเหน็บหนาวในจิตใจ น้ำตาไหลอาบแก้ม มือที่อุดปากไว้เปลี่ยนเป็นกัดแน่น เพื่อไม่ให้เสียงร่ำไห้เล็ดลอดออกมา ในปากมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง นัยน์ตาเบิกโพลงเมื่อเห็นร่างอันเป็นที่รักถูกโยนอย่างไร้ปราณีลงในหลุม ดินฝังกลบหน้าจนมิด เขารอจนบ่าวเดินลับหายไป
เด็กน้อยวิ่งไปที่เนินดินที่เพิ่งฝังกลบร่างมารดา เขาซบหน้าลงพร่ำร้องเรียกชื่อมารดาจนเสียงแหบพร่า น้ำตาแห้งเหือด ความโศกเศร้าเสียใจ เหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า ทำให้เขาหมดแรงล้มตัวลงนอน เพื่อให้ผืนดินได้โอบกอดสัมผัสถึงไออุ่นจากร่างที่นอนอยู่เบื้องล่าง
รุ่งเช้าท่านเจ้าคุณบอกกับเด็กชายและทุกคนในบ้านว่าแม่ของเขาคบชู้สู่ชายแล้วหนีตามชายชั่วไป ห้ามไม่ให้ผู้ใดกล่าวถึงหล่อนอีก เด็กน้อยเก็บตัวเงียบไม่พูดจากับใครเป็นเวลานานหลายเดือน จากเด็กขี้แยเปลี่ยนเป็นเด็กก้าวร้าวชอบความรุนแรง
เวลาผ่านไปหลายปีจนเขาเริ่มโตเป็นหนุ่มอายุได้ 15 ปี แม่ช้อยหญิงผู้เป็นรักแรกที่ถูกพ่อนำมาขัดดอก เขาเฝ้าทะนุทะนอมผูกสมัครรักใคร่ แต่ผู้เป็นพ่อกลับขยี้ดวงใจของเขาแหลกหลาญแล้วโยนเศษซากที่เหลือมาให้ หญิงสาวทนความเจ็บปวดและเสียใจอย่างสุดซึ้งที่มีต่อคนรักไม่ได้ จึงปลิดชีพตนทิ้งร่างที่ไร้ลมหายใจให้เขาดูต่างหน้า
ความเกลียดชังและโกรธขึ้งผู้เป็นพ่อเกาะกินหัวใจตลอดมา ใจที่แห้งแล้งเดินตามรอยผู้เป็นพ่อ แม้กระทั่งบรรดาเมียของท่านเจ้าคุณก็ตกเป็นเมียของเขา บาดแผลกรีดลึกในจิตใจทำให้เขาต้องการครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างของผู้เป็นพ่อ
จนกระทั่งในวันที่ความจริงถูกเปิดเผย เจ้าคุณผลักประตูเข้าไปในห้องแม่ชื่นยามดึก พบบุตรชายกำลังเริงรักอยู่กับเมียรักของตน ด้วยความเดือดดาลผู้เป็นพ่อจึงเข้าทุบตีทำร้ายเขา
ความเจ็บปวดผสมกับความเกลียดชัง ภาพที่แม่โดนทำร้ายปรากฏขึ้นในความนึกคิด ด้วยโทสะขาดสติทำให้เขาเข้าทำร้ายผู้เป็นพ่อจนกระทั่งล้มหัวฟาดพื้น สายตาท่านเจ้าคุณเฝ้ามองบุตรชายดั่งจะตั้งคำถาม ความในใจที่อัดอั้นมานานพรั่งพรู สายตาขจ้องมองผู้เป็นพ่อดั่งจะกลืนกิน ด้วยชายหนุ่มรู้ความจริงทั้งหมดที่ผู้เป็นพ่อได้กระทำต่อแม่และหญิงคนรักของตน ชายสูงวัยตกใจตาเบิกโพลงก่อนจะสิ้นสติไป
ท่านเจ้าคุณฟื้นสติคืนมาด้วยร่างที่เหี่ยวเฉาดั่งผักนอนอยู่บนเตียง ร่างกายไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวได้ ปากเบี้ยวพูดไม่ได้ มีเพียงเปลือกตาเท่านั้นที่ขยับขึ้นลง ผู้เป็นลูกไม่ได้ปล่อยให้เขาสิ้นลมลงไป หาหมอมารักษาแล้วจับขังไว้ในห้อง เพราะท่านเจ้าคุณยังพอมีประโยชน์ต่อชายหนุ่มอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าเวลานี้ท่านเจ้าคุณจะเป็นอัมพาสแต่บารมีที่ยังมีอยู่จึงทำให้ชายหนุ่มไต่เต้าจนมียศเป็นหลวงนิมิตวรากร
เขาเก็บท่านเจ้าคุณไว้ในห้อง แล้วผลัดเปลี่ยนบรรดาเมียทุกคนของเจ้าคุณมาเริงรักต่อหน้าอดีตนายใหญ่ของบ้าน ความปวดร้าวและหวาดกลัวที่ได้รับจากผู้เป็นลูก ทำให้เขาสำนึกต่อความผิดบาป แต่มันก็สายไปเสียแล้ว กรรมที่เขาก่อไว้มากมายนักทำให้เขาต้องชดใช้มัน หากเป็นไปได้เขาอยากจะเลือกทางดับทุกข์มากกว่าตายทั้งเป็น