สติสัมปชัญญะรักษาจิตให้ตั้งมั่นในกุศลธรรม : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ



พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

...


จิตสงบนั้นย่อมรู้ตัวอยู่เสมอ รู้ว่า จิตนี้ไม่ยึดถือสิ่งใด
ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด  
ไม่หวั่นไหวกับสิ่งใด มันรู้ตัวได้อย่างนี้นะ
นี่จึงว่า “สติสัมปชัญญะ” นี่เป็นธรรมเครื่องอุปการะ
เกื้อกูลแก่จิตใจนี้ให้ตั้งมั่นอยู่ในกุศลธรรม..เป็นอย่างนั้น  


จิตนี้ถ้าขาดสติสัมปชัญญะแล้วไม่ได้การเลย
ไม่ได้เรื่องอะไร  คนมีจิตเลื่อนลอยอยู่อย่างนั้น
มีแต่คิดฟุ้งไปอดีตอนาคตเรื่อยไป
ที่จะมาทวนกระแสจิตเข้ามาสงบอยู่
ระงับอยู่ในปัจจุบันนี้ ..ไม่ได้เลย   เพราะมันไม่เคยทำ  


แต่ละวันแต่ละคืนก็มีแต่ปล่อยจิตให้เลื่อนลอยไป
ตามกระแสของโลกอยู่อย่างนั้นนะ เช่นนั้นแล้ว
มันจะมาน้อมเข้ามาสู่ความสงบได้อย่างไร..ไม่ได้เลย
ดังนั้นแหละเราจึงต้องอบรมสติสัมปชัญญะนี่
มาตั้งแต่การเริ่มให้ทานมานู่นน่ะ  การให้ทานอย่างนี้
เวลาทำบุญทำทานไม่มีสติรักษาจิตใจ
เมื่อมีเรื่องไม่ดีอะไรกระทบกระทั่งมาก็เสียอกเสียใจ
หรือว่าโกรธเกลียดขึ้นมา  หงุดหงิดขึ้นมาอย่างนี้
มันก็ทำให้บุญกุศลมันเสื่อมไป แทนที่จะได้บุญกุศลเต็มที่  
บุญกุศลกลับร่อยหรอลงไปเพราะว่าจิตตัวเอง
ไปสมคบกันกับบาปอกุศล  ไม่ยินดีอยู่ในบุญกุศล  

ดังนั้นแหละท่านจึงสอนให้รักษาจิตให้ดีเวลาทำคุณงามความดีอะไร  
มันก็มักจะมีมารคือความชั่วมาแทรกแซง  

ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะตามรักษาจิตอยู่อย่างนี้  
แม้ว่ามารคือความชั่วอย่างใดอย่างหนึ่ง
มันจะมาแทรกแซงรบกวนจิตนี้ให้ตกไปทางอกุศลอย่างนี้มันรู้  
มันรู้ตัวแล้วก็ไม่ไป  ไม่หวั่นไหวต่อความชั่วร้ายต่างๆ
ที่มันมาแต่ข้างนอกนั้น   ไม่ไปแล้วบัดนี้จิต  

นั่นแหละเมื่อจิตมีสติคอยประคับประคอง
ไม่ให้ตกไปทางบาปอกุศลอย่างนั้น  
กุศลก็ย่อมเจริญขึ้นในจิตใจนี้ไม่หยุดไม่หย่อนแล้ว
ว่าแต่เรากันอกุศลไม่ให้มันเกิดขึ้นในใจ..นี่สำคัญน่ะ


...

ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ "พระธรรมคุ้มครองผู้ปฏิบัติได้อย่างไร"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่