ต่อจากตอนที่1
ต้องบอกก่อนว่าโดยส่วนตัวก่อนไปปฏิบัติเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องเกี่ยว พวก จิต วิญญาณ ทำสมาธิ อะไรมากเท่าไหร่ สนใจแค่ว่า วันนี้ไปไปนั่งร้านที่ไหนดีแล้วต่อด้วยร้านอะไรต่อ ออกแนว วัดก็เข้าเหล้าก็ดื่ม ประมานนั้น แต่พอไปลองปฏิบัติธรรมดู แล้วเจอสิ่งที่เราเองไม่เคยรู้สัมผัสมาก่อนคือ ตัวเรามีอีกดวงจิตที่เป็นต้นกำเนิดของตัวเราทุกภพทุกชาติจริงๆหรอ แล้วกรรมมันส่งผลต่อเราในภพชาตินี้ในรูปแบบไหนแล้วทำหน้าที่ต่างๆยังไงแล้วจิตตื่นรู้คืออะไร
สิ่งเหล่านี้มันเป็นคำถามในใจเรา ที่ยัง งง สงสัย แล้วจะหาคำตอบได้ยังไง จนวันแรกที่อยู่วัดเรามาถึงตอนเย็น ตามตารางที่ทางวัดมีให้ดูคืออเรียกขึ้นศาลาใหญ่เพือทำวัดเย็น สวดมนต์นั่งสมาธิเสร็จ พระอาจารย์ก็พูดให้หลักธรรม คำสอน และตอบคำถาม ที่มีคนที่ไปปฏิบัติธรรมเขียนไปถามบ้างและคำถามที่เราไม่ได้เขียนไปถามแต่ท่าน ตอบเราเองในเย็นวันนั้น อย่างเรื่องของกรรมหลักส่งผลยังไงทำหน้าที่อะไรอันนี้เราจะอธิบายตามที่เราทำความเข้าใจจากที่ท่านกล่าวมาคร่าวๆ
กรรมบรรพบุรุตเจ็ดชั่วโครต คือ ถ้านับยังไงเจ็ดชั่วโครตคือ ตัวเราอยู่ตรงกลาง นับขึ้นไปสามพ่อแม่ ตายาย ตาทวดยายทวด และนับลงไปสาม ลูก หลาน เหลน คือกรรมที่เราเคยกระทำไว้ทั้งภพชาติอดีตจนถึงปัจจุบันชาติ แล้วเค้าทำไมถึงอยู่กับเรา สมมุติว่าให้เข้าใจง่ายๆ ตาเราเสียไปแล้ว กำลังซื้อตั๋วใบนึงเพื่อจะไปที่ชอบๆ แต่ระหว่างที่ตากำลังจะไป เราเรียกตามากินข้าว ตาได้ยินเสียงหลานเรียก ตาก็มาหาเรา พอครั้งถัดไปตาจะไปอีกเราก็เรียกเค้ามาอีกแบบนี้ จนครบ สาม ครั้ง คร่าวนี้ ตาไม่มีตั๋วไปที่ชอบๆแล้วตาไปไหนไม่ได้ตาก็มาอยู่กับเรา (ตั๋วที่ว่านั่นคือบุญ) บรรพบุรุต เค้าจะกินแสงบุญของเรา หากตัวเราไม่มีบุญให้เค้ากิน เค้าก็จะเกาะกินสังขาลเรา คนบางคน เป็นโรคที่รักษาไม่หาย หาสาเหตุไม่ได้ นั่นแหละแต่ไม่ใช่แค่บรรพบุตรนะที่เกาะกินสังขารเราได้ เจ้ากรรมนายเวรก็เช่นกัน แต่บางดวงจิตที่เค้าไปไหนไม้ได้เพราะ ห่วงลูกหลานก็มี
กรรมจากเจ้ากรรมนายเวร คือ กรรมที่เราเคยไปทำร้ายเขา เมื่อในดีตจนถึงปัจจุบัน เจ้ากรรมนายเวรนี้จะเป็นดวงจิตที่อาฆาตแค้น ทำหน้าที่ ปิดกัน บีบคั้น ขัดขวาง เหนี่ยวรั้ง ฉุดรั้ง เกาะกินสังขาล เพราะจิตสุดท้ายก่อนตายเค้าอาฆาตเเค้นเรามาก
กรรมจากคู่กรรม คือ กรรมที่เราเคยทำร้ายคนรักเมื่อในอดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะทางกาย วาจา ใจ ความรู้สึก และคำสัญญา สาบาน เมื่อตายไปคำสัญญาสาบานพวกนี้มันคือห่วงพรรธนาการดวงจิตไว้ให้ไปไหนไม่ได้ บางดวงเราไปทำร้ายเขาเสียใจ จิตสุดท้ายเขาแค้นเรา เขาก็คล้ายกันเจ้ากรรมนายเวรเรา ทำหน้าทียังไงบ้าง คนที่มีกรรมเป็นคู่กรรม มักจะไม่ค่ยสมหวังเรื่งความรัก เวลาที่มีแฟน จะต้งมีปัญหาให้เลิกรากันไป เช่นมีแฟนปุ๊บจากที่มีเงินก็ต้องมีเรื่องเข้ามาให้เสียเงินจนไม่มี แต่เวลาที่ไม่มีแฟน มีเงินใช้สบายๆ คนบางคน อยู๋เป็นโสดยู่คนเดียวสบายๆไม่จำเป็นต้องมีแฟนก็ได้ ันนี้ลองสังเกตุกันเอาเองน๊า แล้วคู่กรรม สามารถทำหน้าที่ ปิดกั้น บีบคั้น ฉุดรั้ง ขัดขวาง เหนี่ยวรั้ง เราได้ด้วยเช่นกัน บางดวงไม่ปิดก็ส่งเสริมเพราะไม่ยอมให้เรามีคู่พอมีก็จะเป็นแบบที่กล่าวมาประมานนั้น
ส่วนกรรมหลักคืออะไร คือกรรมที่ถึงวาระ และมีสิทธิ์ ในการสะท้อนกรรมกับเรามากที่สุด
ส่วนกรรมรอง คือกรรมที่ยังไม่ถึงวาระ รองจากกรรมหลัก คิดง่ายๆคือ เหมือนเวลาเรายืนเขาแถวเรียงกันไปยาวๆแบบนี้แซงคิวไม่ได้นะ
ส่วนกรรมร่วม คือกรรมที่เราไปมีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น มีเพื่อนมาของยืมเงินคุณไปทำแท้ง คุณรูว่าเขาจะไปทำแท้งแต่คุณก็ให้เงินเขาไปนั่นก็ถือว่าเป็นกรรม ร่วมเช่นกัน และยังมีอีกกรรมซ้อนกรรม กรรมซ้อนธรรม บลาๆ
พอหลังจากที่ฟังธรรมจากพระอาจารย์ สวดมนต์ ทำสมาธิอะไรเสร็จ ก็จะต้องตั้งจิต ยกผลบุญ ให้กับกรรมหลัก กรรมรอง กรรมร่วมและทุกกรรมที่เรามีส่วนเกี่ยวข้อง คำตั้งจิตนี้ หากใครได้เข้ามาอ่าน สามารถลองเอาไปปรับใช้ได้นะ หลังสวดมนต์ทำสมาธิ หรือเวลาไปกรวดน้ำก็ตาม
ให้ตั้งจิตว่า ทุกบุญที่ลูกได้สร้างทั้งหมด ขอยกให้กับ องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกๆพระองค์ ขอเมตตาบารมีพระองค์ช่วยแผ่พลังบุญนี้ไปให้กับ สิ่งสักศักดิ์ทุกๆชั้นฟ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ๋ทุกๆชั้นดิน สิ่งศักดิ์ที่อยู๋ ณ ที่นี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่กับตัวลูก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่กับครูบาร์อาจารย์ของลูก บรรพบุรุตเจ็ดชั่วโครต วงศาคณาญาติ กรรมหลัก กรรมรอง กรรมร่วม และทุกกรรมที่ลูกมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดทั้งมวล ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ยกให้ทั้งหมดทั้งมวล ไม่ขอติดกรรมไม่ขอเอาคืน อานิสงฆ์ของการยกผลบุญขอให้ลูกมี สติ มีปัญญา มีบารมี เป็นคนดี มีญาณวิถีบรรลุธรรมด้วยเทรญ
แต่ถ้าหากใครต้องการที่จะพิสูจน์บุญระหว่างทางก็เพิ่มไปได้ว่าหากท่านทั้งหลายได้รับบุญที่ลูกแผ่ไปให้ก็ขอให้ช่วยเปิดทิศเปิดทาง อย่าได้ปิดกั้น ขัดขวาง บีบคั้น เหนี่ยวรั้งข้าพเจ้าด้วยเทรญ
ที่เราเข้าใจในคำตั้งจิตแบบนี้คือพระพุทธองค์ท่านสามารถไปได้ทั้งสามแดนโลกธาตุบางดวงจิตที่อยู๋ลึกลงไปกว่านรกภูมิเขาก็จะได้รับทั้งหมดทั้งมวล และได้รับเร็วกว่าเดิม มันคือการกรวดจิต คล้ายๆกรวดน้ำ นั่นเองแต่เาใช้จิตในการสื่อแทนน้ำที่หลายคนพอจะรู้ว่าคือเป็นในการเชื่อมกับภพภูมิอื่นนั่นเอง
พอยกผลบุญเสริจ เราก็แยกย้ายไปเข้าที่พักอาบน้ำนอนหลับ เพราะต้องตื่น ตีสี่ ไปทำวัดเช้า ตีห้า สวดมหาสันติงหลวง ถึงหกโมงครึ่ง
วันที่สองของการปฎฺิบัติ
เราไม่แปลกใจเลยว่ารอบนี้ทำไมรอบนี้เราถึงได้มามันเป็นบุญใหญ่อะไร ที่วัดเค้ามีการ หล่อพระพุทธรูป พระไตรวรญาณสี่แผ่นดิน แล้ววันนั้นก็มีเดินขบวนแห่พระธาตุด้วยก็ถือว่าเป็นบุญใหญ่ที่มีส่วนในพิธีร่วมสร้างพระพุทธรูปร่วมกกับญาติธรรมคนอื่นๆ
หลังจากลดละกรรมและพักทานอาหารเช้า ก็ขึ้นศาลา มาปฏิบัติต่อ เบาะที่เราใช้นั่งถูกเรียกว่าบันลังค์ การที่เราสวดมนต์ทำสมาธิวันแรก สองรอบคือสองบันลังค์ และบัลลังค์ที่สามคือการปลดปล่อยช่วยดวงจิต ปรับภพ เพิ่มขัน ขมากรรม ต่อรองเจรจากับกรรมของเราเอง ในรอบนี้เรา ก็ยังไม่เข้าใจ แต่พอถึงเวลาทำสมาธิ ตามเสียงเพลง เพื่อขอขมากรรม โดยหากใครไม่รู้จะพูดยังไงก็น้อมจิตตามเสียงพระอาจารย์ พอเพลงมาเท่านั้นบวกน้อมจิตตามเสียงพระอาจารย์ คือเกืดสภาวะธรรม และ ตัวเราเองร้องไห้เสียใจเองคุมตัวเองไม่ได้แต่มีสติรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งหมด นั่นคือคู่กรรมที่เขาถึงวาระผ่านสังขาลเรามาเพื่อให้เราขอขมากรรม ขอโทษเจรจา ในขนาดนั้นตัวเราเองก็ยังหลับตาท่านั่งสมาธิอยู๋ แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่ว่ากรรมหลักของแต่ละคนเป็นอะไร พอ ขอขมากรรเสร็จพระอาจารย์ก็ให้ดึงจิตกลับมาก็กลับมาปกตืแล้วให้เราสื่อกับจิตเดิมแท้ของเรา แล้วอยู่ๆท่านั่งเราก็เปลี่ยน หลังตรงหน้าเชิดมองไปข้างหน้า เเล้วมันเกืดความรู้สึก นิ่ง สุขุม ไม่มีอะใรให้หัวให้คิด เหมือนตัวเราเองอีกคนนึ่งแต่เป็นเวอร์ชั่นที่ดูดีจัง ไม่เห็นเราคนเดิม นั่นคือจิตที่ตื่นรู้ พอทำสมาธิเสร็จ กล่าวบทปิดกระแสญาณแล้ว เราลืมตาขึ้น คือนิ่งมากๆ แล้วเราหันไปดูแฟน แฟนเรายังอยู่ในสมาธิถูกเจ้ากรรมนายเวรกดหัวจนหน้าผากติดพื้นแล้วมือยังพนมไว้ที่อก ยังไม่ลืมตาเลย เราเลยเอามืดจับที่ขาแฟนแล้วกล่าว บทปิดกระแสญาณให้ จากนั้นเราก็พูดว่า ถอยไปก่อนสังขาลไม่ไหวแล้ว จากนั้นแฟนเราก็ยืดตัวขึ้นมานั่งท่าสมาธิปกติ แต่ยังไม่ลืมตา เราเลยจับขาอีกครั้งแล้วบอกว่าลืมตาได้ แฟนเราถึงลืมตา แฟนลืมตามาก็เล่าให้ฟังว่าได้ยินนะ ท่องบทปืดแล้ว เเต่กำลังจิตไม่พอ แฟนเราได้ยินเสียงเราทั้งหมดแต่ถูกหัวไว้ เพราะของแฟนเรามาปฏิบัติธรรมเช็คกรรมมา มีเจ้ากรรมนายเวร สามดวงจิต ต้งปฎิบัติธรรมใหญ่ หกรอบ ของเรายังไม่ได้เช็คกรรมแต่เรารู้จากการที่เขามาทำให้เรารู้และเร่งสภาวะธรรม เราเพิ่งเช็ครอบที่สอง แต่ของเราาพระอาจารย์ไม่บอกว่ากี่ดวงจิต แต่เราต้งมาปฎฺบัติแปดรอบ เราก็คิดในใจคนอื่นเขารู้ว่ามีกี่ดวงทำไมของเราท่านไม่บอก
ที่วัดนี้ เป็นสถานปฎิบัติธรรมที่มีคนมาคอนข้างที่จะมาก ชนิดที่ว่า ปฏิบัติรอบนึง ถ้าปกติก็ประมานห้าร้อยหกร้อย คือคนที่ไม่ใช่คนพื้นที่เชียงใหม่ เค้าก็ขับรถมาเองบ้าง นั่งเครื่องมาบ้าง แต่รู้ได้เลยว่าเกิดจากแรงศรัทธาของแต่ละคน เพราะทุกคนที่ไปปฎิบัติธรรมต่างพิสูจน์บุญระหว่างทางทั้งนั้นมันไม่มีนะความรู้สึกที่ว่าต้องใช้เงินบริจาคไปเท่านี้แล้วจะได้ไปสวรรค์ชั้นนั้นๆ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราขอบคำที่ท่านกล่าวไว้มาก บุญใครตั้งใจปฎิบัติมากก็ได้มาก ตั้งใจน้อยก็ได้น้อย
ส่วนบุญที่เรายกให้กลับกรรมหลัก นั้นทั้งหมดไม่ต้องไปเสียดาย มันก็เหมือน เวลาที่เรามีเที่ยนอยู่ในมือ เปลวไปนั่นคือบุญ กรรมแต่ละดวงจิตเขามีเทียนในมือแต่ไม่มีเปลวไฟ เราแค่ยืนเทียนในมือให้เค้าต่อเสร็จเค้าก็ไป แต่เปลวไฟเราก็ไม่ได้ดับหรือเทียนในมือเราก็ไม่ได้หายไปไหนมันก็ยังอยู่กับเราเช่นเดิม ฉันไดฉันนั้น
เอาไว้ตอนที่3 มาต่อให้ว่าเกิดอะไรขึ้นอีกที่
ใครเคยมีประสบการณ์กับคำที่ว่า เมื่อถึงเวลาเราจะถูกเหวี่ยงเข้าทางธรรม บ้างมั้ย (ตอนที่2)
ต้องบอกก่อนว่าโดยส่วนตัวก่อนไปปฏิบัติเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องเกี่ยว พวก จิต วิญญาณ ทำสมาธิ อะไรมากเท่าไหร่ สนใจแค่ว่า วันนี้ไปไปนั่งร้านที่ไหนดีแล้วต่อด้วยร้านอะไรต่อ ออกแนว วัดก็เข้าเหล้าก็ดื่ม ประมานนั้น แต่พอไปลองปฏิบัติธรรมดู แล้วเจอสิ่งที่เราเองไม่เคยรู้สัมผัสมาก่อนคือ ตัวเรามีอีกดวงจิตที่เป็นต้นกำเนิดของตัวเราทุกภพทุกชาติจริงๆหรอ แล้วกรรมมันส่งผลต่อเราในภพชาตินี้ในรูปแบบไหนแล้วทำหน้าที่ต่างๆยังไงแล้วจิตตื่นรู้คืออะไร
สิ่งเหล่านี้มันเป็นคำถามในใจเรา ที่ยัง งง สงสัย แล้วจะหาคำตอบได้ยังไง จนวันแรกที่อยู่วัดเรามาถึงตอนเย็น ตามตารางที่ทางวัดมีให้ดูคืออเรียกขึ้นศาลาใหญ่เพือทำวัดเย็น สวดมนต์นั่งสมาธิเสร็จ พระอาจารย์ก็พูดให้หลักธรรม คำสอน และตอบคำถาม ที่มีคนที่ไปปฏิบัติธรรมเขียนไปถามบ้างและคำถามที่เราไม่ได้เขียนไปถามแต่ท่าน ตอบเราเองในเย็นวันนั้น อย่างเรื่องของกรรมหลักส่งผลยังไงทำหน้าที่อะไรอันนี้เราจะอธิบายตามที่เราทำความเข้าใจจากที่ท่านกล่าวมาคร่าวๆ
กรรมบรรพบุรุตเจ็ดชั่วโครต คือ ถ้านับยังไงเจ็ดชั่วโครตคือ ตัวเราอยู่ตรงกลาง นับขึ้นไปสามพ่อแม่ ตายาย ตาทวดยายทวด และนับลงไปสาม ลูก หลาน เหลน คือกรรมที่เราเคยกระทำไว้ทั้งภพชาติอดีตจนถึงปัจจุบันชาติ แล้วเค้าทำไมถึงอยู่กับเรา สมมุติว่าให้เข้าใจง่ายๆ ตาเราเสียไปแล้ว กำลังซื้อตั๋วใบนึงเพื่อจะไปที่ชอบๆ แต่ระหว่างที่ตากำลังจะไป เราเรียกตามากินข้าว ตาได้ยินเสียงหลานเรียก ตาก็มาหาเรา พอครั้งถัดไปตาจะไปอีกเราก็เรียกเค้ามาอีกแบบนี้ จนครบ สาม ครั้ง คร่าวนี้ ตาไม่มีตั๋วไปที่ชอบๆแล้วตาไปไหนไม่ได้ตาก็มาอยู่กับเรา (ตั๋วที่ว่านั่นคือบุญ) บรรพบุรุต เค้าจะกินแสงบุญของเรา หากตัวเราไม่มีบุญให้เค้ากิน เค้าก็จะเกาะกินสังขาลเรา คนบางคน เป็นโรคที่รักษาไม่หาย หาสาเหตุไม่ได้ นั่นแหละแต่ไม่ใช่แค่บรรพบุตรนะที่เกาะกินสังขารเราได้ เจ้ากรรมนายเวรก็เช่นกัน แต่บางดวงจิตที่เค้าไปไหนไม้ได้เพราะ ห่วงลูกหลานก็มี
กรรมจากเจ้ากรรมนายเวร คือ กรรมที่เราเคยไปทำร้ายเขา เมื่อในดีตจนถึงปัจจุบัน เจ้ากรรมนายเวรนี้จะเป็นดวงจิตที่อาฆาตแค้น ทำหน้าที่ ปิดกัน บีบคั้น ขัดขวาง เหนี่ยวรั้ง ฉุดรั้ง เกาะกินสังขาล เพราะจิตสุดท้ายก่อนตายเค้าอาฆาตเเค้นเรามาก
กรรมจากคู่กรรม คือ กรรมที่เราเคยทำร้ายคนรักเมื่อในอดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะทางกาย วาจา ใจ ความรู้สึก และคำสัญญา สาบาน เมื่อตายไปคำสัญญาสาบานพวกนี้มันคือห่วงพรรธนาการดวงจิตไว้ให้ไปไหนไม่ได้ บางดวงเราไปทำร้ายเขาเสียใจ จิตสุดท้ายเขาแค้นเรา เขาก็คล้ายกันเจ้ากรรมนายเวรเรา ทำหน้าทียังไงบ้าง คนที่มีกรรมเป็นคู่กรรม มักจะไม่ค่ยสมหวังเรื่งความรัก เวลาที่มีแฟน จะต้งมีปัญหาให้เลิกรากันไป เช่นมีแฟนปุ๊บจากที่มีเงินก็ต้องมีเรื่องเข้ามาให้เสียเงินจนไม่มี แต่เวลาที่ไม่มีแฟน มีเงินใช้สบายๆ คนบางคน อยู๋เป็นโสดยู่คนเดียวสบายๆไม่จำเป็นต้องมีแฟนก็ได้ ันนี้ลองสังเกตุกันเอาเองน๊า แล้วคู่กรรม สามารถทำหน้าที่ ปิดกั้น บีบคั้น ฉุดรั้ง ขัดขวาง เหนี่ยวรั้ง เราได้ด้วยเช่นกัน บางดวงไม่ปิดก็ส่งเสริมเพราะไม่ยอมให้เรามีคู่พอมีก็จะเป็นแบบที่กล่าวมาประมานนั้น
ส่วนกรรมหลักคืออะไร คือกรรมที่ถึงวาระ และมีสิทธิ์ ในการสะท้อนกรรมกับเรามากที่สุด
ส่วนกรรมรอง คือกรรมที่ยังไม่ถึงวาระ รองจากกรรมหลัก คิดง่ายๆคือ เหมือนเวลาเรายืนเขาแถวเรียงกันไปยาวๆแบบนี้แซงคิวไม่ได้นะ
ส่วนกรรมร่วม คือกรรมที่เราไปมีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น มีเพื่อนมาของยืมเงินคุณไปทำแท้ง คุณรูว่าเขาจะไปทำแท้งแต่คุณก็ให้เงินเขาไปนั่นก็ถือว่าเป็นกรรม ร่วมเช่นกัน และยังมีอีกกรรมซ้อนกรรม กรรมซ้อนธรรม บลาๆ
พอหลังจากที่ฟังธรรมจากพระอาจารย์ สวดมนต์ ทำสมาธิอะไรเสร็จ ก็จะต้องตั้งจิต ยกผลบุญ ให้กับกรรมหลัก กรรมรอง กรรมร่วมและทุกกรรมที่เรามีส่วนเกี่ยวข้อง คำตั้งจิตนี้ หากใครได้เข้ามาอ่าน สามารถลองเอาไปปรับใช้ได้นะ หลังสวดมนต์ทำสมาธิ หรือเวลาไปกรวดน้ำก็ตาม
ให้ตั้งจิตว่า ทุกบุญที่ลูกได้สร้างทั้งหมด ขอยกให้กับ องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกๆพระองค์ ขอเมตตาบารมีพระองค์ช่วยแผ่พลังบุญนี้ไปให้กับ สิ่งสักศักดิ์ทุกๆชั้นฟ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ๋ทุกๆชั้นดิน สิ่งศักดิ์ที่อยู๋ ณ ที่นี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่กับตัวลูก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่กับครูบาร์อาจารย์ของลูก บรรพบุรุตเจ็ดชั่วโครต วงศาคณาญาติ กรรมหลัก กรรมรอง กรรมร่วม และทุกกรรมที่ลูกมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดทั้งมวล ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ยกให้ทั้งหมดทั้งมวล ไม่ขอติดกรรมไม่ขอเอาคืน อานิสงฆ์ของการยกผลบุญขอให้ลูกมี สติ มีปัญญา มีบารมี เป็นคนดี มีญาณวิถีบรรลุธรรมด้วยเทรญ
แต่ถ้าหากใครต้องการที่จะพิสูจน์บุญระหว่างทางก็เพิ่มไปได้ว่าหากท่านทั้งหลายได้รับบุญที่ลูกแผ่ไปให้ก็ขอให้ช่วยเปิดทิศเปิดทาง อย่าได้ปิดกั้น ขัดขวาง บีบคั้น เหนี่ยวรั้งข้าพเจ้าด้วยเทรญ
ที่เราเข้าใจในคำตั้งจิตแบบนี้คือพระพุทธองค์ท่านสามารถไปได้ทั้งสามแดนโลกธาตุบางดวงจิตที่อยู๋ลึกลงไปกว่านรกภูมิเขาก็จะได้รับทั้งหมดทั้งมวล และได้รับเร็วกว่าเดิม มันคือการกรวดจิต คล้ายๆกรวดน้ำ นั่นเองแต่เาใช้จิตในการสื่อแทนน้ำที่หลายคนพอจะรู้ว่าคือเป็นในการเชื่อมกับภพภูมิอื่นนั่นเอง
พอยกผลบุญเสริจ เราก็แยกย้ายไปเข้าที่พักอาบน้ำนอนหลับ เพราะต้องตื่น ตีสี่ ไปทำวัดเช้า ตีห้า สวดมหาสันติงหลวง ถึงหกโมงครึ่ง
วันที่สองของการปฎฺิบัติ
เราไม่แปลกใจเลยว่ารอบนี้ทำไมรอบนี้เราถึงได้มามันเป็นบุญใหญ่อะไร ที่วัดเค้ามีการ หล่อพระพุทธรูป พระไตรวรญาณสี่แผ่นดิน แล้ววันนั้นก็มีเดินขบวนแห่พระธาตุด้วยก็ถือว่าเป็นบุญใหญ่ที่มีส่วนในพิธีร่วมสร้างพระพุทธรูปร่วมกกับญาติธรรมคนอื่นๆ
หลังจากลดละกรรมและพักทานอาหารเช้า ก็ขึ้นศาลา มาปฏิบัติต่อ เบาะที่เราใช้นั่งถูกเรียกว่าบันลังค์ การที่เราสวดมนต์ทำสมาธิวันแรก สองรอบคือสองบันลังค์ และบัลลังค์ที่สามคือการปลดปล่อยช่วยดวงจิต ปรับภพ เพิ่มขัน ขมากรรม ต่อรองเจรจากับกรรมของเราเอง ในรอบนี้เรา ก็ยังไม่เข้าใจ แต่พอถึงเวลาทำสมาธิ ตามเสียงเพลง เพื่อขอขมากรรม โดยหากใครไม่รู้จะพูดยังไงก็น้อมจิตตามเสียงพระอาจารย์ พอเพลงมาเท่านั้นบวกน้อมจิตตามเสียงพระอาจารย์ คือเกืดสภาวะธรรม และ ตัวเราเองร้องไห้เสียใจเองคุมตัวเองไม่ได้แต่มีสติรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งหมด นั่นคือคู่กรรมที่เขาถึงวาระผ่านสังขาลเรามาเพื่อให้เราขอขมากรรม ขอโทษเจรจา ในขนาดนั้นตัวเราเองก็ยังหลับตาท่านั่งสมาธิอยู๋ แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่ว่ากรรมหลักของแต่ละคนเป็นอะไร พอ ขอขมากรรเสร็จพระอาจารย์ก็ให้ดึงจิตกลับมาก็กลับมาปกตืแล้วให้เราสื่อกับจิตเดิมแท้ของเรา แล้วอยู่ๆท่านั่งเราก็เปลี่ยน หลังตรงหน้าเชิดมองไปข้างหน้า เเล้วมันเกืดความรู้สึก นิ่ง สุขุม ไม่มีอะใรให้หัวให้คิด เหมือนตัวเราเองอีกคนนึ่งแต่เป็นเวอร์ชั่นที่ดูดีจัง ไม่เห็นเราคนเดิม นั่นคือจิตที่ตื่นรู้ พอทำสมาธิเสร็จ กล่าวบทปิดกระแสญาณแล้ว เราลืมตาขึ้น คือนิ่งมากๆ แล้วเราหันไปดูแฟน แฟนเรายังอยู่ในสมาธิถูกเจ้ากรรมนายเวรกดหัวจนหน้าผากติดพื้นแล้วมือยังพนมไว้ที่อก ยังไม่ลืมตาเลย เราเลยเอามืดจับที่ขาแฟนแล้วกล่าว บทปิดกระแสญาณให้ จากนั้นเราก็พูดว่า ถอยไปก่อนสังขาลไม่ไหวแล้ว จากนั้นแฟนเราก็ยืดตัวขึ้นมานั่งท่าสมาธิปกติ แต่ยังไม่ลืมตา เราเลยจับขาอีกครั้งแล้วบอกว่าลืมตาได้ แฟนเราถึงลืมตา แฟนลืมตามาก็เล่าให้ฟังว่าได้ยินนะ ท่องบทปืดแล้ว เเต่กำลังจิตไม่พอ แฟนเราได้ยินเสียงเราทั้งหมดแต่ถูกหัวไว้ เพราะของแฟนเรามาปฏิบัติธรรมเช็คกรรมมา มีเจ้ากรรมนายเวร สามดวงจิต ต้งปฎิบัติธรรมใหญ่ หกรอบ ของเรายังไม่ได้เช็คกรรมแต่เรารู้จากการที่เขามาทำให้เรารู้และเร่งสภาวะธรรม เราเพิ่งเช็ครอบที่สอง แต่ของเราาพระอาจารย์ไม่บอกว่ากี่ดวงจิต แต่เราต้งมาปฎฺบัติแปดรอบ เราก็คิดในใจคนอื่นเขารู้ว่ามีกี่ดวงทำไมของเราท่านไม่บอก
ที่วัดนี้ เป็นสถานปฎิบัติธรรมที่มีคนมาคอนข้างที่จะมาก ชนิดที่ว่า ปฏิบัติรอบนึง ถ้าปกติก็ประมานห้าร้อยหกร้อย คือคนที่ไม่ใช่คนพื้นที่เชียงใหม่ เค้าก็ขับรถมาเองบ้าง นั่งเครื่องมาบ้าง แต่รู้ได้เลยว่าเกิดจากแรงศรัทธาของแต่ละคน เพราะทุกคนที่ไปปฎิบัติธรรมต่างพิสูจน์บุญระหว่างทางทั้งนั้นมันไม่มีนะความรู้สึกที่ว่าต้องใช้เงินบริจาคไปเท่านี้แล้วจะได้ไปสวรรค์ชั้นนั้นๆ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราขอบคำที่ท่านกล่าวไว้มาก บุญใครตั้งใจปฎิบัติมากก็ได้มาก ตั้งใจน้อยก็ได้น้อย
ส่วนบุญที่เรายกให้กลับกรรมหลัก นั้นทั้งหมดไม่ต้องไปเสียดาย มันก็เหมือน เวลาที่เรามีเที่ยนอยู่ในมือ เปลวไปนั่นคือบุญ กรรมแต่ละดวงจิตเขามีเทียนในมือแต่ไม่มีเปลวไฟ เราแค่ยืนเทียนในมือให้เค้าต่อเสร็จเค้าก็ไป แต่เปลวไฟเราก็ไม่ได้ดับหรือเทียนในมือเราก็ไม่ได้หายไปไหนมันก็ยังอยู่กับเราเช่นเดิม ฉันไดฉันนั้น
เอาไว้ตอนที่3 มาต่อให้ว่าเกิดอะไรขึ้นอีกที่