ในความคิดผมนะ...ไม่ได้ลบหลู่ แต่คือไม่เชื่อ เต็ม เต็ม เลย
ผมคิดว่าคนพวกนี้คงมีความผิดปกติของเคมีในสมองในระดับหนึ่ง สารสื่อประสาทอาจทำงานไม่เหมือนคนปกติ
พวกเขาเลยมีการรับสัมผัสที่ผิดเพี้ยนไป แต่พวกเขาไม่รู้ตัวหรอกครับว่าพวกเขาเพี้ยน
เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นในหัวพวกเขา การรับรู้ที่เกิดจากระบบประสาท(ที่ผิดพาด)มันจึงรู้สึกว่าจริง ยิ่งกว่าจริงสำหรับพวกเขา
ดังนั้นเราจึงได้เห็นพวกนี้บางคนแสดงออกอย่างจริงจังว่าพวกเขามี(ความวิเศษ)จริง   ทั้งการพูดที่จริงจัง การเล่าดีเทลที่ละเอียดยิบ และย้ำหนักแน่ว่าพวกเขารับรู้มันได้จริง
ยิ่งบางคนมีการศึกษาสูง(ดร.)  เรียนเมืองนอก หรือ พระ (เกจิ) อาจารย์ดัง. พวกนี้ถ้าออกมาพูดก็จะมีคน(ที่พร้อม)เชื่ออยู่มากมาย
ทั้งที่ความวิเศษของเขาเหล่านี้ไม่สามารถพิสูจน์ได้เลย
คำตอบที่ได้คือ เราไม่เหมือนพวกเขา เราไม่มีศรัทธาพอ สมาธิณานไม่เข้าขั้น ศีลไม่สูง จิตเลเวลต่ำ
ใช่ครับ! เราไม่อาจเห็นหรือสัมผัสสิ่งพิเศษได้เหมือนพวกเขา เพราะเคมีในสมองเราไม่เหมือนกัน ระบบประสาทสมองคงต่างกัน
เราคงต้องไปฝึกจิต(ศรัทธา) ปรับกระบวนการคิด(จูนสมอง) และอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบเดียวกับพวกเขา(กลมกลืน) เพื่อที่เราอาจจะรับรู้ได้แบบเดียวกับพวกเขา
แค่เราศรัทธา มีความเชื่อ และพร้อมคล้อยตามพวกเขา เราก็กลายเป็นสาวกแล้ว
สำหรับสาวกแล้ว...ผู้นำทำอะไรถูกหมด ดีทุกอย่าง.      ก็เพราะศรัทธาและความเชื่อนี่แหละครับ.

ขึ้นต้นมา...เป็นเรื่องของพวกผู้วิเศษที่สมองทำงานไม่ปกติ
ลงท้าย...กลายเป็นเรื่องศรัทธาของสาวกซะงั้น.