เรื่องมีอยู่ว่าสามีดิฉันมีลูกติด ตอนนี้อายุ 7 ขวบแล้วค่ะ
ตอนนี้เด็กอยู่ในความปกครองของทางดิฉัน
แต่ปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้คือ
แม่ของเด็กเค้าไม่ให้สามีดิฉันรับรองบุตรเนื่องจากกลัวว่าหากสามีดิฉันรับรองบุตรแล้วจะมีสิทธิ์ในตัวลูก
และจะไม่ยอมคืนลูกให้ทางเค้า
แรกก่อนที่จะได้ลูกสาวมาดูแล
แม่เด็กชอบมาพูดกดดันว่า เด็กเป็นปมด้อยนะ ไม่มีพ่อเพราะเรา
คือกลายเป็นว่าเราก็รู้สึกแย่ๆมาก เพราะจริงๆเราก็รู้ว่าสามีเคยมีครอบครัวมาก่อน แต่ก็เพราะว่ารู้อีกเหมือนกันว่าเค้าเลิกรากันไปแล้วแต่จบกันแบบไม่สวย
เพราะเมื่อก่อนสามีค่อนข้างเละเทะและตัวแม่เด็กเองก็ติดเที่ยว ลูกสาวจึงอยู่กับปู่ย่าตลอด (รู้มากจากคนแถวบ้านสามีเค้าเล่าให้ฟังตามประสาชาวบ้านค่ะ)
แต่พอแม่เด็กรู้ว่ามีดิฉัน แม่เด็กก็เลยมาพาเด็กไปโดยไม่บอกใครเลย แม่ของเด็กก็พาลูกไปอยู่ด้วยตั้งแต่ 3 ขวบโดยไม่ให้ทางสามีดิฉันติดต่อได้ทุกช่องทางจนผ่านไป 2ปี เฟซบุ๊คกำลังบูม เป็นความบังเอิญว่าทั้งสามี เรา และแม่เด็กมาเจอกันในเฟซบุ๊กโดยฝั่งทางแม่เด็กแอดเพื่อนมา
การสนทนาก็เกิดขึ้นโดยแม่เด็กเลือกที่จะติดต่อมาทางดิฉัน
ซึ่งก็ได้รู้ว่าแม่เด็กเอาเด็กไปฝากยายเลี้ยงที่ต่างจังหวัด ส่วนแม่เด็กอยู่ที่บางบัวทองกับสามีใหม่
ซึ่งยายที่ต่างจังหวัดก็ไม่ได้เลี้ยงลูกสาวแค่คนเดียว มีลูกที่เกิดจากน้องสาวของแม่เด็กอีกคนนึงด้วย
ครั้งแรกที่ได้เจอเด็กหลังจากไม่ได้เจอกัน 2ปี สามีดิฉันแทบล้มเลยค่ะ
ตอนนั้น5ขวบเข้า6ขวบแล้วเป็นช่วงปิดเทอม1
แม่เด็กเลยไปรับเด็กจากต่างจังหวัดมาเที่ยวที่บางบัวทอง เราเจอกันเป้นครั้งแรกในรอบ2ปี
เด็กเคยอยู่กับเราประมาณครึ่งปี และเด็กจำเราได้ เค้าวิ่งมาหาเราแบบดีใจมาก
เค้าได้เจอพ่อเค้า เค้าจะเป็นเด็กดีมาก อ้อนพ่อเค้าตลอด พอไปหาแล้วต้องได้กลับ
จะร้องไห้ชนิดที่ว่าฟูมฟายลั่นบ้าน แม่เด็กพยายามจะอุ้มออก เด็กผลักแม่ออกเลยค่ะ
และพอไปเจอลูกบ่อยเข้าๆๆ ก็ได้เห็นนิสัยของลูกมาทีละนิด เริ่มเห้นจากกิริยามารยาท
เด็กขี้โวยวาย ไม่พอใจอะไรก็กรี๊ดๆๆๆ อยากได้ของก็ร้องไห้เอา ชนิดนั่งร้องไห้กลางห้างเลย
เรากับสามีเห้นแล้วแบบ ลมแทบจับคือแบบทำไมสภาพลูกสาวอยู่กับแม่เป้นแบบนี้
พอใกล้เปิดเทอม ไม่รู้แม่เค้าคิดอะไร ย้ายยลูกมาเรียนที่บางบัวทองกระทันหัน
ก็เลยเป็นโอกาสที่เราไปหาลูกได้ง่ายขึ้นเพราะเราทำงานกันที่ชลบุรี
ยิ่งไปกว่านั้น พอหลังๆมามีโอกาสได้พาลูกไปเที่ยวบ้าง พามาค้างที่บ้านเวลาวันหยุด (แม่เค้าเริ่มปล่อย)
เราก็เห้นว่าเด็กน่าจะต้องได้เรียนรู้ เราก็ซื้อของเล่นพัฒนาไอคิว อีคิวบ้าง
หนังสือเรียน หัดอ่านนั่นนี่เหมือนซื้อให้ลูกทั่วไปค่ะ
ก็ต้องช็คอีก เพราะเด็กท่อง ก-ฮ ไม่ได้เลย พูดไม่ชัด สมาธิสั้น ติดทีวี พูดด้วยจะทำมึนใส่ เจอสภาพแบบนี้เลยค่ะ
พอได้มีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน มานั่งสังเกตลูกแล้ว
ลูกผอมมาก ฟันผุเกือบหมดปาก สุขลักษณะไม่ได้เลย
อาบน้ำ แปรงฟัน สระผมเองก็ยังไม่เป็น กินข้าวยังต้องให้ป้อน (เพราะเราเลือกไม่ป้อนเค้าร้องไห้ โยนจานทิ้งเลยค่ะแล้วไม่กินข้าวด้วย)
พอเราเห็นเด็กเป็นแบบนี้ สามีดิฉันทนไม่ไหวแล้ว
เลยคุยกับแม่เด็กไปตรงๆว่า ทำไมปล่อยลูกแบบนี้ อยู่กับแม่เราวางใจว่าน่าจะเลี้ยงลูกได้ดีกว่านี้
แต่มันไม่ใช่เลย ปล่อยลูกผอมแห้งแบบนี้ วันๆเอาไรให้ลูกกิน บลาๆๆๆ
เท่านั้นล่ะค่ะ การเรียกร้องค่าเลี้ยงดูก็เกิดขึ้น
ก็เริ่มจากการไปแวะเวียนหา ซื้อของใช้ที่จำเป็นให้เกือบทุกเดือน
แต่เนื่องจากพื้นเพนิสัยของแม่เด็กว่าเค้าเป็นคนชอบเที่ยว หนี้สินเยอะ หยิบยืมเค้าไปทั่ว
เงินรายเดือนทางเราเลยให้เค้าไว้แค่2พัน รู้นะคะว่าผู้อ่านอาจจะคิดว่า2พันจะไปพออะไร
แต่อย่างที่บอกค่ะ ให้เค้าไปเท่าไหร่เงินไม่เคยถึงลูก สามีใหม่เค้าก็แค่รับเหมาก่อสร้างไปวันๆ
แม่เด็กจะรู้ว่าวันเงินเดือนออกคือวันไหน เช้าตรู่วันนั้นของทุกเดือนเค้าจะไลน์มาเลยค่ะว่า
จะโอนให้กี่โมง จนผ่านไปเกือบปี สามีเราเริ่มทนไม่ได้มาออกคำสั่ง เอาลูกมาอ้างถ้าไม่โอนเงินส่งมา
ก็ไม่ต้องมาหาลูกอีก เป็นแบบนี้เลยค่ะเป็นปีๆ
จนมาวันหนึ่ง สามีใหม่ของแม่เด็กแยกตัวไปทำงานที่บางพลี
พ่อแม่และน้องสาวเค้า ก็หนีหนี้ย้ายกลับต่างจังหวัด
ก็เลยเหลือแค่แม่เด็ก ลูกสาวและ น้องสาวของแม่เด็ก
ย้ายบ้านหนีกันชุลมุน ช่วงนั้นใกล้สิ้นปีพอดี
แม่เด็กเลยให้เด็กมาอยู่กับเราช่วงวันหยุดสิ้นปี ก็10กว่าวันได้ค่ะ
พอสิ้นปีเราก็เลยกลับบ้านที่ต่างจังหวัดเหมือนกัน
เอาลูกสาวไปด้วย
ปู่กับย่าดีใจมากที่ได้เจอหลาน และก็เข้าสเตปเดิม
ก่อนกลับมาชลบุรี หลานร้องไห้ไม่ยอมกลับ
ชนิดว่าต้องปล่อยให้หลับแล้วค่อยอุ้มขึ้นรถ
หลังจากนั้นก็ดิฉันก็คุยกับแม่เด็กมากขึ้น
ว่าจะเป็นไปได้มั้ยว่าจะให้เด็กมากเรียนที่ชลบุรี มาอยู่กับทางเราเพราะตอนนั้นเด็กกำลังจะจบอนุบาล 2
แม่เค้าก็บอกมาว่า ขอคิดดูก่อน ผ่านไปจนเด็กจบอนุบาล
ก็มานั่งตกลงกัน แม่เด็กยอมให้เด็กมาอยู่ที่ศรีราชา โดยมีข้อแลกเปลี่ยนว่า ช่วงปิดเทอมแม่เด็กจะมารับไปอยู่ด้วย
หรือหากเมื่อไหร่ที่แม่เด็กอยากจะเอาลูกกลับไปดูแล ทางดิฉันต้องคืนเด็กให้เค้าทันที
นี่คือข้อแลกเปลี่ยนของแม่เด็ก
ดิฉันกับสามีก็เลยตกลง แต่ก็มีเงื่อนไขเหมือนกันว่า ในครั้งนี้เรารับลูกมาดูแลเพื่อให้การศึกษาค่าใช้จ่ายทุกอย่างทางเรารับผิดชอบทั้งหมด
จะไม่เรียกร้องจากทางแม่เด็กแม้แต่บาทเดียว แต่ในทางกลับกับ หากแม่เด็กเอาลูกกลับไปโดยเป้นเหตุผลที่ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ยินยอม หรือทำเองโดยไม่มีการถามความเห็นทางเรา ทางเราจะไม่ส่งค่าเลี้ยงดูใดๆทั้งสิ้นเช่นกัน แม่เด็กตกลงตามนี้
ตอน1 จบแล้ว เดี่ยวจะมาเล่าเรื่องต่อหลังจากที่เด็กมาอยู่ที่นี่แล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างค่ะ
ประสบการณ์แม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยง อยากถามผู้ที่มีประสบการณ์เดียวกันค่ะ ว่าเป้นอย่างไรกันบ้าง
ตอนนี้เด็กอยู่ในความปกครองของทางดิฉัน
แต่ปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้คือ
แม่ของเด็กเค้าไม่ให้สามีดิฉันรับรองบุตรเนื่องจากกลัวว่าหากสามีดิฉันรับรองบุตรแล้วจะมีสิทธิ์ในตัวลูก
และจะไม่ยอมคืนลูกให้ทางเค้า
แรกก่อนที่จะได้ลูกสาวมาดูแล
แม่เด็กชอบมาพูดกดดันว่า เด็กเป็นปมด้อยนะ ไม่มีพ่อเพราะเรา
คือกลายเป็นว่าเราก็รู้สึกแย่ๆมาก เพราะจริงๆเราก็รู้ว่าสามีเคยมีครอบครัวมาก่อน แต่ก็เพราะว่ารู้อีกเหมือนกันว่าเค้าเลิกรากันไปแล้วแต่จบกันแบบไม่สวย
เพราะเมื่อก่อนสามีค่อนข้างเละเทะและตัวแม่เด็กเองก็ติดเที่ยว ลูกสาวจึงอยู่กับปู่ย่าตลอด (รู้มากจากคนแถวบ้านสามีเค้าเล่าให้ฟังตามประสาชาวบ้านค่ะ)
แต่พอแม่เด็กรู้ว่ามีดิฉัน แม่เด็กก็เลยมาพาเด็กไปโดยไม่บอกใครเลย แม่ของเด็กก็พาลูกไปอยู่ด้วยตั้งแต่ 3 ขวบโดยไม่ให้ทางสามีดิฉันติดต่อได้ทุกช่องทางจนผ่านไป 2ปี เฟซบุ๊คกำลังบูม เป็นความบังเอิญว่าทั้งสามี เรา และแม่เด็กมาเจอกันในเฟซบุ๊กโดยฝั่งทางแม่เด็กแอดเพื่อนมา
การสนทนาก็เกิดขึ้นโดยแม่เด็กเลือกที่จะติดต่อมาทางดิฉัน
ซึ่งก็ได้รู้ว่าแม่เด็กเอาเด็กไปฝากยายเลี้ยงที่ต่างจังหวัด ส่วนแม่เด็กอยู่ที่บางบัวทองกับสามีใหม่
ซึ่งยายที่ต่างจังหวัดก็ไม่ได้เลี้ยงลูกสาวแค่คนเดียว มีลูกที่เกิดจากน้องสาวของแม่เด็กอีกคนนึงด้วย
ครั้งแรกที่ได้เจอเด็กหลังจากไม่ได้เจอกัน 2ปี สามีดิฉันแทบล้มเลยค่ะ
ตอนนั้น5ขวบเข้า6ขวบแล้วเป็นช่วงปิดเทอม1
แม่เด็กเลยไปรับเด็กจากต่างจังหวัดมาเที่ยวที่บางบัวทอง เราเจอกันเป้นครั้งแรกในรอบ2ปี
เด็กเคยอยู่กับเราประมาณครึ่งปี และเด็กจำเราได้ เค้าวิ่งมาหาเราแบบดีใจมาก
เค้าได้เจอพ่อเค้า เค้าจะเป็นเด็กดีมาก อ้อนพ่อเค้าตลอด พอไปหาแล้วต้องได้กลับ
จะร้องไห้ชนิดที่ว่าฟูมฟายลั่นบ้าน แม่เด็กพยายามจะอุ้มออก เด็กผลักแม่ออกเลยค่ะ
และพอไปเจอลูกบ่อยเข้าๆๆ ก็ได้เห็นนิสัยของลูกมาทีละนิด เริ่มเห้นจากกิริยามารยาท
เด็กขี้โวยวาย ไม่พอใจอะไรก็กรี๊ดๆๆๆ อยากได้ของก็ร้องไห้เอา ชนิดนั่งร้องไห้กลางห้างเลย
เรากับสามีเห้นแล้วแบบ ลมแทบจับคือแบบทำไมสภาพลูกสาวอยู่กับแม่เป้นแบบนี้
พอใกล้เปิดเทอม ไม่รู้แม่เค้าคิดอะไร ย้ายยลูกมาเรียนที่บางบัวทองกระทันหัน
ก็เลยเป็นโอกาสที่เราไปหาลูกได้ง่ายขึ้นเพราะเราทำงานกันที่ชลบุรี
ยิ่งไปกว่านั้น พอหลังๆมามีโอกาสได้พาลูกไปเที่ยวบ้าง พามาค้างที่บ้านเวลาวันหยุด (แม่เค้าเริ่มปล่อย)
เราก็เห้นว่าเด็กน่าจะต้องได้เรียนรู้ เราก็ซื้อของเล่นพัฒนาไอคิว อีคิวบ้าง
หนังสือเรียน หัดอ่านนั่นนี่เหมือนซื้อให้ลูกทั่วไปค่ะ
ก็ต้องช็คอีก เพราะเด็กท่อง ก-ฮ ไม่ได้เลย พูดไม่ชัด สมาธิสั้น ติดทีวี พูดด้วยจะทำมึนใส่ เจอสภาพแบบนี้เลยค่ะ
พอได้มีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน มานั่งสังเกตลูกแล้ว
ลูกผอมมาก ฟันผุเกือบหมดปาก สุขลักษณะไม่ได้เลย
อาบน้ำ แปรงฟัน สระผมเองก็ยังไม่เป็น กินข้าวยังต้องให้ป้อน (เพราะเราเลือกไม่ป้อนเค้าร้องไห้ โยนจานทิ้งเลยค่ะแล้วไม่กินข้าวด้วย)
พอเราเห็นเด็กเป็นแบบนี้ สามีดิฉันทนไม่ไหวแล้ว
เลยคุยกับแม่เด็กไปตรงๆว่า ทำไมปล่อยลูกแบบนี้ อยู่กับแม่เราวางใจว่าน่าจะเลี้ยงลูกได้ดีกว่านี้
แต่มันไม่ใช่เลย ปล่อยลูกผอมแห้งแบบนี้ วันๆเอาไรให้ลูกกิน บลาๆๆๆ
เท่านั้นล่ะค่ะ การเรียกร้องค่าเลี้ยงดูก็เกิดขึ้น
ก็เริ่มจากการไปแวะเวียนหา ซื้อของใช้ที่จำเป็นให้เกือบทุกเดือน
แต่เนื่องจากพื้นเพนิสัยของแม่เด็กว่าเค้าเป็นคนชอบเที่ยว หนี้สินเยอะ หยิบยืมเค้าไปทั่ว
เงินรายเดือนทางเราเลยให้เค้าไว้แค่2พัน รู้นะคะว่าผู้อ่านอาจจะคิดว่า2พันจะไปพออะไร
แต่อย่างที่บอกค่ะ ให้เค้าไปเท่าไหร่เงินไม่เคยถึงลูก สามีใหม่เค้าก็แค่รับเหมาก่อสร้างไปวันๆ
แม่เด็กจะรู้ว่าวันเงินเดือนออกคือวันไหน เช้าตรู่วันนั้นของทุกเดือนเค้าจะไลน์มาเลยค่ะว่า
จะโอนให้กี่โมง จนผ่านไปเกือบปี สามีเราเริ่มทนไม่ได้มาออกคำสั่ง เอาลูกมาอ้างถ้าไม่โอนเงินส่งมา
ก็ไม่ต้องมาหาลูกอีก เป็นแบบนี้เลยค่ะเป็นปีๆ
จนมาวันหนึ่ง สามีใหม่ของแม่เด็กแยกตัวไปทำงานที่บางพลี
พ่อแม่และน้องสาวเค้า ก็หนีหนี้ย้ายกลับต่างจังหวัด
ก็เลยเหลือแค่แม่เด็ก ลูกสาวและ น้องสาวของแม่เด็ก
ย้ายบ้านหนีกันชุลมุน ช่วงนั้นใกล้สิ้นปีพอดี
แม่เด็กเลยให้เด็กมาอยู่กับเราช่วงวันหยุดสิ้นปี ก็10กว่าวันได้ค่ะ
พอสิ้นปีเราก็เลยกลับบ้านที่ต่างจังหวัดเหมือนกัน
เอาลูกสาวไปด้วย
ปู่กับย่าดีใจมากที่ได้เจอหลาน และก็เข้าสเตปเดิม
ก่อนกลับมาชลบุรี หลานร้องไห้ไม่ยอมกลับ
ชนิดว่าต้องปล่อยให้หลับแล้วค่อยอุ้มขึ้นรถ
หลังจากนั้นก็ดิฉันก็คุยกับแม่เด็กมากขึ้น
ว่าจะเป็นไปได้มั้ยว่าจะให้เด็กมากเรียนที่ชลบุรี มาอยู่กับทางเราเพราะตอนนั้นเด็กกำลังจะจบอนุบาล 2
แม่เค้าก็บอกมาว่า ขอคิดดูก่อน ผ่านไปจนเด็กจบอนุบาล
ก็มานั่งตกลงกัน แม่เด็กยอมให้เด็กมาอยู่ที่ศรีราชา โดยมีข้อแลกเปลี่ยนว่า ช่วงปิดเทอมแม่เด็กจะมารับไปอยู่ด้วย
หรือหากเมื่อไหร่ที่แม่เด็กอยากจะเอาลูกกลับไปดูแล ทางดิฉันต้องคืนเด็กให้เค้าทันที
นี่คือข้อแลกเปลี่ยนของแม่เด็ก
ดิฉันกับสามีก็เลยตกลง แต่ก็มีเงื่อนไขเหมือนกันว่า ในครั้งนี้เรารับลูกมาดูแลเพื่อให้การศึกษาค่าใช้จ่ายทุกอย่างทางเรารับผิดชอบทั้งหมด
จะไม่เรียกร้องจากทางแม่เด็กแม้แต่บาทเดียว แต่ในทางกลับกับ หากแม่เด็กเอาลูกกลับไปโดยเป้นเหตุผลที่ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ยินยอม หรือทำเองโดยไม่มีการถามความเห็นทางเรา ทางเราจะไม่ส่งค่าเลี้ยงดูใดๆทั้งสิ้นเช่นกัน แม่เด็กตกลงตามนี้
ตอน1 จบแล้ว เดี่ยวจะมาเล่าเรื่องต่อหลังจากที่เด็กมาอยู่ที่นี่แล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างค่ะ