ขอบอกก่อนเลยว่านี่เป็นของชิ้นแรกที่ราคาเกิน 10,000 บาท ที่ผมสั่งผ่าน Online เลยครับ
ปกติผมเป็นคนซื้อของ Online บ่อย เพราะชอบที่มันสะดวก ไม่ต้องเดินทางไปเลือกซื้อแย่งชิงกับใคร
เสียหน่อยก็ตรงที่ต้องใจเย็นซื้อแล้วรอแค่นั้นแหละ และของที่ซื้อจะเป็นของที่ราคาไม่เกิน 3,000 บาท
แถมส่วนใหญ่มาถึงมือด้วยไปรษณีย์ไทยด้วย มีส่วนน้อยที่จะเป็นบริษัทฯ ที่ขายส่งเอง (เช่น zalora ฯ)
ของที่มาทางไปรษณีย์ไทยยอมรับว่าไม่เคยเจอกรณีที่กล่องเสียหายมากแบบที่ใน Pantip โพสกันเลย
อาจจะมีบุบบ้างเล็กน้อย เช่น มุมบุบ หรือ เปียกมานิดหน่อย (พนักงานมาส่งตอนฝนตกปรอยๆ)
ประเด็นในวันนี้ก็จะเน้นไปที่การจัดส่งสินค้าจาก Apple มาถึงเรา เรื่องขั้นตอนการสั่งซื้อการจ่ายผมขอข้ามไปแล้วกัน
เพราะเป็นที่รู้ๆ กันอยู่แล้วว่า ความน่าไว้เนื้อเชื่อใจใน Apple Online อยู่ในระดับ SSS อยู่แล้ว (ดีมากๆ)
เข้าเรื่อง… เมื่อวันที่ 23 ที่ผ่านมา ผมตัดสินใจแบบฉับพลันซื้อ MacBook Pro Retina 13” มา 1 เครื่อง
สักพักก็มี email ยืนยันจาก Apple เข้ามาเพื่อให้รู้ว่าการสั่งซื้อสำเร็จแล้ว(เราโดนตัดเงินแล้ว)
จากนั้นไม่นาน(ประมาณ 1-2 วันทำการ)เมื่อมีการจัดส่งจะมีเมลอีกฉบับที่ส่งมาพร้อมกับบอกเลขที่ติดตามการจัดส่ง (Tracking Number)
จากนั้นผมก็จะเอาเลขที่ตรงนี้แหละคอยเช็คจากเว็บของ DHL ทุกวัน ว่าสินค้าเราไปถึงไหน อยู่ตรงไหน
บอกตามตรงครับ ผมค่อนข้างกังวลกับการสั่งของ Online ครั้งนี้พอควร สาเหตุไม่ใช่แค่ราคาของสินค้าที่สูง
แต่อยู่ที่การจัดส่งส่งโดยใครบ้างต่างหาก? บอกอย่างตรงไปตรงมาเลย ผมไม่ไว้ใจไปรษณีย์ไทย
ในการส่งสินค้าประเภทที่มีราคา และ ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างเช่น MacBook
ทันทีที่ผมดูสถานะบนเว็บและพบว่ามันถูกส่งออกมาจาก Singapore แล้ว
ผมก็ไม่รอช้า รีบโทรไปที่ศูนย์ Call-Center (02-345-5000) ของ DHL ในทันที ….
จริงๆ เบอร์สำหรับลูกค้า Apple ให้โทรไปที่เบอร์ 02-345-5700 แต่เผอิญวันนั้นมันตรงกับวันเสาร์
เป็นเวลาปิดทำการของศูนย์ ผมเลยโทรไปที่เบอร์แรกแทน เจ้าหน้าที่ก็ยินดีให้บริการดีครับ
อันนี้ขอชม DHL เลย ที่ไม่เกี่ยงหน้าที่ในการทำงาน
หลักๆ ผมจะแจ้ง DHL ไปตรงๆ ว่า “ผมไม่ต้องการให้ DHL ส่งสินค้าของผมต่อไปยังไปรษณีย์ไทย”
ทางเจ้าหน้าที่เขาก็จะเช็คข้อมูลจากรหัสไปรษณีย์เผอิญเคสที่อยู่บ้านผม มันอยู่ในเขตบริการจัดส่งของ DHL อยู่แล้ว
เท่ากับว่า สินค้าของผมไม่ผ่านไปรษณีย์ไทยแน่นอน แถมเจ้าหน้าที่ยังเช็คให้คุณอีกด้วยว่าสินค้าตอนนี้อยู่ไหนแล้ว
(แบบ Real Time กว่าข้อมูลที่ขึ้นบนเว็บ) ปรากฎว่าสินค้าของผมตอนนั้นที่โทรคุยมันมาถึงศูนย์สุวรรณภูมิแล้ว
และกำลังถูกกระจายไปยังศูนย์จัดส่งในเขตบ้านผมต่อไป (บ้านผมอยู่แถมม.กรุงเทพวิทยาเขตรังสิต)
ศูนย์ที่รับผิดชอบจะเป็นตรงแถวเชียงรากน้อย วันจันทร์ถึงจะเริ่มนำส่งมาบ้านผมตามปกติ (วันที่ผมโทรคุยคือวันเสาร์)
ผมก็เลยบอกว่างั้นเดี๋ยวผมไปรับเองที่ศูนย์นั้นก็ได้ คือไหนๆ ของมันก็มาแล้ว เลยอยากไปรับเอง อีกอย่างผมใจร้อนด้วย
ไม่อยากรอไปจนถึงวันจันทร์ เจ้าหน้าที่เขาก็จะทำตามความต้องการของเรานั่นแหละครับ เราอยากไปรับเอง เขาก็จัดให้
เจ้าหน้าที่ Call-Center ที่ผมคุยด้วยเขาเลยนัดว่าควรเข้าไปหลัง 5 โมงเย็น เพราะเขาจะคาดการณ์ไม่ได้ว่า
รถจะไปถึงที่ศูนย์ปลายทางกี่โมง เลยเพื่อเวลาไว้ให้เย็นๆ หน่อย ตัวผมจะได้ไม่ต้องไปที่ศูนย์นั้นเก้อ
จนกระทั่งถึงเย็นวันนั้น ผมก็ไปที่ศูนย์ปลายทางดังกล่าว ผมไปถึงที่ศูนย์นั้นประมาณ 17:50 หน่อยๆ
วันนั้นเป็นวันที่รถบนถนนแต่ละสายเยอะมากครับ ผมไปธุระในเมืองแถวสีลมมา ขากลับขึ้นทางด่วน
รถเยอะมากกกกก กว่าจะมาถึงที่ศูนย์ก็ปาเข้าไปเกือบ 6 โมงเย็น ไปถึงที่ศูนย์ผมก็เข้าไปติดต่อขอรับสินค้า
มีพนักงานผู้ชายมารับ เขาเช็คข้อมูลดูปรากฎว่าของยังมาไม่ถึงศูนย์ สถานะในระบบของเขา
ยังค้างอยู่แค่ตรงของออกมาจากศูนย์สุวรรณภูมิแล้วแค่นั้นเอง ยอมรับว่าตอนนั้นก็รู้สึก fail นิดๆ
แต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไร เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมอะไรได้อยู่แล้ว
อีกอย่างผมเข้ามา interrupt กระบวนการจัดส่งของ DHL เขาเอง
ตามกำหนดการที่บอกมันคือ วันอังคาร (29/9/58) ซะด้วยซ้ำ
เจ้าหน้าที่เขาก็บอกว่ายังไงๆ ของก็เข้ามาที่ศูนย์ภายในคืนนี้แน่นอน พรุ่งนี้เช้าถ้าลูกค้าต้องการก็มารับได้เลย
หรือจะรอวันจันทร์ให้เจ้าหน้าที่นำไปส่งก็ได้ ในใจผมก็คิดว่าพรุ่งนี้อาจจะมารับเอง .... จากนั้นผมกลับบ้าน
ผมออกมาจากศูนย์ได้ไม่ถึง 5 นาที เจ้าหน้าที่คนเดิมโทรมาบอกว่า รถส่งของอีก 10 นาทีกำลังจะมาถึงที่ศูนย์แล้ว
เขาก็ถามผมว่าจะวนกลับมารับสินค้าไหม? ผมก็ตัดสินใจ ณ ตอนนั้นเลยว่า รับ! เพราะยังไงๆ จะได้ไม่เสียเที่ยวที่อุตส่าห์มาแล้ว
ก็เลยวนรถกลับมาอีกรอบ เจ้าหน้าที่เขาก็เตรียมเอกสารไว้ให้รอแล้ว พร้อมกับกล่าวขอโทษที่ทำให้ผมเสียเวลา
เห็นเจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่า เขาโดนตำหนิด้วย ว่าปล่อยลูกค้ากลับไปได้ยังไง ทำไมไม่โทรเช็คก่อนว่ารถส่งของถึงไหนแล้ว
…. ประมาณว่าทำให้ลูกค้าเสียเวลาวนไปวนมา …. เรื่องนี้บอกตรงๆ นะ ผมยังไม่ได้คิดอะไรเลย
ไม่ได้มองว่า เป็นความผิดของ DHL ด้วย แต่นั่นก็ทำให้เห็นว่า พื้นฐานการให้บริการของ DHL อยู่ในระดับไหน
สรุปก็กลับมาบ้านพร้อมสินค้าอย่างลงเอยด้วยดี และทำให้ผมมั่นใจได้ว่า
ครั้งต่อไปผมสามารถซื้อของกับ Apple Online ได้อย่างสบายใจ
ด้วยการส่งสินค้าจาก DHL ตรงถึงบ้านผม
ดังนั้น เพื่อความสบายใจกับใครที่กำลังจะสั่งสินค้าผ่าน Apple Online
คุณจะโทรไปเช็คกับทาง DHL ก่อนก็ได้ว่า
เขตพื้นที่บ้านของคุณอยู่ในระยะการให้บริการขนส่งโดย DHL หรือเปล่า?
ปล. รูป Package สินค้าขอโพสต่ออีก comment นึงละกัน
[CR] แชร์ประสบการสั่ง Macbook Pro จาก Apple Online Store (Thailand) และจัดส่งผ่าน DHL
ปกติผมเป็นคนซื้อของ Online บ่อย เพราะชอบที่มันสะดวก ไม่ต้องเดินทางไปเลือกซื้อแย่งชิงกับใคร
เสียหน่อยก็ตรงที่ต้องใจเย็นซื้อแล้วรอแค่นั้นแหละ และของที่ซื้อจะเป็นของที่ราคาไม่เกิน 3,000 บาท
แถมส่วนใหญ่มาถึงมือด้วยไปรษณีย์ไทยด้วย มีส่วนน้อยที่จะเป็นบริษัทฯ ที่ขายส่งเอง (เช่น zalora ฯ)
ของที่มาทางไปรษณีย์ไทยยอมรับว่าไม่เคยเจอกรณีที่กล่องเสียหายมากแบบที่ใน Pantip โพสกันเลย
อาจจะมีบุบบ้างเล็กน้อย เช่น มุมบุบ หรือ เปียกมานิดหน่อย (พนักงานมาส่งตอนฝนตกปรอยๆ)
ประเด็นในวันนี้ก็จะเน้นไปที่การจัดส่งสินค้าจาก Apple มาถึงเรา เรื่องขั้นตอนการสั่งซื้อการจ่ายผมขอข้ามไปแล้วกัน
เพราะเป็นที่รู้ๆ กันอยู่แล้วว่า ความน่าไว้เนื้อเชื่อใจใน Apple Online อยู่ในระดับ SSS อยู่แล้ว (ดีมากๆ)
เข้าเรื่อง… เมื่อวันที่ 23 ที่ผ่านมา ผมตัดสินใจแบบฉับพลันซื้อ MacBook Pro Retina 13” มา 1 เครื่อง
สักพักก็มี email ยืนยันจาก Apple เข้ามาเพื่อให้รู้ว่าการสั่งซื้อสำเร็จแล้ว(เราโดนตัดเงินแล้ว)
จากนั้นไม่นาน(ประมาณ 1-2 วันทำการ)เมื่อมีการจัดส่งจะมีเมลอีกฉบับที่ส่งมาพร้อมกับบอกเลขที่ติดตามการจัดส่ง (Tracking Number)
จากนั้นผมก็จะเอาเลขที่ตรงนี้แหละคอยเช็คจากเว็บของ DHL ทุกวัน ว่าสินค้าเราไปถึงไหน อยู่ตรงไหน
บอกตามตรงครับ ผมค่อนข้างกังวลกับการสั่งของ Online ครั้งนี้พอควร สาเหตุไม่ใช่แค่ราคาของสินค้าที่สูง
แต่อยู่ที่การจัดส่งส่งโดยใครบ้างต่างหาก? บอกอย่างตรงไปตรงมาเลย ผมไม่ไว้ใจไปรษณีย์ไทย
ในการส่งสินค้าประเภทที่มีราคา และ ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างเช่น MacBook
ทันทีที่ผมดูสถานะบนเว็บและพบว่ามันถูกส่งออกมาจาก Singapore แล้ว
ผมก็ไม่รอช้า รีบโทรไปที่ศูนย์ Call-Center (02-345-5000) ของ DHL ในทันที ….
จริงๆ เบอร์สำหรับลูกค้า Apple ให้โทรไปที่เบอร์ 02-345-5700 แต่เผอิญวันนั้นมันตรงกับวันเสาร์
เป็นเวลาปิดทำการของศูนย์ ผมเลยโทรไปที่เบอร์แรกแทน เจ้าหน้าที่ก็ยินดีให้บริการดีครับ
อันนี้ขอชม DHL เลย ที่ไม่เกี่ยงหน้าที่ในการทำงาน
หลักๆ ผมจะแจ้ง DHL ไปตรงๆ ว่า “ผมไม่ต้องการให้ DHL ส่งสินค้าของผมต่อไปยังไปรษณีย์ไทย”
ทางเจ้าหน้าที่เขาก็จะเช็คข้อมูลจากรหัสไปรษณีย์เผอิญเคสที่อยู่บ้านผม มันอยู่ในเขตบริการจัดส่งของ DHL อยู่แล้ว
เท่ากับว่า สินค้าของผมไม่ผ่านไปรษณีย์ไทยแน่นอน แถมเจ้าหน้าที่ยังเช็คให้คุณอีกด้วยว่าสินค้าตอนนี้อยู่ไหนแล้ว
(แบบ Real Time กว่าข้อมูลที่ขึ้นบนเว็บ) ปรากฎว่าสินค้าของผมตอนนั้นที่โทรคุยมันมาถึงศูนย์สุวรรณภูมิแล้ว
และกำลังถูกกระจายไปยังศูนย์จัดส่งในเขตบ้านผมต่อไป (บ้านผมอยู่แถมม.กรุงเทพวิทยาเขตรังสิต)
ศูนย์ที่รับผิดชอบจะเป็นตรงแถวเชียงรากน้อย วันจันทร์ถึงจะเริ่มนำส่งมาบ้านผมตามปกติ (วันที่ผมโทรคุยคือวันเสาร์)
ผมก็เลยบอกว่างั้นเดี๋ยวผมไปรับเองที่ศูนย์นั้นก็ได้ คือไหนๆ ของมันก็มาแล้ว เลยอยากไปรับเอง อีกอย่างผมใจร้อนด้วย
ไม่อยากรอไปจนถึงวันจันทร์ เจ้าหน้าที่เขาก็จะทำตามความต้องการของเรานั่นแหละครับ เราอยากไปรับเอง เขาก็จัดให้
เจ้าหน้าที่ Call-Center ที่ผมคุยด้วยเขาเลยนัดว่าควรเข้าไปหลัง 5 โมงเย็น เพราะเขาจะคาดการณ์ไม่ได้ว่า
รถจะไปถึงที่ศูนย์ปลายทางกี่โมง เลยเพื่อเวลาไว้ให้เย็นๆ หน่อย ตัวผมจะได้ไม่ต้องไปที่ศูนย์นั้นเก้อ
จนกระทั่งถึงเย็นวันนั้น ผมก็ไปที่ศูนย์ปลายทางดังกล่าว ผมไปถึงที่ศูนย์นั้นประมาณ 17:50 หน่อยๆ
วันนั้นเป็นวันที่รถบนถนนแต่ละสายเยอะมากครับ ผมไปธุระในเมืองแถวสีลมมา ขากลับขึ้นทางด่วน
รถเยอะมากกกกก กว่าจะมาถึงที่ศูนย์ก็ปาเข้าไปเกือบ 6 โมงเย็น ไปถึงที่ศูนย์ผมก็เข้าไปติดต่อขอรับสินค้า
มีพนักงานผู้ชายมารับ เขาเช็คข้อมูลดูปรากฎว่าของยังมาไม่ถึงศูนย์ สถานะในระบบของเขา
ยังค้างอยู่แค่ตรงของออกมาจากศูนย์สุวรรณภูมิแล้วแค่นั้นเอง ยอมรับว่าตอนนั้นก็รู้สึก fail นิดๆ
แต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไร เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมอะไรได้อยู่แล้ว
อีกอย่างผมเข้ามา interrupt กระบวนการจัดส่งของ DHL เขาเอง
ตามกำหนดการที่บอกมันคือ วันอังคาร (29/9/58) ซะด้วยซ้ำ
เจ้าหน้าที่เขาก็บอกว่ายังไงๆ ของก็เข้ามาที่ศูนย์ภายในคืนนี้แน่นอน พรุ่งนี้เช้าถ้าลูกค้าต้องการก็มารับได้เลย
หรือจะรอวันจันทร์ให้เจ้าหน้าที่นำไปส่งก็ได้ ในใจผมก็คิดว่าพรุ่งนี้อาจจะมารับเอง .... จากนั้นผมกลับบ้าน
ผมออกมาจากศูนย์ได้ไม่ถึง 5 นาที เจ้าหน้าที่คนเดิมโทรมาบอกว่า รถส่งของอีก 10 นาทีกำลังจะมาถึงที่ศูนย์แล้ว
เขาก็ถามผมว่าจะวนกลับมารับสินค้าไหม? ผมก็ตัดสินใจ ณ ตอนนั้นเลยว่า รับ! เพราะยังไงๆ จะได้ไม่เสียเที่ยวที่อุตส่าห์มาแล้ว
ก็เลยวนรถกลับมาอีกรอบ เจ้าหน้าที่เขาก็เตรียมเอกสารไว้ให้รอแล้ว พร้อมกับกล่าวขอโทษที่ทำให้ผมเสียเวลา
เห็นเจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่า เขาโดนตำหนิด้วย ว่าปล่อยลูกค้ากลับไปได้ยังไง ทำไมไม่โทรเช็คก่อนว่ารถส่งของถึงไหนแล้ว
…. ประมาณว่าทำให้ลูกค้าเสียเวลาวนไปวนมา …. เรื่องนี้บอกตรงๆ นะ ผมยังไม่ได้คิดอะไรเลย
ไม่ได้มองว่า เป็นความผิดของ DHL ด้วย แต่นั่นก็ทำให้เห็นว่า พื้นฐานการให้บริการของ DHL อยู่ในระดับไหน
สรุปก็กลับมาบ้านพร้อมสินค้าอย่างลงเอยด้วยดี และทำให้ผมมั่นใจได้ว่า
ครั้งต่อไปผมสามารถซื้อของกับ Apple Online ได้อย่างสบายใจ
ด้วยการส่งสินค้าจาก DHL ตรงถึงบ้านผม
ดังนั้น เพื่อความสบายใจกับใครที่กำลังจะสั่งสินค้าผ่าน Apple Online
คุณจะโทรไปเช็คกับทาง DHL ก่อนก็ได้ว่า
เขตพื้นที่บ้านของคุณอยู่ในระยะการให้บริการขนส่งโดย DHL หรือเปล่า?
ปล. รูป Package สินค้าขอโพสต่ออีก comment นึงละกัน