ชีวิตคนเรามันมีเส้นบางๆ ที่เรามักจะตีกรอบให้กับตัวเองว่าอะไรทำได้ อะไรที่เราคงทำไม่ได้ ถ้าวันนั้นเมื่อสองปีที่แล้วผมไม่กล้าที่จะเดินออกจากกรอบที่ผมขีดเอาไว้ ผมคงไม่มีการผจญภัยสุดมหัศจรรย์และคงไม่มีเรื่องมาเล่าให้เพื่อนๆได้ฟังกัน กระทู้นี้ผม Big Journey เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์ทริปเดินป่าระยะไกลทริปแรกในชีวิตของผม ทริปนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยตลอดระยะเวลาสองปี มันคือ ทริปโมโกจู 5 วัน 4 คืน กับระยะทางไปกลับประมาณ 60 กิโลเมตร ฟังดูอาจจะไกลและลำบาก แต่ผมว่ามันคุ้มค่ามากกับสิ่งที่ได้เห็นและสัมผัสตั้งแต่ก้าวแรกที่ผมเยียบแม่วงก์ มันเป็นประการณ์ชีวิตที่ต่อให้มีเงินมากแค่ไหน ก็คงซื้อไม่ได้
สำหรับเพื่อนๆที่สนใจติดตามการผจญภัยของผมหรือมีคำถามก็เข้ามาพูดคุยกันได้ที่
http://www.facebook.com/BigJourney หรือ
http://www.facebook.com/iamtravelaholic
สิ่งที่ขาดไม่ได้ในแต่ละทริปคือ "แรงบันดาลใจ"
ในวันที่งานเยอะมาก ปัญหาก็เยอะไม่แพ้กัน ผมเหลือบไปเห็นรูปถ่ายของททท.จากอินเตอร์เน็ต เป็นรูปคนนั่งบนหินเรือใบถือธงชาติอยู่บนยอดเขาชื่อไม่คุ้นหูว่า "โมโกจู" ท้ามกลางขุนเขาและทะเลหมอก แวบแรก...เฮ้ยเมืองไทยมีที่แบบนี้ด้วยเหรอ? มันเป็นรูปใบนี้ใบเดียวจริงๆ ที่ทำให้ผมบอกกับตัวเองว่า จะไปดูให้เห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งในชีวิต ใครจะไปรู้ว่าการตัดสินใจครั้งนั้นจะเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตผู้ชายบ้างานคนนึง
ยอดเขาโมโกจู...ชื่อนี้ฟังดูเกาหลี้...เกาหลี... แต่ใครจะรู้เล่า ว่ามันคือภาษากะเหรี่ยง!!!
ยอดเขาโมโกจูตั้งอยู่ใน อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ครอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัดคือนครสวรรค์และกำแพงเพชร เป็นยอดเขาที่มีความสูงกว่า 1,950 เมตรและเป็นจุดสูงสุดในผืนป่าตะวันตก ตลอดทั้งปีที่นี่จะปกคลุมด้วยเมฆฝนและสายหมอก ยอดเขาแห่งนี้จึงได้ชื่อตามภาษากะเหรี่ยงว่า " โมโกจู " แปลว่า เหมือนฝนจะตก โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว อากาศจะเย็นมาก จะเห็นทะเลหมอกปกคลุมไปทั่วผืนป่า
อีกหนึ่งในจุดเด่นของยอดโมโกจู คือ เจ้าหินเรือใบก้อนใหญ่ ที่รอผู้กล้าทั้งหลายขึ้นไปยืนโพสท่าถ่ายรูป ท้ามกลางขุนเขาและทะเลหมอก
การจองเดินป่าระยะไกลกับอุทยานแห่งชาติแม่วงก์
เนื่องจากเส้นทางพิชิตโมโกจูนั้นเป็นการเดินป่าระยะไกล จึงจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง และมีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวเพื่ออนุรักษ์ผืนป่าแห่งนี้ไว้ ทริปนี้เราจึงต้องจองล่วงหน้ากันเป็นเดือน สำหรับวิธีการจอง ถ้าอ้างอิงจากระเบียบการจองของอุทยานปี 2557 ต้องทำการจองผ่านทางอีเมลโดยมีขั้นตอนและรายละเอียดตามด้านล่างครับ
ส่วนผมไปเมื่อมาเมื่อปลายปี 2556 ตอนนั้นยังรับจองทางโทรศัพท์ ผมและเพื่อนหาแนวร่วมกันได้สี่คน เราโทรจองตั้งแต่วันแรกๆที่ออกประกาศเลย โชคไม่ดีวันที่เราจะไป มีคนจองเต็มหมดแล้ว จากจุดนี้มันเหมือนชะตานำพาเราให้รู้จักกับทัวร์ ezytrekking ที่จองทัวร์วันเดียวกับพวกเราพอดี เราจึงติดต่อขอร่วมทริปไปกับ ezytrekking ส่วนตัวผมแนะนำสำหรับมือใหม่ไปกับทัวร์ดีกว่าครับ จะได้ตัดปัญหาเรื่องอาหารการกินออกไป เพราะทริปนี้เหนื่อยเอาเรื่อง โดยเฉพาะมือใหม่อย่างเรา เก็บแรงไว้เดินขึ้นเนินชันๆ ไกลๆ พอถึงที่พักอาหารพร้อม^^ แถมเราจะได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่รักเดินป่าเหมือนกัน พอตกดึกก็นั่งล้อมวงกินข้าวร่วมกัน คุยกันแบบเพื่อน...แบบพี่...แบบน้อง..แบ่งปันประสบการณ์เดินป่ากัน มันเป็นมิตรภาพที่ผมประทับใจจนถึงวันนี้
เส้นทางเดินป่าตลอดระยะเวลา 5 วัน 4 คืน
ตอนปลายปี 2556 การพิชิตยอดเขาโมโกจูต้องใช้เวลา 5 วัน แต่ในปี 2557 ทางอุทยานให้บริการรถรับส่งจากอช.แม่วงก์ไปถึงแม่กระสาเลยย่นระยะเวลาลงเหลือ 3 วัน เนื่องจากกำลังก่อสร้างจุดสกัดแม่กระสา สำหรับเป็หน่วยพิทักษ์อุทยานอีกแห่ง จึงไม่สะดวกใช้เป็นจุดกางเต็นท์ ส่วนในปีนี้ 2558 ก็มารอดูกันว่าจะกลับไปเป็น 5 วันเหมือนเดิมหรือไม่ สำหรับทริป 5 วันเส้นทางเดินป่าโดยสรุปดังนี้
ฟิตร่างกายก่อนออกทริป...แล้วคุณจะสนุกในการเดินป่า
เนื่องจากทริปนี้เราต้องเดินกันรวมระยะทางกว่า 60 กิโล!!! แถมต้องขึ้นเขาชันๆ การฟิตร่างกายก่อนออกทริปจึงค่อนข้างจำเป็นสำหรับทริปเดินป่าระยะไกลและจะช่วยให้เราสนุกกับการเดินป่า ส่วนการออกกำลังกายก็มีหลายรูปแบบแล้วแต่ถนัด ที่นิยมกันคือ การทำลุกนั่งทุกวัน ซึ่งจะช่วยได้มากสำหรับการเดินขึ้นเขาชันๆ ใครสนใจก็ลองทำตามลิงค์จากเวป
http://www.tourdoi.com/general/camping/situp.htm หรือบางคนอาจจะชอบวิ่ง ส่วนตัวผมจะชอบวิ่งมากกว่า ปกติผมจะเริ่มวิ่ง 1 เดือนก่อนออกทริป วันละ 30 นาทีเป็นอย่างน้อย
วิธีการจัดเป้เดินป่า...หนึ่งในปัญหาสำหรับมือใหม่
สิ่งของจำเป็นที่ต้องเอาไป
1. ถุงนอน
2. เต็นท์ กับ แผ่นปูรองนอน
3. เสื้อผ้า
- ชุดที่ใส่ตอนนอนชุดเดียว
- ชุดเดินป่าก็ชุดเดียว แต่สำหรับบางคนที่ทนกลิ่นตัวเองไม่ไหว อาจจะเอาเสื้อสำรองเข้าไปเปลี่ยนในแต่ละวันด้วยก็ได้
- ชุดต่างหากอีกชุดเอาไว้ใส่ในวันกลับ
- เสื้อกันหนาว ไม่ต้องหนามาก เพราะเรามีถุงนอนแล้ว
4. ถุงเท้าหนาๆ ช่วยลดลดการเสียดสีกับรองเท้า
5. ไฟฉาย จำเป็นมากสำหรับการดูพระอาทิตย์ขึ้น
6. ถุงพลาสติกหรือถุงดำใบใหญ่ๆ ไว้ใส่เสื้อผ้าและถุงนอน แล้วมัดปากถุงก่อนยัดใส่เป้ เนื่องจากทริปนี้เราต้องข้ามแม่น้ำ สอง สามจุด ซึ่งเป็นสะพานไม้ไผ่หรือต้นไม้ เกิดพลาดตกน้ำเสื้อผ้าจะได้ไม่เปียก
7. น้ำขวดเล็กสองขวด จะได้หยิบง่ายๆระหว่างเดินป่า แน่นอนว่าทริปนี้เป็นการเดินป่าระยะไกล น้ำที่เอาไปคงหมดตั้งแต่วันแรก หลังจากนั้นเราจะต้องดืมน้ำจากลำธารและน้ำตก อาจจะพกกระติกน้ำเล็กๆแบบมีตัวกรองน้ำก็ได้หรืออาจจะเป็นถุงกรองน้ำ ลองดูตัวอย่างในลิงค์
http://www.camping-antique.com/modules.php?name=easyShop&file=view&qc=10&No=235 ราคาค่อนข้างแพง อาจจะลองดูยี่ห้ออื่น แต่ตอนผมไปทุกคนก็กรอกน้ำแล้วดืมจากลำธารเลย
8. กระดาษชำระ ทิชชูเปียก ถึงเวลาแล้วจะรู้เองว่ามันสำคัญมาก
9. ของใช้ส่วนตัว เช่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ แชมพู ผ้าเช็ดตัว ผ้าถุง ผ้าขาวม้า และยาแก้แพ้ต่างๆและพาราแก้ไข้
10. ของใช้อื่นๆ เสื้อกันฝน ไฟแช็ค เข็มทิศ นกหวีด (มีประโยชน์มากในกรณีที่หลงทาง) และของขบเคี้ยวระหว่างทาง (ซึ่งส่วนใหญ่มักจะนิยมช็อกโกแล็ตหรือขนมที่ช่วยให้พลังงาน)
11. อาหาร และอุปกรณ์ทำอาหาร ถ้าเราไปกะทัวร์ก็ไม่ต้องเตรียมอะไร
การจัดของลงเป้ก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ
เมื่อรู้ว่าควรจะนำอะไรติดตัวเข้าไปในป่าแล้ว เราก็มาดูวิธีการจัดเป้กันว่าควรจะวางอะไรไว้ตรงไหนบ้าง หลักการง่ายๆ อย่างแรกก็คือ วางของที่คิดว่าจะใช้ทีหลังสุดไว้ล่างสุด ถุงนอนจึงเป็นสิ่งที่มักจะวางไว้ส่วนล่างสุดของเป้ ตามด้วยเสื้อผ้า อย่าลืมเอาใส่ถุงใหญ่ๆมัดปากถุงก่อนใส่ลงไปในเป้ ตามด้วยของใช้ส่วนตัว ยา ทิชชู เสื้อกันฝน ของขบเคี้ยวระหว่างทาง ส่วนน้ำเราก็เสียบไว้ข้างๆเป้ ส่วนเต๊นท์ผมจะเอาไปร่วมกับกองกลางให้ลูกหาบแบก
การสะพายเป้และการทิ้งน้ำหนัก
การสะพานเป้ที่ถูกวิธีช่วยให้เราแบกเป้ได้นานโดยไม่เจ็บหลัง เคล็ดไม่ลับมันอยู่ที่ :
1. ทิ้งน้ำหนักของเป้ไว้ที่เอวไม่ใช่ไหล่ โดยรัดสายที่เอวให้แน่นพอสมควรเพื่อรองรับน้ำหนักส่วนใหญ่ของตัวเป้
2. สายสะพายตรงไหล่รัดแค่หลวมๆ ใช้สำหรับพยุงเป้เท่านั้น
ถ้าเดินไปสักพักแล้วปวดไหล่มากแสดงว่าน้ำหนักไม่ได้ทิ้งไปที่เอว ต้องปรับสายสะพายใหม่
เมื่อกายพร้อม...ใจพร้อม...สัมภาระพร้อม...เราก็ลุยกันเลย
เรานัดรวมพลกันที่ ปั้มน้ำมันปตท.สนามเป้า รถตู้ออกเดินทางจากกทม.ประมาณ สามทุ่ม ทริปนี้เราไปกันทั้งหมด 10 คน
รถตู้ไปถึงอช.แม่วงก์ประมาณตีสอง คืนนี้เราได้นอนในห้องประชุมเอาแรงกัน ก่อนจะออกเดินสายๆในวันรุ่งขึ้น
วันแรก โมโกจู - 20 กิโลเมตร เรียกน้ำย่อย
ลูกหาบมารอกันหน้าอช.แม่วงก์กันแต่เช้า
หนึ่งในภารกิจแรกของลูกหาบ คือการชั่งสัมภาระทั้งหมดในทริปนี้
นี่เป็นเป้ของเจ้าหน้าที่นำทางสำหรับ 5 วัน 4 คืนจริงดิ???
ก่อนเดินทาง ทางอช.แม่วงก์จะให้คำแนะนำตลอดจนข้อควรปฏิบัติระหว่างอยู่ในอุทยานแม่วงก์ วลีฮิตประจำทริปนี้คือ "ไม่มีภูเขาลูกไหนสูงกว่าเข่าคน!!!" ลุย!!! อารมประมาณเรียกขวัญและกำลังใจก่อนเดิน
พอจัดของเรียบร้อย พี่ดิเรกหัวหน้าทริปแจ้งให้ทราบว่า เนื่องจากวันนี้มีเดินป่ากัน 4 กลุ่ม ถ้าเราพักกันที่แม่กระสาหมดเกรงว่าจะแน่นเกินไป กลุ่มเราเลยเสียสละเดินรวบไปแม่เรวาเลย ทำเอาเด็กใหม่อย่างผม เดินป่าระยะไกลทริปแรก ทำหน้าไม่ถูกเลย T_T
เราออกเดินกันประมาณเก้าครึ่ง กลุ่มผมแต่ละคนไม่ธรรมดาทั้งนั้น ดูได้จากการแต่งตัว เป้ รองเท้า จัดเต็มครับ...จัดเต็ม... ส่วนใครไม่มีไม้เท้า ไม่ต้องตกใจไป ก่อนเข้าอุทยานจะมีกลุ่มก่อนหน้าทิ้งไว้ให้ เป็นไม้ไผ่จำถนัดมือแถมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย
ช่วงแรกทางราบๆ เดินสบาย จนกระทั้งเจอกับเนินขี้แตก เป็นชื่อเนินที่คลาสสิคมากๆ เล่นเอาลิ้นห้อย ขอนั่งพักเอาแรงแปป
หลังจากผ่านเนินขี้แตกมาได้ เราก็มาถึงช่วงที่ต้องข้ามลำธารเล็ก ที่คนที่นี่เค้าเรียกว่าคลอง มีทั้งหมด 6 คลองด้วยกัน ด้วยความที่ไม่มีใครอยากใส่รองเท้าเปียกๆเดินป่าทั้งวัน พอถึงแต่ละคลองก็พยายามหาวิธีต่างๆนาๆเพื่อจะได้ไม่เปียก หนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดคือ การถอดรองเท้าถุงเท้า คนในรูปด้านล่างคือพี่ในกลุ่มผมเอง
สักพักมีกลุ่มที่สองตามมาติดๆ กลุ่มนี้ทำผมอึ่งไปเลย นวัตกรรมของเค้าไม่ธรรมดาจริง!!!
จะให้ถอดรองเท้ากันทุกคลองก็กระไร พี่เป็นพวกไม่พกถุง ของเสี่ยงเดินบนหินลื่นๆ ทำเอาพวกเราต้องช่วยพี่แกกันทุกคลอง เพราะกลัวแกจะลื่นตกคลองไป ^^
หลังจากผ่านครบหกคลอง ช่วงต่อจากนี้จะเป็นทุ่งหญ้าสูงๆ
เดินไปสักพัก ก็จะเป็นช่วงที่เป็นป่าไผ่ที่ขึ้นแน่นเต็มไปหมด
และแล้วก็ได้พักเต็มที่สักที กินข้าวเที่ยงเอาแรงกันก่อน
ถึงแม้ว่าระยะทางมันจะไกลแค่ไหน แต่ทุกคนก็ยังยิ้มได้
เธอคือผู้เชี่ยวชาญเดินลงเนินถอยหลัง การเดินแบบนี้จะช่วยให้เราไม่เจ็บเข่า แต่ถ้าเดินไม่ระวังอาจจะกลิ้งลงเนินไปแทน
[CR] Big Journey - โมโกจู 5 วัน 4 คืน จุดเริ่มต้นของการผจญภัย
สำหรับเพื่อนๆที่สนใจติดตามการผจญภัยของผมหรือมีคำถามก็เข้ามาพูดคุยกันได้ที่ http://www.facebook.com/BigJourney หรือ http://www.facebook.com/iamtravelaholic
สิ่งที่ขาดไม่ได้ในแต่ละทริปคือ "แรงบันดาลใจ"
ในวันที่งานเยอะมาก ปัญหาก็เยอะไม่แพ้กัน ผมเหลือบไปเห็นรูปถ่ายของททท.จากอินเตอร์เน็ต เป็นรูปคนนั่งบนหินเรือใบถือธงชาติอยู่บนยอดเขาชื่อไม่คุ้นหูว่า "โมโกจู" ท้ามกลางขุนเขาและทะเลหมอก แวบแรก...เฮ้ยเมืองไทยมีที่แบบนี้ด้วยเหรอ? มันเป็นรูปใบนี้ใบเดียวจริงๆ ที่ทำให้ผมบอกกับตัวเองว่า จะไปดูให้เห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งในชีวิต ใครจะไปรู้ว่าการตัดสินใจครั้งนั้นจะเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตผู้ชายบ้างานคนนึง
ยอดเขาโมโกจู...ชื่อนี้ฟังดูเกาหลี้...เกาหลี... แต่ใครจะรู้เล่า ว่ามันคือภาษากะเหรี่ยง!!!
ยอดเขาโมโกจูตั้งอยู่ใน อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ครอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัดคือนครสวรรค์และกำแพงเพชร เป็นยอดเขาที่มีความสูงกว่า 1,950 เมตรและเป็นจุดสูงสุดในผืนป่าตะวันตก ตลอดทั้งปีที่นี่จะปกคลุมด้วยเมฆฝนและสายหมอก ยอดเขาแห่งนี้จึงได้ชื่อตามภาษากะเหรี่ยงว่า " โมโกจู " แปลว่า เหมือนฝนจะตก โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว อากาศจะเย็นมาก จะเห็นทะเลหมอกปกคลุมไปทั่วผืนป่า
อีกหนึ่งในจุดเด่นของยอดโมโกจู คือ เจ้าหินเรือใบก้อนใหญ่ ที่รอผู้กล้าทั้งหลายขึ้นไปยืนโพสท่าถ่ายรูป ท้ามกลางขุนเขาและทะเลหมอก
การจองเดินป่าระยะไกลกับอุทยานแห่งชาติแม่วงก์
เนื่องจากเส้นทางพิชิตโมโกจูนั้นเป็นการเดินป่าระยะไกล จึงจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง และมีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวเพื่ออนุรักษ์ผืนป่าแห่งนี้ไว้ ทริปนี้เราจึงต้องจองล่วงหน้ากันเป็นเดือน สำหรับวิธีการจอง ถ้าอ้างอิงจากระเบียบการจองของอุทยานปี 2557 ต้องทำการจองผ่านทางอีเมลโดยมีขั้นตอนและรายละเอียดตามด้านล่างครับ
ส่วนผมไปเมื่อมาเมื่อปลายปี 2556 ตอนนั้นยังรับจองทางโทรศัพท์ ผมและเพื่อนหาแนวร่วมกันได้สี่คน เราโทรจองตั้งแต่วันแรกๆที่ออกประกาศเลย โชคไม่ดีวันที่เราจะไป มีคนจองเต็มหมดแล้ว จากจุดนี้มันเหมือนชะตานำพาเราให้รู้จักกับทัวร์ ezytrekking ที่จองทัวร์วันเดียวกับพวกเราพอดี เราจึงติดต่อขอร่วมทริปไปกับ ezytrekking ส่วนตัวผมแนะนำสำหรับมือใหม่ไปกับทัวร์ดีกว่าครับ จะได้ตัดปัญหาเรื่องอาหารการกินออกไป เพราะทริปนี้เหนื่อยเอาเรื่อง โดยเฉพาะมือใหม่อย่างเรา เก็บแรงไว้เดินขึ้นเนินชันๆ ไกลๆ พอถึงที่พักอาหารพร้อม^^ แถมเราจะได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่รักเดินป่าเหมือนกัน พอตกดึกก็นั่งล้อมวงกินข้าวร่วมกัน คุยกันแบบเพื่อน...แบบพี่...แบบน้อง..แบ่งปันประสบการณ์เดินป่ากัน มันเป็นมิตรภาพที่ผมประทับใจจนถึงวันนี้
เส้นทางเดินป่าตลอดระยะเวลา 5 วัน 4 คืน
ตอนปลายปี 2556 การพิชิตยอดเขาโมโกจูต้องใช้เวลา 5 วัน แต่ในปี 2557 ทางอุทยานให้บริการรถรับส่งจากอช.แม่วงก์ไปถึงแม่กระสาเลยย่นระยะเวลาลงเหลือ 3 วัน เนื่องจากกำลังก่อสร้างจุดสกัดแม่กระสา สำหรับเป็หน่วยพิทักษ์อุทยานอีกแห่ง จึงไม่สะดวกใช้เป็นจุดกางเต็นท์ ส่วนในปีนี้ 2558 ก็มารอดูกันว่าจะกลับไปเป็น 5 วันเหมือนเดิมหรือไม่ สำหรับทริป 5 วันเส้นทางเดินป่าโดยสรุปดังนี้
ฟิตร่างกายก่อนออกทริป...แล้วคุณจะสนุกในการเดินป่า
เนื่องจากทริปนี้เราต้องเดินกันรวมระยะทางกว่า 60 กิโล!!! แถมต้องขึ้นเขาชันๆ การฟิตร่างกายก่อนออกทริปจึงค่อนข้างจำเป็นสำหรับทริปเดินป่าระยะไกลและจะช่วยให้เราสนุกกับการเดินป่า ส่วนการออกกำลังกายก็มีหลายรูปแบบแล้วแต่ถนัด ที่นิยมกันคือ การทำลุกนั่งทุกวัน ซึ่งจะช่วยได้มากสำหรับการเดินขึ้นเขาชันๆ ใครสนใจก็ลองทำตามลิงค์จากเวป http://www.tourdoi.com/general/camping/situp.htm หรือบางคนอาจจะชอบวิ่ง ส่วนตัวผมจะชอบวิ่งมากกว่า ปกติผมจะเริ่มวิ่ง 1 เดือนก่อนออกทริป วันละ 30 นาทีเป็นอย่างน้อย
วิธีการจัดเป้เดินป่า...หนึ่งในปัญหาสำหรับมือใหม่
สิ่งของจำเป็นที่ต้องเอาไป
1. ถุงนอน
2. เต็นท์ กับ แผ่นปูรองนอน
3. เสื้อผ้า
- ชุดที่ใส่ตอนนอนชุดเดียว
- ชุดเดินป่าก็ชุดเดียว แต่สำหรับบางคนที่ทนกลิ่นตัวเองไม่ไหว อาจจะเอาเสื้อสำรองเข้าไปเปลี่ยนในแต่ละวันด้วยก็ได้
- ชุดต่างหากอีกชุดเอาไว้ใส่ในวันกลับ
- เสื้อกันหนาว ไม่ต้องหนามาก เพราะเรามีถุงนอนแล้ว
4. ถุงเท้าหนาๆ ช่วยลดลดการเสียดสีกับรองเท้า
5. ไฟฉาย จำเป็นมากสำหรับการดูพระอาทิตย์ขึ้น
6. ถุงพลาสติกหรือถุงดำใบใหญ่ๆ ไว้ใส่เสื้อผ้าและถุงนอน แล้วมัดปากถุงก่อนยัดใส่เป้ เนื่องจากทริปนี้เราต้องข้ามแม่น้ำ สอง สามจุด ซึ่งเป็นสะพานไม้ไผ่หรือต้นไม้ เกิดพลาดตกน้ำเสื้อผ้าจะได้ไม่เปียก
7. น้ำขวดเล็กสองขวด จะได้หยิบง่ายๆระหว่างเดินป่า แน่นอนว่าทริปนี้เป็นการเดินป่าระยะไกล น้ำที่เอาไปคงหมดตั้งแต่วันแรก หลังจากนั้นเราจะต้องดืมน้ำจากลำธารและน้ำตก อาจจะพกกระติกน้ำเล็กๆแบบมีตัวกรองน้ำก็ได้หรืออาจจะเป็นถุงกรองน้ำ ลองดูตัวอย่างในลิงค์ http://www.camping-antique.com/modules.php?name=easyShop&file=view&qc=10&No=235 ราคาค่อนข้างแพง อาจจะลองดูยี่ห้ออื่น แต่ตอนผมไปทุกคนก็กรอกน้ำแล้วดืมจากลำธารเลย
8. กระดาษชำระ ทิชชูเปียก ถึงเวลาแล้วจะรู้เองว่ามันสำคัญมาก
9. ของใช้ส่วนตัว เช่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ แชมพู ผ้าเช็ดตัว ผ้าถุง ผ้าขาวม้า และยาแก้แพ้ต่างๆและพาราแก้ไข้
10. ของใช้อื่นๆ เสื้อกันฝน ไฟแช็ค เข็มทิศ นกหวีด (มีประโยชน์มากในกรณีที่หลงทาง) และของขบเคี้ยวระหว่างทาง (ซึ่งส่วนใหญ่มักจะนิยมช็อกโกแล็ตหรือขนมที่ช่วยให้พลังงาน)
11. อาหาร และอุปกรณ์ทำอาหาร ถ้าเราไปกะทัวร์ก็ไม่ต้องเตรียมอะไร
การจัดของลงเป้ก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ
เมื่อรู้ว่าควรจะนำอะไรติดตัวเข้าไปในป่าแล้ว เราก็มาดูวิธีการจัดเป้กันว่าควรจะวางอะไรไว้ตรงไหนบ้าง หลักการง่ายๆ อย่างแรกก็คือ วางของที่คิดว่าจะใช้ทีหลังสุดไว้ล่างสุด ถุงนอนจึงเป็นสิ่งที่มักจะวางไว้ส่วนล่างสุดของเป้ ตามด้วยเสื้อผ้า อย่าลืมเอาใส่ถุงใหญ่ๆมัดปากถุงก่อนใส่ลงไปในเป้ ตามด้วยของใช้ส่วนตัว ยา ทิชชู เสื้อกันฝน ของขบเคี้ยวระหว่างทาง ส่วนน้ำเราก็เสียบไว้ข้างๆเป้ ส่วนเต๊นท์ผมจะเอาไปร่วมกับกองกลางให้ลูกหาบแบก
การสะพายเป้และการทิ้งน้ำหนัก
การสะพานเป้ที่ถูกวิธีช่วยให้เราแบกเป้ได้นานโดยไม่เจ็บหลัง เคล็ดไม่ลับมันอยู่ที่ :
1. ทิ้งน้ำหนักของเป้ไว้ที่เอวไม่ใช่ไหล่ โดยรัดสายที่เอวให้แน่นพอสมควรเพื่อรองรับน้ำหนักส่วนใหญ่ของตัวเป้
2. สายสะพายตรงไหล่รัดแค่หลวมๆ ใช้สำหรับพยุงเป้เท่านั้น
ถ้าเดินไปสักพักแล้วปวดไหล่มากแสดงว่าน้ำหนักไม่ได้ทิ้งไปที่เอว ต้องปรับสายสะพายใหม่
เมื่อกายพร้อม...ใจพร้อม...สัมภาระพร้อม...เราก็ลุยกันเลย
เรานัดรวมพลกันที่ ปั้มน้ำมันปตท.สนามเป้า รถตู้ออกเดินทางจากกทม.ประมาณ สามทุ่ม ทริปนี้เราไปกันทั้งหมด 10 คน
รถตู้ไปถึงอช.แม่วงก์ประมาณตีสอง คืนนี้เราได้นอนในห้องประชุมเอาแรงกัน ก่อนจะออกเดินสายๆในวันรุ่งขึ้น
วันแรก โมโกจู - 20 กิโลเมตร เรียกน้ำย่อย
ลูกหาบมารอกันหน้าอช.แม่วงก์กันแต่เช้า
หนึ่งในภารกิจแรกของลูกหาบ คือการชั่งสัมภาระทั้งหมดในทริปนี้
นี่เป็นเป้ของเจ้าหน้าที่นำทางสำหรับ 5 วัน 4 คืนจริงดิ???
ก่อนเดินทาง ทางอช.แม่วงก์จะให้คำแนะนำตลอดจนข้อควรปฏิบัติระหว่างอยู่ในอุทยานแม่วงก์ วลีฮิตประจำทริปนี้คือ "ไม่มีภูเขาลูกไหนสูงกว่าเข่าคน!!!" ลุย!!! อารมประมาณเรียกขวัญและกำลังใจก่อนเดิน
พอจัดของเรียบร้อย พี่ดิเรกหัวหน้าทริปแจ้งให้ทราบว่า เนื่องจากวันนี้มีเดินป่ากัน 4 กลุ่ม ถ้าเราพักกันที่แม่กระสาหมดเกรงว่าจะแน่นเกินไป กลุ่มเราเลยเสียสละเดินรวบไปแม่เรวาเลย ทำเอาเด็กใหม่อย่างผม เดินป่าระยะไกลทริปแรก ทำหน้าไม่ถูกเลย T_T
เราออกเดินกันประมาณเก้าครึ่ง กลุ่มผมแต่ละคนไม่ธรรมดาทั้งนั้น ดูได้จากการแต่งตัว เป้ รองเท้า จัดเต็มครับ...จัดเต็ม... ส่วนใครไม่มีไม้เท้า ไม่ต้องตกใจไป ก่อนเข้าอุทยานจะมีกลุ่มก่อนหน้าทิ้งไว้ให้ เป็นไม้ไผ่จำถนัดมือแถมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย
ช่วงแรกทางราบๆ เดินสบาย จนกระทั้งเจอกับเนินขี้แตก เป็นชื่อเนินที่คลาสสิคมากๆ เล่นเอาลิ้นห้อย ขอนั่งพักเอาแรงแปป
หลังจากผ่านเนินขี้แตกมาได้ เราก็มาถึงช่วงที่ต้องข้ามลำธารเล็ก ที่คนที่นี่เค้าเรียกว่าคลอง มีทั้งหมด 6 คลองด้วยกัน ด้วยความที่ไม่มีใครอยากใส่รองเท้าเปียกๆเดินป่าทั้งวัน พอถึงแต่ละคลองก็พยายามหาวิธีต่างๆนาๆเพื่อจะได้ไม่เปียก หนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดคือ การถอดรองเท้าถุงเท้า คนในรูปด้านล่างคือพี่ในกลุ่มผมเอง
สักพักมีกลุ่มที่สองตามมาติดๆ กลุ่มนี้ทำผมอึ่งไปเลย นวัตกรรมของเค้าไม่ธรรมดาจริง!!!
จะให้ถอดรองเท้ากันทุกคลองก็กระไร พี่เป็นพวกไม่พกถุง ของเสี่ยงเดินบนหินลื่นๆ ทำเอาพวกเราต้องช่วยพี่แกกันทุกคลอง เพราะกลัวแกจะลื่นตกคลองไป ^^
หลังจากผ่านครบหกคลอง ช่วงต่อจากนี้จะเป็นทุ่งหญ้าสูงๆ
เดินไปสักพัก ก็จะเป็นช่วงที่เป็นป่าไผ่ที่ขึ้นแน่นเต็มไปหมด
และแล้วก็ได้พักเต็มที่สักที กินข้าวเที่ยงเอาแรงกันก่อน
ถึงแม้ว่าระยะทางมันจะไกลแค่ไหน แต่ทุกคนก็ยังยิ้มได้
เธอคือผู้เชี่ยวชาญเดินลงเนินถอยหลัง การเดินแบบนี้จะช่วยให้เราไม่เจ็บเข่า แต่ถ้าเดินไม่ระวังอาจจะกลิ้งลงเนินไปแทน