ต้องขอโทษที่นำทริปนี้มาลง รีวิว ใน pantip ช้าจนผ่านมาจะกลางปีแล้ว แต่มาคิดแล้วน่าจะเป็นข้อมูลและแชร์ประสบการณ์ เป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ได้ไม่มากก็น้อย ที่กำลังสนใจ พิชิตดอยโมโกจู ปลายปี 2557 นี้ครับ
รวบรวมนัดหมายเพื่อนๆ น้องๆ ทาง pantip นี่หละที่อยากไปทริปนี้ ได้ 13 คน รวมผมด้วย(ทาง จนท. อช. แม่วงก์ กำหนดระเบียบไว้ต้อง 5-12 คน) นัดมาเจอกันที่ ทำการอุทยานเช้าของวันที่ 14 ธ.ค. (โดยไม่รู้จักกันมาก่อน)
14 ธ.ค. 2556
07.30 น. หลังจากเพื่อนทุกคนมารวมตัวกันพร้อม ตามกำหนดเวลา และทำการส่งรายชื่อ และชำระค่าธรรมเนียมให้กับ ทาง จนท. เรียบร้อย จากนั้น พี่ จนท. เรียกเข้าห้องประชุม เพื่อชี้แจงกฏข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติ เมื่ออยู่ในป่า
หลังจาก ทานข้าวเช้าเสร็จ พวกเรารีบมาเตรียมสัมภาระที่จะต้องนำไปใช้ในป่า (โดยจ้างลูกหาบ 5 คน พร้อม จนท. 2 ท่าน ดูแลทีมเรา)
เก็บรูปเป็นที่ระลึกก่อนเริ่มเดินทาง
09.00 น. เริ่มออกเดิน จาก ที่ทำการ อช. ไปยัง แค้มป์แม่กระสา (ระยะประมาณ 15 กม.)
ช่วงแรกของการเดินยังยิ้ม ร่าเริง สดชื่น
ลูกหาบ ของทีมเรา
เดินผ่านไปได้สักระยะ ยังไม่ถึงครึ่งทาง ผ่านช่วง (มอขี้แตก ศัพท์ พี่ จนท. ใช้เรียก เพราะเป็นทางชันและระยะทางยาว) เล่นทำเอาแรงหมดต้องหยุดหายใจและพักดื่มน้ำ ก่อนก้มหน้าเดินกันต่อ หนทางยังอีกยาวไกล เหลือเกิน (บ่นในใจ)
เดินมาได้ระยะทาง 8 กม. เวลาเที่ยงกว่าๆ เลยหยุดเติมพลังให้ร่างกาย เพราะเดี๋ยวต้องเดินลุยต่อ น้ำดื่มใครหมด ก็ต้องอาศัยลำธารแทน น้ำใสสะอาด พอดื่มได้ครับ ทานข้าวและเติมน้ำดื่มและหายเหนื่อยหละ เริ่มเดินกันต่อครับ
เดินไปได้สักพัก ชื่นชม ธรรมชาติ ป่าไม้ อันสมบูรณ์ตลอด 2 ข้างทาง พร้อมแวะเก็บภาพเป็นที่ระลึก (เหงื่อชุ่มไปทั่วกาย)
และแล้วก็เดินมาถึงแค้มป์แม่กระสา เวลาประมาณ 16.00 น. รีบช่วยกันกางเต็นท์และเตรียมทำอาหารของมื้อเย็นนี้ครับ
กุ๊กประจำทีมเรา กองทัพเดินด้วยท้อง (ขาดคนนี้ไม่ได้ครับ)
น่าทานมากครับ บอกเลยว่า หร่อยมากๆ ครับ
เหลือบไปเห็นพระพุทธรูปเหลืองอร่าม อดเก็บภาพไม่ได้
บางคนใช้เวลาว่างเก็บภาพสวยๆ ตามอัธยาศัย ช่วงระหว่างรออาหารยังไม่เสร็จ (ลำธารนี้ ไหลมาจากน้ำตกแม่กระสา ใช้ทั้งอาบและดื่มครับ ขอบอกว่าน้ำเย็นมากๆ)
พวกเราทานอาหารมื้อเย็น และอาบน้ำ ในลำธารอันเย็นยะเยือก กลับเข้าเต็นท์เปลี่ยนเสื้อผ้า และเตรียมนอนพักเอาแรง (อากาศคืนนั้นไม่หนาวเท่าไร เย็นกำลังพอดี)
15 ธ.ค. 2556
พวกเราทานข้าวกันเสร็จ เก็บสัมภาระเรียบร้อย 09.00 น. เริ่มเดินทางกันต่อ ระยะทาง จากแค้มป์กระสา ถึง แค้มป์แม่เรวา ประมาณ 4-5 กม. เส้นทางไม่ค่อยมีทางชันเดินสบายกว่าวันแรก พวกเราใช้เวลาประมาณ 3-4 ชม. มาถึงแคมป์แม่เรวา เตรียมอาหารมื้อกลางวันและเย็น
โซนที่ปรุงอาหารกลางแค้มป์แม่เรวา
มุม ที่พักลูกหาบ
นอนเปลสบายอารมณ์ ระหว่างรออาหารใกล้เสร็จ
กุ๊กประจำทีมพวกเรา ง้วนกะทำอาหารให้เสร็จโดยเร็ว(หิวกันแล้วครับ)
อีกมุม ที่พัก พี่ จนท. กำลังทานข้าวพร้อมเจรจาสนทนากันเพลิดเพลิน
เมื่อพวกเราทานข้าวกันเรียบร้อยกันแล้ว ยังมีเวลาพอที่จะไป เล่นน้ำ ชมความอลังการของน้ำตกแม่รีวา(ทริปนี้ใครไปต้องห้ามพลาดครับ) ว่าแล้วพวกเราลุยกันเลย ใช้เวลาเดินเท้าไป จากแคมป์แม่เรวา ถึง น้ำตกแม่รีวาประมาณ 4 กม.(จิ๊บๆ)
เดินกันตัวปลิวไม่มีสัมภาระติดตัว(เตรียมแค่ผ้าและชุดมาเปลี่ยน)
ถึงแล้วครับ น้ำตกแม่รีวา
น้ำค่อนข้างหนาวเย็นมากแต่ใส ช่วงตุลาคมฤดูฝน น้ำจะแรงกว่านี้และสีแดงขุ่น
เล่นน้ำได้ไม่ถึง30 นาที ก็ต้องรีบขึ้นเพราะน้ำเย็นมากตะคริวเริ่มกินเพราะแช่น้ำนานเกิน เตรียมตัวกลับกว่าถึงแคมป์แม่เรวา ก็ประมาณ 17.00 น. รีบทานอาหารและเตรียมเข้านอนเอาแรง (คืนนี้เจอฝนตกแต่ไม่หนักมาก อากาศเย็นกว่าแคมป์แม่กระสา)
16 ธ.ค. 2556.
เก็บสัมภาระที่จำเป็นใส่เป้เสร็จ ทานข้าวเช้าเสร็จ ห่ออาหารแบบข้าวถุงสำหรับมื้อเที่ยงกลางทาง และเติมน้ำดื่มให้พร้อม ได้เวลา 08.30 น. เตรียมออกเดินทาง(ย้ำว่าเอาแต่สิ่งที่จำเป็นจริงๆใส่เป้ไป) ส่วนที่ไม่สำคัญเก็บไว้ที่แคมป์แม่เรวา เพื่อไม่เป็นภาระในการแบกขึ้นเขาไปยังแคมป์ตีนดอย หนทางโหดสุดๆ ระยะทางแค่ 8 กม. แต่ ความชัน 45 องศา เกือบตลอดเส้นทาง มีทางราบสั้นๆ เป็นบางช่วง
ขออภัยเราไม่ได้เก็บภาพตลอดเส้นการเดินทาง เส้นนี้เลยครับ เพราะมันเหนื่อยมากๆ ครับ อารมณ์ตอนนั้นไม่อยากทำไร แม้กระทั่งหยิบกล้องออกมาถ่าย เพราะต้องรีบเดินทำเวลาให้ถึง แคมป์ตีนดอยก่อน 16.00 น. เพื่อจะได้มีเวลา เดินขึ้นไปยังยอดโมโกจู จุดที่หินเรือใบตั้งอยู่ เพื่อเก็บภาพบรรยายกาศช่วงยามเย็นมาฝากให้ชมกันครับ
ในที่สุดอีกอึดใจ เราก้อถึงแล้วครับ เห็นอยู่แค่เอื้อม ยอดโมโกจู
ถึงแล้วยอดโมโกจู
ประทับใจกับความสวยงาม ความสมบูรณ์ของป่าแม่วงก์ และอากาศที่สดชื่นมากๆ
เก็บภาพหมู่ทีมพวกเราไว้ "ว่ามาถึงและพิชิตเรียบร้อยแล้วครับ"
อาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ
รอจนแสงสุดท้ายหายลับไป ดวงจันทร์ออกมาส่องสว่างยามมืดมิด เตรียมเดินกลับแคมป์ตีนดอย(ควรพกไฟฉายติดมาด้วยครับ)
เดี๋ยวมาต่อครับ เคลียงานแป๊บครับ
หลังจากกลับมาถึงแค้มป์ตีนดอย กุ๊กของเราเตรียมอาหาร เมนูมื้อค่ำนี้ครับ
อุณหภูมิเริ่มลดลงเรื่อยๆ คืนนี้เจอความหนาวเย็นแน่นอน (พวกเราอยู่ที่ระดับความสูง 1,960 ม. จากระดับน้ำทะเล) เริ่มมายืนผิงไฟ เกาะกลุ่มสนทนากัน แก้หนาว
แม้แต่ลูกหาบที่คุ้นเคยกะสภาพอากาศที่นั่นยังหนาวเช่นกัน
คืนนั่นทั้งคืน พวกเราไม่มีใครนอนหลับสนิท อากาศเริ่มแปรปวน ช่วงตี 3 ลมหนาวเย็นพัดและหมอกคล้ายพายุ โจมตีแคมป์พวกเรา จนต้องออกมาดูความเรียบร้อยของเต็นท์และของใช้ต่างๆ โชคดีไม่มีอะไรเสียหาย เพราะรอบๆ แคมป์มีต้นไม้ปกคลุมเป็นกำแพงลดแรงปะทะของแรงลมพายุ (ถ้าไม่มีต้นไม้ เต็นท์พวกเราคงปลิวตามกระแสลมอย่างแน่นอน
เช็คอุณหภูมิลดลงที่ 4 องศา บวกกะกระแสลม กระโชกมาเป็นระยะๆ (สำหรับใครชอบความหนาวเย็น ต้องชอบทริปนี้)
17 ธ.ค. 2556.
ตี 5 พวกเราเริ่มออกเดินทางขึ้นยอดโมโกจูอีกครั้งเพื่อเก็บภาพสวยๆ ของดวงอาทิตย์และทะเลหมอกยามเช้า
ลมบนหินเรือใบแรงมากครับ ตัวแทบปลิว อากาศหนาวเหน็บจับใจจริงๆ แต่คุ้มค่าที่เหนื่อยมาตลอด 3-4 วัน (ไฮไลน์คือเช้าวันนี้นี่เอง) เมื่อเก็บภาพประทับใจวิวแบบ 360 องศาและเสพโอโซนอันสดชื่นเรียบร้อย เริ่มสายต้องรีบกลับแคมป์ เตรียมตัวเก็บสัมภาระ เพื่อเดินทางเดินกลับไปที่แตมป์แม่กระสา
ค่ำคืนนี้พวกเราเดินทางยาวประมาณ 15 กม. กลับไปค้างที่แค้มป์แม่กระสา เล่นเอาหมดเรี่ยวแรงเลยครับ ถึงแค้มป์เกือบค่ำ
จากเหนื่อยกันมาแล้ววัน สมาชิกมาจับกลุ่มผิงไฟกัน แลกเปลี่ยนเรื่องราวสนุกๆ ถ่ายทอดประสบการณ์ต่างๆ กัน
18 ธ.ค. 2556
เตรียมข้าวเช้าใส่ถุงกินกลางทาง เก็บสัมภาระเดินทางกลับถึงที่ทำการ อช. 15.30 น.พร้อมรับประกาศนียบัตรพิชิตโมโกจู จากจนท. อช.แม่วงก์ และทำการอำลาเพื่อนๆ ทุกคน (ขอบคุณที่พวกเราได้มารวมการเฉพาะกิจ)
เก็บตก รีวิว ทริป พิชิต ดอยโมโกจู อช.แม่วงก์ กำแพงเพชร (14-18 ธ.ค. 2556)
รวบรวมนัดหมายเพื่อนๆ น้องๆ ทาง pantip นี่หละที่อยากไปทริปนี้ ได้ 13 คน รวมผมด้วย(ทาง จนท. อช. แม่วงก์ กำหนดระเบียบไว้ต้อง 5-12 คน) นัดมาเจอกันที่ ทำการอุทยานเช้าของวันที่ 14 ธ.ค. (โดยไม่รู้จักกันมาก่อน)
14 ธ.ค. 2556
07.30 น. หลังจากเพื่อนทุกคนมารวมตัวกันพร้อม ตามกำหนดเวลา และทำการส่งรายชื่อ และชำระค่าธรรมเนียมให้กับ ทาง จนท. เรียบร้อย จากนั้น พี่ จนท. เรียกเข้าห้องประชุม เพื่อชี้แจงกฏข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติ เมื่ออยู่ในป่า
หลังจาก ทานข้าวเช้าเสร็จ พวกเรารีบมาเตรียมสัมภาระที่จะต้องนำไปใช้ในป่า (โดยจ้างลูกหาบ 5 คน พร้อม จนท. 2 ท่าน ดูแลทีมเรา)
เก็บรูปเป็นที่ระลึกก่อนเริ่มเดินทาง
09.00 น. เริ่มออกเดิน จาก ที่ทำการ อช. ไปยัง แค้มป์แม่กระสา (ระยะประมาณ 15 กม.)
ช่วงแรกของการเดินยังยิ้ม ร่าเริง สดชื่น
ลูกหาบ ของทีมเรา
เดินผ่านไปได้สักระยะ ยังไม่ถึงครึ่งทาง ผ่านช่วง (มอขี้แตก ศัพท์ พี่ จนท. ใช้เรียก เพราะเป็นทางชันและระยะทางยาว) เล่นทำเอาแรงหมดต้องหยุดหายใจและพักดื่มน้ำ ก่อนก้มหน้าเดินกันต่อ หนทางยังอีกยาวไกล เหลือเกิน (บ่นในใจ)
เดินมาได้ระยะทาง 8 กม. เวลาเที่ยงกว่าๆ เลยหยุดเติมพลังให้ร่างกาย เพราะเดี๋ยวต้องเดินลุยต่อ น้ำดื่มใครหมด ก็ต้องอาศัยลำธารแทน น้ำใสสะอาด พอดื่มได้ครับ ทานข้าวและเติมน้ำดื่มและหายเหนื่อยหละ เริ่มเดินกันต่อครับ
เดินไปได้สักพัก ชื่นชม ธรรมชาติ ป่าไม้ อันสมบูรณ์ตลอด 2 ข้างทาง พร้อมแวะเก็บภาพเป็นที่ระลึก (เหงื่อชุ่มไปทั่วกาย)
และแล้วก็เดินมาถึงแค้มป์แม่กระสา เวลาประมาณ 16.00 น. รีบช่วยกันกางเต็นท์และเตรียมทำอาหารของมื้อเย็นนี้ครับ
กุ๊กประจำทีมเรา กองทัพเดินด้วยท้อง (ขาดคนนี้ไม่ได้ครับ)
น่าทานมากครับ บอกเลยว่า หร่อยมากๆ ครับ
เหลือบไปเห็นพระพุทธรูปเหลืองอร่าม อดเก็บภาพไม่ได้
บางคนใช้เวลาว่างเก็บภาพสวยๆ ตามอัธยาศัย ช่วงระหว่างรออาหารยังไม่เสร็จ (ลำธารนี้ ไหลมาจากน้ำตกแม่กระสา ใช้ทั้งอาบและดื่มครับ ขอบอกว่าน้ำเย็นมากๆ)
พวกเราทานอาหารมื้อเย็น และอาบน้ำ ในลำธารอันเย็นยะเยือก กลับเข้าเต็นท์เปลี่ยนเสื้อผ้า และเตรียมนอนพักเอาแรง (อากาศคืนนั้นไม่หนาวเท่าไร เย็นกำลังพอดี)
15 ธ.ค. 2556
พวกเราทานข้าวกันเสร็จ เก็บสัมภาระเรียบร้อย 09.00 น. เริ่มเดินทางกันต่อ ระยะทาง จากแค้มป์กระสา ถึง แค้มป์แม่เรวา ประมาณ 4-5 กม. เส้นทางไม่ค่อยมีทางชันเดินสบายกว่าวันแรก พวกเราใช้เวลาประมาณ 3-4 ชม. มาถึงแคมป์แม่เรวา เตรียมอาหารมื้อกลางวันและเย็น
โซนที่ปรุงอาหารกลางแค้มป์แม่เรวา
มุม ที่พักลูกหาบ
นอนเปลสบายอารมณ์ ระหว่างรออาหารใกล้เสร็จ
กุ๊กประจำทีมพวกเรา ง้วนกะทำอาหารให้เสร็จโดยเร็ว(หิวกันแล้วครับ)
อีกมุม ที่พัก พี่ จนท. กำลังทานข้าวพร้อมเจรจาสนทนากันเพลิดเพลิน
เมื่อพวกเราทานข้าวกันเรียบร้อยกันแล้ว ยังมีเวลาพอที่จะไป เล่นน้ำ ชมความอลังการของน้ำตกแม่รีวา(ทริปนี้ใครไปต้องห้ามพลาดครับ) ว่าแล้วพวกเราลุยกันเลย ใช้เวลาเดินเท้าไป จากแคมป์แม่เรวา ถึง น้ำตกแม่รีวาประมาณ 4 กม.(จิ๊บๆ)
เดินกันตัวปลิวไม่มีสัมภาระติดตัว(เตรียมแค่ผ้าและชุดมาเปลี่ยน)
ถึงแล้วครับ น้ำตกแม่รีวา
น้ำค่อนข้างหนาวเย็นมากแต่ใส ช่วงตุลาคมฤดูฝน น้ำจะแรงกว่านี้และสีแดงขุ่น
เล่นน้ำได้ไม่ถึง30 นาที ก็ต้องรีบขึ้นเพราะน้ำเย็นมากตะคริวเริ่มกินเพราะแช่น้ำนานเกิน เตรียมตัวกลับกว่าถึงแคมป์แม่เรวา ก็ประมาณ 17.00 น. รีบทานอาหารและเตรียมเข้านอนเอาแรง (คืนนี้เจอฝนตกแต่ไม่หนักมาก อากาศเย็นกว่าแคมป์แม่กระสา)
16 ธ.ค. 2556.
เก็บสัมภาระที่จำเป็นใส่เป้เสร็จ ทานข้าวเช้าเสร็จ ห่ออาหารแบบข้าวถุงสำหรับมื้อเที่ยงกลางทาง และเติมน้ำดื่มให้พร้อม ได้เวลา 08.30 น. เตรียมออกเดินทาง(ย้ำว่าเอาแต่สิ่งที่จำเป็นจริงๆใส่เป้ไป) ส่วนที่ไม่สำคัญเก็บไว้ที่แคมป์แม่เรวา เพื่อไม่เป็นภาระในการแบกขึ้นเขาไปยังแคมป์ตีนดอย หนทางโหดสุดๆ ระยะทางแค่ 8 กม. แต่ ความชัน 45 องศา เกือบตลอดเส้นทาง มีทางราบสั้นๆ เป็นบางช่วง
ขออภัยเราไม่ได้เก็บภาพตลอดเส้นการเดินทาง เส้นนี้เลยครับ เพราะมันเหนื่อยมากๆ ครับ อารมณ์ตอนนั้นไม่อยากทำไร แม้กระทั่งหยิบกล้องออกมาถ่าย เพราะต้องรีบเดินทำเวลาให้ถึง แคมป์ตีนดอยก่อน 16.00 น. เพื่อจะได้มีเวลา เดินขึ้นไปยังยอดโมโกจู จุดที่หินเรือใบตั้งอยู่ เพื่อเก็บภาพบรรยายกาศช่วงยามเย็นมาฝากให้ชมกันครับ
ในที่สุดอีกอึดใจ เราก้อถึงแล้วครับ เห็นอยู่แค่เอื้อม ยอดโมโกจู
ถึงแล้วยอดโมโกจู
ประทับใจกับความสวยงาม ความสมบูรณ์ของป่าแม่วงก์ และอากาศที่สดชื่นมากๆ
เก็บภาพหมู่ทีมพวกเราไว้ "ว่ามาถึงและพิชิตเรียบร้อยแล้วครับ"
อาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ
รอจนแสงสุดท้ายหายลับไป ดวงจันทร์ออกมาส่องสว่างยามมืดมิด เตรียมเดินกลับแคมป์ตีนดอย(ควรพกไฟฉายติดมาด้วยครับ)
เดี๋ยวมาต่อครับ เคลียงานแป๊บครับ
หลังจากกลับมาถึงแค้มป์ตีนดอย กุ๊กของเราเตรียมอาหาร เมนูมื้อค่ำนี้ครับ
อุณหภูมิเริ่มลดลงเรื่อยๆ คืนนี้เจอความหนาวเย็นแน่นอน (พวกเราอยู่ที่ระดับความสูง 1,960 ม. จากระดับน้ำทะเล) เริ่มมายืนผิงไฟ เกาะกลุ่มสนทนากัน แก้หนาว
แม้แต่ลูกหาบที่คุ้นเคยกะสภาพอากาศที่นั่นยังหนาวเช่นกัน
คืนนั่นทั้งคืน พวกเราไม่มีใครนอนหลับสนิท อากาศเริ่มแปรปวน ช่วงตี 3 ลมหนาวเย็นพัดและหมอกคล้ายพายุ โจมตีแคมป์พวกเรา จนต้องออกมาดูความเรียบร้อยของเต็นท์และของใช้ต่างๆ โชคดีไม่มีอะไรเสียหาย เพราะรอบๆ แคมป์มีต้นไม้ปกคลุมเป็นกำแพงลดแรงปะทะของแรงลมพายุ (ถ้าไม่มีต้นไม้ เต็นท์พวกเราคงปลิวตามกระแสลมอย่างแน่นอน
เช็คอุณหภูมิลดลงที่ 4 องศา บวกกะกระแสลม กระโชกมาเป็นระยะๆ (สำหรับใครชอบความหนาวเย็น ต้องชอบทริปนี้)
17 ธ.ค. 2556.
ตี 5 พวกเราเริ่มออกเดินทางขึ้นยอดโมโกจูอีกครั้งเพื่อเก็บภาพสวยๆ ของดวงอาทิตย์และทะเลหมอกยามเช้า
ลมบนหินเรือใบแรงมากครับ ตัวแทบปลิว อากาศหนาวเหน็บจับใจจริงๆ แต่คุ้มค่าที่เหนื่อยมาตลอด 3-4 วัน (ไฮไลน์คือเช้าวันนี้นี่เอง) เมื่อเก็บภาพประทับใจวิวแบบ 360 องศาและเสพโอโซนอันสดชื่นเรียบร้อย เริ่มสายต้องรีบกลับแคมป์ เตรียมตัวเก็บสัมภาระ เพื่อเดินทางเดินกลับไปที่แตมป์แม่กระสา
ค่ำคืนนี้พวกเราเดินทางยาวประมาณ 15 กม. กลับไปค้างที่แค้มป์แม่กระสา เล่นเอาหมดเรี่ยวแรงเลยครับ ถึงแค้มป์เกือบค่ำ
จากเหนื่อยกันมาแล้ววัน สมาชิกมาจับกลุ่มผิงไฟกัน แลกเปลี่ยนเรื่องราวสนุกๆ ถ่ายทอดประสบการณ์ต่างๆ กัน
18 ธ.ค. 2556
เตรียมข้าวเช้าใส่ถุงกินกลางทาง เก็บสัมภาระเดินทางกลับถึงที่ทำการ อช. 15.30 น.พร้อมรับประกาศนียบัตรพิชิตโมโกจู จากจนท. อช.แม่วงก์ และทำการอำลาเพื่อนๆ ทุกคน (ขอบคุณที่พวกเราได้มารวมการเฉพาะกิจ)