***
000
สิบปีก่อน
ที่นครแห่งแสง
ผู้คนมาชุมนุมที่ลานหน้าพระราชวัง ส่งเสียงเป็นเสียงเดียวกัน
“ฆ่าราชินี ฆ่าปิศาจ ฆ่าราชินี ฆ่าปิศาจ...”
ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น
ในท่ามกลางผู้คน ผู้นำในการนี้ ไว้ผมยาวสีแดงเพลิง คิ้วเข้มดุดัน หน้าตาคล้ายขึ้งโกรธใครๆ อยู่ตลอดเวลา
ครู่ถัดมา เมื่อเสียงโซ่ตรวนดังขึ้น ทหารนำราชินีเดินออกมาช้าๆ
หล่อนดวงหน้าหมดจดเปี่ยมเสน่ห์ รูปร่างอรชรและผิวพรรณผ่องใส กระทั่งราชายังไม่อาจละสายตาจากนางอันเป็นที่รัก
“พระราชาต้องตัดใจ ขจัดปิศาจ เพื่อชำระความแค้นในใจของประชาชน”
ผู้ไว้ผมยาวสีแดงเพลิงนั่นเอง ที่ให้คำปรึกษาไว้ดังนั้น เพราะเขาคุมกำลังทหารไว้ทั้งหมด พระราชาจึงไม่อาจคัดค้านใดๆ
ราชินี ถูกจูงผ่านมาจนถึงเบื้องหน้าพระราชา สายตาสบประสานเศร้าโศกด้วยกันทั้งคู่
“รานีของข้า ข้าผิดต่อเจ้าเหลือเกิน”
“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่เคยโทษพระองค์”
น้ำเสียงตอบกลับเด็ดเดี่ยว แววตาหล่อนมุ่งมั่น รู้ว่าผู้ใดต้องถูกชำระแค้น
“สำหรับฝ่าบาท การสั่งลงโทษหม่อมฉัน ต้องคือการตัดสินใจที่ยากที่สุด”
พระราชาก็คิดเช่นนั้น หวนกลับไปเมื่อครั้งจ้าวอาคมเคยให้ความเห็นนั้นอีกครั้ง
“บังอาจ! อัชชาร์ ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่น่าฟัง”
เขายังชี้หน้า ด่าทอมันด้วยซ้ำ ทว่า...
“แต่รานีของพระองค์คือนางปิศาจ เป็นกาลกิณี ทำให้บ้านเมืองล่มจม ต้องฆ่ามันทิ้ง”
และกระทั่งตอนนี้ จ้าวอาคมก็ยังยืนกราน ส่งเสียงเข้มๆ เร่งเร้า
“ฝ่าบาท ไยไม่เอ่ยคำสั่ง หรือจะให้หม่อมฉันจัดการได้เลย”
“ฝ่าบาทเพคะ...” พระราชินีเอ่ยแทรกขึ้น “...ทุกอย่างแก้ไขไม่ได้แล้ว พระองค์ตัดสินพระทัยเถอะ”
“ไม่... ข้าตัดสินใจเรื่องนี้ไม่ได้”
พระราชาย่อมรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร จึงไม่เอ่ยคำพิพากษาโทษ
“ปวงประชาถูกจ้าวอาคมอัชชาร์มอมเมา ฝ่าบาทกับหม่อมฉันทำอะไรไม่ได้แล้วละเพคะ”
“เมวาร์ เจ้าจะให้ข้าตัดสินลงไปได้ยังไง” พระราชาน้ำตาซึม “นี้มันโทษสูงสุด โทษประหารเชียวนะ...”
“ฆ่าราชินีซะ!”
คำสั่งเหี้ยมเกรียมจากจ้าวอาคมนามอัชชาร์ ไม่เกรงใจพระราชาเลยสักนิด ทหารของเขาถาโถมเข้ามา ไม่สนใจว่าเหล่ารักษาพระองค์จะถวายอารักขาอยู่พร้อมหน้า การต่อสู้เริ่มโกลาหล แต่อึดใจถัดมา ทุกอย่างก็ชะงักค้าง...
ชายหนุ่มคนหนึ่งโผนตัวเข้ามาคล้ายเหาะเหิน วูบเดียวก็ปราดเข้าถึงข้างตัวพระราชา เขาผายมือให้ราชินีที่ยังถูกล่ามโซ่ตรวนแน่นหนา ประกาศก้องว่า
“รานี... นางผู้นี้คือสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ เป็นเทพอัปสรที่พระแม่สรวงสวรรค์ประทาน พระนางจะเป็นปิศาจไปได้อย่างไร!”
“ก็แค่หลอกลวง ว่าเป็นบริวารของพระแม่สรวงสวรรค์ แท้ที่จริงคือปิศาจแปลงกาย”
อัชชาร์จ้าวอาคมเอ่ยเสียงเรียบ ยืนยันข้อมูลของตนเองไม่เปลี่ยนแปลง
“ไอ้... ไอ้... เจ้าต่างหากล่ะ ไอ้ปิศาจร้าย!”
ผู้มาใหม่ชี้หน้าด่าอัชชาร์ตรงๆ แต่กลับถูกต่อต้านจากบรรดาพวกลูกสมุนทันที
“ลบหลู่ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ต้องลงโทษๆ!”
“ฆ่ามันๆ ฆ่ามันให้หมด!”
ผู้คนทั้งลาน คล้ายถูกสะกดจิต พอคนหนึ่งพูด อีกคนก็พูดต่อๆ ซ้ำๆ กันเรื่อยไป
จ้าวอาคมยิ้มสะใจ นึกถึงตอนถกเถียงกับพระราชาคราวนั้น แล้วก็ยิ่งคิดว่าตัวเองได้เปรียบ
“พระองค์คิดว่านักบวชนั้นเป็นเพื่อน แค่เป็นเพื่อนธรรมดาอย่างนั้นรึ!”
“ข้าเชื่ออย่างหมดหัวใจ ว่ารานียังบริสุทธิ์ผุดผ่อง ปราศจากราคีใดๆ”
“ก็ใช่... ร่างกายนางรานีอาจบริสุทธิ์... แล้วดวงวิญญาณล่ะ? หรือว่าฝ่าบาทไม่เคยสงสัยมาก่อน”
“เป็นไปไม่ได้”
“แค่คิด แค่พูดไม่พอพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะพิสูจน์ให้ฝ่าบาทได้เห็นกับตา”
คราวนั้น จ้าวอาคมอัชชาร์ เพราะเชี่ยวชาญเวทย์มนตร์คาถา จึงสามารถคุมอำนาจได้เกือบเบ็ดเสร็จ เขาตั้งใจทำลายพระราชินี จึงจงใจสร้างสถานการณ์ ร่ายคาถาทำให้ห้วงน้ำปั่นป่วน ไหลป่าเข้าท่วมนครแห่งแสง ปากเอ่ยคำท้าทาย
“พระแม่แห่งสรวงสวรรค์ บ้านเมืองลูกหลานมีภัย จะไม่ปรากฏกายช่วยเหลืออย่างนั้นหรือ!”
และนั่นก็ได้ผล อณูแห่งพระแม่สรวงสวรรค์ แยกธาตุจากร่างของราชินีที่ถูกคุมขัง ออกป้องกันชาวเมืองจากเดชะของมังกรน้ำ ที่มันถูกปลุกให้ตื่นโดยอัชชาร์จ้าวอาคม
ในการต่อสู้ของอณูแห่งพระแม่สรวงสวรรค์ กับมังกรน้ำ ต่างฝ่ายต่างมีฤทธานุภาพ ยังดีที่เป็นการเรียกร้องความสนใจ ทำให้ด้านพระราชวัง ราชธิดาพระองค์น้อย จึงถูกช่วยเหลือให้พ้นจากเภทภัย
*************************
ราอูลล์ มหาเวทย์ป่วนฟ้า (แฟนตาซี) ตอนนำ และ ตอนที่ 1
***
สิบปีก่อน
ที่นครแห่งแสง
ผู้คนมาชุมนุมที่ลานหน้าพระราชวัง ส่งเสียงเป็นเสียงเดียวกัน
“ฆ่าราชินี ฆ่าปิศาจ ฆ่าราชินี ฆ่าปิศาจ...”
ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น
ในท่ามกลางผู้คน ผู้นำในการนี้ ไว้ผมยาวสีแดงเพลิง คิ้วเข้มดุดัน หน้าตาคล้ายขึ้งโกรธใครๆ อยู่ตลอดเวลา
ครู่ถัดมา เมื่อเสียงโซ่ตรวนดังขึ้น ทหารนำราชินีเดินออกมาช้าๆ
หล่อนดวงหน้าหมดจดเปี่ยมเสน่ห์ รูปร่างอรชรและผิวพรรณผ่องใส กระทั่งราชายังไม่อาจละสายตาจากนางอันเป็นที่รัก
“พระราชาต้องตัดใจ ขจัดปิศาจ เพื่อชำระความแค้นในใจของประชาชน”
ผู้ไว้ผมยาวสีแดงเพลิงนั่นเอง ที่ให้คำปรึกษาไว้ดังนั้น เพราะเขาคุมกำลังทหารไว้ทั้งหมด พระราชาจึงไม่อาจคัดค้านใดๆ
ราชินี ถูกจูงผ่านมาจนถึงเบื้องหน้าพระราชา สายตาสบประสานเศร้าโศกด้วยกันทั้งคู่
“รานีของข้า ข้าผิดต่อเจ้าเหลือเกิน”
“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่เคยโทษพระองค์”
น้ำเสียงตอบกลับเด็ดเดี่ยว แววตาหล่อนมุ่งมั่น รู้ว่าผู้ใดต้องถูกชำระแค้น
“สำหรับฝ่าบาท การสั่งลงโทษหม่อมฉัน ต้องคือการตัดสินใจที่ยากที่สุด”
พระราชาก็คิดเช่นนั้น หวนกลับไปเมื่อครั้งจ้าวอาคมเคยให้ความเห็นนั้นอีกครั้ง
“บังอาจ! อัชชาร์ ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่น่าฟัง”
เขายังชี้หน้า ด่าทอมันด้วยซ้ำ ทว่า...
“แต่รานีของพระองค์คือนางปิศาจ เป็นกาลกิณี ทำให้บ้านเมืองล่มจม ต้องฆ่ามันทิ้ง”
และกระทั่งตอนนี้ จ้าวอาคมก็ยังยืนกราน ส่งเสียงเข้มๆ เร่งเร้า
“ฝ่าบาท ไยไม่เอ่ยคำสั่ง หรือจะให้หม่อมฉันจัดการได้เลย”
“ฝ่าบาทเพคะ...” พระราชินีเอ่ยแทรกขึ้น “...ทุกอย่างแก้ไขไม่ได้แล้ว พระองค์ตัดสินพระทัยเถอะ”
“ไม่... ข้าตัดสินใจเรื่องนี้ไม่ได้”
พระราชาย่อมรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร จึงไม่เอ่ยคำพิพากษาโทษ
“ปวงประชาถูกจ้าวอาคมอัชชาร์มอมเมา ฝ่าบาทกับหม่อมฉันทำอะไรไม่ได้แล้วละเพคะ”
“เมวาร์ เจ้าจะให้ข้าตัดสินลงไปได้ยังไง” พระราชาน้ำตาซึม “นี้มันโทษสูงสุด โทษประหารเชียวนะ...”
“ฆ่าราชินีซะ!”
คำสั่งเหี้ยมเกรียมจากจ้าวอาคมนามอัชชาร์ ไม่เกรงใจพระราชาเลยสักนิด ทหารของเขาถาโถมเข้ามา ไม่สนใจว่าเหล่ารักษาพระองค์จะถวายอารักขาอยู่พร้อมหน้า การต่อสู้เริ่มโกลาหล แต่อึดใจถัดมา ทุกอย่างก็ชะงักค้าง...
ชายหนุ่มคนหนึ่งโผนตัวเข้ามาคล้ายเหาะเหิน วูบเดียวก็ปราดเข้าถึงข้างตัวพระราชา เขาผายมือให้ราชินีที่ยังถูกล่ามโซ่ตรวนแน่นหนา ประกาศก้องว่า
“รานี... นางผู้นี้คือสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ เป็นเทพอัปสรที่พระแม่สรวงสวรรค์ประทาน พระนางจะเป็นปิศาจไปได้อย่างไร!”
“ก็แค่หลอกลวง ว่าเป็นบริวารของพระแม่สรวงสวรรค์ แท้ที่จริงคือปิศาจแปลงกาย”
อัชชาร์จ้าวอาคมเอ่ยเสียงเรียบ ยืนยันข้อมูลของตนเองไม่เปลี่ยนแปลง
“ไอ้... ไอ้... เจ้าต่างหากล่ะ ไอ้ปิศาจร้าย!”
ผู้มาใหม่ชี้หน้าด่าอัชชาร์ตรงๆ แต่กลับถูกต่อต้านจากบรรดาพวกลูกสมุนทันที
“ลบหลู่ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ต้องลงโทษๆ!”
“ฆ่ามันๆ ฆ่ามันให้หมด!”
ผู้คนทั้งลาน คล้ายถูกสะกดจิต พอคนหนึ่งพูด อีกคนก็พูดต่อๆ ซ้ำๆ กันเรื่อยไป
จ้าวอาคมยิ้มสะใจ นึกถึงตอนถกเถียงกับพระราชาคราวนั้น แล้วก็ยิ่งคิดว่าตัวเองได้เปรียบ
“พระองค์คิดว่านักบวชนั้นเป็นเพื่อน แค่เป็นเพื่อนธรรมดาอย่างนั้นรึ!”
“ข้าเชื่ออย่างหมดหัวใจ ว่ารานียังบริสุทธิ์ผุดผ่อง ปราศจากราคีใดๆ”
“ก็ใช่... ร่างกายนางรานีอาจบริสุทธิ์... แล้วดวงวิญญาณล่ะ? หรือว่าฝ่าบาทไม่เคยสงสัยมาก่อน”
“เป็นไปไม่ได้”
“แค่คิด แค่พูดไม่พอพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะพิสูจน์ให้ฝ่าบาทได้เห็นกับตา”
คราวนั้น จ้าวอาคมอัชชาร์ เพราะเชี่ยวชาญเวทย์มนตร์คาถา จึงสามารถคุมอำนาจได้เกือบเบ็ดเสร็จ เขาตั้งใจทำลายพระราชินี จึงจงใจสร้างสถานการณ์ ร่ายคาถาทำให้ห้วงน้ำปั่นป่วน ไหลป่าเข้าท่วมนครแห่งแสง ปากเอ่ยคำท้าทาย
“พระแม่แห่งสรวงสวรรค์ บ้านเมืองลูกหลานมีภัย จะไม่ปรากฏกายช่วยเหลืออย่างนั้นหรือ!”
และนั่นก็ได้ผล อณูแห่งพระแม่สรวงสวรรค์ แยกธาตุจากร่างของราชินีที่ถูกคุมขัง ออกป้องกันชาวเมืองจากเดชะของมังกรน้ำ ที่มันถูกปลุกให้ตื่นโดยอัชชาร์จ้าวอาคม
ในการต่อสู้ของอณูแห่งพระแม่สรวงสวรรค์ กับมังกรน้ำ ต่างฝ่ายต่างมีฤทธานุภาพ ยังดีที่เป็นการเรียกร้องความสนใจ ทำให้ด้านพระราชวัง ราชธิดาพระองค์น้อย จึงถูกช่วยเหลือให้พ้นจากเภทภัย