ทำยังไงดีค่ะ สงสารแม่มากๆเลย ขอคำแนะนำจากเพื่อนๆพี่ๆทุกคนด้วยค่ะ T-T

กระทู้คำถาม
เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว ดิฉันได้ตัดสินใจเซ้งกิจการร้านมินิมาร์ทใต้คอนโดโครงการหนึ่ง โดยเหตุผลสำคัญที่ตัดสินใจเซ้งธุรกิจคือ เจ้าของเดิมเขายืนยันว่าไม่มีคู่แข่ง เป็นสิทธิเดียวในโครงการ ก่อนซื้อได้เดินดูรอบโครงการแล้วว่าไม่มีคู่แข่งจริงๆ (ในโครงการมีร้านนวดไทย ร้านซักรีด ร้านเสริมสวย ตู้หยอดเหรียญ และช็อปว่างๆที่ปิดทำการอีก 2-3 ห้อง) จึงตกลงใจเซ้งมาเพื่อให้แม่และพี่มีรายได้ ส่วนตัวเองมีงานประจำทำอยู่แล้วจึงไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจในร้าน ตลอดเวลาเกือบ 3 ปีที่ผ่านมาก็พออยู่ได้ค่ะ หักค่าเช่าร้าน ค่าน้ำไฟ ค่ากินอยู่แล้ว แม่กับพี่ก็เหลือเงินแบ่งกันในทุกๆเดือนอีก พูดง่ายๆคืออยู่กันมีความสุขดีค่ะ แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยเว่อร์วังอะไรหรอกนะคะ
       เมื่อประมาณปีที่แล้ว ร้านค้าที่ว่างอยู่ในโครงการห้องนึงเขาเปิดให้คนเช่าทำร้านอาหารตามสั่ง แรกๆก็ไม่มีไร ต่างคนต่างทำธุรกิจกันไป เขาก็มีน้ำอัดลม ชาเขียว น้ำเปล่า เบียร์ขาย เราก็มีอาหารแช่แข็งขายตามปกติ (ขายอาหารแช่แข็งมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ก่อนจะมีร้านอาหารตามสั่งมาเปิดอีกนะคะ) ต่อมายอดขายอาหารแช่แข็งลดลง เพราะมีลูกค้าบางส่วนไปอุดหนุนร้านอาหารตามสั่ง เราก็เฉยๆไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่พี่ก็ตัดสินใจยกเลิกการขายอาหารแช่แข็งเพราะทุนจะได้ไม่จมกับของ และประหยัดค่าไฟตู้แช่แข็งได้ด้วย ก็ยังอยู่ได้แม้กำไรจะลดลง กลับกลายเป็นร้านอาหารตามสั่งเองที่อยู่ไม่ได้ ต้องเปลี่ยนผู้เช่าไป 2-3 เจ้า
        ปัญหาคือช่วง 3-4 เดือนนี้ มีผู้เช่าร้านอาหารตามสั่งรายใหม่เข้ามา แต่เอาสินค้าต่างๆมาขายเพิ่มจนเกินขอบเขตของธุรกิจร้านอาหารตามสั่ง คือ โซดา นมเปรี้ยว โยเกิร์ต ยาคูลท์ สปาย ป๊อกกี้ M-150 กระทิงแดง มีแม้กระทั่งผงซักฟอก และน้ำยาปรับผ้านุ่มชนิดซอง ทำให้เริ่มมีผลกระทบต่อธุรกิจร้านมินิมาร์ทของเรา พี่เราเลยไปคุยกับเจ้าของร้านอาหารตามสั่ง แต่เขาก็ไม่ยอมเลิกขาย บอกว่าเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะขายอะไรก็ได้ เลยทะเลาะกันใหญ่โต แม่เลยไปแจ้งนิติบุคคล แต่นิติบุคคลบอกว่าไม่มีสิทธิที่จะห้ามใครจะขายอะไรให้ไปคุยกันเอง (อ้าว!!! ก็คุยกันเองแล้วมันคุยไม่ได้ไง ถึงต้องมาแจ้งนิติบุคคล) สรุปคือผลกำไรเริ่มลดลงจนบางเดือนไม่ได้กำไรเลยก็มี แม่ขอร้องพนักงานส่งยาคูลท์ และนมเปรี้ยวดัชมิลค์ไม่ให้ไปส่งสินค้าที่ร้านอาหารตามสั่ง แต่พนักงานทั้ง 2 บริษัทบอกว่าหนูต้องทำยอด เพราะหัวหน้าหนูสั่งมา (ที่สำคัญยาคูลท์มียอดขั้นต่ำในการสั่ง แถมยังเปลี่ยน/คืนสินค้าไม่ได้อีก T-T) สุดท้ายทำอะไรไม่ได้ พี่ก็เครียดจนโรคประจำตัวกำเริบ แม่นอนร้องไห้เกือบทุกคืน เราเองก็รู้สึกแม่แย่ตามไปด้วยที่เป็นคนเซ้งร้านนี้มา สุดท้ายแม่กับพี่เป็นทุกข์ ใจนึงก็อยากด่าอยากว่าเจ้าของร้านอาหารตามสั่งแรงๆนะคะ เพราะเขาเป็นถึงครูบาอาจารย์ ทำไมจิตใจถึงเห็นแก่ตัวขนาดนี้ แต่ก็ไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร ขนาดพี่เราไปคุยยังทะเลาะกันกลับมา ถ้าไปคุยอีกก็คงจะทะเลาะกันเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น
        ถ้าเป็นเพื่อนๆพี่ๆจะทำยังไงกันคะ??? รบกวนขอคำแนะนำหน่อยเถอะค่ะ T-T
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
เราคงผิดตั้งแต่หลงเชื่อ คนที่เซ้งร้านให้แล้วครับ  เพราะความจริงคือ นิติบุคคลบอกว่าไม่มีสิทธิที่จะห้ามใครจะขายอะไร  
หนาม ยอกเอาหนามบ่ง  ขาย  กับข้าว  อร่อยๆ  สะอาดๆ เลิศๆ ราคาไม่แพง
สู้ อาหารตามสั่ง มั่งซ๊ะเลยให้รู้ดำรู้แดง   แล้วรอวัน เค้ามาคุยกับเราให้เราเลิกขาย   มั่ง . เพราะผู้คนบางส่วน
ก็ชอบอะไร ที่ง่ายๆ ข้าวราดซัก1-2อย่าง เร็วกว่าตามสั่ง ที่ต้องรอ และ ราคาสูงกว่า
ความคิดเห็นที่ 2
.....การค้าขาย ย่อมต้องมีคู่แข่งเสมอครับ คุณต้องรู้จักปรับตัวครับ ถึงจะอยู่รอด อย่าไปหาเรื่องทะเลาะให้เสียเวลาเลยครับ มันไม่เกิดประโยชน์ เอาเวลามาคิดหาสินค้า อะไรที่ลูกค้ามีความต้องการมากๆ นำมาขายเพื่อให้มีกำไรเพิ่มขึ้นดีกว่าครับ......

.....หรือ กลยุทธที่ใช้ดึงดูดลูกค้าให้เข้าร้านเรามากๆดีกว่าครับ.......เวลาลูกค้าเข้าร้านมาก็พูดคุย สอบถามดูบ้าง ต้องการอะไรใหม่ๆบ้าง ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร มีอะไรจะแนะนำบ้าง เป็นต้น

ปล. ผมค้าขาย มีคู่แข่ง เยอะมาก แต่ก็อยู่ได้ ถ้าบริการดี ฯลฯ ครับ
ความคิดเห็นที่ 5
คิดว่าร้านอาหารตามสั่งไม่ผิดค่ะ ทุกคนต้องเอาตัวรอดทั้งนั้น

คงต้องช่วยกันคิดมากกว่า
1. จะขายอะไรเพิ่มเติม ขนมเบเกอรี่ ขบเคี้ยว อาหารสดแบ่งย่อยขายที่สามารถทำกินได้ง่ายๆ หรือผลไม้ถุงละ 10 20
2. ลดราคาสินค้าที่มีอยู่แล้วราคาถูกลงหน่อย เพื่อแย่งลูกค้า

บริการรับทำความสะอาดห้อง ก็ดีนะคะ ครั้งละ 200
บริการไขกุญแจห้อง เวลาคนลืมกุญแจ เห็นเขาทำกันง่ายๆ แป๊ปเดียวได้ 300

สู้ๆ ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่