"ตาแว่นบอกต่อ" ได้ไปเยือนโรงแรมแกรนด์สวิส สุขุมวิท 11 ซึ่งอยู่ในหลืบซอย ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้า BTS นานา ทางออกที่ 3 เดินไปไม่ถึง 4 นาทีก็ถึงตัวโรงแรม เห็นง่าย มีป้ายใหญ่ๆ เขียนชัดเจน หรือหากหาไม่เจอให้ถามแม่ค้าแถวนั้นได้ ตัวโรงแรมจะอยู่ฝั่งขวามือ ก่อนถึงโรงแรมแอมบาสเดอร์ นิดหน่อย
ก่อนที่จะคอมเม้นท์ โปรดอ่านข้อความที่ซ่อนอยู่ด้านล่างนี้ก่อนนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
1. การรีวิวนี้เป็นการรีวิวเฉพาะความคิดเห็นส่วนตัวที่ได้พบเจอมา ไม่ได้มีสินน้ำใจ หรือรับจ้างที่เป็นเม็ดเงินให้มาเขียนในพันทิป และไม่ได้บังคับให้คุณไปใช้บริการแต่อย่างใด
2. การที่เข้าไปถ่ายภาพนั้น เป็นการถ่ายภาพก่อนลูกค้ามาทานประมาณ 30 นาที ซึ่งไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากลูกค้าทั่วไป นอกจากว่าไม่ต้องจ่ายค่าอาหารเท่านั้น ที่มาพร้อมด้วยค่าเสื่อมสภาพของการใช้งานกล้องทุกครั้งที่กดสายลั่นชัตเตอร์
3. การเขียนรีวิวแบบนี้ ผู้เขียนรีวิวคิดว่าไม่คุ้ม ที่เสียทั้งเวลาไปถ่ายภาพ จัดเตรียมภาพ และต้องกลับมาคิด เตรียมเนื้อหา มาเขียนให้ท่านได้อ่านเป็นวัน แต่ที่ทำไปเพราะทำด้วยความอยากทำ และอยากแบ่งปัน ฉนั้นขอให้ท่านควรแสดงความคิดเห็น ที่ให้การคารพสิทธิและน้ำใจของคนเขียนรีวิวด้วย เพื่อให้มีกำลังใจในการเขียนต่อ อาจดีบ้าง ไม่มีดีบ้างนั่นเป็นเพียงมือสมัครเล่น ไม่ได้รับจ้างเขียนลงนิตยสาร หรือ Editorial Content
4. ความอร่อย และความคุ้มค่ากับราคา ของการใช้บริการอยู่ที่ความพึงพอใจของแต่ละบุคคล ดังนั้นหากคุณว่าไม่อร่อย รสชาติไม่ได้เรื่อง ก็เป็นเพราะรสชาติยังไม่ถูกปากของคุณ ในเมนูอาหารที่คุณไม่ชอบก็มีอีกหลายคนที่ชอบ ดังนั้นขอความกรุณาอย่าเอาลิ้นตัวเองมาตัดสินใจในสินค้านั้นๆ
ภาพทางเข้าล๊อบบี้ของโรงแรม ตัวอาคารของโรงแรมดูจะเล็กไปนิด แต่ข้างในกว้างขวาง โรงแรมแกรนด์สวิสนี้จะบริหารงานโดยในเครือของคอมพาส Compass Hospitality ซึ่งเปิดให้บริการได้ไม่นาน ยังไม่ถึงปีดี เมื่อย่างเข้ามายังโรงแรมจะมีพนักงานต้อนรับคอยเปิดปิดประตูให้บริเวณล๊อบบี้ของโรงแรม หากจะมาทานอาหาร ถามพนักงงานได้ว่าอยู่ชั้นใหน เพราะมีอยู่ด้วยกัน 2 ห้องอาหาร ห้องอาหารหลักคือ ห้องอาหาร 11th Avenue ที่อยู่ชั้น 7 และ ห้องเล้าจ์บนชั้น 18 คือ 180° Sky Lounge
ห้องอาหาร 11th Avenue จะที่อยู่ชั้น 7 ติดกับสระว่ายน้ำ ห้องอาหารนี้เป็นห้องอาหารหลักสำหรับจัดตั้งไลน์อาหารบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าให้กับลูกค้าที่เข้ามาพัก หรือลูกค้าภายนอกที่วอร์ลคอินเข้ามา ส่วนบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าจะอยู่ที่ราคา 350 ++ แต่ถ้าจะไปทานอาหารเช้าแนะนำให้ทานอาหารแบบเซ็ตจะดีกว่า เพราะราคาจะถูกกว่าคือจะมีตั้งแต่ราคา 150-190 บาท แล้วแต่เซ็ตของเมนูอาหารที่เราเลือก
หรือถ้าอยากจะทานอาหารมื้อกลางวันที่บริเวณริมสระน้ำก็ได้ เพราะห้องอาหารจะไม่ได้ขายอาหารบุฟเฟ่ต์เหมือนโรงแรมทั่วไปสำหรับมื้อกลางวัน จะสั่งเป็นเครื่องดื่มสมูทตี้เย็นๆ พร้อมด้วยอาหารจานด่วนมาทาน ดูวิวสวยๆ ข้างนอกก็ได้ เพลินดี หรืออยากเข้าไปทานข้างในห้องอาหารก็ได้ ทำงานไป ทานอาหารไป ที่นี่มีฟรีวายฟายให้
ถ้ามาช่วงเย็นๆ จะขึ้นไปที่เล้าจ์นบนชั้น 18 ของโรงแรมก็ได้ บรรยากาศขอบอกว่าสวยมาก ยิ่งช่วงเย็นๆ ก่อนตะวันตกดินนี้ฟิน จะเห็นแสงสีของอาคารและรถราที่สัญจรบนท้องถนนสวยงาม ยิ่งได้สั่งเครื่องดื่มแบบที่เราชอบแล้วก็ยิ่งฟินไปใหญ่ ที่ห้องอาหารนี้จะมีโซนสำหรับสูบบุหรี่ให้เป็นห้องส่วนตัว โดยไม่มีกลิ่นเข้าไปรบกวน
ผมจะไม่ดื่มจะพวกแอลกอฮอล์ จึงสั่งเครื่องดื่มที่เป็นสมูตตี้มา จะมี 2 เมนูเครื่องดื่มแนะนำของห้องอาหาร ด้านซ้ายมือคือ “Pink Cheeks” มีสตรอเบอรี่กับบีทรูทมาปั่นด้วยโยเกิร์ตโฮมเมดของโรงแรมทำเองและนมสดรสชาติออกหวานนิดหน่อย เพราะไม่ได้เพิ่มน้ำเชื่อมมากจนหวานเกินไป ผู้หญิงจะชอบกับเครื่องนี้มากเพราะสีสันสดสวยงาม ส่วนอีกเครื่องดื่มอีกแก้วที่อยู่ขวามือคือ “Tropic Mania” มีแก้วมังกร มะละกอ สับปะรด โยเกิร์ตโฮมเมดและนมสด รสชาติออกหวาน อร่อยดี ผมชอบแก้วนี้มากกว่าแก้วแรก
เอาใจคนที่ชอบเครื่องดื่มแบบมีแอลกอฮอลล์ บ้าง กับ 2 แก้วนี้ แก้วที่ 1 ที่อยู่ด้านซ้ายมือคือ “180°” ที่ได้นำเอาน้ำส้ม ดาร์กรำ ไวท์รำ มาผสมกันเป็นเครื่องดื่มที่ให้ความสดชื่น ดื่มแล้วลื่นคอ และแก้วที่ 2 ที่อยู่ด้านขวามือที่เป็นสีฟ้าๆ คือ “Mai Tai” ที่มีส่วนผสมของบลูฮาวาเอี้ยนและวอดก้า คนที่ชอบเครื่องดื่มที่ไม่หนักจนเกินไปน่าจะชอบกับเครื่องดื่มนี้
เมนูทานเล่นลูกครึ่งจีน-อเมริกัน ที่ได้นำเอาเนื้อปูผสมกับเครื่องปรุงสไตล์อเมริกัน มาห่อด้วยแผ่นเกี๊ยวมาทอดเสิร์ฟด้วยน้ำจิ้มบ๊วย เป็นเมนูอาหารทานเล่นยอดนิยมของคนจีนในอเมริกา รสชาติแปลกใหม่มีความมันของเนื้อปูแทนไข่นกกระทา กรุบกรอบอร่อยได้ไม่เบาเลย กินแล้วเพลินดี
” Swedish Meatball” เมนูนี้เป็นเมนูที่ทางเชฟได้แนะนำให้เราได้ทานกันเป็นลูกชิ้นเนื้อสไตล์ต้นตำหรับของชาวสวีเดน หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นเมนูอาหารประจำชาติสวีเดนเลยก็ว่าได้ เสิร์ฟมาพร้อมกับมันฝรั่งบดและข้าวโพด รสชาติของซอสที่ราดอยู่บนตัวของลูกชิ้นเนื้อมีความเค็มนำแต่เมื่อได้ทานกับมันบดที่มีความจืดแล้วจะเข้ากันได้ดี ส่วนตัวผมแล้วตอนแรกที่ชิมออกรสเค็มจะไม่ค่อยถูกปาก แต่เมื่อท่านกับมันฝรั่งบดเท่านั้นแหละชอบเลย
เมนูสุดท้ายที่ผมได้ลองทาน คือ “Chicken Slider” เป็นมินิเบอร์เกอร์สไตล์อเมริกัน ตัวแป้งขนมปังโรงแรมทำเอง พร้อมด้วยไก่ทอดที่เสิร์ฟมาพร้อมกับ พิกเกิ้ลหรือแตงกวาดอง และคิชงมัสตาร์ด ซอสมะเขือเทศ วิธีกินให้อร่อยคือต้องกินด้วยมือไม่ต้องเกรงใจใคร ไม่เสียมารยาทหรอก หยิบมินิเบอร์เกอร์แล้วดึงไม้ไผ่ที่เสียบเบอร์เกอร์ออก ตักคิชงมัสตาร์ดมาราดนิดหน่อย อย่าเยอะจะทำให้เค็มไม่อร่อย แล้วใส่ปากจะได้อารมณ์ของการกินเบอร์เกอร์จริงๆ
สรุป :
หากอยากมากินอาหารสำหรับมื้อพิเศษกับคนพิเศษ หรือจะมานั่งชิลๆ คุยงานไป กินอาหารไป กับบรรยากาศที่สวยงามของช่วงค่ำๆ เห็นวิวของกรุงเทพแบบ 180 องศา ที่นี่ผมคิดว่าเป็นอีกหนึ่งแห่งเหมาะมากเลยทีเดียว นอกจากวิวที่สวยงามแล้วอาหารและเครื่องดื่มของที่นี่ก็อร่อยด้วย ราคาก็ไม่ได้แพงจนเกินไป สำหรับผมแล้วชอบมากกับห้องอาหารที่โรงแรมนี้ ถึงแม้ว่าโรงแรมจะไม่ใหญ่มีระดับหรูหราก็ตาม การบริการก็ดีไม่ได้เลยร้ายอะไร ราคาอาหารอาจมี ++ บ้างเป็นธรรมดาของร้านอาหารในโรงแรม
ข้อมูลทั่วไปของ ห้องอาหาร “180° Sky Lounge โรงแรมแกรนด์สวิส สุขุมวิท 11
สถานที่ตั้ง : 155/23 สุขุมวิท 11, ถนนสุขุมวิท, คลองเตยเหนือ, เขตวัฒนา, กรุงเทพ 10110
อีเมล์ : enquiry@grandswissbangkok.com
เบอร์โทร : 0 2253 2000
เว็บไซต์ : http://www.grandswissbangkok.com
เฟสบุ๊ค : https://www.facebook.com/GrandSwissHotelBKK
ติดตามความเคลื่อนไหวของผู้เขียนได้ที่ :
เว็บไซต์ : http://www.dekguide.com
เฟสบุ๊ค : https://www.facebook.com/PremiumBuffet,
https://www.facebook.com/dekguide.lifestyle
อินสตาแกรม : https://instagram.com/dekguide
[SR] ห้องอาหาร 180° Sky Lounge โรงแรมแกรนด์สวิส สุขุมวิท 11 บรรยากาศหรูๆ กับวิว 180 องศาของกรุงเทพมหานคร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ภาพทางเข้าล๊อบบี้ของโรงแรม ตัวอาคารของโรงแรมดูจะเล็กไปนิด แต่ข้างในกว้างขวาง โรงแรมแกรนด์สวิสนี้จะบริหารงานโดยในเครือของคอมพาส Compass Hospitality ซึ่งเปิดให้บริการได้ไม่นาน ยังไม่ถึงปีดี เมื่อย่างเข้ามายังโรงแรมจะมีพนักงานต้อนรับคอยเปิดปิดประตูให้บริเวณล๊อบบี้ของโรงแรม หากจะมาทานอาหาร ถามพนักงงานได้ว่าอยู่ชั้นใหน เพราะมีอยู่ด้วยกัน 2 ห้องอาหาร ห้องอาหารหลักคือ ห้องอาหาร 11th Avenue ที่อยู่ชั้น 7 และ ห้องเล้าจ์บนชั้น 18 คือ 180° Sky Lounge
ห้องอาหาร 11th Avenue จะที่อยู่ชั้น 7 ติดกับสระว่ายน้ำ ห้องอาหารนี้เป็นห้องอาหารหลักสำหรับจัดตั้งไลน์อาหารบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าให้กับลูกค้าที่เข้ามาพัก หรือลูกค้าภายนอกที่วอร์ลคอินเข้ามา ส่วนบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าจะอยู่ที่ราคา 350 ++ แต่ถ้าจะไปทานอาหารเช้าแนะนำให้ทานอาหารแบบเซ็ตจะดีกว่า เพราะราคาจะถูกกว่าคือจะมีตั้งแต่ราคา 150-190 บาท แล้วแต่เซ็ตของเมนูอาหารที่เราเลือก
หรือถ้าอยากจะทานอาหารมื้อกลางวันที่บริเวณริมสระน้ำก็ได้ เพราะห้องอาหารจะไม่ได้ขายอาหารบุฟเฟ่ต์เหมือนโรงแรมทั่วไปสำหรับมื้อกลางวัน จะสั่งเป็นเครื่องดื่มสมูทตี้เย็นๆ พร้อมด้วยอาหารจานด่วนมาทาน ดูวิวสวยๆ ข้างนอกก็ได้ เพลินดี หรืออยากเข้าไปทานข้างในห้องอาหารก็ได้ ทำงานไป ทานอาหารไป ที่นี่มีฟรีวายฟายให้
ถ้ามาช่วงเย็นๆ จะขึ้นไปที่เล้าจ์นบนชั้น 18 ของโรงแรมก็ได้ บรรยากาศขอบอกว่าสวยมาก ยิ่งช่วงเย็นๆ ก่อนตะวันตกดินนี้ฟิน จะเห็นแสงสีของอาคารและรถราที่สัญจรบนท้องถนนสวยงาม ยิ่งได้สั่งเครื่องดื่มแบบที่เราชอบแล้วก็ยิ่งฟินไปใหญ่ ที่ห้องอาหารนี้จะมีโซนสำหรับสูบบุหรี่ให้เป็นห้องส่วนตัว โดยไม่มีกลิ่นเข้าไปรบกวน
ผมจะไม่ดื่มจะพวกแอลกอฮอล์ จึงสั่งเครื่องดื่มที่เป็นสมูตตี้มา จะมี 2 เมนูเครื่องดื่มแนะนำของห้องอาหาร ด้านซ้ายมือคือ “Pink Cheeks” มีสตรอเบอรี่กับบีทรูทมาปั่นด้วยโยเกิร์ตโฮมเมดของโรงแรมทำเองและนมสดรสชาติออกหวานนิดหน่อย เพราะไม่ได้เพิ่มน้ำเชื่อมมากจนหวานเกินไป ผู้หญิงจะชอบกับเครื่องนี้มากเพราะสีสันสดสวยงาม ส่วนอีกเครื่องดื่มอีกแก้วที่อยู่ขวามือคือ “Tropic Mania” มีแก้วมังกร มะละกอ สับปะรด โยเกิร์ตโฮมเมดและนมสด รสชาติออกหวาน อร่อยดี ผมชอบแก้วนี้มากกว่าแก้วแรก
เอาใจคนที่ชอบเครื่องดื่มแบบมีแอลกอฮอลล์ บ้าง กับ 2 แก้วนี้ แก้วที่ 1 ที่อยู่ด้านซ้ายมือคือ “180°” ที่ได้นำเอาน้ำส้ม ดาร์กรำ ไวท์รำ มาผสมกันเป็นเครื่องดื่มที่ให้ความสดชื่น ดื่มแล้วลื่นคอ และแก้วที่ 2 ที่อยู่ด้านขวามือที่เป็นสีฟ้าๆ คือ “Mai Tai” ที่มีส่วนผสมของบลูฮาวาเอี้ยนและวอดก้า คนที่ชอบเครื่องดื่มที่ไม่หนักจนเกินไปน่าจะชอบกับเครื่องดื่มนี้
เมนูทานเล่นลูกครึ่งจีน-อเมริกัน ที่ได้นำเอาเนื้อปูผสมกับเครื่องปรุงสไตล์อเมริกัน มาห่อด้วยแผ่นเกี๊ยวมาทอดเสิร์ฟด้วยน้ำจิ้มบ๊วย เป็นเมนูอาหารทานเล่นยอดนิยมของคนจีนในอเมริกา รสชาติแปลกใหม่มีความมันของเนื้อปูแทนไข่นกกระทา กรุบกรอบอร่อยได้ไม่เบาเลย กินแล้วเพลินดี
” Swedish Meatball” เมนูนี้เป็นเมนูที่ทางเชฟได้แนะนำให้เราได้ทานกันเป็นลูกชิ้นเนื้อสไตล์ต้นตำหรับของชาวสวีเดน หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นเมนูอาหารประจำชาติสวีเดนเลยก็ว่าได้ เสิร์ฟมาพร้อมกับมันฝรั่งบดและข้าวโพด รสชาติของซอสที่ราดอยู่บนตัวของลูกชิ้นเนื้อมีความเค็มนำแต่เมื่อได้ทานกับมันบดที่มีความจืดแล้วจะเข้ากันได้ดี ส่วนตัวผมแล้วตอนแรกที่ชิมออกรสเค็มจะไม่ค่อยถูกปาก แต่เมื่อท่านกับมันฝรั่งบดเท่านั้นแหละชอบเลย
เมนูสุดท้ายที่ผมได้ลองทาน คือ “Chicken Slider” เป็นมินิเบอร์เกอร์สไตล์อเมริกัน ตัวแป้งขนมปังโรงแรมทำเอง พร้อมด้วยไก่ทอดที่เสิร์ฟมาพร้อมกับ พิกเกิ้ลหรือแตงกวาดอง และคิชงมัสตาร์ด ซอสมะเขือเทศ วิธีกินให้อร่อยคือต้องกินด้วยมือไม่ต้องเกรงใจใคร ไม่เสียมารยาทหรอก หยิบมินิเบอร์เกอร์แล้วดึงไม้ไผ่ที่เสียบเบอร์เกอร์ออก ตักคิชงมัสตาร์ดมาราดนิดหน่อย อย่าเยอะจะทำให้เค็มไม่อร่อย แล้วใส่ปากจะได้อารมณ์ของการกินเบอร์เกอร์จริงๆ
สรุป :
หากอยากมากินอาหารสำหรับมื้อพิเศษกับคนพิเศษ หรือจะมานั่งชิลๆ คุยงานไป กินอาหารไป กับบรรยากาศที่สวยงามของช่วงค่ำๆ เห็นวิวของกรุงเทพแบบ 180 องศา ที่นี่ผมคิดว่าเป็นอีกหนึ่งแห่งเหมาะมากเลยทีเดียว นอกจากวิวที่สวยงามแล้วอาหารและเครื่องดื่มของที่นี่ก็อร่อยด้วย ราคาก็ไม่ได้แพงจนเกินไป สำหรับผมแล้วชอบมากกับห้องอาหารที่โรงแรมนี้ ถึงแม้ว่าโรงแรมจะไม่ใหญ่มีระดับหรูหราก็ตาม การบริการก็ดีไม่ได้เลยร้ายอะไร ราคาอาหารอาจมี ++ บ้างเป็นธรรมดาของร้านอาหารในโรงแรม
ข้อมูลทั่วไปของ ห้องอาหาร “180° Sky Lounge โรงแรมแกรนด์สวิส สุขุมวิท 11
สถานที่ตั้ง : 155/23 สุขุมวิท 11, ถนนสุขุมวิท, คลองเตยเหนือ, เขตวัฒนา, กรุงเทพ 10110
อีเมล์ : enquiry@grandswissbangkok.com
เบอร์โทร : 0 2253 2000
เว็บไซต์ : http://www.grandswissbangkok.com
เฟสบุ๊ค : https://www.facebook.com/GrandSwissHotelBKK
ติดตามความเคลื่อนไหวของผู้เขียนได้ที่ :
เว็บไซต์ : http://www.dekguide.com
เฟสบุ๊ค : https://www.facebook.com/PremiumBuffet, https://www.facebook.com/dekguide.lifestyle
อินสตาแกรม : https://instagram.com/dekguide