(นี่เป็นกระทู้ริวิวอาหารกระทู้แรกของผม ผิดพลาดยังไงขออภัยนะครับ)

มันอาจจะเป็นการรีวิวที่ไม่จริงจังเท่าไหร่นะครับ เพราะส่วนตัวแล้วไม่ได้เป็นคนชอบทานซูชิ แต่เนื่องจากรุ่นพี่ผมเค้านัดมาคุยงานที่นี่ก็เลยมา ตอนแรกก็ไม่ได้กะจะมารีวิวอาหาร แต่มันอดไม่ได้เพราะไอ้เจ้าเซทนี้ที่พี่เค้าสั่งมาให้ทานกัน



มันดูเว่อวังอลังการมากฮะ อดขอถ่ายรูปเก็บไว้ไม่ได้ ซึ่งก็เลยเป็นที่มาของรีวิวครั้งนี้ครับ อีกสักรูปก่อนไปพูดถึงรสชาติกัน

  

เอาจริงๆผมไม่รู้หรอกว่าแบบไหนดีหรือไม่ดีครับ รู้แต่ว่ามันดูน่าทานจริง แต่ก่อนจะได้ทาน พอดีช่วงที่ผมไปมันประมาณ 3 โมงเย็น ลูกค้ายังไม่ค่อยมากเท่าไหร่ เข้าใจว่าเป็นเจ้าของร้านที่มาช่วยแนะนำเมนูนี้ให้ ผมจำชื่อแต่ละอันไม่ได้ จำได้แค่ว่า เค้าให้เราไล่ทานจากเนื้อปลาสีอ่อนไปสีเข้ม จากซ้ายสุดไปขวาสุด เพราะเนื้อสีขาวจะไม่ค่อยมีกลิ่นคาวของปลา จำได้ว่ามีปลาทูกับแซลม่อน ผมได้ทานแซลม่อน ต้องบอกว่ามันชิ้นใหญ่มาก กินไม่หมดในหนึ่งคำ ซึ่งพยายามแล้วด้วย เพราะกลัวเค้าจะหาว่ากินไม่เป็น (ซึ่งก็จริง ฮ่าๆ)


(มือจะสั่นไปไหน)

เนื้อมันนุ่มจริงฮะ คำที่เหลือก็เลยลองกินกับซอสญี่ปุ่นที่ไม่มีวาซาบิเพราะผมไม่ชอบอ่ะก็อร่อยอีกแบบครับ นั่งกินไป คุยงานไป ผมเองก็เกรงใจพี่เค้า แต่ก็อยากลองชิ้นที่มันมีข้าวด้วย จนมาถึงจุดพีคของมื้อเบาๆมือนี้จนกลายเป็นชื่อกระทู้ เรื่องของเรื่องคือ ตอนที่เหลืออยู่สองชิ้นนี้ แล้วพี่เค้าให้ผมทานชิ้นนึง พี่ๆเพื่อนๆในนี้คิดว่าผมจะเลือกชิ้นไหน...



ไม่ต้องสืบเลยครับ ชิ้นที่มี Topping ผมไม่กล้าเลือกแน่นอน เพราะจำได้ตอนที่เค้ามาแนะนำว่ามีไข่ปลาคาเวียร์ด้วย! แต่เดี๋ยวก่อนครับท่านคุณผู้ชม ด้วยความที่ผมทำบุญมาดี พี่เค้าเลยชี้ชิ้นไฮโซนี้มาให้อย่างไม่รอรี ผมจึงน้อมรับไว้อย่างไม่รีรอเช่นกัน (ทำหัวผงก หงึกๆ พร้อมยิ้มขอบคุณเบาๆด้วย ^^) และเมื่อผมเตียมอาวุธครบมือ และกำลังทำการคีบซูชิชิ้นนั้นขึ้นมาอย่างบรรจง พี่ผมเค้าก็พูดออกมาลอยๆคำนึงว่า "มันต้องพลิกเอาด้านปลามาแตะลิ้นด้วยนะ"
......(สตั้นไป 2 วิ) "ฮึ" (คิดในใจ) "ยังไงนะครับพี่?" (พูดออกไป)

คือจังหวะนั้นเราไม่รู้แล้วอ่ะว่าพี่เค้าแกล้งรึเปล่า เพราะตอนแกเอาเข้าปากแกเราไม่ได้มองไง แล้วถึงแม้เราไม่ใช่สายกินซูชิ แต่เราก็พอได้กินมาบ้าง ไม่เห็นเคยได้ยินจากใครมาแบบนี้เลย..."อำป่าววะ" (คิดในใจอีกที)

พี่เค้าตอบมาอีกทีว่า "เวลากินซูชิที่ถูกต้อง จะต้องพลิกเอาด้านที่มีปลาลงไปสัมผัสที่ลิ้น" แล้วแกก็นั่งเขียนงานต่อ ไอ้เราอยากจะถามต่อว่าทำไมต้องทำแบบนั้นครับ ก็กลัวจะโชว์ฉลาดน้อยไปอีก ก็เดาๆว่ามันคงต้องให้ลิ้นได้สัมผัสเนื้อปลาจริงๆด้วยมันถึงจะรู้รสชาติที่แท้จริง..รึเปล่านะ ฮึ (ถ้าใครพอมีความรู้ช่วยอนุเคราะห์ผมด้วยนะครับ ^^)

ผมนี่แทบจะพลิกปลาไม่ทันเลยทีเดียว แต่ประเด็นคือชิ้นมันใหญ่อ่ะครับ ดูท่าทางแล้วถ้าพลิก 180 องศาเลยผมคงมีปัญหาในการเอาเข้าปากแน่นอน เลยทำเต็มที่สุดๆได้แค่ 90 องศา เต็มที่ก็ร้อยนึงอะ แถมต้องเอียงคอช่วยด้วย เป็นท่ากินซูชิที่ต้องบอกว่าเซกซี่มากฮะ โฮะๆ

และพอใกล้จะคุยงานเสร็จแล้ว เจ้าของร้านก็เดินเอาของหวานมาให้แต่ละโต๊ะลองทานดู เค้าบอกว่ากำลังลองทำกันอยู่ ยังไม่ได้ทำมาขายจริง ผมรีบจดลงสมุดเลยวันวันนี้ก้าวเท้าไหนออกจากบ้าน เพราะรู้สึกดวงดีจริงวันนี้ เจ้าของหวานที่เค้าเอามาเสิร์ฟมันคือคัสตาร์ดที่ไม่หวานมาจนเกินไป เพราะลองชิมแล้ว ชอบ อร่อย พูดเลยนะ ถ้ามาอีกถ้วยก็เอานะ อิอิ



เอาเป็นว่าประมาณนี้ละกันนะครับ ผิดถูกยังไงก็ขออภัย มือใหม่หัดรีวิวครับ
ขออนุญาตขอบคุณรุ่นพี่ผมด้วยนะครับ วันหลังชวนนัดคุยร้านอาหารอีกนะครับ แหะๆ ^^
ยังไงก็มาลองกันได้นะครับ Maguro Sushi ที่ Chic Republic บางนาครับ เปิดประตูเข้าไปก็เจอเลยครับ เพราะพี่เค้าก็บอกผมแบบนี้ตอนนัดกัน
บรรยากาศญี่ปุ่นได้เลยนะครับ แถมเจ้าของร้านบริการดี มีมาแนะนำอาหารให้ด้วยครับ ส่วนเรื่องคะแนนอาหาร แม้ผมจะได้ค่อยได้ทานซูชิ แต่ผมว่าใช้ได้เลยนะครับ ส่วนราคาตอนแรกผมเดาๆไว้ว่าน่าจะมีพันนึงได้เลยนะ เห็นพี่เค้ายื่นแบงค์พันแล้วได้เงินทอนมีแบงค์ร้อย 2 ใบกับเศษอีกหน่อยด้วย!! เฮ้ย! ก็โอเคนะเจ็ดร้อยกว่าบาทแลกกับเซทอลังการเซทนั้น


(ภายในร้าน)


(ภายนอกร้าน)

ขอบคุณมากครับอีกทีครับ ใครมีอะไรแนะนำก็บอกมาได้นะครับ พร้อมรับทุกคำติชมครับผม ^^

#ทำใจเลยเบลอทุกรูป 555
#หนึ่งเดียวคนนี้