กรรมนิมิตก่อนตาย : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ



พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

...


ผู้ไม่รู้ไม่เข้าใจในคำสอนของพระพุทธเจ้ามันก็ไม่ฟังน่ะ  
มันก็ทำบาปไปอย่างนั้นน่ะตามความต้องการของตัวเอง

ในโลกอันนี้นะใครจะไปว่ากันก็ไม่ได้ ต่างคนก็มีสิทธิ์ที่จะทำดีหรือทำชั่ว  
เว้นเสียแต่ไปทำผิดกฎหมาย นั่นเจ้าหน้าที่เขาก็ต้องดำเนินไปตามกฏหมายแหละ
ถ้าไม่ไปทำกฎหมายบ้านเมืองแล้ว..ทำผิดศีลธรรมนี้ไม่มีใครลงโทษใคร  
ความชั่วผู้นั้นต่างหากลงโทษตัวเองของผู้นั้นเอง  


ถ้ามันยังไม่ให้ผลในปัจจุบันนี้ มันก็ไปให้ผลในชาติหน้าต่อไป
คนมันเหลิงใจเพราะเหตุนี้แหละเคยพูดมาอยู่บ่อยๆอยู่  
เพราะชีวิตนี้มันมีบุญมีกรรมเป็นเครื่องนำมาเกิดแล้วก็มารักษา  
ถ้ากรรมดีที่ผู้นั้นทำมันยังไม่หมดอายุของมัน มันก็รักษาชีวิตนี้ไว้ก่อน
ยังไม่ให้เดือดร้อนอะไรเลย  ไอ้บาปที่เขาทำในปัจจุบันนี้ให้ผลไม่ได้  
เมื่อบาปในปัจจุบันนี้ยังให้ผลไม่ได้ก็ไม่ทุกข์ร้อนอะไรแหละ

มันจะฆ่าวัวควายวันละกี่ตัวก็มันก็แค่นั้นแหละความรู้สึกนะ  มันก็เป็นอย่างนั้น

แต่แล้วทีนี้นั้นสิเมื่อมันไม่ให้ผลในปัจจุบันนี้
เวลาจวนจะสิ้นชีพทำลายขันธ์มันก็แสดงออกมาล่ะบัดนี้นะ
เหมือนอย่างอันคนฆ่าหมูขายอยู่ใกล้วัดเชตวันน่ะ เมืองสาวัตถีนั่นน่ะ
มันฆ่าหมูขายเลี้ยงชีพอย่างนั้นมาเป็นประจำ
แล้วไม่เคยได้ทำบุญทำทานอะไรเลย  
อยู่ใกล้วัดก็จริง แต่ว่าเข้าวัดไม่ทำบุญนะ  

บัดนี้เมื่อเวลาเขาเจ็บหนักลงมาแล้ว เขาก็ร้องเหมือนกับเสียงหมูล่ะบัดนี้
อืม..ร้องเหมือนเสียงหมู ได้ยินเข้าไปถึงในวัดบัดนี้  
พระทั้งหลายก็วิจารณ์กัน เอ๊...นี้มันเสียงหมูร้องนะ ว่างั้น  
คนฆ่าหมูหรือไงหนอไม่ถึงเวลานะ ยังหัวค่ำอยู่ไม่ควรจะฆ่าหมู ว่างั้น    

ทรงแสดงให้ภิกษุทั้งหลายฟังว่า  นั่นไม่ใช่คนฆ่าหมู
คนที่ฆ่าหมูขายเลี้ยงชีพนั้นแหละมันเจ็บป่วยลง
มันแสดงอาการของหมูเวลาจวนจะตาย  
ดิ้นกระสับกระส่ายแล้วร้องไปมาอยู่นั่นแหละ  
นั่นมันเรียกว่า “อกุศลกรรม” เริ่มจะให้ผลแล้ว


มันแสดงบอกแล้ว  พอตายลงทีนี้
บาปกรรมมันก็ฉุดคร่าไปสู่นรกอบายภูมิ  นี่มันเป็นอย่างนั้น  

ตรงกันข้ามผู้ที่ทำบุญสุนทาน ไหว้พระภาวนาอย่างนี้
เวลาเจ็บหนักลงก็มี “กุศลกรรมนิมิต” เกิดขึ้น

เห็นพระเห็นเจ้าแล้วก็อุ่นใจ  ยกมือไหว้ อะไรอย่างนี้นะ
หรือเห็นผู้เห็นคนก็เห็นแต่คนดีๆ หน้าตาสละสลวยน่าคบหาสมาคม
เห็นบ้านเห็นเรือนอะไรก็มีแต่ของสวยๆงามๆ
เห็นถนนหนทางก็เห็นแต่ถนนเรียบราบ ไม่ขรุขระไม่รกรุงรัง
นั่นเรียกว่า “นิมิตแห่งบุญกุศล” มาปรากฏในใจของผู้นั้น


เมื่อเวลาที่ยังไม่จวนไม่ทันใกล้จะตายมันก็ยังไม่ปรากฏก่อน  
มันเป็นอย่างนั้น แต่บางคนก็ปรากฏตั้งแต่ก่อนตายก็มี
ปรากฏแต่ยังดีๆอยู่ก็มี แต่บางคนก็ไปปรากฏเอาตอนจวนจะสิ้นชีพทำลายขันธ์
  
พอไปเห็นนิมิตดีๆอันนั้นมันก็รื่นเริงบันเทิงใจซีบัดนี้นะ
แม้ว่าโรคภัยมันจะบีบคั้นเอา ทุกขเวทนาเกิดขึ้นยังไงก็ตาม
แต่จิตใจนั้นก็ร่าเริงบันเทิงอยู่ด้วยบุญกุศลที่ตนรวบรวมไว้ในใจ
แล้วมันแสดงออกให้เห็นในเวลาจวนจะสิ้นชีพ  
นี่แสดงตามในหนังสืออภิธรรม ท่านแสดงไว้นะ อืม..มันเป็นอย่างนั้น

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่