พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
...
บางคนน่ะมีกรรมมีเวรบางสิ่งบางอย่าง
มันมาสนองเอาเวลาจวนจะตายนี่ มันไม่ให้ตายง่ายๆ
มันให้ทนทุกข์ทรมานร้องครวญครางอยู่อย่างนั้นแหละ
ดิ้นรนกระ_กระสนไปมา หน่อยหนึ่งมันก็ให้สงบลง
พอให้หายใจสะดวกหน่อยหนึ่งพอแล้วไป
หน่อยหนึ่งมันก็เอ้า..ขึ้น ดิ้นรนไปมาจวนเจียนจะตาย
มันก็ไม่ตายมันก็ฟื้นคืนมาอยู่อย่างนั้นแหละ
นี่เท่าที่ได้ทราบมาแต่ก่อนนู้นพวกเป็นพรานปืนน่ะ
ไปเที่ยวล่าเนื้อยิงสัตว์อยู่ในป่าเป็นอาชีพ เวลาเจ็บหนักลง
จวนจะตายกรรมนั้นมาสนองบันดาลให้ร้อง
เหมือนกับเสียงหมูถูกปืนนั่นแหละ ร้องไปมาอยู่อย่างนั้น
หรือบางทีก็ร้องเหมือนอย่างเสียงกวางถูกปืนนั้นเอง
มันจะตายก็ไม่ตาย มันจะตายเข้าจริงๆมันก็ฟื้นคืนมา
ทนทุกข์ทรมานร้องเหมือนอย่างสัตว์ถูกปืนใกล้จะตายอยู่อย่างนั้น
ลูกหลานไปคิดกันได้ เอ๊ะ..ท่าผู้เฒ่าจะไปได้ยินเสียงปืนมั้ง
คิดได้จึงได้ยัดปืนนั้น แต่ก่อนใช้ปืนแก๊บ
ยืนอยู่หน้าบ้านแล้วก็ยิงปืนขึ้นฟ้านู้นเสียงดัง....ต่ำ...
ทีนี้ก็ผู้นั้นก็หายใจสั้นเข้าสั้นเข้าหน่อยก็หมดไป
ถึงขนาดนั้นแหละเรื่องกรรม..เรื่องผลของกรรม
มันทรมานสัตว์โลกทั้งหลายผู้กระทำกรรมชั่วใส่ตัวเอง
ให้ได้รับทุกข์ทนทรมานเมื่อเวลายังมีชีวิตอยู่ก็ดี
เวลาจวนจะล้มจะตายยิ่งแสดงบทบาทออกมาให้เห็น
ดังนั้นเมื่อตายลงไปบาปกรรมอันนั้นก็รองรับเอาไปเลย
ฉุดคร่าเอาไปสู่นรกอบายภูมินู่น
อันนี้แหละบุคคลผู้ที่มารู้แจ้งในคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างนี้แล้ว
ท่านจึงได้เว้นจากการเบียดเบียนเพราะโดยมาพิจารณา
เห็นวิบากกรรมมันตามสนองขันธ์ห้านี้เองแหละ
ถ้าตัวเองไม่เป็น เมื่อเห็นคนอื่นเป็นอย่างว่านั้น
ได้รับผลแห่งวิบากกรรมอันชั่วร้ายอย่างนั้น
ก็เอามาเป็นคติสอนใจไม่ให้เบียดเบียนบุคคลอื่นและสัตว์อื่น
ให้เป็นทุกข์เดือดร้อนต่างๆ แม้ว่าใครจะมายั่วยวน
ชวนให้ทะเลาะวิวาททุบตีกันก็ไม่เอา หาทางหลีกเลี่ยง
เพราะว่ากลัวกรรมเวรนั้นจะตามสนอง
ให้เป็นทุกข์เดือดร้อนทั้งในโลกนี้โลกหน้าต่อไป
...
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
"ธาตุสี่ขันธ์ห้า"
กรรมฆ่าสัตว์สนองนายพรานตอนก่อนตาย : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
...
บางคนน่ะมีกรรมมีเวรบางสิ่งบางอย่าง
มันมาสนองเอาเวลาจวนจะตายนี่ มันไม่ให้ตายง่ายๆ
มันให้ทนทุกข์ทรมานร้องครวญครางอยู่อย่างนั้นแหละ
ดิ้นรนกระ_กระสนไปมา หน่อยหนึ่งมันก็ให้สงบลง
พอให้หายใจสะดวกหน่อยหนึ่งพอแล้วไป
หน่อยหนึ่งมันก็เอ้า..ขึ้น ดิ้นรนไปมาจวนเจียนจะตาย
มันก็ไม่ตายมันก็ฟื้นคืนมาอยู่อย่างนั้นแหละ
นี่เท่าที่ได้ทราบมาแต่ก่อนนู้นพวกเป็นพรานปืนน่ะ
ไปเที่ยวล่าเนื้อยิงสัตว์อยู่ในป่าเป็นอาชีพ เวลาเจ็บหนักลง
จวนจะตายกรรมนั้นมาสนองบันดาลให้ร้อง
เหมือนกับเสียงหมูถูกปืนนั่นแหละ ร้องไปมาอยู่อย่างนั้น
หรือบางทีก็ร้องเหมือนอย่างเสียงกวางถูกปืนนั้นเอง
มันจะตายก็ไม่ตาย มันจะตายเข้าจริงๆมันก็ฟื้นคืนมา
ทนทุกข์ทรมานร้องเหมือนอย่างสัตว์ถูกปืนใกล้จะตายอยู่อย่างนั้น
ลูกหลานไปคิดกันได้ เอ๊ะ..ท่าผู้เฒ่าจะไปได้ยินเสียงปืนมั้ง
คิดได้จึงได้ยัดปืนนั้น แต่ก่อนใช้ปืนแก๊บ
ยืนอยู่หน้าบ้านแล้วก็ยิงปืนขึ้นฟ้านู้นเสียงดัง....ต่ำ...
ทีนี้ก็ผู้นั้นก็หายใจสั้นเข้าสั้นเข้าหน่อยก็หมดไป
ถึงขนาดนั้นแหละเรื่องกรรม..เรื่องผลของกรรม
มันทรมานสัตว์โลกทั้งหลายผู้กระทำกรรมชั่วใส่ตัวเอง
ให้ได้รับทุกข์ทนทรมานเมื่อเวลายังมีชีวิตอยู่ก็ดี
เวลาจวนจะล้มจะตายยิ่งแสดงบทบาทออกมาให้เห็น
ดังนั้นเมื่อตายลงไปบาปกรรมอันนั้นก็รองรับเอาไปเลย
ฉุดคร่าเอาไปสู่นรกอบายภูมินู่น
อันนี้แหละบุคคลผู้ที่มารู้แจ้งในคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างนี้แล้ว
ท่านจึงได้เว้นจากการเบียดเบียนเพราะโดยมาพิจารณา
เห็นวิบากกรรมมันตามสนองขันธ์ห้านี้เองแหละ
ถ้าตัวเองไม่เป็น เมื่อเห็นคนอื่นเป็นอย่างว่านั้น
ได้รับผลแห่งวิบากกรรมอันชั่วร้ายอย่างนั้น
ก็เอามาเป็นคติสอนใจไม่ให้เบียดเบียนบุคคลอื่นและสัตว์อื่น
ให้เป็นทุกข์เดือดร้อนต่างๆ แม้ว่าใครจะมายั่วยวน
ชวนให้ทะเลาะวิวาททุบตีกันก็ไม่เอา หาทางหลีกเลี่ยง
เพราะว่ากลัวกรรมเวรนั้นจะตามสนอง
ให้เป็นทุกข์เดือดร้อนทั้งในโลกนี้โลกหน้าต่อไป
...
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ "ธาตุสี่ขันธ์ห้า"