วันนี้ขอเป็นกระทู้ชวนสนทนาเรื่องสัพเพเหระ ส่วนไหนที่เป็นสาระก็ขอยกประโยชน์ให้ท่านผู้อ่านก็แล้วกัน
มันจะมีหลายเรื่องที่ผสมผเสปนเปกันไป แต่ก็เกี่ยวเนื่องกันหมดตั้งแต่ต้นจนจบ ลองตามดูนะครับ
เริ่มตั้งแต่สล่าปู่ได้ผัดน้ำพริกแกงไว้หม้อใหญ่ โดยที่ยังไม่มีจุดประสงค์ชัดเจนว่าจะทำอะไร
จะะว่าเป็นพริกแกงเผ็ดก็ได้เพียงแต่ไม่ได้ใส่ลูกผักชียี่หร่าลงไปเท่านั้น นอกนั้นครบหมด
ปรุงรสด้วยน้ำตาลปิ๊บออกหวานนำเค็มตาม แล้วแบ่งใสหม้อไว้ครึ่งหนึ่ง
ที่เหลือเอากุ้งแห้งแช่น้ำจนนิ่มแล้วป่นใส่ลงไปผัดต่อ
ผัดจนเข้าเนื้อปรุงรสเดิมเพิ่มอีกนิดหนึ่งเก็บใส่หม้อไว้ อันนี้ใช้คลุกข้าวสวยยามกับข้าวขาดแคลนเด็ดนักแล
ประเดิมมื้อแรกฉลองน้ำพริกด้วยการหาปลาในตู้เย็นมาทอด ได้ปลาเนื้ออ่อนกับปลาสลิดกรอบ จัดการทอด
เสียจนดูน่ากินแบบไม่ต้องพึ่งน้ำพริกก็ยังได้เลย
มาวันนี้ไปตลาดตั้งใจจะไปหาซื้อปลาดุกมาหั่นแว่นทอดกรอบทำฉู่ฉี่แห้ง ซื้อปลาเสร็จนึกในใจว่าถ้าทอดปลาก็คง
ใช้น้ำมันไม่น้อยเหมือนกัน น่าจะซื้อมันแข็งหมูไปเจียวเอาน้ำมันเผื่อจะได้ของแถม
ปลา 3 ตัวโลกว่าหน่อยหนึ่ง 84 บาท
หนังหมูครึ่งโล 35 บาท
เห็นภาพนี้คงจะบอกได้ว่าเริ่มเข้าเรื่องที่จั่วไว้ที่หัวกระทู้เสียที
เหตุผลที่ต้มก่อนแล้วเอามาหั่นเพราะหนังหมูที่ต้มแล้วจะหั่นและกะขนาดได้ดีกว่าหั่นตอนดิบๆ หนังหมูมีมันค่อนข้างหนา
ในกระทะจะไม่ใส่น้ำมันใด ๆ ลงไป เพียงแต่ต้องใจเย็นเปิดไฟอ่อนให้น้ำมันซึมออกมาและต้องหมั่นคนไม่ให้ติดก้นหม้อ
ไม่นานเท่าใดก็จะเป็นดังที่เห็น
ทอดไปเรื่อย ๆ และต้องคอยสังเกตว่าหนังหมูเริ่มจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน ขั้นตอนนี้ถ้าไม่รีบเร่งอะไร เขาบอกว่าให้ปล่อยแช่น้ำมัน
ไว้ในกระทะนั่นแหละ ปล่อยทิ้งจนเย็นหรืออาจข้ามคืนได้ยิ่งดี
ของสล่าปู่ไม่มีเวลาขนาดนั้นจึงใช้วิธีแบบนี้คือตักออกมาพัก แช่ในกะละมังด้วยซ้ำอยากให้เย็นเร็ว ๆ
น้ำมันหมูเจียวเองสีจะใส น่าเอามาเก็บไว้ทำกับข้าวเสียจริง
ระหว่างรอหนังหมูเย็น จัดการทอดปลาก่อน
ใกล้เที่ยงชักหิวข้าว จัดการกับปลาก่อนง่าย ๆ เลยครับ น้ำพริกมีแล้ว
ตักน้ำพริกราด โรยด้วยใบมะกรูดซอยฝอย
ดูภาพตอนคลุกน้ำพริกกับปลาให้เข้ากัน เห็นแห้ง ๆ อย่างนี้ไม่แข็งกระด้างนะครับ น้ำจากน้ำพริกมันซึมเข้าในเนื้อปลานุ่มมากเลย
มาว่ากันเรื่องแคบหมูน้อยกันจริง ๆ จัง ๆ เสียที หลังจากเย็นแล้วเพื่อความชัวร์จัดการเอาเข้าตู้เย็นอีกที พอออกมาเป็นอย่างนี้เลย
น้ำมันที่เหลือจาการทอดปลานั่นแหละ ตั้งไฟให้ค่อนข้างร้อนที่ไฟกลาง เอาหนังหมูลงทอดซึ่งตอนนี้หนังจะเริ่มพองฟู ต้องพลิกคนให้
หนังหมูโดนน้ำมันให้ทั่วถึง สังเกตว่าพองฟูได้ที่ ลดไฟลงเป็นขั้นตอนที่รีดน้ำมันและทำให้กรอบ ถ้าไฟแรงจะไหม้ก่อนกรอบ พอเหลืองกรอบ
ได้ที่ตักใส่กระชอนสะเด็ดน้ำมัน
ขั้นตอนนี้ต้องเผื่อด้วยนะครับคืออย่าให้เหลืองจัดในกระทะ เพราะความร้อนที่ต่อเนื่องจะมาช่วยเหลืองข้างนอกอีก
ต้องใช้หลักสังเกตให้ดี
นี่ไงครับ เหลือง กรอบ พอง ฟูกำลังดีเคี้ยวมันมากเลย ของแถมจากมันหมูครึ่งก.ก.
ความตั้งใจจะเอาไว้ผัดพริกขิงกากหมูครับ พอดีเย็นนี้อยู่บ้านคนเดียวและไม่มีกับข้าวก็เลยจัดการเอามายำกินกับข้าวต้ม ดูหน้าตาน่ากินทีเดียว
น้ำยำ 3 รสง่าย ๆ ทั่วไปนั่นแหละครับ จัดการยี ๆ ปลาดุกกรอบใส่ปนไปด้วย แคบหมูอย่างเดียวกลัวหมอว่าให้ครับ
ลากันไปที่ภาพนี้ก็แล้วกัน อย่างอร่อยเกลี้ยงไม่เหลือเลยครับ
ขอบคุณที่ติดตามรับชมมาอย่างมาราธอน แคบหมูที่เหลือคงเป็นรายการผัดพริกขิงตามที่ตั้งใจไว้ละครับ
สวัสดีครับ
มาเล่าเรื่อง "แคบหมูน้อย" เป็นอย่างไรลองติดตามรับชมครับ
มันจะมีหลายเรื่องที่ผสมผเสปนเปกันไป แต่ก็เกี่ยวเนื่องกันหมดตั้งแต่ต้นจนจบ ลองตามดูนะครับ
เริ่มตั้งแต่สล่าปู่ได้ผัดน้ำพริกแกงไว้หม้อใหญ่ โดยที่ยังไม่มีจุดประสงค์ชัดเจนว่าจะทำอะไร
จะะว่าเป็นพริกแกงเผ็ดก็ได้เพียงแต่ไม่ได้ใส่ลูกผักชียี่หร่าลงไปเท่านั้น นอกนั้นครบหมด
ปรุงรสด้วยน้ำตาลปิ๊บออกหวานนำเค็มตาม แล้วแบ่งใสหม้อไว้ครึ่งหนึ่ง
ที่เหลือเอากุ้งแห้งแช่น้ำจนนิ่มแล้วป่นใส่ลงไปผัดต่อ
ผัดจนเข้าเนื้อปรุงรสเดิมเพิ่มอีกนิดหนึ่งเก็บใส่หม้อไว้ อันนี้ใช้คลุกข้าวสวยยามกับข้าวขาดแคลนเด็ดนักแล
ประเดิมมื้อแรกฉลองน้ำพริกด้วยการหาปลาในตู้เย็นมาทอด ได้ปลาเนื้ออ่อนกับปลาสลิดกรอบ จัดการทอด
เสียจนดูน่ากินแบบไม่ต้องพึ่งน้ำพริกก็ยังได้เลย
มาวันนี้ไปตลาดตั้งใจจะไปหาซื้อปลาดุกมาหั่นแว่นทอดกรอบทำฉู่ฉี่แห้ง ซื้อปลาเสร็จนึกในใจว่าถ้าทอดปลาก็คง
ใช้น้ำมันไม่น้อยเหมือนกัน น่าจะซื้อมันแข็งหมูไปเจียวเอาน้ำมันเผื่อจะได้ของแถม
ปลา 3 ตัวโลกว่าหน่อยหนึ่ง 84 บาท
หนังหมูครึ่งโล 35 บาท
เห็นภาพนี้คงจะบอกได้ว่าเริ่มเข้าเรื่องที่จั่วไว้ที่หัวกระทู้เสียที
เหตุผลที่ต้มก่อนแล้วเอามาหั่นเพราะหนังหมูที่ต้มแล้วจะหั่นและกะขนาดได้ดีกว่าหั่นตอนดิบๆ หนังหมูมีมันค่อนข้างหนา
ในกระทะจะไม่ใส่น้ำมันใด ๆ ลงไป เพียงแต่ต้องใจเย็นเปิดไฟอ่อนให้น้ำมันซึมออกมาและต้องหมั่นคนไม่ให้ติดก้นหม้อ
ไม่นานเท่าใดก็จะเป็นดังที่เห็น
ทอดไปเรื่อย ๆ และต้องคอยสังเกตว่าหนังหมูเริ่มจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน ขั้นตอนนี้ถ้าไม่รีบเร่งอะไร เขาบอกว่าให้ปล่อยแช่น้ำมัน
ไว้ในกระทะนั่นแหละ ปล่อยทิ้งจนเย็นหรืออาจข้ามคืนได้ยิ่งดี
ของสล่าปู่ไม่มีเวลาขนาดนั้นจึงใช้วิธีแบบนี้คือตักออกมาพัก แช่ในกะละมังด้วยซ้ำอยากให้เย็นเร็ว ๆ
น้ำมันหมูเจียวเองสีจะใส น่าเอามาเก็บไว้ทำกับข้าวเสียจริง
ระหว่างรอหนังหมูเย็น จัดการทอดปลาก่อน
ใกล้เที่ยงชักหิวข้าว จัดการกับปลาก่อนง่าย ๆ เลยครับ น้ำพริกมีแล้ว
ตักน้ำพริกราด โรยด้วยใบมะกรูดซอยฝอย
ดูภาพตอนคลุกน้ำพริกกับปลาให้เข้ากัน เห็นแห้ง ๆ อย่างนี้ไม่แข็งกระด้างนะครับ น้ำจากน้ำพริกมันซึมเข้าในเนื้อปลานุ่มมากเลย
มาว่ากันเรื่องแคบหมูน้อยกันจริง ๆ จัง ๆ เสียที หลังจากเย็นแล้วเพื่อความชัวร์จัดการเอาเข้าตู้เย็นอีกที พอออกมาเป็นอย่างนี้เลย
น้ำมันที่เหลือจาการทอดปลานั่นแหละ ตั้งไฟให้ค่อนข้างร้อนที่ไฟกลาง เอาหนังหมูลงทอดซึ่งตอนนี้หนังจะเริ่มพองฟู ต้องพลิกคนให้
หนังหมูโดนน้ำมันให้ทั่วถึง สังเกตว่าพองฟูได้ที่ ลดไฟลงเป็นขั้นตอนที่รีดน้ำมันและทำให้กรอบ ถ้าไฟแรงจะไหม้ก่อนกรอบ พอเหลืองกรอบ
ได้ที่ตักใส่กระชอนสะเด็ดน้ำมัน ขั้นตอนนี้ต้องเผื่อด้วยนะครับคืออย่าให้เหลืองจัดในกระทะ เพราะความร้อนที่ต่อเนื่องจะมาช่วยเหลืองข้างนอกอีก
ต้องใช้หลักสังเกตให้ดี
นี่ไงครับ เหลือง กรอบ พอง ฟูกำลังดีเคี้ยวมันมากเลย ของแถมจากมันหมูครึ่งก.ก.
ความตั้งใจจะเอาไว้ผัดพริกขิงกากหมูครับ พอดีเย็นนี้อยู่บ้านคนเดียวและไม่มีกับข้าวก็เลยจัดการเอามายำกินกับข้าวต้ม ดูหน้าตาน่ากินทีเดียว
น้ำยำ 3 รสง่าย ๆ ทั่วไปนั่นแหละครับ จัดการยี ๆ ปลาดุกกรอบใส่ปนไปด้วย แคบหมูอย่างเดียวกลัวหมอว่าให้ครับ
ลากันไปที่ภาพนี้ก็แล้วกัน อย่างอร่อยเกลี้ยงไม่เหลือเลยครับ
ขอบคุณที่ติดตามรับชมมาอย่างมาราธอน แคบหมูที่เหลือคงเป็นรายการผัดพริกขิงตามที่ตั้งใจไว้ละครับ
สวัสดีครับ