คือมีโอกาสว่าได้ไปขอสินเชื่อบ้านที่ธนาคารสีoheg'bo แห่งหนึ่ง อย่างไร้ประสบการณ์
เนื่องจากว่าที่นี่ได้ให้เงื่อนไขดอกเบี้ยที่น่าสนใจ จึงตัดสินใจใช้บริการของที่นี่ ทำเรื่องส่งเอกสาร ไม่นานธนาคารก็อนุมัติวงเงินให้ แต่.......
เพิ่งสังเกตว่ายาวมาก 555
ย่อๆคือ เราอ่านสัญญาได้ความว่า ตามนี้ ซึ่ง จนท. แบงค์ก็บอกว่าตามนั้น ไม่มีทางเลือก
1 สัญญาเขียนระบุเป็นให้จ่ายแบบ ระบุจำนวนเป๊ะทุกเดือน ตามดอกที่คำนวนจากฐานตั้งต้น ทำให้ขัดแย้งกรณีถ้าจ่ายโปะก่อน จะเป็นเอาจุดไหนมาคำนวน ทั้งเวลา กับ เงินต้น
2 สัญญาระบุว่าแบงค์จะเอาข้อมูลส่วนตัวเราไปทำอะไรก็ได้ ให้ใครก็ได้
3 บังคับให้ทำประกัน แต่มอบสิทธิ์ผลประโยชน์เคลม ให้แบงค์ไปเลย เราเคลมไม่ได้
4 สัญญามอบจดจำนอง มีหนี้อื่นๆครอบจักรวาลใส่มาเผื่อเต็มไปหมดเลย แถมใส่ ดอกเบี้ย 12% มาให้เสร็จสรรพ ซึ่งดอกกู้บ้านมันไม่ใช่เลยขัดแย้งกันสุดๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เมื่อเอาสัญญามาอ่านพบว่า ไม่ชัดเจนเหมือนกับที่คุยกับ จนท. แนะนำสินเชื่อไว้ ในแนวทางที่เราได้ตกลงกัน
จึงขอให้ เอากลับไปแก้ วงๆไว้ พร้อมอธิบายชี้แจง ว่าไม่โอเคยังไง เพราะจนท. ไม่สามารถตอบคำถามได้ เลยต้องส่งกลับไปแก้ที่สนง.ใหญ่
ผ่านไป 2 สัปดาห์ ผจก.สาขา ก็โทรมาแจ้งว่า ฝ่าย กม. ของแบงค์ บอกว่าไม่มีปัญหา แก้ได้ ..... เพราะมันที่ขอไปเพื่อให้ชัดเจน ยุติธรรม โปร่งใสกันทั้ง2ฝ่าย ซึ่งเรื่องก็ดูน่าจะไม่มีปัญหาอะไร ก็รอให้สนง.ใหญ่ส่งสัญญามาใหม่
......... ผ่านไปไม่กี่วัน จนท.แบงค์ ก็โทรมาแจ้งว่า ... "ขอโทษ ครับ ทางฝ่ายสินเชื่อ ที่ สนง. ใหญ่ไม่อนุญาตให้แก้ไข ในสัญญาหลัก ซึ่งใช้กับลูกค้าทุกคน" ............ และพูดในทำนองว่า เค้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่แก้ให้
ก็โต้กับไปบอกว่าให้ไปคุยกับ สนง.ใหญ่ใหม่ ว่าลูกค้า ไม่โอเค อาทิตย์ผ่านไป ผลคือ จนท.บอกว่าทางแบงค์ใหญ่
หาว่าทำไมเขาเข้าข้างลูกค้า ทั้งที่เป็นคน ของธนาคาร และ ให้ยอมรับสิ่งที่ฝ่ายสินเชื่อ สั่งลงมา โดยไม่ผ่านการวีโต้ ในรอบนี้
ก็รู้สึกมีส่วนให้จนท. มาลำบากกับเรา แล้วมันก็เสียเวลามามากแล้ว กว่าเดือนเลยกับเรื่องสัญญา เลยจะหลับตาไปข้างนึง ทำใจยอมเซ็นต์ไป ณ จุดนี้ รู้เลย ว่า มันมีอะไรไม่ถูกต้อง เพราะมันไม่เคลียกับเราจริงๆ ไม่ได้จบกม. แต่ก็อ่านหนังสืออกนิ
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งในสาขาพูดว่า "คนอื่นเค้าก็เซ็นต์กันแบบนี้ละค่ะ ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย " ...... เอ่อ มันใช่มั้ยละ ถ้าที่ผ่านมามันผิดแล้วก็ทำกันมาตลอดมันก็แสดงว่า ทุกคนโดนบังคับให้ทำผิดๆแบบนี้หรอ แล้วทำไมเราต้องยอมด้วยหว่า!! แล้วเวลามีปัญหา พวกคุณๆจะรู้เรื่องด้วยรึ หายกันไปหมดแล้วตอนนั้น
ก็นึกขึ้นว่า เอ หรือว่าเพราะตอนแรกเราให้เค้าแก้สัญญาหลักเลยแก้ ไม่ได้ งั้นทำไมไม่ไประบุเพิ่มที่สัญญาแนบท้ายละ ซึ่งปกติมันเปิดไว้ ยังไงก็ใส่ได้อยู่แล้วมั้ง เพราะมีไว้เพื่อความยืดหยุ่นเป็นเคสๆไป ก้ไม่ควรจะมีปัญหา ก็เลยบอกให้ จนท. ลองทำเรื่องขอไปอีกรอบ เพิ่มแนบท้าย
.....
....
ถูกต้อง ฝ่ายสินเชื่อ สนง.ใหญ่ไม่ยอมเพิ่มรายละเอียดเพื่อให้ชัดเจนให้ .... ทำไม ? ไม่มีคำชี้แจงแค่บอกว่าไม่ทำ ...... อย่าลืมว่าฝ่ายกม.แบงค์เองยังไม่เห็นติดใจอะไรเรื่องแก้เลย ทำไมฝ่ายสินเชื่อ ถึงไม่ยอม แถมมองเราเป็นตัวปัญหาอีก ว่ายุ่งยาก
ก็ ..... ยอมก็ได้ เห้อ ก็นัดกับแบงค์ เข้าไปเซ็นต์เอกสารเพิ่มเติม รวมทั้งใบมอบอำนาจ .......บรึ้ม!!!!!!!!!
อะไรเนี่ยะ ....................
เห้ยเอกสารคราวนี้มัน.....แปลกๆ
เลยไม่ยอมเซ็นต์ และขอให้ จนท.ถ่ายสำเนามา เพราะจะเอาไปคุยกับทนาย ก่อน ..... ผลคือ จนท. บอกปฎิเสธทันที บอกว่า
"เอกสารสัญญาเป็นเอกสารของธนาคาร ไม่อนุญาตให้นำออกไปได้ ผิดกฏ" !!!!! อั้ยยะ
แล้วก็รีบกวาด เก็บเอกสารขึ้นไปจากโต๊ะทันที ไปกอดไว้แน่นเลย
O.O" คือเราก็ไม่ยอมไง บอกไปว่าทำไมถึงต้องทำเป็นความลับ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตอกหน้าเรามาว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้องตามหลัก สคบ. คนอื่นเค้าก็เซ็นต์กันทั้งนั้น ก็ถ้าเป็นดังว่าทำไมต้องหน้าซีด ทำท่ากลัว ขนาดนี้ หรือมีอะไรผิดปกติ ต้องแอบๆทำ !!!
ก็ขึ้นเสียงบอกว่าถ้าไม่สำเนาให้ก็ให้เอามาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน จนท.แบงค์ก็ยื้อกันอยู่พ้กใหญ่ ไม่ยอมอย่างเดียว อ้างแบบเดิมๆ
บอกว่าให้ขอโทรแจ้ง ผจก.ก่อน เสร็จแล้วก็ไม่ให้ ..... เอ..ทำไมถึงต้องปิดบัง ก็มองหน้าโกรธเลยว่าไม่พอใจสุดๆ จะยอมให้จริงๆรึ???
ถ้าคิดว่าเอกสารนี้บริสุทธิ์จริงก็ต้องยอม จึงโยนมาให้ถ่ายรูปได้
ขอถามถึงประเด็นปัญหาดังนี้ ที่ธนาคารยืนยันจะไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ
1 การคำนวนดอกเบี้ย
คือ จนท. แบงค์ บอกว่า - เราสามารถกู้ และปิดยอดเงินกู้ทั้งหมดได้เลย ก่อน3 ปีก็ได้ และหักต้นหักดอกถ้าโปะก่อน
เราก็โอเคเพราะกะจะปิดก่อน แต่ในสัญญา คำมันคลุมเครือไปนิดหน่อยตรงท้าย ว่าดอกเบี้ยจะคิดจากเงินยอดไหนกันแน่ เพราะในสัญญา
ดอกเบี้ยคิดตามฐานเงินกู้แรก และก่อนหน้านี้จนท. ก็มีตารางเสต็บการจ่ายดอกเบี้ย และดอกเบี้ยรวมพึงจ่ายในสัญญา30ปี ว่าจะหมดยังไง
แน่นอนว่า จนท.แบงค์ก็แจ้งว่า ไม่มีปัญหา จะคิดจากเงินต้นคงเหลือ ไม่ใช่อย่างที่เราเข้าใจกำกวมไป ..... เออเนอะเราคิดแง่ร้ายไป
แต่งั้นช่วยระบุให้มันชัดเจนไปเลยได้มั้ยว่า "สามารถคืนเงินต้นก่อนเมื่อใดก็ได้ โดยหลังจากคืนเงินต้นแล้ว ดอกเบี้ยจะถูกคำนวนใหม่จากเงินต้นคงเหลือ กับเวลาคงเหลือ"
ไม่ใช่เอาดอกเบี้ย แบบเดิมมาคิด ขอแค่นี้
คือ เข้าใจว่าแบงค์คงคิดแบบที่ว่านะละ แต่อยากให้มันชัดเจน เท่านั้นเอง มันยุ่งยากตรงไหน
แต่ไม่ก็ปฎิเสธกลับมาอย่าง แข็งกร้าว ว่าไม่แก้ ไม่เพิ่ม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ " ข้อ5 ผู้กู้ตกลงว่า ผู้กู้จะ .....................ในกรณีที่ผู้กู้ชำระคืนเงินกู้ก่อนกำหนด หรือเกินกว่าจะนวนที่ต้องที่จะต้องชำระในแต่ละงวด ผู้กู้ตกลงให้ธนาคารนำเงินดังกล่าวไปชำระดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นก่อน ส่วนที่เหลือนำไปชำระหนี้เงินกู้ส่วนที่เหลือ ทั้งนี้ ผู้กู้ยังมีหน้าที่ต้องชำระต้นเงินส่วนที่เหลือพร้อมด้วยดอกเบี้ยตามจำนวนและกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในสัญญาต่อไปนี้"
ก็ในเมื่อสัญญาก็ระบุว่า "ข้อ2 ผู้กู้ตกลงชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นงวด งวดละ abcd บาทนับตั้งแต่วันเบิกเงินกู้ครั้งแรก จนถึงวันครบกำหนดระยะเวลา 360 เดือนนับตั้งแต่วันเบิกเงินกู้ครั้งแรก"
ดอกเบี้ยตามจำนวนไหน ? เวลาไหน? ไม่รู้อะ คือต้องงวดละ abcd บาทเหมือนเดิมจนครบ360 เดือน รึเปล่า??? คือ ช่วยชี้เลยได้มั้ย ให้ชัดๆว่าไม่ใช่ได้มั้ย ไม่ชอบคลุมเคลือ ก็เงินต้นมันลดแล้วนิ หรือเอาแบบเดิมแต่เวลาลดลง เอาให้เคลียร์ ไม่เชื่อลมปาก เพราะสุดท้ายถ้ามีเรื่อง ธนาคารก็อ้างตามเอกสารที่เราเซ็นต์ ซึ่งมันดันระบุเป็นตัวเลขคงที่ ไม่ใช่ตัวเลยที่มาจากการคำนวนฐานเงินกู้คงเหลือ
2 ข้อมูลส่วนบุคคล
อันนี้มีนัย คือเป็นประเด็นว่าด้วยการให้ใช้ข้อมูลส่วนตัวเราทำอะไรก็ได้ ซึ่งแน่นอนเราไม่อยากให้
ก็เลยบอกให้ลบออกไปเลย อย่ามามั่วนิ่มเอาข้อมูลเราไปทำเทเลมาเก็ต หรือขายให้บุคคลที่3 ไม่ได้ๆๆๆๆ
แต่แบงค์ก็ไม่ยอมทำไมถึงลบออกไม่ได้ไม่เข้าใจ เอาไปให้ใครเราก็ไม่รู้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ "ข้อ13 ผู้กู้ตกลงให้ธนาคารเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือให้ข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนข้อมูลอื่นๆของผู้กู้แก่บุคคลอื่นได้ตามที่ธนาคารเห็นสมควร หรือเห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ผู้กู้ในการที่จะได้รับข้อเสนอเกี่ยวกับสินเชื่อหรือบริการต่างๆ" คือไม่อยากได้ไง ให้ใครก็ไม่รู้ ข้อมูลส่วนบุคคลมันเป็นความลับของลูกค้าไม่ใช่หรอ ไม่ยินยอม
ดูวรรคแรกก่อนหรือ ดีๆนะ มันแปลว่า ใครก็ได้ที่ธนาคารเห็นสมควร มันคือใครอะไรเนี่ยะ ให้ข้อมูลแค่ไหนก็ไม่รู้
3 ประกัน
คือทุกคนแน่นอนจะถูกบังคับให้ทำประกันอัคคีภัย ก็พวกภัยต่างๆ ซึ่งปกติก็จะมีรายละเอียดยุบยิบ ก็เข้าใจได้เรื่องความเสี่ยงต่างๆ.......แต่..........เราขอให้ธนาคารเอาแบบเสนอประกันมาให้ดูรายละเอียดของประกันด้วย และ ขอแก้รายละเอียดในสัญญามอบสิทธิ์เคลม
คือทำไมเราต้องซื้อประกันที่เราไม่รู้ว่ามันคลอบคลุมการคุ้มครองในแบบข้อๆ ตามกฏของ คปภ. จนวันนี้ก็ยังไม่เคยได้รายละเอียดประกันฉบับเต็ม
ธนาคารแค่เขียนใส่เศษกระดาษให้ดูไว้บรรทัดเดียวว่า จ่ายเท่าไหร่ คุ้มครองเท่าไหร่ และต้องเป็นประกันของธนาคารที่เบี้ยแพงเท่านั้น! จบ เอาเอกสารมาบังคับเซ็นต์
"ถ้าไม่ซื้อประกันอัคคีภัยอันนี้ด้วย ก็กู้ไม่ได้นะค่ะ เป็นกฏ" อืมๆ เพื่อบริหารความเสี่ยง พอเข้าใจ
แต่เราต้องเซ็นต์
สละสิทธ์การเคลม โดยมอบสิทธิ์การเคลมความเสียหายให้ธนาคารทุกกรณี เมื่อมีปัญหา! เอ่อทำไมต้องให้ทั้งหมด
ทุกกรณี?
- แล้วถ้าความเสียหายที่ว่ามันเล็กๆน้อยๆ ซึ่งเป็นสิทธิ์คุ้มครองอื่นๆที่ครอบคลุมในประกันด้วยละ เราเคลมธนาคารเก็บ ????
- แล้วถ้าความเสียหายที่เคลมได้มีมูลค่ามากกว่า หนี้คงค้างละ ธนาคารเก็บหมดอีก????
แน่นอนว่าอ้อยเข้าปากช้าง แล้วจะคายง่ายๆมั้ย จนท. ตอบไม่ได้ก็ให้ไปถาม ................คำตอบคือให้เราเคลมได้ปกติ ธนาคารจะรับแทน
ก่อนแล้วค่อยส่งให้เรา ...... ไม่ให้แก้จ้า ไปลุ้นกันเอา ว่าเค้าจะซื่อสัตย์ให้เรา ......... คือ กลัวมีปัญหาทีหลังนิ
แก้หรือเพิ่มแนบถ้ายไปสิทำไมไม่ให้สิทธิ์เราเคลมตรงได้ด้วย ก็เราเป็นคนจ่ายค่าประกันเองนิ เบี้ยก็ไม่ได้ถูก ถ้าแบบนี้ทำไมธนาคารไม่จ่ายค่าประกันเองละ ถ้าอยากเคลมได้ทุกกรณี ..... หรือต้องยอมจริงๆ ไม่เข้าใจ
4 หนังสือมอบอำนาจ เพื่อจดจำนอง
งง หรือว่าปกติเป็นแบบนี้ การเซ็นต์มอบอำนาจใครไปทำอะไรต้องรัดกุม จำเพาะ ว่าให้ทำอะไรได้ ขอบข่ายมีอะไร
ซึ่งที่แบงค์นี้เอาให้ จะให้เซ็นต์ใบมอบอำนาจจดจำนอง สารพัดประโยชน์ ครอบคลุมทุกสรรพหนี้ ซึ่งมีหนี้ปัจจุบันจริง คือ1สัญญากู้เงิน 2หนี้ปัจจุบันที่ ธนาคารมโนขึ้นมาเอง คือ สัญญาเบิกเงินเกินบัญชี และ3หนี้สารพัดอนาคต แถมมีการระบุรายละเอียดดอกเบี้ย การกู้ลงไปว่า 12% ต่อปี (ซึ่งไม่ใช่ และไม่ใกล้เคียงกับเรทกู้ที่อยู่อาศัยเล้ย) เลย ระยะเวลาจดจำนองไม่มีที่สิ้นสุด แต่เรากู้แบบมีสิ้นสุดนี่หว่า!!
ต้องกังวลมั้ย คืออะไร เพราะเอกสารมอบอำนาจนี้จะถูกเก็บไว้กับกรมที่ดินเป็นหลักฐานการทำการจดจำนอง
ทำไมถึงระบุได้สารพัดประโยชน์ ทำไมไม่ระบุให้ถูกต้องชัดเจน
แน่นอนว่าจนท. ที่ธนาคาร ชี้แจงไม่ได้ตามเคย บอกว่าถ้าไม่เซ็นต์ก็ให้ไปที่กรมที่ดินเองวันนั้น ..... คือก็กลลัวว่าถ้าไปเอง จนท ที่ไปจดจำนองวันนั้น
สุดท้ายก็จะต้องใช้เอกสารที่มีข้อความพวกนี้อยู่ในเอกสารจดจำนองอยู่ดีรึเปล่า?
นี่จะต้องใส่เข้าไปตอนที่เรามอบอำนาจเข้าไปหรือ ถ้าไปเองก็ไปถูกกดดันให้เซ็นต์รับเงื่อนไขนี้ที่โน่นใช่มั้ย ??????
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ "สัญญามอบอำนาจ
............จขกท ให้ นาย xyz มีอำนาจ ........จดจำนอง ............ซึ่งจขกทเป็นหนี้ ธนาคาร xxx เพื่อเป็นการประกันหนี้ตามสัญญา กู้เงิน วันที่ xxx และสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี (อันนี้ จขกท ไม่ได้เซ็นต์ ไม่มีโว้ย) และรวมถึงหนี้ที่ จขกท. จะทำสัญญาก่อหนี้ในอนาคตได้แก่ a b c d e f g ...........x y z (คือครอบคลุม สารพัดเงินกู้ทุกประเภทที่ธนาคารพึงจะมี ) ระยะเวลาในการก่อหนี้ ภายใน --- ปี (คือเค้าขีดค่าไม่ระบุ) นับแต่วันทำสัญญานี้เป็นจำนวนเงิน abcd บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 12 .000 ต่อปี ส่วนข้อตกลงอื่นๆให้เป็นไปตามข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจำนอง และให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาจำนองด้วย ตลอดจนให้ถ้อยคำต่างๆต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ แทนข้าพเจ้าจนเสร็จการ"
(คือ ทำไมต้องเซ็นต์เผื่ออนาคต เราไม่เอาเผื่อโว้ย ตอนนี้มีแค่นี้ก็ไม่ต้องมีเผื่อ แล้วทำไมต้องระบุสัญญาหนี้ปัจจุบันที่ไม่มีด้วย ทำไมเอาออกไม่ได้ ทำไมใส่อัตราดอกเบี้ยซี้ซั้วลงไป เพื่ออะไร ทำไมไม่ระบุว่า จนท. มีสิทธ์ให้ถ้อยคำเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับการจดจำนองตามสัญญา เฉพาะไปเลยไม่ได้รึ จะเปิดกว้างไปทำไม)
เมื่อแบงค์ก็ตอบไม่เคลียร์ สรุปคือเราผิดรึ ที่จะไม่ยอม เพราะคนอื่นเค้าก็เซ็นต์กันหมด ก็รู้สึกมันไม่ยุติธรรม ไม่โปร่งใส หรือเราเข้าใจอะไรผิด??? หรือว่าถูกต้องแล้ว?? ไม่เข้าใจทำไมรู้สึกถูกเอาเปรียบ !
เลยเดินออกมาจากธนาคาร ไม่เซ็นต์ ขอมาตั้งหลักจะเอาไงกับเคส
เมื่อแบงค์ x ยืนยันจะใช้สัญญาเงินกู้ที่อยู่อาศัยแบบนี้ นี่คือเรื่องปกติหรอ?
เนื่องจากว่าที่นี่ได้ให้เงื่อนไขดอกเบี้ยที่น่าสนใจ จึงตัดสินใจใช้บริการของที่นี่ ทำเรื่องส่งเอกสาร ไม่นานธนาคารก็อนุมัติวงเงินให้ แต่.......
เพิ่งสังเกตว่ายาวมาก 555
ย่อๆคือ เราอ่านสัญญาได้ความว่า ตามนี้ ซึ่ง จนท. แบงค์ก็บอกว่าตามนั้น ไม่มีทางเลือก
1 สัญญาเขียนระบุเป็นให้จ่ายแบบ ระบุจำนวนเป๊ะทุกเดือน ตามดอกที่คำนวนจากฐานตั้งต้น ทำให้ขัดแย้งกรณีถ้าจ่ายโปะก่อน จะเป็นเอาจุดไหนมาคำนวน ทั้งเวลา กับ เงินต้น
2 สัญญาระบุว่าแบงค์จะเอาข้อมูลส่วนตัวเราไปทำอะไรก็ได้ ให้ใครก็ได้
3 บังคับให้ทำประกัน แต่มอบสิทธิ์ผลประโยชน์เคลม ให้แบงค์ไปเลย เราเคลมไม่ได้
4 สัญญามอบจดจำนอง มีหนี้อื่นๆครอบจักรวาลใส่มาเผื่อเต็มไปหมดเลย แถมใส่ ดอกเบี้ย 12% มาให้เสร็จสรรพ ซึ่งดอกกู้บ้านมันไม่ใช่เลยขัดแย้งกันสุดๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอถามถึงประเด็นปัญหาดังนี้ ที่ธนาคารยืนยันจะไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ
1 การคำนวนดอกเบี้ย
คือ จนท. แบงค์ บอกว่า - เราสามารถกู้ และปิดยอดเงินกู้ทั้งหมดได้เลย ก่อน3 ปีก็ได้ และหักต้นหักดอกถ้าโปะก่อน
เราก็โอเคเพราะกะจะปิดก่อน แต่ในสัญญา คำมันคลุมเครือไปนิดหน่อยตรงท้าย ว่าดอกเบี้ยจะคิดจากเงินยอดไหนกันแน่ เพราะในสัญญา
ดอกเบี้ยคิดตามฐานเงินกู้แรก และก่อนหน้านี้จนท. ก็มีตารางเสต็บการจ่ายดอกเบี้ย และดอกเบี้ยรวมพึงจ่ายในสัญญา30ปี ว่าจะหมดยังไง
แน่นอนว่า จนท.แบงค์ก็แจ้งว่า ไม่มีปัญหา จะคิดจากเงินต้นคงเหลือ ไม่ใช่อย่างที่เราเข้าใจกำกวมไป ..... เออเนอะเราคิดแง่ร้ายไป
แต่งั้นช่วยระบุให้มันชัดเจนไปเลยได้มั้ยว่า "สามารถคืนเงินต้นก่อนเมื่อใดก็ได้ โดยหลังจากคืนเงินต้นแล้ว ดอกเบี้ยจะถูกคำนวนใหม่จากเงินต้นคงเหลือ กับเวลาคงเหลือ"
ไม่ใช่เอาดอกเบี้ย แบบเดิมมาคิด ขอแค่นี้
คือ เข้าใจว่าแบงค์คงคิดแบบที่ว่านะละ แต่อยากให้มันชัดเจน เท่านั้นเอง มันยุ่งยากตรงไหน
แต่ไม่ก็ปฎิเสธกลับมาอย่าง แข็งกร้าว ว่าไม่แก้ ไม่เพิ่ม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
2 ข้อมูลส่วนบุคคล
อันนี้มีนัย คือเป็นประเด็นว่าด้วยการให้ใช้ข้อมูลส่วนตัวเราทำอะไรก็ได้ ซึ่งแน่นอนเราไม่อยากให้
ก็เลยบอกให้ลบออกไปเลย อย่ามามั่วนิ่มเอาข้อมูลเราไปทำเทเลมาเก็ต หรือขายให้บุคคลที่3 ไม่ได้ๆๆๆๆ
แต่แบงค์ก็ไม่ยอมทำไมถึงลบออกไม่ได้ไม่เข้าใจ เอาไปให้ใครเราก็ไม่รู้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
3 ประกัน
คือทุกคนแน่นอนจะถูกบังคับให้ทำประกันอัคคีภัย ก็พวกภัยต่างๆ ซึ่งปกติก็จะมีรายละเอียดยุบยิบ ก็เข้าใจได้เรื่องความเสี่ยงต่างๆ.......แต่..........เราขอให้ธนาคารเอาแบบเสนอประกันมาให้ดูรายละเอียดของประกันด้วย และ ขอแก้รายละเอียดในสัญญามอบสิทธิ์เคลม
คือทำไมเราต้องซื้อประกันที่เราไม่รู้ว่ามันคลอบคลุมการคุ้มครองในแบบข้อๆ ตามกฏของ คปภ. จนวันนี้ก็ยังไม่เคยได้รายละเอียดประกันฉบับเต็ม
ธนาคารแค่เขียนใส่เศษกระดาษให้ดูไว้บรรทัดเดียวว่า จ่ายเท่าไหร่ คุ้มครองเท่าไหร่ และต้องเป็นประกันของธนาคารที่เบี้ยแพงเท่านั้น! จบ เอาเอกสารมาบังคับเซ็นต์
"ถ้าไม่ซื้อประกันอัคคีภัยอันนี้ด้วย ก็กู้ไม่ได้นะค่ะ เป็นกฏ" อืมๆ เพื่อบริหารความเสี่ยง พอเข้าใจ
แต่เราต้องเซ็นต์สละสิทธ์การเคลม โดยมอบสิทธิ์การเคลมความเสียหายให้ธนาคารทุกกรณี เมื่อมีปัญหา! เอ่อทำไมต้องให้ทั้งหมด ทุกกรณี?
- แล้วถ้าความเสียหายที่ว่ามันเล็กๆน้อยๆ ซึ่งเป็นสิทธิ์คุ้มครองอื่นๆที่ครอบคลุมในประกันด้วยละ เราเคลมธนาคารเก็บ ????
- แล้วถ้าความเสียหายที่เคลมได้มีมูลค่ามากกว่า หนี้คงค้างละ ธนาคารเก็บหมดอีก????
แน่นอนว่าอ้อยเข้าปากช้าง แล้วจะคายง่ายๆมั้ย จนท. ตอบไม่ได้ก็ให้ไปถาม ................คำตอบคือให้เราเคลมได้ปกติ ธนาคารจะรับแทน
ก่อนแล้วค่อยส่งให้เรา ...... ไม่ให้แก้จ้า ไปลุ้นกันเอา ว่าเค้าจะซื่อสัตย์ให้เรา ......... คือ กลัวมีปัญหาทีหลังนิ
แก้หรือเพิ่มแนบถ้ายไปสิทำไมไม่ให้สิทธิ์เราเคลมตรงได้ด้วย ก็เราเป็นคนจ่ายค่าประกันเองนิ เบี้ยก็ไม่ได้ถูก ถ้าแบบนี้ทำไมธนาคารไม่จ่ายค่าประกันเองละ ถ้าอยากเคลมได้ทุกกรณี ..... หรือต้องยอมจริงๆ ไม่เข้าใจ
4 หนังสือมอบอำนาจ เพื่อจดจำนอง
งง หรือว่าปกติเป็นแบบนี้ การเซ็นต์มอบอำนาจใครไปทำอะไรต้องรัดกุม จำเพาะ ว่าให้ทำอะไรได้ ขอบข่ายมีอะไร
ซึ่งที่แบงค์นี้เอาให้ จะให้เซ็นต์ใบมอบอำนาจจดจำนอง สารพัดประโยชน์ ครอบคลุมทุกสรรพหนี้ ซึ่งมีหนี้ปัจจุบันจริง คือ1สัญญากู้เงิน 2หนี้ปัจจุบันที่ ธนาคารมโนขึ้นมาเอง คือ สัญญาเบิกเงินเกินบัญชี และ3หนี้สารพัดอนาคต แถมมีการระบุรายละเอียดดอกเบี้ย การกู้ลงไปว่า 12% ต่อปี (ซึ่งไม่ใช่ และไม่ใกล้เคียงกับเรทกู้ที่อยู่อาศัยเล้ย) เลย ระยะเวลาจดจำนองไม่มีที่สิ้นสุด แต่เรากู้แบบมีสิ้นสุดนี่หว่า!!
ต้องกังวลมั้ย คืออะไร เพราะเอกสารมอบอำนาจนี้จะถูกเก็บไว้กับกรมที่ดินเป็นหลักฐานการทำการจดจำนอง
ทำไมถึงระบุได้สารพัดประโยชน์ ทำไมไม่ระบุให้ถูกต้องชัดเจน
แน่นอนว่าจนท. ที่ธนาคาร ชี้แจงไม่ได้ตามเคย บอกว่าถ้าไม่เซ็นต์ก็ให้ไปที่กรมที่ดินเองวันนั้น ..... คือก็กลลัวว่าถ้าไปเอง จนท ที่ไปจดจำนองวันนั้น
สุดท้ายก็จะต้องใช้เอกสารที่มีข้อความพวกนี้อยู่ในเอกสารจดจำนองอยู่ดีรึเปล่า?
นี่จะต้องใส่เข้าไปตอนที่เรามอบอำนาจเข้าไปหรือ ถ้าไปเองก็ไปถูกกดดันให้เซ็นต์รับเงื่อนไขนี้ที่โน่นใช่มั้ย ??????
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อแบงค์ก็ตอบไม่เคลียร์ สรุปคือเราผิดรึ ที่จะไม่ยอม เพราะคนอื่นเค้าก็เซ็นต์กันหมด ก็รู้สึกมันไม่ยุติธรรม ไม่โปร่งใส หรือเราเข้าใจอะไรผิด??? หรือว่าถูกต้องแล้ว?? ไม่เข้าใจทำไมรู้สึกถูกเอาเปรียบ !
เลยเดินออกมาจากธนาคาร ไม่เซ็นต์ ขอมาตั้งหลักจะเอาไงกับเคส