สวัสดีค่ะ วันนี้ขอมาแบ่งปันประสบการณ์ลุ้นๆ กับวีซ่า USA ค่ะ
เราคนตั้งกระทู้นี้เองค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://ppantip.com/topic/34100360
ก่อนอื่นมาพูดถึงภูมิหลังกันอีกรอบ...
เราไม่ได้ทำงาน aka เกาะพ่อแม่กิน
เราขายของใน eBay เป็น power seller มี feedback 4000 กว่า
เราเคยได้วีซ่า J-1 มาเมื่อปี 2007
เราเคยไปมาหลายประเทศ (ปีนี้มีญี่ปุ่น 5 รอบ ฮ่องกง1)
ในใบ Ds - 160 ตรงช่องการทำงาน เรากรอกไปตามนี้นะคะ (กรอกอังกฤษไปนะคะ) แปลไทยได้ความว่า
"ฉันทำธุรกิจกับที่บ้านตั้งแต่เรียนจบป.ตรีมาเป็นเวลา3ปี จากนั้นฉันกลับไปเรียนต่อ
หลังจากเรียนจบป.โทแล้ว ฉันกลับไปช่วยงานที่บ้านอีกครั้ง ธุรกิจที่บ้านคือตลาดปลา โดยจะเก็บค่าเช่าแผงปลาเป็นรายเดือนและรายปี
นอกจากนี้บ้านฉันยังมีร้านขายของด้วย เราขายของชำ ลูกจ้างมีสองคน เป็นสามีภรรยากัน นางเมียทำงานที่ร้าน ส่วนตัวผัวทำงานให้ตลาด
แถมฉันยังขายของใน eBay ด้วย มี feedback 4000กว่า +เป็น power seller อีกด้วย "
นี่คือที่เราบรรยายไปค่ะ ใบ DS160 เรากรอกเองทั้งหมด เรียกว่าถามอะไร เราตอบได้ 100%
เอกสารที่เราเตรียมไป
1.ใบทะเบียนพานิชย์ร้านขายของ
2.สมุดบัญชี 1เล่ม มีเงินไม่ถึง 2 หมื่น (เล่มอื่นๆเตรียมไว้ แต่ดันลืมเอาไป เล่มอื่นๆนี่ก็ยอด ไม่เกิน 2 หมื่นซักเล่ม)
3.รูปถ่าย ตลาดปลาของที่บ้าน ร้านขายของ วิวหน้าบ้าน แมวทุกตัวที่บ้าน (ประมาณว่าฉันมีแมวนะ ฉันไม่โดดวีซ่าหรอก ฉันรักแมว)
4.แผนการท่องเที่ยว (คร่าวๆมากเลยนะคะ แบบ 5วันแรก เวกัส 10วันหลังซานฟราน... จบ)
5.พาสปอร์ตพ่อแม่ 5555 เอาไปทำไมไม่รู้ แค่เผื่อเขาอยากดู
6.หนังสือเดินทางเล่มเก่าของเราทุกเล่ม ตั้งแต่สมัยเด็กหญิง พกไปหมด
ตัดฉั่บ มาวันสัมภาษณ์เลยนะคะ...
เวลานัด
9.30 (ตื่นสาย นัดเช้าไม่ทันแน่นอน)
ไปถึง
9.15 ต่อแถวๆๆๆ (คนไม่เยอะ แต่ตรงนี้ช้า เพราะผู้หญิงหน้าเราคนนึง ป่วนมาก นางเอาถุงผ้า ซึ่งข้างในมีพวกพาวเวอร์แบงค์/สายหูฟัง ไปวางไว้ริมรั้วข้างสถานทูต(เอิ่มมมม) พวกยามก็วิ่งมาเลย บอกเห็นในกล้องวงจรปิด ให้นางไปเอาออกเดี๋ยวนี้) ยังไม่พอ กลับมานางก็ป่วนอีกเขาพร่ำบอกให้เอาใบ DS160 ที่ปริ๊นท์มา+พาสปอรต เปิดหน้าที่มีรูปเรา เจ๊แกก็ไม่ทำ มัวกดโทรศัพท์ พอเข้าประตูไปแต่พี่แกยังไม่พร้อมจะปิดโทรศัพท์(ห่ะ?) เลยเปิดประตูกลับออกมาเอง... ยามก็ดุอีก ห้ามเปิดประตูเอง!! เราแบบ เห้ยยย เจ๊เยอะมากอ้ะ ไม่ไหว เขาเลยต้องไปต่อคิวใหม่
9.40 เข้าได้ละ... เดินไปที่ตรงศูนย์ส่งไปรณีย์ก่อนเลย ไม่มีคิว
9.41 เดินไปตรวจเอกสารรอบแรก กับเจ้าที่คนไทย รอคิว 2 คน ไม่นานค่ะ ก็ถามๆจะไปไหน ไปกับใคร เคยไปอเมริกาหรือยัง... แสกนนิ้ว 10 นิ้ว จบ
9.50 สัมภาษณ์กับกงศุลฝรั่งค่ะ ถามแค่ว่า เคยไปไหนมาบ้าง... เราก็ไล่ประเทศไปค่ะ ญี่ปุ่น/เกาหลีใต้/ฮ่องกง/สิงคโปร์/กลุ่มประเทศในยุโรป...
ถามแค่นี้เองค่ะ...แล้วก็บอกเราว่า โชคดี รอสามวันนะ จบ เรายังถามเขาเลย แค่นี้เองหรอ...เอกสารที่ฉันเตรียมมาละ เขาก็ทำท่าโบกมือไล่ ไปๆๆ
9.55 เสร็จเดินกลับ bts ไป terminal21 ฉลองต่อคิว tim ho wan รอร้านเปิด 11.30
รอ... 2 วัน ก็ได้รับแล้วค่ะ 10 ปี
สรุปนะคะ... เราว่าบุคลิก ความมั่นใจ ถามอะไรตอบไปไม่ติดขัด มีส่วนมากเลยนะคะ
หนังสือเดินทางเรามีเข้าออกหลายประเทศ ไม่มีประวัติอยู่เกิน
แต่งตัวเราใส่ชุดแซกหลวมๆยาวเท่าเข่ากับรองเท้าผ้าใบโอนิซึกะ (คือมีแต่คนบอกให้แต่งเรียบร้อยๆ แต่เราไม่อยากแต่งเชยอ้ะ)
ขอให้ทุกคนโชคดีนะคะ
วีซ่า USA ไม่มีงานทำ ไม่มีสปอนเซอร์ ไม่ต้องกลัว!! ลุยยยย
เราคนตั้งกระทู้นี้เองค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ก่อนอื่นมาพูดถึงภูมิหลังกันอีกรอบ...
เราไม่ได้ทำงาน aka เกาะพ่อแม่กิน
เราขายของใน eBay เป็น power seller มี feedback 4000 กว่า
เราเคยได้วีซ่า J-1 มาเมื่อปี 2007
เราเคยไปมาหลายประเทศ (ปีนี้มีญี่ปุ่น 5 รอบ ฮ่องกง1)
ในใบ Ds - 160 ตรงช่องการทำงาน เรากรอกไปตามนี้นะคะ (กรอกอังกฤษไปนะคะ) แปลไทยได้ความว่า
หลังจากเรียนจบป.โทแล้ว ฉันกลับไปช่วยงานที่บ้านอีกครั้ง ธุรกิจที่บ้านคือตลาดปลา โดยจะเก็บค่าเช่าแผงปลาเป็นรายเดือนและรายปี
นอกจากนี้บ้านฉันยังมีร้านขายของด้วย เราขายของชำ ลูกจ้างมีสองคน เป็นสามีภรรยากัน นางเมียทำงานที่ร้าน ส่วนตัวผัวทำงานให้ตลาด
แถมฉันยังขายของใน eBay ด้วย มี feedback 4000กว่า +เป็น power seller อีกด้วย "
นี่คือที่เราบรรยายไปค่ะ ใบ DS160 เรากรอกเองทั้งหมด เรียกว่าถามอะไร เราตอบได้ 100%
เอกสารที่เราเตรียมไป
1.ใบทะเบียนพานิชย์ร้านขายของ
2.สมุดบัญชี 1เล่ม มีเงินไม่ถึง 2 หมื่น (เล่มอื่นๆเตรียมไว้ แต่ดันลืมเอาไป เล่มอื่นๆนี่ก็ยอด ไม่เกิน 2 หมื่นซักเล่ม)
3.รูปถ่าย ตลาดปลาของที่บ้าน ร้านขายของ วิวหน้าบ้าน แมวทุกตัวที่บ้าน (ประมาณว่าฉันมีแมวนะ ฉันไม่โดดวีซ่าหรอก ฉันรักแมว)
4.แผนการท่องเที่ยว (คร่าวๆมากเลยนะคะ แบบ 5วันแรก เวกัส 10วันหลังซานฟราน... จบ)
5.พาสปอร์ตพ่อแม่ 5555 เอาไปทำไมไม่รู้ แค่เผื่อเขาอยากดู
6.หนังสือเดินทางเล่มเก่าของเราทุกเล่ม ตั้งแต่สมัยเด็กหญิง พกไปหมด
ตัดฉั่บ มาวันสัมภาษณ์เลยนะคะ...
เวลานัด 9.30 (ตื่นสาย นัดเช้าไม่ทันแน่นอน)
ไปถึง 9.15 ต่อแถวๆๆๆ (คนไม่เยอะ แต่ตรงนี้ช้า เพราะผู้หญิงหน้าเราคนนึง ป่วนมาก นางเอาถุงผ้า ซึ่งข้างในมีพวกพาวเวอร์แบงค์/สายหูฟัง ไปวางไว้ริมรั้วข้างสถานทูต(เอิ่มมมม) พวกยามก็วิ่งมาเลย บอกเห็นในกล้องวงจรปิด ให้นางไปเอาออกเดี๋ยวนี้) ยังไม่พอ กลับมานางก็ป่วนอีกเขาพร่ำบอกให้เอาใบ DS160 ที่ปริ๊นท์มา+พาสปอรต เปิดหน้าที่มีรูปเรา เจ๊แกก็ไม่ทำ มัวกดโทรศัพท์ พอเข้าประตูไปแต่พี่แกยังไม่พร้อมจะปิดโทรศัพท์(ห่ะ?) เลยเปิดประตูกลับออกมาเอง... ยามก็ดุอีก ห้ามเปิดประตูเอง!! เราแบบ เห้ยยย เจ๊เยอะมากอ้ะ ไม่ไหว เขาเลยต้องไปต่อคิวใหม่
9.40 เข้าได้ละ... เดินไปที่ตรงศูนย์ส่งไปรณีย์ก่อนเลย ไม่มีคิว
9.41 เดินไปตรวจเอกสารรอบแรก กับเจ้าที่คนไทย รอคิว 2 คน ไม่นานค่ะ ก็ถามๆจะไปไหน ไปกับใคร เคยไปอเมริกาหรือยัง... แสกนนิ้ว 10 นิ้ว จบ
9.50 สัมภาษณ์กับกงศุลฝรั่งค่ะ ถามแค่ว่า เคยไปไหนมาบ้าง... เราก็ไล่ประเทศไปค่ะ ญี่ปุ่น/เกาหลีใต้/ฮ่องกง/สิงคโปร์/กลุ่มประเทศในยุโรป...
ถามแค่นี้เองค่ะ...แล้วก็บอกเราว่า โชคดี รอสามวันนะ จบ เรายังถามเขาเลย แค่นี้เองหรอ...เอกสารที่ฉันเตรียมมาละ เขาก็ทำท่าโบกมือไล่ ไปๆๆ
9.55 เสร็จเดินกลับ bts ไป terminal21 ฉลองต่อคิว tim ho wan รอร้านเปิด 11.30
รอ... 2 วัน ก็ได้รับแล้วค่ะ 10 ปี
สรุปนะคะ... เราว่าบุคลิก ความมั่นใจ ถามอะไรตอบไปไม่ติดขัด มีส่วนมากเลยนะคะ
หนังสือเดินทางเรามีเข้าออกหลายประเทศ ไม่มีประวัติอยู่เกิน
แต่งตัวเราใส่ชุดแซกหลวมๆยาวเท่าเข่ากับรองเท้าผ้าใบโอนิซึกะ (คือมีแต่คนบอกให้แต่งเรียบร้อยๆ แต่เราไม่อยากแต่งเชยอ้ะ)
ขอให้ทุกคนโชคดีนะคะ