อดีตเราเป็นพนักงานธรรมดาคนหนึ่ง ระดับ "เจ้าหน้าที่" ซึ่งคิดว่าทุกคนต้องเคยอยู่สถานะนี้มาก่อน
อุปนิสัยเราคิดว่าเป็นคนธรรมดาทั่วไป มาทำงาน ก็คือทำงานของตัวเอง
ถ้านึกอยากจะขี้เกียจบ้าง(อู้) ก็แว่บเปิดเนต ดูข่าว ฟังเพลง แล้วกลับมาทำงานต่อ
ถึงเวลาเลิกงานก็กลับบ้านตรงเวลา วนเวียนๆ แบบนี้ทุกวัน..
เคยสังเกตหัวหน้าตัวเอง มักจะกินข้าวเลท กลับบ้านช้ากว่าคนอื่น ไม่ค่อยคุยเล่นกับใคร
เคยหันไปถามหัวหน้า "เที่ยงแล้วกินข้าวกันค่ะ" หัวหน้าตอบว่า "จ้ะๆ กินกันก่อนเลย เดี๋ยวตามไป"
เคยสงสัยหัวหน้าตนเองกันบ้างมั้ย? .. "อะไร งานยุ่งขนาดนั้นเชียว?"
บางทีตอนเที่ยง เขายังคุยงานกันอยู่เลย บางทีหัวหน้าก็มาถามงาน เราแบบ เฮ้ยย..หัวหน้าคะกินข้าวก่อนนน
แล้ววันหนึ่ง เมื่อฉันก้าวขึ้นมาในตำแหน่งระดับ "หัวหน้างาน" บ้าง อุปนิสัยฉัน ได้เปลี่ยนไปตลอดกาล
สำหรับคนอื่นเราไม่รู้ว่ามีใครเปลี่ยนไปเหมือนเราบ้างไหม แต่อยากฟังประสบการณ์จากคนอื่นบ้าง
ว่าคุณได้มีนิสัยหรือ ความคิด ความอ่าน ลักษณะการทำงาน เปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง?
สำหรับเราเปลี่ยนไป ดังนี้ค่ะ
1. เริ่มไม่มีเวลาว่างเหมือน เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ
2. กินข้าวช้ากว่าคนอื่น บางทีไม่ได้กินข้าวเลย เพราะมัวทำงานอยู่หน้าคอมพ์ฯ
3. กลายเป็นคนเงียบๆ มีมาดขรึมมากขึ้น ไม่ค่อยพูดจอแจ วอแวเหมือนแต่ก่อน (ไม่รู้เป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่)
4. ความรับผิดชอบต้องมีมากกว่าที่เคยเป็น 10 เท่า เพราะมันไม่ใช่งานแค่ของเรา แต่มันคืองานภาพรวม
ที่เราต้องคอนโทรล ต้องบริหารให้ได้ ต้องคุมทีมให้ได้
5. ความรู้ ต้องมีมากกว่าคนอื่น ต้องขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติม เพราะต้องฉลาดให้ทันคนอื่น
6. สามารถออกไปกินข้าวในห้างคนเดียวได้ (สำหรับคนอื่นคงไม่เกี่ยวมั้ง 555 แต่เราเริ่มกลายเป็นคนแบบนี้ได้)
7. มีกำลังทุนที่สามารถซื้ออะไรแพงๆ ในสิ่งที่ชอบได้ เช่น อยากซื้อสตาร์บัค ก็ซื้อกินได้เพราะเงินเดือนเรา ตังค์เรา
มันอร่อยดี แล้วก็ไม่ได้เดือดร้อนใคร (แต่ก่อนไม่เคยซื้อกิน เพราะว่ามันแพง แต่ประเด็นนี้คนอื่นคงไม่เป็นเหมือนเรา)
8. บางทีเอางานกลับมาทำที่บ้าน เอางานกลับมาคิดที่บ้านต่อ (แต่ก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้เลย)
9. เดิมเป็นคนมีเวลาว่าง ว่างเที่ยว ว่างออกกำลังกายบ่อยๆ หลังๆไม่ได้ออกเลย เพราะแค่ทำงานก็เหนื่อยแล้วจริงๆ
เริ่มเข้าใจ(ข้ออ้าง)ที่เคยได้ยินแล้วว่า "ทำงานหนัก เหนื่อย ไม่มีเวลาออกกำลังกาย"
เรารู้สึกว่าเรากลายเป็นคนแบบนั้นไปจริงๆ คือมันเหนื่อยแล้วอ่ะ
10. ฝึกความอดทน ความกดดัน การบริหารตัวเอง ฝึกความเป็นผู้นำ
คือแต่ก่อนถ้าเป็นเจ้าหน้าที่ทั่วไป งานฉันไม่ทำ งานฉันไม่เดิน มันก็ไม่มีใครว่า
แต่หัวหน้างาน ต้องลงไปคุยกับพนักงานว่า งานไม่เดินเพราะอะไร ต้องเข้าช่วยแก้ปัญหายังไง
.. โดยภาพรวมสำหรับเรา เราคิดว่าการเป็นหัวหน้างาน พลังความเหนื่อย X10
เราไม่รู้ว่าคนอื่นที่อื่นเป็นยังไง แต่เราเริ่มเข้าใจหัวหน้ามากขึ้น กินข้าวช้า กลับบ้านช้า ฯลฯ
เพราะบางทีมันคือ ความรับผิดชอบที่ต้องทำ ถ้าทำไม่เสร็จแล้วชิ่งหนีกลับบ้านเลยได้ไหม?
..ก็อยากจะทำแบบนั้นอยู่หรอกนะ ..แต่ คุณทำแบบนั้นไม่ได้หรอก
บางครั้งเราจำเป็นต้องเสียสละเวลา(โดยไม่รู้ตัว) เพื่อให้งานนั้นออกมาเสร็จสมบูรณ์มากที่สุด
เราคิดในใจ โฮว..ระดับหัวหน้างาน ยังเหนื่อยขนาดนี้ แล้วระดับผู้บริหาร ..จะขนาดไหน?
เราเริ่มเข้าใจความคิดของหัวหน้ามากขึ้นแล้วล่ะ
เรานึกถึงข่าวที่ผู้บริหารเงินเดือนเป็นแสนๆ ลาออกไปอยู่บ้านนอก ทำไร่ทำนา
คนอื่นอาจจะมองว่า ทำไมโง่จังเงินดีๆไม่ชอบ ไม่เอา
"..ถ้าคุณไม่มาอยู่ระดับนั้นคุณจะไม่มีวันเข้าใจ เพราะบางทีเงินที่ได้มามันไม่ได้ตอบโจทย์ทุกอย่างของชีวิต"
สุดท้าย เงินที่ได้มา ถ้าต้องหมดไปกับค่ายารักษา มันก็ปล่าวประโยชน์
.. แล้วมีใครมีนิสัยเปลี่ยนไปยังไงบ้าง? แชร์กันได้ค่ะอยากรู้เหมือนกัน
(แลกเปลี่ยนEXP) ความคิด/อุปนิสัยที่เปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อคุณก้าวขึ้นมาในตำแหน่งระดับ "หัวหน้างาน"
อุปนิสัยเราคิดว่าเป็นคนธรรมดาทั่วไป มาทำงาน ก็คือทำงานของตัวเอง
ถ้านึกอยากจะขี้เกียจบ้าง(อู้) ก็แว่บเปิดเนต ดูข่าว ฟังเพลง แล้วกลับมาทำงานต่อ
ถึงเวลาเลิกงานก็กลับบ้านตรงเวลา วนเวียนๆ แบบนี้ทุกวัน..
เคยสังเกตหัวหน้าตัวเอง มักจะกินข้าวเลท กลับบ้านช้ากว่าคนอื่น ไม่ค่อยคุยเล่นกับใคร
เคยหันไปถามหัวหน้า "เที่ยงแล้วกินข้าวกันค่ะ" หัวหน้าตอบว่า "จ้ะๆ กินกันก่อนเลย เดี๋ยวตามไป"
เคยสงสัยหัวหน้าตนเองกันบ้างมั้ย? .. "อะไร งานยุ่งขนาดนั้นเชียว?"
บางทีตอนเที่ยง เขายังคุยงานกันอยู่เลย บางทีหัวหน้าก็มาถามงาน เราแบบ เฮ้ยย..หัวหน้าคะกินข้าวก่อนนน
แล้ววันหนึ่ง เมื่อฉันก้าวขึ้นมาในตำแหน่งระดับ "หัวหน้างาน" บ้าง อุปนิสัยฉัน ได้เปลี่ยนไปตลอดกาล
สำหรับคนอื่นเราไม่รู้ว่ามีใครเปลี่ยนไปเหมือนเราบ้างไหม แต่อยากฟังประสบการณ์จากคนอื่นบ้าง
ว่าคุณได้มีนิสัยหรือ ความคิด ความอ่าน ลักษณะการทำงาน เปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง?
สำหรับเราเปลี่ยนไป ดังนี้ค่ะ
1. เริ่มไม่มีเวลาว่างเหมือน เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ
2. กินข้าวช้ากว่าคนอื่น บางทีไม่ได้กินข้าวเลย เพราะมัวทำงานอยู่หน้าคอมพ์ฯ
3. กลายเป็นคนเงียบๆ มีมาดขรึมมากขึ้น ไม่ค่อยพูดจอแจ วอแวเหมือนแต่ก่อน (ไม่รู้เป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่)
4. ความรับผิดชอบต้องมีมากกว่าที่เคยเป็น 10 เท่า เพราะมันไม่ใช่งานแค่ของเรา แต่มันคืองานภาพรวม
ที่เราต้องคอนโทรล ต้องบริหารให้ได้ ต้องคุมทีมให้ได้
5. ความรู้ ต้องมีมากกว่าคนอื่น ต้องขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติม เพราะต้องฉลาดให้ทันคนอื่น
6. สามารถออกไปกินข้าวในห้างคนเดียวได้ (สำหรับคนอื่นคงไม่เกี่ยวมั้ง 555 แต่เราเริ่มกลายเป็นคนแบบนี้ได้)
7. มีกำลังทุนที่สามารถซื้ออะไรแพงๆ ในสิ่งที่ชอบได้ เช่น อยากซื้อสตาร์บัค ก็ซื้อกินได้เพราะเงินเดือนเรา ตังค์เรา
มันอร่อยดี แล้วก็ไม่ได้เดือดร้อนใคร (แต่ก่อนไม่เคยซื้อกิน เพราะว่ามันแพง แต่ประเด็นนี้คนอื่นคงไม่เป็นเหมือนเรา)
8. บางทีเอางานกลับมาทำที่บ้าน เอางานกลับมาคิดที่บ้านต่อ (แต่ก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้เลย)
9. เดิมเป็นคนมีเวลาว่าง ว่างเที่ยว ว่างออกกำลังกายบ่อยๆ หลังๆไม่ได้ออกเลย เพราะแค่ทำงานก็เหนื่อยแล้วจริงๆ
เริ่มเข้าใจ(ข้ออ้าง)ที่เคยได้ยินแล้วว่า "ทำงานหนัก เหนื่อย ไม่มีเวลาออกกำลังกาย"
เรารู้สึกว่าเรากลายเป็นคนแบบนั้นไปจริงๆ คือมันเหนื่อยแล้วอ่ะ
10. ฝึกความอดทน ความกดดัน การบริหารตัวเอง ฝึกความเป็นผู้นำ
คือแต่ก่อนถ้าเป็นเจ้าหน้าที่ทั่วไป งานฉันไม่ทำ งานฉันไม่เดิน มันก็ไม่มีใครว่า
แต่หัวหน้างาน ต้องลงไปคุยกับพนักงานว่า งานไม่เดินเพราะอะไร ต้องเข้าช่วยแก้ปัญหายังไง
.. โดยภาพรวมสำหรับเรา เราคิดว่าการเป็นหัวหน้างาน พลังความเหนื่อย X10
เราไม่รู้ว่าคนอื่นที่อื่นเป็นยังไง แต่เราเริ่มเข้าใจหัวหน้ามากขึ้น กินข้าวช้า กลับบ้านช้า ฯลฯ
เพราะบางทีมันคือ ความรับผิดชอบที่ต้องทำ ถ้าทำไม่เสร็จแล้วชิ่งหนีกลับบ้านเลยได้ไหม?
..ก็อยากจะทำแบบนั้นอยู่หรอกนะ ..แต่ คุณทำแบบนั้นไม่ได้หรอก
บางครั้งเราจำเป็นต้องเสียสละเวลา(โดยไม่รู้ตัว) เพื่อให้งานนั้นออกมาเสร็จสมบูรณ์มากที่สุด
เราคิดในใจ โฮว..ระดับหัวหน้างาน ยังเหนื่อยขนาดนี้ แล้วระดับผู้บริหาร ..จะขนาดไหน?
เราเริ่มเข้าใจความคิดของหัวหน้ามากขึ้นแล้วล่ะ
เรานึกถึงข่าวที่ผู้บริหารเงินเดือนเป็นแสนๆ ลาออกไปอยู่บ้านนอก ทำไร่ทำนา
คนอื่นอาจจะมองว่า ทำไมโง่จังเงินดีๆไม่ชอบ ไม่เอา
"..ถ้าคุณไม่มาอยู่ระดับนั้นคุณจะไม่มีวันเข้าใจ เพราะบางทีเงินที่ได้มามันไม่ได้ตอบโจทย์ทุกอย่างของชีวิต"
สุดท้าย เงินที่ได้มา ถ้าต้องหมดไปกับค่ายารักษา มันก็ปล่าวประโยชน์
.. แล้วมีใครมีนิสัยเปลี่ยนไปยังไงบ้าง? แชร์กันได้ค่ะอยากรู้เหมือนกัน