สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของ จขกท เลยตื่นเต้นนิดหน่อย ^^ อยากจะแชร์ประสบการณ์การไปขอวีซ่าอเมริกา มาสดๆร้อนๆเมื่อวานนี้ ได้รอบแรก 7.00 น. และเป็นคิวแรกของสถานทูตเลยค่ะ
**กระทู้นี้ตั้งใจทำขึ้นเพื่อเป็นกำลังใจกับคนที่กำลังจะขอวีซ่าอเมริกา แต่กลัวว่าจะไม่ผ่าน ตื่นเต้น และวิตกกังวล ซึ่งอาจจะช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อยจ้า
จขกท ไปอเมริกาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์คือปลายปีจะไปฮันนีมูน คือหลังแต่งงาน 2 วัน ก็บินไปเที่ยวเลยค๊าา ซึ่งเรายังคงใช้พาสปอร์ตเดิม ที่มีนามสกุลเดิม ยังไม่เปลี่ยนค่ะ ไว้กลับมาจากเที่ยวแล้วค่อยเปลี่ยน ไป 2 weeks ทั้งหมด 4 เมืองด้วยกันค่ะ New York , Orlando, Chicago และ San Francisco
ซึ่งก่อนไปขอวีซ่า จขกท ได้จองและจ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบินภายในประเทศไว้บางส่วนแล้ว เพราะกลัวว่าเด๋วตั๋วจะแพง พอดีได้ราคาไม่แพงมาด้วยแหละ.... แหะๆ (อันนี้ไม่แนะนำให้ทำนะคะ ^^ เพราะเสี่ยงมาก อาจจะเสียเงินไปฟรีๆได้...) แนะนำให้ทำหลังจากได้วีซ่าแล้วจ้า แต่เรื่องโรงแรม จขกท จองไว้หมดแล้วจาก Booking.com (ใช้ประจำชอบมาก เจ้านี้เงินยังไม่ต้องจ่าย จองไว้ก่อนยกเลิกตอนไหนก็ได้ อิอิ) และ Expedia.co.th (ครั้งแรกที่จอง และผิดหวังมาก โดนตัดเงินจากบัตรเครดิตไปก่อนทั้งๆที่เงื่อนไขการจองบอกว่า "ยกเลิกการจองฟรี" ถ้าเพื่อนๆอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมหลังไมค์ได้เลยค่ะ....T-T)
มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ
เกริ่นนำเรื่องไปซะเยอะเลย....555
อันดับแรก >>> จขกท ได้ไปกรอกแบบฟอร์ม DS-160 จาก เว็บ
https://ceac.state.gov/genniv/ พอกรอกเสร็จก็ไปทำการการสมัครขอวีซ่าใหม่/นัดสัมภาษณ์วีซ่าที่เว็บนี้ค่ะ
https://cgifederal.secure.force.com/ ซึ่ง 2 ขั้นตอนนี้ขอข้ามนะคะ เพราะว่ามีหลายกระทู้ที่มีการอธิบายการกรอกอย่างละเอียดไปแล้ว......อ้อลืมบอกไปค่ะว่าในการขอวีซ่าครั้งนี้ จขกท ขอพร้อมกันกับว่าที่สามีในอีกไม่กี่เดือน จึงสามารถชำระค่าธรรมเนียมพร้อมกันได้เลยนะคะ ไม่ต้องแยกจ่าย สะด๊วกสะดวก เวลาตอนนัดสัมภาษณ์จะได้นัดพร้อมกัน
ซึ่ง จขกท กรอกแบบฟอร์ม DS-160 วันที่ 17 สิงหาคม 2558 และไปชำระค่าวีซ่าที่ ธ.กรุงศรี ภายในวันนั้นเลย ปกติเราต้องรอหลังเที่ยง 12.00 น. ของวันถัดไปหลังจากทำการชำระค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าเรียบร้อยแล้ว แต่พอตอนเช้า 10.00 น.ของวันที่ 18 สิงหาคม 2558 จขกท ก็ได้รับอีเมล์ยืนยันว่าสามารถเข้าเว็บ
https://cgifederal.secure.force.com/ ไปนัดสัมภาษณ์ได้เลย ซึ่งคิวนัดสัมภาษณ์ที่ว่างวันแรกคือวันที่ 24 สิงหาคม 2558 คิดในใจนึกว่าจะได้คิวว่างประมาณวันศุกร์ ซะอีก - -" เลยตัดสินใจไปมันวันที่ 27 สิงหาคม 2558 ที่สามารถเข้าสัมภาษณ์เร็วสุดตอนเวลา 7.00 น. ซะเลย (เพราะ จขกท ต้องกลับมาทำงานต่อ อิอิ) แล้วก็รอๆๆๆๆๆ ใจจดใจจ่อ กระสับกระส่าย หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม อันหลังนี่ไม่มีนะคะ เติมเพื่อให้ได้อรรถรส 5555
เมื่อวานนี้ก็มาถึง = วันที่ต้องไปสัมภาษณ์ขอวีซ่าอเมริกา >>> จขกท ไปแต่เช้ามาก....ตื่นตี 4 ออกจากบ้านตี 5 กว่าๆเกือบครึ่ง คุณว่าที่สามีขับรถขึ้นทางด่วนไปถึงหน้าสถานทูตตอน 5.45 น. (ฟ้ายังมืดอยู่เลย - -" มาเร็วไปมั้ยคะคุณ) สำหรับใครที่ขับรถมาแล้วไม่รู้จะไปจอดที่ไหน แนะอาคารสินธร (Sindhorn Building) อยู่ตรงข้ามสถานทูตอเมริกาเลยค่ะ วันนี้เสียค่าจอดไป 20 บาท เพราะมี stamp ใบจอดรถจาก Starbucks หน้าตึกติดริมถนนใหญ่
หลังจากจอดรถเสร็จแล้วก็เดินข้ามสะพานลอยไปที่สถานทูตอเมริกาซึ่งอยู่อีกฝั่งนึงของถนน เห็นไกลๆว่ามีคนกลุ่มนึงรอต่อแถวอยู่แล้วประมาณ 10 กว่าคนได้ พอถึงตอนนี้เวลา 6.00 น. ฟ้าเริ่มสางแล้ว....แถวที่ต่อคิวหน้าสถานทูต จขกท และคุณว่าที่สามี เป็นคิวที่ 14 และ 15 ตามลำดับ (ระหว่างนั้นก็บริจาคเลือดกันไปค่ะ 5555 จขกท หมายถึง ยุง นะคะ มีเยอะมากเพราะยังเช้าอยู่ ) ยืนรอไปจนเกือบถึง 6.45 น. คิวเริ่มยาวเหยียดเกือบถึงตีนสะพานลอย......เจ้าหน้าที่ก็จะประกาศว่าให้หยิบกระดาษ ฟอร์ม DS-160 ที่มีบาร์โค้ดและรูปหน้าเรา 1 แผ่น พร้อมกับเปิดหน้าพาสปอร์ตหน้าที่มีรูปหน้าเราไว้เช่นกัน เตรียมแค่ 2 อย่างนี้ก่อนค่ะ แล้วเราก็เดินเรียงคิวเริ่มเข้าไปในสถานทูตกัน กระดาษฟอร์ม DS-160 เจ้าหน้าที่ก็จะเช็คกับลิสที่เค้าถือไว้ในมือว่า ชื่อมีอยู่ในลิสที่นัดไว้มั้ย แล้วก็เขียนเวลานัดสัมภาษณ์ลงไปว่าเป็นรอบ 7.00 น. พร้อมกับยื่นบัตรสีฟ้าๆเอาไว้ฝากกระเป๋า หลังจากนั้นใครที่มีกระเป๋าใหญ่ มือถือ อุปกรณ์อิเล็คทรอนิค ต้องฝากไว้ค่ะ (แต่ของ จขกท ไม่ต้องฝากอะไรเลย เพราะเอากระเป๋าฝากไว้กับแม่ว่าที่สามีซึ่งมาด้วยกัน เลยเดินผ่านฉลุย.....) ผ่านเครื่องสแกนตัว แล้วก็เข้าไปโซนนั่งรออาคารด้านนอกค่ะ
พอนั่งรอซักพัก เจ้าหน้าที่ 2 คนในห้องเล็กๆตัวอาคารด้านนอกซึ่งมี 2 ช่องก็เรียกว่า "ใครที่มาสัมภาษณ์วีซ่าชั่วคราวรอบ 7.00 น. เชิญมายืนต่อคิวเลยค่ะ" เรากับว่าที่สามีก็รีบลุกค่ะเลยค่ะ ได้เป็นคิวที่ 3 และ 4 (คิวที่ 1 และ 2 ก็เข้าช่องแรกไปเพราะมาด้วยกัน เป็นคู่แม่ลูกผู้มีพระคุณกับ จขกท มาก T-T น้ำตาจิไหลพอนึกถึง เรานี่ก็เวอร์ตลอดๆ ) คุณว่าที่สามีเข้าไปช่องที่ 2 พร้อมกับบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าให้ จขกท เข้ามาพร้อมกันเลยได้มั้ย เจ้าหน้าที่ก็ถามว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างไรเป็นสามีภรรยากันรึเปล่า ก็เลยบอกไปว่ากำลังจะแต่งงาน และตอนไปอเมริกาก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว เค้าเลยกวักมือให้เข้ามาสัมภาษณ์พร้อมกันได้ จขกท โดนถามว่า เคยได้วีซ่ามาก่อนรึเปล่า ซึ่ง จขกท เคยได้วีซ่านักเรียน F1 มาก่อน แล้วเจ้าหน้าที่ก็ให้เลข EMS ที่มีชื่อและที่อยู่ในการจัดส่งพาสปอร์ตคืนเมื่อวีซ่าผ่าน หนีบคลิปแนบมาพร้อมกับตัวเล่มพาสปอร์ตและรัดหนังยางกับกระดาษฟอร์ม DS-160 พอเสร็จเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ก็ชี้ให้อ่านป้ายประกาศก่อนเดินเข้าตัวอาคาร ซึ่งเขียนว่าให้จดเลข EMS เอาไว้เพื่อที่จะสามารถเช็คกับไปรษณีย์ได้...... พอถึงตอนนี้คิดในใจช้านไม่มีปากกาอ่ะ ไม่ได้เอามาด้วย ที่สถานทูตไม่มีให้ยืมด้วย T-T ทำไงดี? และแล้วก็ได้ คู่แม่ลูกผู้มีพระคุณ ช่วยเอาไว้
ให้ยืมปากกากับ จขกท เลยอยากแนะนำให้เพื่อนๆเตรียมปากกาไปด้วยนะคะ.....
หลังจากนั้นก็ยืนรอในโซนที่เค้าจัดไว้ตามคิวจนเกือบถึง 7.10 น. (เป็นเวลาเจ้าหน้าที่ไทยและฝรั่งที่จะต้องสัมภาษณ์เรามาทำงาน) เจ้าหน้าที่เริ่มมาประจำตำแหน่ง วันนี้ตอนช่วง จขกท อยู่เปิด 3 ช่อง เริ่มเรียกคิวแรกและ2 ไปพร้อมกันเพราะเป็นแม่ลูกกัน พอถึงตา จขกท และคุณว่าที่สามีก็เข้าไปพร้อมกัน
เจ้าหน้าที่หญิงคนไทยหน้าตายิ้มแย้ม : สวัสดีค่ะ ขอเล่มพาสปอร์ตด้วยค่ะ
จขกทและคุณว่าที่สามี : สวัสดีครับ/ค่ะ
เจ้าหน้าที่หญิงคนไทยหน้าตายิ้มแย้ม : ไม่ทราบว่าไปทำอะไรกันคะที่จะไปอเมริกา
จขกทและคุณว่าที่สามี : ไปฮันนีมูนครับ/ค่ะ (ตอบพร้อมกันอีก)
เจ้าหน้าที่หญิงคนไทยหน้าตายิ้มแย้ม : โอ้ว...ดีจังเลยค่ะ
จะไปที่ไหนกันบ้างคะ ไปซานฟรานรึเปล่าคะ
จขกท : ไปค่ะ มีไปนิวยอร์ก ออลันโด้ ชิคาโก้ และซานฟรานค่ะ
เจ้าหน้าที่หญิงคนไทยหน้าตายิ้มแย้ม : อ้อดีค่ะ ซานฟรานสวยค่ะ แต่ไปปลายปีจะหนาวๆหน่อย แล้วเคยได้วีซ่ากันมาก่อนรึเปล่าคะ?
คุณว่าที่สามี : แฟนผมเคยครับ แต่ผมไม่เคย
เจ้าหน้าที่หญิงคนไทยหน้าตายิ้มแย้ม : ขอดูพาสฟอร์ตเล่มเก่าที่มีวีซ่าที่หมดอายุไปแล้วหน่อยค่ะ
จขกท : นี่ค่ะ
เจ้าหน้าที่หญิงคนไทยหน้าตายิ้มแย้ม : คุณผู้ชายวางนิ้วมือด้านซ้ายสแกน 4 นิ้ว แล้วตามด้วยขวาค่ะ
เจ้าหน้าที่หญิงคนไทยหน้าตายิ้มแย้ม : คุณผู้หญิงวางนิ้วมือด้านซ้ายสแกน 4 นิ้ว แล้วตามด้วยขวาค่ะ
เจ้าหน้าที่หญิงคนไทยหน้าตายิ้มแย้ม : เรียบร้อยค่ะ เชิญสแกนนิ้วมืออีกช่องถัดไปค่ะ
จขกทและคุณว่าที่สามีก็เดินตามป้ายไปที่ช่อง 11 ทีนี้เจอฝรั่งผู้ชายมีหนวด หน้าตายิ้มแย้ม ให้เราเอากระดาษฟอร์ม DS-160 ยกแนบไว้ที่กระจกทีละคน และให้เราสแกนนิ้วมืออีกรอบเป็นอันเสร็จจากช่องนี้ พร้อมชี้นิ้วมือบอกให้เราไปยืนต่อคิวรอสัมภาษณ์อีกที ซึ่งพอ จขกทและคุณว่าที่สามี หันไปก็พบว่ากลายเป็นคิวที่ 1 และ 2 ไปเรียบร้อย เพราะคู่แม่ลูกก่อนหน้าเรายังไม่เสร็จ ยืนรอยังไม่ถึง 1 นาที ก็มีแค่ 1 ช่องเท่านั้นที่เปิดอยู่ (อาจเป็นเพราะคิวเช้ามากนั่นเองเจ้าหน้าที่ยังไม่มาทำงาน...) ในช่องมีเจ้าหน้าที่ฝรั่งผู้ชายตัวท้วมๆหน้าตาเป็นมิตรดี กวักมือเรียก จขกทและคุณว่าที่สามี เข้าไปสัมภาษณ์
เจ้าหน้าที่ฝรั่งผู้ชายตัวท้วมๆหน้าตาเป็นมิตร : สวัสดีครับ (สำเนียงฝรั่งมาก)
จขกทและคุณว่าที่สามี : สวัสดีค่ะ/ครับ
เจ้าหน้าที่ฝรั่งผู้ชายตัวท้วมๆหน้าตาเป็นมิตร : จะไปอเมริกาทำไมครับ
คุณว่าที่สามี : ไปฮันนีมูนครับ
เจ้าหน้าที่ฝรั่งผู้ชายตัวท้วมๆหน้าตาเป็นมิตร : คุณผู้หญิงเคยไปอยู่ที่บอสตันใช่มั้ยครับ ไปทำอะไรครับ
จขกท : ไปเรียนค่ะ
เจ้าหน้าที่ฝรั่งผู้ชายตัวท้วมๆหน้าตาเป็นมิตร : โอเคครับ แล้วนี่เป็นเจ้าของบริษัทกันมีพนักงานกี่คนครับ
จขกท : เอ่อ..... (พร้อมทำท่านับนิ้วมือ)
เจ้าหน้าที่ฝรั่งผู้ชายตัวท้วมๆหน้าตาเป็นมิตร : อ่อผมลืมไปว่า เป็นบริษัทนี่ ต้องมีคนเยอะอยู่แล้ว
จขกทและคุณว่าที่สามี : ครับ/ค่ะ
เจ้าหน้าที่ฝรั่งผู้ชายตัวท้วมๆหน้าตาเป็นมิตร : เดี๋ยวรอรับเล่มพาสปอร์ตคืนทางไปรษณีย์นะครับ
จขกทและคุณว่าที่สามี : (หันมามองหน้ากันแบบว่าผ่านแล้วหรอเนี่ย ยังไม่ได้เอาเอกสารอะไรขึ้นมาเลยนะ ) ยกมือขึ้นสวัสดี พร้อมทั้งกล่าว ขอบคุณครับ/ค่ะ
7.25 น. เดินออกมาจากตัวอาคารด้วยความดีใจว่าเสร็จเร็วมาก...... เย่
คำแนะนำในการไปสัมภาษณ์ขอวีซ่าอเมริกา :
- ควรแต่งตัวสุภาพเรียบร้อย เหมาะสมกับงานทำ ไม่ควรแต่งตัวที่ไม่เคารพสถานที่ เช่น กางเกงยีน เสื้อยืด รองเท้าแตะ หรือรองเท้าเปิดส้น
- ถ้าไม่มีสิ่งของที่จะต้องฝากก่อนเข้าสถานทูตจะดีมากค่ะ เพราะจะรวดเร็วมาก
- ควรพกดินสอหรือปากกาเข้าไปด้วยค่ะ เพราะในสถานทูตไม่มีให้ยืมค่ะ
- หน้าตายิ้มแย้มเป็นมิตรกับทุกคนค่ะ
- 2 สิ่งหลักที่ จขกท คิดว่าต้องนำไปไม่มีไม่ได้ (ความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ) คือ พาสปอร์ตเล่มปัจจุบัน และเล่มเก่าที่มีวีซ่าอเมริกาเดิม(ถ้ามี), กระดาษฟอร์ม DS-160 ที่มีรูปหน้าเราชัดเจน พื้นหลังสีขาว ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน (จะได้ไม่ต้องพกรูปถ่ายมา เพราะทางเจ้าหน้าที่ไม่ขอเลย)
จบแล้วค่ะประสบการณ์การไปขอวีซ่าอเมริกามาเมื่อวานนี้ จขกท ขอให้ทุกคนโชคดีนะคะสำหรับใครที่กำลังจะไปขอวีซ่าอเมริกา ไม่ต้องกลัวค่ะ มั่นใจเข้าไว้ รับรองผ่านฉลุย.....
เมื่อวานนี้ฉันไปขอวีซ่าอเมริกา (แบบใหม่)
**กระทู้นี้ตั้งใจทำขึ้นเพื่อเป็นกำลังใจกับคนที่กำลังจะขอวีซ่าอเมริกา แต่กลัวว่าจะไม่ผ่าน ตื่นเต้น และวิตกกังวล ซึ่งอาจจะช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อยจ้า
จขกท ไปอเมริกาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์คือปลายปีจะไปฮันนีมูน คือหลังแต่งงาน 2 วัน ก็บินไปเที่ยวเลยค๊าา ซึ่งเรายังคงใช้พาสปอร์ตเดิม ที่มีนามสกุลเดิม ยังไม่เปลี่ยนค่ะ ไว้กลับมาจากเที่ยวแล้วค่อยเปลี่ยน ไป 2 weeks ทั้งหมด 4 เมืองด้วยกันค่ะ New York , Orlando, Chicago และ San Francisco
ซึ่งก่อนไปขอวีซ่า จขกท ได้จองและจ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบินภายในประเทศไว้บางส่วนแล้ว เพราะกลัวว่าเด๋วตั๋วจะแพง พอดีได้ราคาไม่แพงมาด้วยแหละ.... แหะๆ (อันนี้ไม่แนะนำให้ทำนะคะ ^^ เพราะเสี่ยงมาก อาจจะเสียเงินไปฟรีๆได้...) แนะนำให้ทำหลังจากได้วีซ่าแล้วจ้า แต่เรื่องโรงแรม จขกท จองไว้หมดแล้วจาก Booking.com (ใช้ประจำชอบมาก เจ้านี้เงินยังไม่ต้องจ่าย จองไว้ก่อนยกเลิกตอนไหนก็ได้ อิอิ) และ Expedia.co.th (ครั้งแรกที่จอง และผิดหวังมาก โดนตัดเงินจากบัตรเครดิตไปก่อนทั้งๆที่เงื่อนไขการจองบอกว่า "ยกเลิกการจองฟรี" ถ้าเพื่อนๆอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมหลังไมค์ได้เลยค่ะ....T-T)
มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ เกริ่นนำเรื่องไปซะเยอะเลย....555
อันดับแรก >>> จขกท ได้ไปกรอกแบบฟอร์ม DS-160 จาก เว็บ https://ceac.state.gov/genniv/ พอกรอกเสร็จก็ไปทำการการสมัครขอวีซ่าใหม่/นัดสัมภาษณ์วีซ่าที่เว็บนี้ค่ะ https://cgifederal.secure.force.com/ ซึ่ง 2 ขั้นตอนนี้ขอข้ามนะคะ เพราะว่ามีหลายกระทู้ที่มีการอธิบายการกรอกอย่างละเอียดไปแล้ว......อ้อลืมบอกไปค่ะว่าในการขอวีซ่าครั้งนี้ จขกท ขอพร้อมกันกับว่าที่สามีในอีกไม่กี่เดือน จึงสามารถชำระค่าธรรมเนียมพร้อมกันได้เลยนะคะ ไม่ต้องแยกจ่าย สะด๊วกสะดวก เวลาตอนนัดสัมภาษณ์จะได้นัดพร้อมกัน
ซึ่ง จขกท กรอกแบบฟอร์ม DS-160 วันที่ 17 สิงหาคม 2558 และไปชำระค่าวีซ่าที่ ธ.กรุงศรี ภายในวันนั้นเลย ปกติเราต้องรอหลังเที่ยง 12.00 น. ของวันถัดไปหลังจากทำการชำระค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าเรียบร้อยแล้ว แต่พอตอนเช้า 10.00 น.ของวันที่ 18 สิงหาคม 2558 จขกท ก็ได้รับอีเมล์ยืนยันว่าสามารถเข้าเว็บ https://cgifederal.secure.force.com/ ไปนัดสัมภาษณ์ได้เลย ซึ่งคิวนัดสัมภาษณ์ที่ว่างวันแรกคือวันที่ 24 สิงหาคม 2558 คิดในใจนึกว่าจะได้คิวว่างประมาณวันศุกร์ ซะอีก - -" เลยตัดสินใจไปมันวันที่ 27 สิงหาคม 2558 ที่สามารถเข้าสัมภาษณ์เร็วสุดตอนเวลา 7.00 น. ซะเลย (เพราะ จขกท ต้องกลับมาทำงานต่อ อิอิ) แล้วก็รอๆๆๆๆๆ ใจจดใจจ่อ กระสับกระส่าย หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม อันหลังนี่ไม่มีนะคะ เติมเพื่อให้ได้อรรถรส 5555
เมื่อวานนี้ก็มาถึง = วันที่ต้องไปสัมภาษณ์ขอวีซ่าอเมริกา >>> จขกท ไปแต่เช้ามาก....ตื่นตี 4 ออกจากบ้านตี 5 กว่าๆเกือบครึ่ง คุณว่าที่สามีขับรถขึ้นทางด่วนไปถึงหน้าสถานทูตตอน 5.45 น. (ฟ้ายังมืดอยู่เลย - -" มาเร็วไปมั้ยคะคุณ) สำหรับใครที่ขับรถมาแล้วไม่รู้จะไปจอดที่ไหน แนะอาคารสินธร (Sindhorn Building) อยู่ตรงข้ามสถานทูตอเมริกาเลยค่ะ วันนี้เสียค่าจอดไป 20 บาท เพราะมี stamp ใบจอดรถจาก Starbucks หน้าตึกติดริมถนนใหญ่
หลังจากจอดรถเสร็จแล้วก็เดินข้ามสะพานลอยไปที่สถานทูตอเมริกาซึ่งอยู่อีกฝั่งนึงของถนน เห็นไกลๆว่ามีคนกลุ่มนึงรอต่อแถวอยู่แล้วประมาณ 10 กว่าคนได้ พอถึงตอนนี้เวลา 6.00 น. ฟ้าเริ่มสางแล้ว....แถวที่ต่อคิวหน้าสถานทูต จขกท และคุณว่าที่สามี เป็นคิวที่ 14 และ 15 ตามลำดับ (ระหว่างนั้นก็บริจาคเลือดกันไปค่ะ 5555 จขกท หมายถึง ยุง นะคะ มีเยอะมากเพราะยังเช้าอยู่ ) ยืนรอไปจนเกือบถึง 6.45 น. คิวเริ่มยาวเหยียดเกือบถึงตีนสะพานลอย......เจ้าหน้าที่ก็จะประกาศว่าให้หยิบกระดาษ ฟอร์ม DS-160 ที่มีบาร์โค้ดและรูปหน้าเรา 1 แผ่น พร้อมกับเปิดหน้าพาสปอร์ตหน้าที่มีรูปหน้าเราไว้เช่นกัน เตรียมแค่ 2 อย่างนี้ก่อนค่ะ แล้วเราก็เดินเรียงคิวเริ่มเข้าไปในสถานทูตกัน กระดาษฟอร์ม DS-160 เจ้าหน้าที่ก็จะเช็คกับลิสที่เค้าถือไว้ในมือว่า ชื่อมีอยู่ในลิสที่นัดไว้มั้ย แล้วก็เขียนเวลานัดสัมภาษณ์ลงไปว่าเป็นรอบ 7.00 น. พร้อมกับยื่นบัตรสีฟ้าๆเอาไว้ฝากกระเป๋า หลังจากนั้นใครที่มีกระเป๋าใหญ่ มือถือ อุปกรณ์อิเล็คทรอนิค ต้องฝากไว้ค่ะ (แต่ของ จขกท ไม่ต้องฝากอะไรเลย เพราะเอากระเป๋าฝากไว้กับแม่ว่าที่สามีซึ่งมาด้วยกัน เลยเดินผ่านฉลุย.....) ผ่านเครื่องสแกนตัว แล้วก็เข้าไปโซนนั่งรออาคารด้านนอกค่ะ
พอนั่งรอซักพัก เจ้าหน้าที่ 2 คนในห้องเล็กๆตัวอาคารด้านนอกซึ่งมี 2 ช่องก็เรียกว่า "ใครที่มาสัมภาษณ์วีซ่าชั่วคราวรอบ 7.00 น. เชิญมายืนต่อคิวเลยค่ะ" เรากับว่าที่สามีก็รีบลุกค่ะเลยค่ะ ได้เป็นคิวที่ 3 และ 4 (คิวที่ 1 และ 2 ก็เข้าช่องแรกไปเพราะมาด้วยกัน เป็นคู่แม่ลูกผู้มีพระคุณกับ จขกท มาก T-T น้ำตาจิไหลพอนึกถึง เรานี่ก็เวอร์ตลอดๆ ) คุณว่าที่สามีเข้าไปช่องที่ 2 พร้อมกับบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าให้ จขกท เข้ามาพร้อมกันเลยได้มั้ย เจ้าหน้าที่ก็ถามว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างไรเป็นสามีภรรยากันรึเปล่า ก็เลยบอกไปว่ากำลังจะแต่งงาน และตอนไปอเมริกาก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว เค้าเลยกวักมือให้เข้ามาสัมภาษณ์พร้อมกันได้ จขกท โดนถามว่า เคยได้วีซ่ามาก่อนรึเปล่า ซึ่ง จขกท เคยได้วีซ่านักเรียน F1 มาก่อน แล้วเจ้าหน้าที่ก็ให้เลข EMS ที่มีชื่อและที่อยู่ในการจัดส่งพาสปอร์ตคืนเมื่อวีซ่าผ่าน หนีบคลิปแนบมาพร้อมกับตัวเล่มพาสปอร์ตและรัดหนังยางกับกระดาษฟอร์ม DS-160 พอเสร็จเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ก็ชี้ให้อ่านป้ายประกาศก่อนเดินเข้าตัวอาคาร ซึ่งเขียนว่าให้จดเลข EMS เอาไว้เพื่อที่จะสามารถเช็คกับไปรษณีย์ได้...... พอถึงตอนนี้คิดในใจช้านไม่มีปากกาอ่ะ ไม่ได้เอามาด้วย ที่สถานทูตไม่มีให้ยืมด้วย T-T ทำไงดี? และแล้วก็ได้ คู่แม่ลูกผู้มีพระคุณ ช่วยเอาไว้ ให้ยืมปากกากับ จขกท เลยอยากแนะนำให้เพื่อนๆเตรียมปากกาไปด้วยนะคะ.....
หลังจากนั้นก็ยืนรอในโซนที่เค้าจัดไว้ตามคิวจนเกือบถึง 7.10 น. (เป็นเวลาเจ้าหน้าที่ไทยและฝรั่งที่จะต้องสัมภาษณ์เรามาทำงาน) เจ้าหน้าที่เริ่มมาประจำตำแหน่ง วันนี้ตอนช่วง จขกท อยู่เปิด 3 ช่อง เริ่มเรียกคิวแรกและ2 ไปพร้อมกันเพราะเป็นแม่ลูกกัน พอถึงตา จขกท และคุณว่าที่สามีก็เข้าไปพร้อมกัน
เจ้าหน้าที่หญิงคนไทยหน้าตายิ้มแย้ม : สวัสดีค่ะ ขอเล่มพาสปอร์ตด้วยค่ะ
จขกทและคุณว่าที่สามี : สวัสดีครับ/ค่ะ
เจ้าหน้าที่หญิงคนไทยหน้าตายิ้มแย้ม : ไม่ทราบว่าไปทำอะไรกันคะที่จะไปอเมริกา
จขกทและคุณว่าที่สามี : ไปฮันนีมูนครับ/ค่ะ (ตอบพร้อมกันอีก)
เจ้าหน้าที่หญิงคนไทยหน้าตายิ้มแย้ม : โอ้ว...ดีจังเลยค่ะ จะไปที่ไหนกันบ้างคะ ไปซานฟรานรึเปล่าคะ
จขกท : ไปค่ะ มีไปนิวยอร์ก ออลันโด้ ชิคาโก้ และซานฟรานค่ะ
เจ้าหน้าที่หญิงคนไทยหน้าตายิ้มแย้ม : อ้อดีค่ะ ซานฟรานสวยค่ะ แต่ไปปลายปีจะหนาวๆหน่อย แล้วเคยได้วีซ่ากันมาก่อนรึเปล่าคะ?
คุณว่าที่สามี : แฟนผมเคยครับ แต่ผมไม่เคย
เจ้าหน้าที่หญิงคนไทยหน้าตายิ้มแย้ม : ขอดูพาสฟอร์ตเล่มเก่าที่มีวีซ่าที่หมดอายุไปแล้วหน่อยค่ะ
จขกท : นี่ค่ะ
เจ้าหน้าที่หญิงคนไทยหน้าตายิ้มแย้ม : คุณผู้ชายวางนิ้วมือด้านซ้ายสแกน 4 นิ้ว แล้วตามด้วยขวาค่ะ
เจ้าหน้าที่หญิงคนไทยหน้าตายิ้มแย้ม : คุณผู้หญิงวางนิ้วมือด้านซ้ายสแกน 4 นิ้ว แล้วตามด้วยขวาค่ะ
เจ้าหน้าที่หญิงคนไทยหน้าตายิ้มแย้ม : เรียบร้อยค่ะ เชิญสแกนนิ้วมืออีกช่องถัดไปค่ะ
จขกทและคุณว่าที่สามีก็เดินตามป้ายไปที่ช่อง 11 ทีนี้เจอฝรั่งผู้ชายมีหนวด หน้าตายิ้มแย้ม ให้เราเอากระดาษฟอร์ม DS-160 ยกแนบไว้ที่กระจกทีละคน และให้เราสแกนนิ้วมืออีกรอบเป็นอันเสร็จจากช่องนี้ พร้อมชี้นิ้วมือบอกให้เราไปยืนต่อคิวรอสัมภาษณ์อีกที ซึ่งพอ จขกทและคุณว่าที่สามี หันไปก็พบว่ากลายเป็นคิวที่ 1 และ 2 ไปเรียบร้อย เพราะคู่แม่ลูกก่อนหน้าเรายังไม่เสร็จ ยืนรอยังไม่ถึง 1 นาที ก็มีแค่ 1 ช่องเท่านั้นที่เปิดอยู่ (อาจเป็นเพราะคิวเช้ามากนั่นเองเจ้าหน้าที่ยังไม่มาทำงาน...) ในช่องมีเจ้าหน้าที่ฝรั่งผู้ชายตัวท้วมๆหน้าตาเป็นมิตรดี กวักมือเรียก จขกทและคุณว่าที่สามี เข้าไปสัมภาษณ์
เจ้าหน้าที่ฝรั่งผู้ชายตัวท้วมๆหน้าตาเป็นมิตร : สวัสดีครับ (สำเนียงฝรั่งมาก)
จขกทและคุณว่าที่สามี : สวัสดีค่ะ/ครับ
เจ้าหน้าที่ฝรั่งผู้ชายตัวท้วมๆหน้าตาเป็นมิตร : จะไปอเมริกาทำไมครับ
คุณว่าที่สามี : ไปฮันนีมูนครับ
เจ้าหน้าที่ฝรั่งผู้ชายตัวท้วมๆหน้าตาเป็นมิตร : คุณผู้หญิงเคยไปอยู่ที่บอสตันใช่มั้ยครับ ไปทำอะไรครับ
จขกท : ไปเรียนค่ะ
เจ้าหน้าที่ฝรั่งผู้ชายตัวท้วมๆหน้าตาเป็นมิตร : โอเคครับ แล้วนี่เป็นเจ้าของบริษัทกันมีพนักงานกี่คนครับ
จขกท : เอ่อ..... (พร้อมทำท่านับนิ้วมือ)
เจ้าหน้าที่ฝรั่งผู้ชายตัวท้วมๆหน้าตาเป็นมิตร : อ่อผมลืมไปว่า เป็นบริษัทนี่ ต้องมีคนเยอะอยู่แล้ว
จขกทและคุณว่าที่สามี : ครับ/ค่ะ
เจ้าหน้าที่ฝรั่งผู้ชายตัวท้วมๆหน้าตาเป็นมิตร : เดี๋ยวรอรับเล่มพาสปอร์ตคืนทางไปรษณีย์นะครับ
จขกทและคุณว่าที่สามี : (หันมามองหน้ากันแบบว่าผ่านแล้วหรอเนี่ย ยังไม่ได้เอาเอกสารอะไรขึ้นมาเลยนะ ) ยกมือขึ้นสวัสดี พร้อมทั้งกล่าว ขอบคุณครับ/ค่ะ
7.25 น. เดินออกมาจากตัวอาคารด้วยความดีใจว่าเสร็จเร็วมาก...... เย่
คำแนะนำในการไปสัมภาษณ์ขอวีซ่าอเมริกา :
- ควรแต่งตัวสุภาพเรียบร้อย เหมาะสมกับงานทำ ไม่ควรแต่งตัวที่ไม่เคารพสถานที่ เช่น กางเกงยีน เสื้อยืด รองเท้าแตะ หรือรองเท้าเปิดส้น
- ถ้าไม่มีสิ่งของที่จะต้องฝากก่อนเข้าสถานทูตจะดีมากค่ะ เพราะจะรวดเร็วมาก
- ควรพกดินสอหรือปากกาเข้าไปด้วยค่ะ เพราะในสถานทูตไม่มีให้ยืมค่ะ
- หน้าตายิ้มแย้มเป็นมิตรกับทุกคนค่ะ
- 2 สิ่งหลักที่ จขกท คิดว่าต้องนำไปไม่มีไม่ได้ (ความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ) คือ พาสปอร์ตเล่มปัจจุบัน และเล่มเก่าที่มีวีซ่าอเมริกาเดิม(ถ้ามี), กระดาษฟอร์ม DS-160 ที่มีรูปหน้าเราชัดเจน พื้นหลังสีขาว ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน (จะได้ไม่ต้องพกรูปถ่ายมา เพราะทางเจ้าหน้าที่ไม่ขอเลย)
จบแล้วค่ะประสบการณ์การไปขอวีซ่าอเมริกามาเมื่อวานนี้ จขกท ขอให้ทุกคนโชคดีนะคะสำหรับใครที่กำลังจะไปขอวีซ่าอเมริกา ไม่ต้องกลัวค่ะ มั่นใจเข้าไว้ รับรองผ่านฉลุย.....