เห็น PK ขึ้นกระทู้แนะนำพอดี ก็เลยอยากจะเชียร์ให้ทุกคนหามาดูด้วยอีกคน
แต่อันนี้เราเขียนไว้บนเฟซบุ๊คเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม
คือเครียดจากข่าวระเบิดก็เลยหวังพึ่งหนังตลก ทีนี้เกิดพบสัจธรรมเลยค่ะ
ดังนั้นจะขอก็อปข้อความที่เราตกผลึกไว้มาให้อ่าน หวังว่าจะสื่อได้เข้าใจ
เนื้อหามีเล่าถึงโครงเรื่องและเปิดเผยส่วนสำคัญด้วย ก็คงเรียกว่า SPOIL แหละ
แต่เราว่าอ่านแล้วไม่น่าเสียอรรถรสมาก เพราะหนังเล่าเรื่องได้ดีกว่าเราเล่าแน่ๆ ฮ่าๆ
เราจะไม่พูดถึงประเด็นความรักของพีเค และปมความรักของนางเอก
ซึ่งจริงๆ เป็นประเด็นสำคัญอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยเติมเต็มหนังให้กลมกล่อม โรแมนติกรักต่างโลกต่างศาสนา
ขึ้นชื่อว่าเลิฟคอเมดี้ ถ้าไม่ได้เล่าแกนเรื่องความรักก็ไม่น่าหมดอารมณ์ดูแบบคนถูกสปอยแรงอย่างแน่นอนค่ะ
.
.
.
เมื่อคืนเปิดไล่ดูข่าวไปเรื่อยๆ ด้วยความกังวลใจกับเหตุการณ์ระเบิดในช่วงนี้
ทันได้ดูช่วงท้ายรายการ Talking Thailand ช่อง Voice TV เลยได้ฟังนักวิชาการไทยที่ศึกษาด้านผู้ก่อการร้าย
ใช้คำนิยามเรียกคนกลุ่มนี้ใหม่ว่า 'ผู้ก่อการกลัว' เขาได้พยายามอธิบายให้เราเข้าใจตรรกะของกลุ่มคนที่มีความเชื่อฝังหัว
ซึ่งสืบทอดมาแต่ดั้งเดิม ตั้งแต่ยุคที่มนุษย์ทุกคนยังตกเป็นทาส ยังไม่มีสิทธิเสรีภาพ และอิสรภาพเป็นของตนเอง
ไม่ได้เป็นปัจเจกชนอย่างทุกวันนี้ จึงไม่รู้สึกว่าตนเป็นเจ้าของชีวิตตนเอง ทำให้ไม่รักตัวกลัวตาย ไม่รู้สึกเสียดายชีวิต
พวกเขายินดีที่จะรบจนตัวตายเพื่อบรรลุเป้าหมายของผู้นำความคิด
ถ้าหากเราจะปราบปรามคนกลุ่มนี้ จะต้องใช้ความอดทนและมนุษยธรรมสูงสุด ไม่ใช้ความรุนแรงต่อกรความรุนแรง
เพราะไม่มีวันได้ผล พวกนี้ไม่รู้สึกรู้สา ขนาดที่ระเบิดฆ่าตัวตายได้
.
หนทางที่จะหยุดพวกเขานั้น เคยมีเคสหนึ่งในสวีเดนที่ใช้วิธีมอบโอกาสให้ผู้ก่อการกลัวได้เข้าถึงเสรีภาพ มอบสิทธิเท่าเทียมในสังคม
จนพวกเขาเริ่มตระหนักรู้คุณค่าในตัวเอง เหมือนไปสั่นคลอนความเชื่อและความคิดของพวกเขาว่ายังมีทางเลือกที่จะก้าวออกมาอยู่ในโลกที่เขาเลือกเองได้
.
ฟังดูเป็นวิธีที่ยากกว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อีกใช่ไหม
แต่เราก็หวังว่าโลกที่เจริญทางจิตใจนั้นจะทำได้จริง
แล้วไม่น่าเชื่อว่าในช่วงนี้ เราเกิดได้กระตุกความคิดประมาณนี้เข้าพอดีอีก
ไม่คิดว่าจะพบสัจธรรม และเกิดปัญญาขึ้นมา หลังจากชมภาพยนตร์ตลกเสียดสีของอินเดียเรื่องนี้
.
'PK' พีเค คือ มะนาวต่างนุดมนุษย์ต่างดาวผู้หาทางกลับดาวบ้านเกิด
แค่ปรับตัวอยู่ในโลกมนุษย์ตรรกะเพี้ยนก็สาหัสแล้ว
นี่ยังต้องหารีโมต(สร้อย)เรียกยานแม่ที่ถูกขโมยไปโดยไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหนอีก
เมื่อจนหนทาง แถมใครๆ ก็บอกว่าพระเจ้าจะช่วยเขาได้ แต่พระเจ้าองค์ไหนล่ะคือองค์ที่ใช่
เขาก็เลยเข้ามันทุกศาสนาในอินเดียเลย แล้วคิดดูว่าอินเดียมีกี่ลัทธิมีกี่ศาสนา
ลองเข้าโบสถ์ก็แล้ว เช่าพระมาบูชาก็แล้ว เข้าทุกพิธีบูชาพระเจ้า ทำทุกหนทางแล้ว เขาก็ยังไม่เห็นว่าพระเจ้าจะช่วยเขาได้เลย
ขนาดว่าแจกใบปลิวตามหาพระเจ้าทุกศาสนาก็ไม่เห็นจะมีพระองค์ใดติดต่อกลับมาชี้ทางสว่าง
.
มีแต่นางเอกที่เป็นนักข่าวนี่แหละเที่ยวไล่ตามเขา เพราะเห็นเขาเป็นของแปลกจะพาไปออกรายการ
พีเคจึงได้เล่าเรื่องราวของตัวเองให้นางเอกฟังจนนางเอกเชื่อว่าเขาไม่ได้บ้า แต่เป็นมนุษย์ต่างดาวจริงๆ
และก่อนที่พีเคเกือบจะสิ้นหวังในพระเจ้า เขาก็พบรีโมตของเขาอยู่บนเวทีกับเจ้าลัทธิ (ที่ออกจะเหมือนนิกายจานบินแถวๆ ประเทศเรา)
จึงขึ้นไปเคลมว่าสร้อยนี่เป็นของเขา เลยโดนเตะโด่งออกมาตามระเบียบ
.
นางเอกจึงได้โอกาสหาทางเปิดโปงลัทธิลวงโลกที่ล้างสมองคนในครอบครัวเธอ และมีอิทธิพลเหนือชีวิตเธอมาโดยตลอด
แน่นอนว่าคนที่จะทำหน้าที่เผยความจริงได้อย่างจริงใจที่สุดก็คือ พีเค
.
"เรากำลังโทรหาพระเจ้าผิดเบอร์"
คำพูดของพีเคสร้างกระแสกระพือคำถามย้อนให้คนอินเดียทั้งประเทศคิด
เพราะมนุษย์เคยชินที่จะเชื่อโดยไม่ตั้งคำถาม ใช้ศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจมาแต่อดีตกาลอย่างไรก็ทำเช่นนั้นสืบต่อกันมา
.
สำหรับเรา เราเชื่อว่าทุกศาสนานั้นเพียงตั้งกุศโลบายต่างๆ ด้วยเจตนาดี เพื่อให้คนทำความดี
พิธีกรรมนั้นเป็นแค่กระพี้ แต่หลักธรรมที่เป็นแก่นแท้นั้น น่าเสียดายที่น้อยคนนักจะเข้าถึง
ผู้คนส่วนมากจึงหลงทาง เลือกที่จะเชื่อผิดๆ เพื่อความสบายใจ
พีเคจึงเป็นเหมือนตัวแทนของวิทยาศาสตร์ ที่ต้องการข้อพิสูจน์ เสาะแสวงหาความจริง
โดยใช้วิธีพื้นฐาน คือ ตั้งสมมติฐาน ทดลอง เพื่อหาข้อสรุป
จนกระทั่งค้นพบวิธีแก้ปัญหาต่างๆ บนพื้นฐานของความจริง
.
ตอนท้ายก่อนที่พีเคจะได้เปิดโปงเจ้าลัทธิก็เกิดเหตุระเบิดสะเทือนขวัญขึ้นที่สถานีรถไฟ
โดยฝีมือกลุ่มก่อการร้ายผู้ต้องการเพียงสำเร็จความใคร่ทางความเชื่อของพวกตน
โดยใช้ผู้บริสุทธิ์เป็นเหยื่อ สร้างความกลัวไว้ในใจของผู้คน
นั่นเป็นครั้งแรกที่พีเคร้องไห้เพื่อมนุษย์
เมื่อเขาพบว่าผู้ที่เขารักและนับถือเหมือนพี่ชายได้สิ้นใจลงต่อหน้าเขาจากเหตุการณ์ไร้เหตุผลในครั้งนี้
.
จากที่พีเคเพียงคิดจะเปิดโปงลัทธิลวงโลกเพื่อตนเอง แต่ครั้งนี้เขามาออกรายการด้วยสีหน้าแววตาที่ต่างออกไป
ไม่ใช่แววตาอันใสซื่อที่มองดูโลกนี้อย่างฉงนอีกแล้ว แต่เป็นสายตาแน่วแน่ที่ต้องการจะช่วยมวลมนุษยชาติเปลี่ยนความคิด
เขาไม่ได้บอกให้พวกเราเลิกเชื่อในพระเจ้าหรือเลิกเข้าศาสนา ไม่บอกว่าศาสนาและลัทธิใดไม่ดี
แต่เขาได้มอบคำถามซึ่งเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญาเพื่อปกป้องเราจากความเชื่อผิดๆ เหล่านั้น
.
'PK' เลยกลายเป็นภาพยนตร์ที่ให้เรามากกว่าเสียงหัวเราะ ได้อะไรมากเกินกว่าที่คาดหวังไว้
และยิ่งได้ดูในเวลาที่เหมาะเจาะพอดี จึงช่วยปลอบประโลมใจได้มากทีเดียว
เรื่องที่พูดยาก เล่าด้วยวิธีง่ายๆ นี่แหละ คือโจทย์ของนักคิดนักสร้างสรรค์ทั่วโลก
สิ่งสำคัญคือเราจะนำพาสังคมไปสู่อนาคตที่ดีกว่าได้อย่างไร
เปลี่ยนโลกได้ด้วยวิธีไหน เพื่อให้โลกสู่เสรีภาพอย่างสันติ
.
.
.
เพื่อนชมว่าเขียนดี เลยกล้าเอามาโพสต์ แฮะๆ
ขอบคุณทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านจนจบนะคะ
[REVIEW] เมื่อฉันพบสัจธรรมในหนังตลกอินเดีย ลองดู PK สิเผื่อจะเข้าใจสถานการณ์ระเบิดจากฝีมือ'ผู้ก่อการกลัว'ในช่วงนี้
แต่อันนี้เราเขียนไว้บนเฟซบุ๊คเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม
คือเครียดจากข่าวระเบิดก็เลยหวังพึ่งหนังตลก ทีนี้เกิดพบสัจธรรมเลยค่ะ
ดังนั้นจะขอก็อปข้อความที่เราตกผลึกไว้มาให้อ่าน หวังว่าจะสื่อได้เข้าใจ
เนื้อหามีเล่าถึงโครงเรื่องและเปิดเผยส่วนสำคัญด้วย ก็คงเรียกว่า SPOIL แหละ
แต่เราว่าอ่านแล้วไม่น่าเสียอรรถรสมาก เพราะหนังเล่าเรื่องได้ดีกว่าเราเล่าแน่ๆ ฮ่าๆ
เราจะไม่พูดถึงประเด็นความรักของพีเค และปมความรักของนางเอก
ซึ่งจริงๆ เป็นประเด็นสำคัญอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยเติมเต็มหนังให้กลมกล่อม โรแมนติกรักต่างโลกต่างศาสนา
ขึ้นชื่อว่าเลิฟคอเมดี้ ถ้าไม่ได้เล่าแกนเรื่องความรักก็ไม่น่าหมดอารมณ์ดูแบบคนถูกสปอยแรงอย่างแน่นอนค่ะ
.
.
.
เมื่อคืนเปิดไล่ดูข่าวไปเรื่อยๆ ด้วยความกังวลใจกับเหตุการณ์ระเบิดในช่วงนี้
ทันได้ดูช่วงท้ายรายการ Talking Thailand ช่อง Voice TV เลยได้ฟังนักวิชาการไทยที่ศึกษาด้านผู้ก่อการร้าย
ใช้คำนิยามเรียกคนกลุ่มนี้ใหม่ว่า 'ผู้ก่อการกลัว' เขาได้พยายามอธิบายให้เราเข้าใจตรรกะของกลุ่มคนที่มีความเชื่อฝังหัว
ซึ่งสืบทอดมาแต่ดั้งเดิม ตั้งแต่ยุคที่มนุษย์ทุกคนยังตกเป็นทาส ยังไม่มีสิทธิเสรีภาพ และอิสรภาพเป็นของตนเอง
ไม่ได้เป็นปัจเจกชนอย่างทุกวันนี้ จึงไม่รู้สึกว่าตนเป็นเจ้าของชีวิตตนเอง ทำให้ไม่รักตัวกลัวตาย ไม่รู้สึกเสียดายชีวิต
พวกเขายินดีที่จะรบจนตัวตายเพื่อบรรลุเป้าหมายของผู้นำความคิด
ถ้าหากเราจะปราบปรามคนกลุ่มนี้ จะต้องใช้ความอดทนและมนุษยธรรมสูงสุด ไม่ใช้ความรุนแรงต่อกรความรุนแรง
เพราะไม่มีวันได้ผล พวกนี้ไม่รู้สึกรู้สา ขนาดที่ระเบิดฆ่าตัวตายได้
.
หนทางที่จะหยุดพวกเขานั้น เคยมีเคสหนึ่งในสวีเดนที่ใช้วิธีมอบโอกาสให้ผู้ก่อการกลัวได้เข้าถึงเสรีภาพ มอบสิทธิเท่าเทียมในสังคม
จนพวกเขาเริ่มตระหนักรู้คุณค่าในตัวเอง เหมือนไปสั่นคลอนความเชื่อและความคิดของพวกเขาว่ายังมีทางเลือกที่จะก้าวออกมาอยู่ในโลกที่เขาเลือกเองได้
.
ฟังดูเป็นวิธีที่ยากกว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อีกใช่ไหม
แต่เราก็หวังว่าโลกที่เจริญทางจิตใจนั้นจะทำได้จริง
แล้วไม่น่าเชื่อว่าในช่วงนี้ เราเกิดได้กระตุกความคิดประมาณนี้เข้าพอดีอีก
ไม่คิดว่าจะพบสัจธรรม และเกิดปัญญาขึ้นมา หลังจากชมภาพยนตร์ตลกเสียดสีของอินเดียเรื่องนี้
.
'PK' พีเค คือ มะนาวต่างนุดมนุษย์ต่างดาวผู้หาทางกลับดาวบ้านเกิด
แค่ปรับตัวอยู่ในโลกมนุษย์ตรรกะเพี้ยนก็สาหัสแล้ว
นี่ยังต้องหารีโมต(สร้อย)เรียกยานแม่ที่ถูกขโมยไปโดยไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหนอีก
เมื่อจนหนทาง แถมใครๆ ก็บอกว่าพระเจ้าจะช่วยเขาได้ แต่พระเจ้าองค์ไหนล่ะคือองค์ที่ใช่
เขาก็เลยเข้ามันทุกศาสนาในอินเดียเลย แล้วคิดดูว่าอินเดียมีกี่ลัทธิมีกี่ศาสนา
ลองเข้าโบสถ์ก็แล้ว เช่าพระมาบูชาก็แล้ว เข้าทุกพิธีบูชาพระเจ้า ทำทุกหนทางแล้ว เขาก็ยังไม่เห็นว่าพระเจ้าจะช่วยเขาได้เลย
ขนาดว่าแจกใบปลิวตามหาพระเจ้าทุกศาสนาก็ไม่เห็นจะมีพระองค์ใดติดต่อกลับมาชี้ทางสว่าง
.
มีแต่นางเอกที่เป็นนักข่าวนี่แหละเที่ยวไล่ตามเขา เพราะเห็นเขาเป็นของแปลกจะพาไปออกรายการ
พีเคจึงได้เล่าเรื่องราวของตัวเองให้นางเอกฟังจนนางเอกเชื่อว่าเขาไม่ได้บ้า แต่เป็นมนุษย์ต่างดาวจริงๆ
และก่อนที่พีเคเกือบจะสิ้นหวังในพระเจ้า เขาก็พบรีโมตของเขาอยู่บนเวทีกับเจ้าลัทธิ (ที่ออกจะเหมือนนิกายจานบินแถวๆ ประเทศเรา)
จึงขึ้นไปเคลมว่าสร้อยนี่เป็นของเขา เลยโดนเตะโด่งออกมาตามระเบียบ
.
นางเอกจึงได้โอกาสหาทางเปิดโปงลัทธิลวงโลกที่ล้างสมองคนในครอบครัวเธอ และมีอิทธิพลเหนือชีวิตเธอมาโดยตลอด
แน่นอนว่าคนที่จะทำหน้าที่เผยความจริงได้อย่างจริงใจที่สุดก็คือ พีเค
.
"เรากำลังโทรหาพระเจ้าผิดเบอร์"
คำพูดของพีเคสร้างกระแสกระพือคำถามย้อนให้คนอินเดียทั้งประเทศคิด
เพราะมนุษย์เคยชินที่จะเชื่อโดยไม่ตั้งคำถาม ใช้ศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจมาแต่อดีตกาลอย่างไรก็ทำเช่นนั้นสืบต่อกันมา
.
สำหรับเรา เราเชื่อว่าทุกศาสนานั้นเพียงตั้งกุศโลบายต่างๆ ด้วยเจตนาดี เพื่อให้คนทำความดี
พิธีกรรมนั้นเป็นแค่กระพี้ แต่หลักธรรมที่เป็นแก่นแท้นั้น น่าเสียดายที่น้อยคนนักจะเข้าถึง
ผู้คนส่วนมากจึงหลงทาง เลือกที่จะเชื่อผิดๆ เพื่อความสบายใจ
พีเคจึงเป็นเหมือนตัวแทนของวิทยาศาสตร์ ที่ต้องการข้อพิสูจน์ เสาะแสวงหาความจริง
โดยใช้วิธีพื้นฐาน คือ ตั้งสมมติฐาน ทดลอง เพื่อหาข้อสรุป
จนกระทั่งค้นพบวิธีแก้ปัญหาต่างๆ บนพื้นฐานของความจริง
.
ตอนท้ายก่อนที่พีเคจะได้เปิดโปงเจ้าลัทธิก็เกิดเหตุระเบิดสะเทือนขวัญขึ้นที่สถานีรถไฟ
โดยฝีมือกลุ่มก่อการร้ายผู้ต้องการเพียงสำเร็จความใคร่ทางความเชื่อของพวกตน
โดยใช้ผู้บริสุทธิ์เป็นเหยื่อ สร้างความกลัวไว้ในใจของผู้คน
นั่นเป็นครั้งแรกที่พีเคร้องไห้เพื่อมนุษย์
เมื่อเขาพบว่าผู้ที่เขารักและนับถือเหมือนพี่ชายได้สิ้นใจลงต่อหน้าเขาจากเหตุการณ์ไร้เหตุผลในครั้งนี้
.
จากที่พีเคเพียงคิดจะเปิดโปงลัทธิลวงโลกเพื่อตนเอง แต่ครั้งนี้เขามาออกรายการด้วยสีหน้าแววตาที่ต่างออกไป
ไม่ใช่แววตาอันใสซื่อที่มองดูโลกนี้อย่างฉงนอีกแล้ว แต่เป็นสายตาแน่วแน่ที่ต้องการจะช่วยมวลมนุษยชาติเปลี่ยนความคิด
เขาไม่ได้บอกให้พวกเราเลิกเชื่อในพระเจ้าหรือเลิกเข้าศาสนา ไม่บอกว่าศาสนาและลัทธิใดไม่ดี
แต่เขาได้มอบคำถามซึ่งเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญาเพื่อปกป้องเราจากความเชื่อผิดๆ เหล่านั้น
.
'PK' เลยกลายเป็นภาพยนตร์ที่ให้เรามากกว่าเสียงหัวเราะ ได้อะไรมากเกินกว่าที่คาดหวังไว้
และยิ่งได้ดูในเวลาที่เหมาะเจาะพอดี จึงช่วยปลอบประโลมใจได้มากทีเดียว
เรื่องที่พูดยาก เล่าด้วยวิธีง่ายๆ นี่แหละ คือโจทย์ของนักคิดนักสร้างสรรค์ทั่วโลก
สิ่งสำคัญคือเราจะนำพาสังคมไปสู่อนาคตที่ดีกว่าได้อย่างไร
เปลี่ยนโลกได้ด้วยวิธีไหน เพื่อให้โลกสู่เสรีภาพอย่างสันติ
.
.
.
เพื่อนชมว่าเขียนดี เลยกล้าเอามาโพสต์ แฮะๆ
ขอบคุณทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านจนจบนะคะ