หนังที่ผมชอบอันดับต้นๆอย่าง A Separation พูดถึงศาสนาอิสลามอย่างคนที่เข้าใจ ลึกถึงแก่น และสมจริง ในขณะที่ PK เล่าในมุมมองที่เหนือจริง หนังตั้งท่าความเหนือจริงตั้งแต่ให้ตัวเอกของเรื่องเป็นมนุษย์ต่างดาว ผู้หาทางจะกลับบ้าน เขาไม่ได้เจอเด็กน้อยแสนดี อย่างใน E.T. แต่เจอคนใจร้ายขโมยอุปกรณ์สื่อสารกับยานแม่ ทำให้เขาไม่อาจกลับบ้าน เมื่ออกหาความช่วยเหลือ เขาต่างได้รับคำตอบว่าให้ไปขอพระเจ้าเท่านั้นแหละ ถึงจะมีโอกาสได้คืน เรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวผู้ออกตามหาพระเจ้าจึงเริ่มขึ้น
PK พูดเรื่องความงมงายในศาสนาออกมาอย่างตรงไปตรงมา คือให้ตัวละครไปที่ไร้การอบรมใดๆในช่วงเติบโตเหมือนมนุษย์ปกติ ไปเผชิญกับศาสนาร้อยแปดพันเก้าในอินเดีย เพื่อเข้าถึงพระเจ้า ซึ่งแน่นอนมันทำให้เกิดคำถามซึ่งเราต่างคิดอยู่ในใจ แต่ไม่เคยพูดออกมา หนังมีสิทธิ์ที่จะกลายเป็นหนังที่หมิ่นศาสนาเอาง่ายๆถ้าหนังเลือกจะเล่าอย่างจริงจัง ผู้กำกับฉลาดพอที่จะเล่ามันคราบของหนังโรแมนติกคอมมาดี้ ทำให้หนังเข้าถึงผู้ชมวงกว้างได้ง่าย และทำให้สารที่จะบอกนั้นไม่กลายเป็นยาขมสำหรับคนดู
ไอ้ความโรแมนติกคอมมาดี้ที่ว่าก้เป็นแบบอินเดียขนานแท้ มีการเต้นรำร้องเพลงกันอย่างที่เราคิด แต่ส่วนใหญ่จะใช้ในลักษณะ Time Skip เช่นช่วงพระเอกไปสัมผัสศาสนาหนังก็เลือกที่จะเล่าผ่านเพลงและภาพ ไม่มีไดอะล็อกใดๆ ในฝั่งคอมมาดี้หนังเองจะดูมีปัญหาอยู่ คือความเยอะของเหล่าตัวละครสมทบ เยอะขนาดไหนก็นึกถึงพวกละครซิทคอมที่ฉายตามทีวีบ้านเราละกัน
แต่เมื่อถึงตอนท้าย หนังก็คลายปมทุกอย่าง ทั้งศาสนา ความรัก ที่หนังทิ้งไว้ตลอดทางได้อย่างลงตัว ฉลาด และไม่น่ามืดตามัวที่จะไม่ตัดสินอะไร แล้วบอกว่าทุกอย่างมีข้อดี ข้อเสีย แต่กล้าหาญพอจะบอกว่าความเลวร้ายมีจริง ในขณะที่ความงดงามก็มีจริง อยู่ที่เรานั้นแหละจะมองออกหรือไม่ว่าสิ่งนั้นเป็นอย่างไร
[CR] [Review] PK – มนุษย์ต่างดาวผู้ออกตามหาพระเจ้า
หนังที่ผมชอบอันดับต้นๆอย่าง A Separation พูดถึงศาสนาอิสลามอย่างคนที่เข้าใจ ลึกถึงแก่น และสมจริง ในขณะที่ PK เล่าในมุมมองที่เหนือจริง หนังตั้งท่าความเหนือจริงตั้งแต่ให้ตัวเอกของเรื่องเป็นมนุษย์ต่างดาว ผู้หาทางจะกลับบ้าน เขาไม่ได้เจอเด็กน้อยแสนดี อย่างใน E.T. แต่เจอคนใจร้ายขโมยอุปกรณ์สื่อสารกับยานแม่ ทำให้เขาไม่อาจกลับบ้าน เมื่ออกหาความช่วยเหลือ เขาต่างได้รับคำตอบว่าให้ไปขอพระเจ้าเท่านั้นแหละ ถึงจะมีโอกาสได้คืน เรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวผู้ออกตามหาพระเจ้าจึงเริ่มขึ้น
PK พูดเรื่องความงมงายในศาสนาออกมาอย่างตรงไปตรงมา คือให้ตัวละครไปที่ไร้การอบรมใดๆในช่วงเติบโตเหมือนมนุษย์ปกติ ไปเผชิญกับศาสนาร้อยแปดพันเก้าในอินเดีย เพื่อเข้าถึงพระเจ้า ซึ่งแน่นอนมันทำให้เกิดคำถามซึ่งเราต่างคิดอยู่ในใจ แต่ไม่เคยพูดออกมา หนังมีสิทธิ์ที่จะกลายเป็นหนังที่หมิ่นศาสนาเอาง่ายๆถ้าหนังเลือกจะเล่าอย่างจริงจัง ผู้กำกับฉลาดพอที่จะเล่ามันคราบของหนังโรแมนติกคอมมาดี้ ทำให้หนังเข้าถึงผู้ชมวงกว้างได้ง่าย และทำให้สารที่จะบอกนั้นไม่กลายเป็นยาขมสำหรับคนดู
ไอ้ความโรแมนติกคอมมาดี้ที่ว่าก้เป็นแบบอินเดียขนานแท้ มีการเต้นรำร้องเพลงกันอย่างที่เราคิด แต่ส่วนใหญ่จะใช้ในลักษณะ Time Skip เช่นช่วงพระเอกไปสัมผัสศาสนาหนังก็เลือกที่จะเล่าผ่านเพลงและภาพ ไม่มีไดอะล็อกใดๆ ในฝั่งคอมมาดี้หนังเองจะดูมีปัญหาอยู่ คือความเยอะของเหล่าตัวละครสมทบ เยอะขนาดไหนก็นึกถึงพวกละครซิทคอมที่ฉายตามทีวีบ้านเราละกัน
แต่เมื่อถึงตอนท้าย หนังก็คลายปมทุกอย่าง ทั้งศาสนา ความรัก ที่หนังทิ้งไว้ตลอดทางได้อย่างลงตัว ฉลาด และไม่น่ามืดตามัวที่จะไม่ตัดสินอะไร แล้วบอกว่าทุกอย่างมีข้อดี ข้อเสีย แต่กล้าหาญพอจะบอกว่าความเลวร้ายมีจริง ในขณะที่ความงดงามก็มีจริง อยู่ที่เรานั้นแหละจะมองออกหรือไม่ว่าสิ่งนั้นเป็นอย่างไร