สวัสดีค่ะชาวพันทิป หัวข้อเหมือนนางจะมั่นใจมาก 5555 (รูปใช่แอฟถ่ายค่ะมันดูดีขึ้นหน่อย อย่าพึ่งด่ากันน๊าาาาาา แจ้งไว้ก่อน)
ขอเล่าย่อๆนะค่ะ (พยายามย่อแล้วนะ... อิอิ) เราพึ่งจบมหาลัยได้ 2 ปีค่ะ เรียนจบก็ได้ทำงานเลย มันคือความโชคดีของเรา หลังจากนั้นก็แต่งงาน มีลูกสาว 1 คน
เราคลอดลูกได้ 5 เดือน อาการที่ป่วยมันก็เริ่มออก ที่จิงอาการมันเห็นชัดตั้งแต่ยังไม่คลอดค่ะ แต่ไม่เอะใจ เพราะคนท้องอ่ะนะ อาการมันต้องมีแปลกๆบ้าง ระหว่างที่ท้องใกล้จะคลอดแล้วล่ะประมาณ 6-7 เดือนได้ เราเหนื่อยง่ายเดินไม่กี่ก้าวก็หอบแล้ว ไอเรื้อรัง ปวดหลังปวดเอวมากๆ(คิดว่าปกติของคนท้องก็คงมีปวดหลังบ้าง แต่มันปวดมากเหมือนเอวจะขาดเลย) ถ่ายอุจจาระผูกสลับเสีย ไข้บ่อยมาก เบื่ออาหารด้วย แต่เราพยายามกินเพื่อลูก โชคดีที่ลูกเราออกมาแข็งแรงไม่ได้อบซะด้วย แต่เอาแม่เกือบตายเพราะไม่ออกเองตามธรรมชาติ ได้ผ่าคลอดค่ะ นน.แรกผ่า 3100 กรัม (55555แรกผ่านะเรียกถูกแล้ว) หลังจากผ่า นน. เราลงเร็วมาก ก่อนคลอด 67 หลังคลอด 3 เดือน 54 ลดลง 14 กก.
รูปแรกก่อนมีลูกค่ะเป็นคนอวบอยู่แล้ว ตอนท้อง และหลังคลอด 3เดือน
อาการที่ตัดสินใจมา รพ. คือขาบวมค่ะ บวมข้างเดียวตกใจกลัวว่าจะเป็นโรคไตซะมากกว่า แต่ไม่ใช่ผลค่าไตปกติ หมอนัดให้มาอัลตร้าซาวด์อีก1อาทิตย์ ก่อนนัดนี้ล่ะค่ะเราคลำก้อนได้ที่ท้องต่ำกว่าสะดืดแต่กดไม่เจ็บ รวบรัดเลยล่ะกัน สรุปตรวจทุกอย่างแล้วเราต้องได้ผ่าเอาก้อนเจ้ากรรมนั้นออกค่ะ เพราะมันใหญ่ขนาด9*12 ซม.
วันที่ผ่าตื่นเต้นมากค่ะ กลัวด้วย กลัวหลับแล้วไม่ตื่น แต่ก็ผ่านไปด้วยดี เรานอนยุห้องพักฟื้นในห้องผ่าตัดเพื่อรอดูอาการก่อนส่งตัวกลับตึก เริ่มรู้สึกตัวแล้วแต่ลืมตาไม่ได้หูได้ยินเสียงหมอคุยกัน "เป็นเยอะเลย" คำนี้เราลืมตาทันที่ถามหมอว่า "ตัดของหนูออกไหม" ยังถามไม่จบเลยสลบไปอีกแล้ว ตื่นเช้าหมอมาตรวจพร้อมกับแจ้งว่าทำอะไรกับเราบ้าง "หมอเอาก้อนออกให้แล้ว ตัดปีกมดลูกออกข้างนึ่ง(นี่ล่ะที่เราถามว่าตัดของหนูมั้ยแต่ถามไม่จบ)ตัดลำไส้ออกบางส่วน ตัดไส้ติ่ง" คือแค่ได้ยินเราก็ตกใจเป็นอะไรเนี่ย แต่มากระจ่างทันทีตอนหมอพูดว่า "เคสหนูหมอต้องตามหมอศัลยกรรมมาช่วยผ่าด้วย แล้วก็มีก้อนอีกหลายก้อนที่กระจายเกาะอวัยวะส่วนอื่นหมอเอาออกไม่ได้ ตัดได้เท่าที่บอก(มิน่าตัดซะเยอะเชียว)" ตอนนั้นคิดเลยค่ะว่ามะเร็งยังไงก็มะเร็งเป็นโรคอื่นไปไม่ได้ คิดไปต่างๆนาๆ ไม่รอดแน่ๆ ร้องไห้อยู่เป็นอาทิตย์ก็ทำใจได้(ผลชิ้นเนื้อยังไม่ออกค่ะ แต่คิดว่าเป็นแล้วล่ะ ระยะที่หนักด้วยไม่งั้นคงไม่แสดงอาการ )
ทำใจได้ 3-4 วัน ก็ร้องไห้อีกแล้วคิดหนักอีกแล้ว เราคลำได้ก้อนใหม่อีกก้อนที่เต้านม(ตอนนั้นยังแอดมิดอยู่ รพ.ค่ะ รอผลชิ้นเนื้อและกินข้าวยังไม่ได้เลยต้องนอน รพ.เกือบเดือน) หมอก็ส่งเจาะชิ้นเนื้อที่เต้านมไปตรวจค่ะ เจ็บตัวอีกแล้ว สรุปผลชิ้นเนื้อออกแล้วหมอบอกว่าเราเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง หมอจะส่งไปรักษาที่ รพ.มหาราช
พอมาถึง รพ.มหาราช หมอก็มาซักประวัตินู้นนี้นั้น คำสุดท้ายที่หมอบอกกับเราก่อนจะเดินไปคือ "หนูต้องสู้นะลูก ลูกเพื่อลูกของหนูนะ" เราได้เจาะไขสันหลังไปตรวจดูระยะที่เป็นค่ะ เราะเป็นระยะ ที่4
รูปนี้ผอมลงมากแล้ว เหลือ 45 กก. ทั้งเดือนกินแต่นมกับผลไม้
การให้คีโมก็มาถึง เราต้องให้คีโม 8 ครั้ง ทั้งฉีดเข้ากระดูกสันหลังและทางเส้นเลือด ให้ครั้งแรกผมก็ร่วงเลยค่ะร่วงหมดหัวเลย เราโชคดีที่ไม่แพ้คีโมเลยให้แล้วเดินไปสบายปร๋อ กลับมาทำงานได้ปกติ (ต้องหาเงินช่วยกันกะสามีนะค่ะ ค่านมลูกค่ะ) จะว่าไม่แพ้ก็แพ้อยู่ 2 ครั้งแรกเพราะเรายังไม่แข็งแรงดี ผ่าเสร็จแค่เดือนเดียว ข้าวก็กินไม่ค่อยได้ มันเลยแพ้
เราต้องแต่งหน้าไปทำงานทุกวันค่ะ
ถ้าทุกคนมีกำลังใจที่ดีต่อสู้กับโรคเราอาจจะมีชีวิตรอดอยู่ได้อีกนานนะค่ะ ตอนแรกฉันท้อค่ะท้อมาก เป็นลูกคนเดียว พึ่งเรียนจบ พึ่งมีลูก แต่จะมาตายก่อนพ่อ แม่ ซะงั้น (ท่านคงคิดหนักกว่าฉันอีกนะค่ะ) ฉันโชคดีที่สามีไม่ทิ้งฉันไปตอนที่ฉันป่วย ที่มีกำลังใจขึ้นมาอีกอย่างคือเราไปเห็นคนไข้ที่ รพ.ในตึกมะเร็งด้วยกันอาการแย่กว่าเราเยอะเขายังสู้ เราอย่าท้อนะค่ะสู้เพื่อคนที่รักเรานะ ปัจจุบันเราจะเข้าคีโมครั้งสุดท้ายวันที่ 10 กันยา 58 นี้ แต่เรายังได้ไปรักษาต่อที่ศิริราชค่ะ ไปปลูกถ่ายไขกระดูกใหม่ ยังไม่แนใจว่าจะหายขาดมั้ย ทุกวันนี้เปลี่ยนทรงผมบ่อยมาก 555 โชคดีนะที่ไม่ดำ(ไม่แพ้ไง) บางคนก็ทักว่าไปบวชมาค่ะ ไม่เหมือนคนป่วย
ทุกวันนี้ติดดูซีรีย์เกาหลีงอมแง่ม (แนะนำซีรีย์ให้คนป่วยดูก็ได้นะค่ะ)อิอิ
มะเร็งทำให้ฉันสวยขึ้น ใช่มั้ย (สวยได้เท่านี้)
ขอเล่าย่อๆนะค่ะ (พยายามย่อแล้วนะ... อิอิ) เราพึ่งจบมหาลัยได้ 2 ปีค่ะ เรียนจบก็ได้ทำงานเลย มันคือความโชคดีของเรา หลังจากนั้นก็แต่งงาน มีลูกสาว 1 คน
เราคลอดลูกได้ 5 เดือน อาการที่ป่วยมันก็เริ่มออก ที่จิงอาการมันเห็นชัดตั้งแต่ยังไม่คลอดค่ะ แต่ไม่เอะใจ เพราะคนท้องอ่ะนะ อาการมันต้องมีแปลกๆบ้าง ระหว่างที่ท้องใกล้จะคลอดแล้วล่ะประมาณ 6-7 เดือนได้ เราเหนื่อยง่ายเดินไม่กี่ก้าวก็หอบแล้ว ไอเรื้อรัง ปวดหลังปวดเอวมากๆ(คิดว่าปกติของคนท้องก็คงมีปวดหลังบ้าง แต่มันปวดมากเหมือนเอวจะขาดเลย) ถ่ายอุจจาระผูกสลับเสีย ไข้บ่อยมาก เบื่ออาหารด้วย แต่เราพยายามกินเพื่อลูก โชคดีที่ลูกเราออกมาแข็งแรงไม่ได้อบซะด้วย แต่เอาแม่เกือบตายเพราะไม่ออกเองตามธรรมชาติ ได้ผ่าคลอดค่ะ นน.แรกผ่า 3100 กรัม (55555แรกผ่านะเรียกถูกแล้ว) หลังจากผ่า นน. เราลงเร็วมาก ก่อนคลอด 67 หลังคลอด 3 เดือน 54 ลดลง 14 กก.
รูปแรกก่อนมีลูกค่ะเป็นคนอวบอยู่แล้ว ตอนท้อง และหลังคลอด 3เดือน
อาการที่ตัดสินใจมา รพ. คือขาบวมค่ะ บวมข้างเดียวตกใจกลัวว่าจะเป็นโรคไตซะมากกว่า แต่ไม่ใช่ผลค่าไตปกติ หมอนัดให้มาอัลตร้าซาวด์อีก1อาทิตย์ ก่อนนัดนี้ล่ะค่ะเราคลำก้อนได้ที่ท้องต่ำกว่าสะดืดแต่กดไม่เจ็บ รวบรัดเลยล่ะกัน สรุปตรวจทุกอย่างแล้วเราต้องได้ผ่าเอาก้อนเจ้ากรรมนั้นออกค่ะ เพราะมันใหญ่ขนาด9*12 ซม.
วันที่ผ่าตื่นเต้นมากค่ะ กลัวด้วย กลัวหลับแล้วไม่ตื่น แต่ก็ผ่านไปด้วยดี เรานอนยุห้องพักฟื้นในห้องผ่าตัดเพื่อรอดูอาการก่อนส่งตัวกลับตึก เริ่มรู้สึกตัวแล้วแต่ลืมตาไม่ได้หูได้ยินเสียงหมอคุยกัน "เป็นเยอะเลย" คำนี้เราลืมตาทันที่ถามหมอว่า "ตัดของหนูออกไหม" ยังถามไม่จบเลยสลบไปอีกแล้ว ตื่นเช้าหมอมาตรวจพร้อมกับแจ้งว่าทำอะไรกับเราบ้าง "หมอเอาก้อนออกให้แล้ว ตัดปีกมดลูกออกข้างนึ่ง(นี่ล่ะที่เราถามว่าตัดของหนูมั้ยแต่ถามไม่จบ)ตัดลำไส้ออกบางส่วน ตัดไส้ติ่ง" คือแค่ได้ยินเราก็ตกใจเป็นอะไรเนี่ย แต่มากระจ่างทันทีตอนหมอพูดว่า "เคสหนูหมอต้องตามหมอศัลยกรรมมาช่วยผ่าด้วย แล้วก็มีก้อนอีกหลายก้อนที่กระจายเกาะอวัยวะส่วนอื่นหมอเอาออกไม่ได้ ตัดได้เท่าที่บอก(มิน่าตัดซะเยอะเชียว)" ตอนนั้นคิดเลยค่ะว่ามะเร็งยังไงก็มะเร็งเป็นโรคอื่นไปไม่ได้ คิดไปต่างๆนาๆ ไม่รอดแน่ๆ ร้องไห้อยู่เป็นอาทิตย์ก็ทำใจได้(ผลชิ้นเนื้อยังไม่ออกค่ะ แต่คิดว่าเป็นแล้วล่ะ ระยะที่หนักด้วยไม่งั้นคงไม่แสดงอาการ )
ทำใจได้ 3-4 วัน ก็ร้องไห้อีกแล้วคิดหนักอีกแล้ว เราคลำได้ก้อนใหม่อีกก้อนที่เต้านม(ตอนนั้นยังแอดมิดอยู่ รพ.ค่ะ รอผลชิ้นเนื้อและกินข้าวยังไม่ได้เลยต้องนอน รพ.เกือบเดือน) หมอก็ส่งเจาะชิ้นเนื้อที่เต้านมไปตรวจค่ะ เจ็บตัวอีกแล้ว สรุปผลชิ้นเนื้อออกแล้วหมอบอกว่าเราเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง หมอจะส่งไปรักษาที่ รพ.มหาราช
พอมาถึง รพ.มหาราช หมอก็มาซักประวัตินู้นนี้นั้น คำสุดท้ายที่หมอบอกกับเราก่อนจะเดินไปคือ "หนูต้องสู้นะลูก ลูกเพื่อลูกของหนูนะ" เราได้เจาะไขสันหลังไปตรวจดูระยะที่เป็นค่ะ เราะเป็นระยะ ที่4
รูปนี้ผอมลงมากแล้ว เหลือ 45 กก. ทั้งเดือนกินแต่นมกับผลไม้
การให้คีโมก็มาถึง เราต้องให้คีโม 8 ครั้ง ทั้งฉีดเข้ากระดูกสันหลังและทางเส้นเลือด ให้ครั้งแรกผมก็ร่วงเลยค่ะร่วงหมดหัวเลย เราโชคดีที่ไม่แพ้คีโมเลยให้แล้วเดินไปสบายปร๋อ กลับมาทำงานได้ปกติ (ต้องหาเงินช่วยกันกะสามีนะค่ะ ค่านมลูกค่ะ) จะว่าไม่แพ้ก็แพ้อยู่ 2 ครั้งแรกเพราะเรายังไม่แข็งแรงดี ผ่าเสร็จแค่เดือนเดียว ข้าวก็กินไม่ค่อยได้ มันเลยแพ้
เราต้องแต่งหน้าไปทำงานทุกวันค่ะ
ถ้าทุกคนมีกำลังใจที่ดีต่อสู้กับโรคเราอาจจะมีชีวิตรอดอยู่ได้อีกนานนะค่ะ ตอนแรกฉันท้อค่ะท้อมาก เป็นลูกคนเดียว พึ่งเรียนจบ พึ่งมีลูก แต่จะมาตายก่อนพ่อ แม่ ซะงั้น (ท่านคงคิดหนักกว่าฉันอีกนะค่ะ) ฉันโชคดีที่สามีไม่ทิ้งฉันไปตอนที่ฉันป่วย ที่มีกำลังใจขึ้นมาอีกอย่างคือเราไปเห็นคนไข้ที่ รพ.ในตึกมะเร็งด้วยกันอาการแย่กว่าเราเยอะเขายังสู้ เราอย่าท้อนะค่ะสู้เพื่อคนที่รักเรานะ ปัจจุบันเราจะเข้าคีโมครั้งสุดท้ายวันที่ 10 กันยา 58 นี้ แต่เรายังได้ไปรักษาต่อที่ศิริราชค่ะ ไปปลูกถ่ายไขกระดูกใหม่ ยังไม่แนใจว่าจะหายขาดมั้ย ทุกวันนี้เปลี่ยนทรงผมบ่อยมาก 555 โชคดีนะที่ไม่ดำ(ไม่แพ้ไง) บางคนก็ทักว่าไปบวชมาค่ะ ไม่เหมือนคนป่วย
ทุกวันนี้ติดดูซีรีย์เกาหลีงอมแง่ม (แนะนำซีรีย์ให้คนป่วยดูก็ได้นะค่ะ)อิอิ