แบ่งปันประสบการณ์ การผ่าตัดมดลูกและรังไข่ 2558

ผ่านมาแล้ว 2 สัปดาห์ กับการผ่าตัดมดลูกและรังไข่ทิ้งทั้งหมด ของสาวโสดวัย 44  

ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดว่าจะมีเนื้องอกอะไรกับเค้า   เพื่อนรุ่นเดียวกันไปตรวจ
เจอเนื้องอกกันหลายคน แต่ไม่เห็นมีใครต้องทำอะไร หมอบอกว่าหมดเมนส์
มันจะฝ่อไปเอง   แต่ทำไมเราต้องผ่าล่ะ

เริ่มจากตรวจสุขภาพประจำปีที่ร.พ.เอกชน เมื่อปีที่แล้วอัลตร้าซาวด์ช่องท้อง
ส่วนล่างเจอเนื้องอกที่มดลูก 3 ซ.ม.  หมอนัด 3 เดือนให้มาดูอีกที  ครบ 3 เดือน
มันยังอยู่  หมอบอก มีแนวโน้มเป็นช็อกโกแลตซีส  น่าจะต้องผ่าตัด และโรคนี้เป็น
ไม่จบนะ เรื่องยาว (เหมือนโดนขู่)  ตอนนั้นตกใจเหมือนกัน  หมอเลยให้ลองกิน
ยาคุม เผื่อจะช่วย ลองดูถ้าไม่มีประจำเดือนมันจะฝ่อลงมั้ย   ช่วงนั้นกังวลยังไม่กล้า
กินยาคุม  กลับบ้านมา สวดมนต์ก่อนนอนอยู่ 3 คืน
หลังจากนั้นก็หาข้อมูล และลองไปพบหมอที่ ร.พ.ศิริราช  เราคุ้นกับที่นี่มากกว่า

หมอจับตรวจอัลตร้าซาวด์โดยการส่องกล้องเข้าไปทางก้น (เจ็บน้อยกว่าตรวจภายใน)
หมอบอกว่ามีเนื้องอกที่มดลูกประมาณ 3.5 ซ.ม. และมีช็อกโกแลตซีสที่รังไข่ทั้งสองข้าง
อาจมีพังผืดร่วมด้วย  มี 2 ทางเลือกคือ  
1. กินหรือฉีดยาคุม ไปตลอด จนถึงวัยหมดประจำเดือน คือ ปจด.ทำให้เกิดเหตุ ต้องไม่ให้มี
ปจด. ผลข้างเคียง ถ้ากินหรือฉีดเป็นเวลาหลายปี อาจทำให้เป็นมะเร็งเต้านมได้
2. ผ่าตัด
2.1 ผ่าแต่ส่วนที่งอก   เผื่อต้องการมีลูก แต่อาจต้องผ่าอีก ถ้ามันงอกอีก และไม่รู้ว่าที่งอก
คือเนื้อดีหรือไม่ดี
2.2 ผ่ามดลูก เก็บรังไข่ไว้  มีโอกาสผ่าอีกแน่นอน เพราะช็อกซีสเป็นแล้วมีโอกาสเป็นอีก
2.3 ผ่ามดลูกและรังไข่ ในคราวเดียว  ตัดปัญหาเรื่องผ่าซ้ำ และปัญหามะเร็งมดลูก มะเร็งรังไข่

กรณีของเรา ไม่คิดจะมีครอบครัว เลยตัดสินใจผ่าทิ้งทั้งยวง ไม่อยากผ่าหลายรอบ
ไม่อยากเป็นมะเร็ง   คราวนี้หมอให้ฉีดยาคุมแบบ 1 เข็ม คุมได้ 3 เดือนไปก่อน  นัดคราวหน้า
มาคุยเรื่องวิธีผ่าตัด  และจองเตียง   (เหมือนประมาณหมอให้ไปทำใจมาก่อน)   ระหว่างนี้
หมอสั่ง ตรวจเลือด และเอ็กซเรย์ปอด  พบว่าเลือดจาง หมอให้กินยาบำรุงเลือด

ครบ 3 เดือน  
1.ผ่าเปิดหน้าท้อง    ถ้าใช้บัตรทอง นักเรียนแพทย์เฉพาะทาง เป็นคนผ่า โดยมีคุณหมอเ
ป็นอาจารย์คุมผ่าและมีคิวผ่าได้โดยไม่ต้องรอนาน
2.ผ่าแบบส่องกล้อง  อาจารย์เป็นคนผ่าเอง แต่รอคิวนาน เพราะหมอที่ผ่าส่องกล้องมีน้อยคน
และคนไข้ต่อคิวอยู่เยอะ
      
สรุปเราเลือกแบบส่องกล้อง แพงกว่าก็จริง แต่แผลเล็ก หายเร็ว  น่าจะสะดวกกว่า
วันนี้ก่อนกลับ หมอให้ฉีดยาคุม อีก 1 เข็ม แล้วรอคิวผ่า  ช่วงฉีดยาคุมก็สบายดี ไม่มีประจำเดือน
ไม่รีบก็ได้  แต่นน.ขึ้นเร็วมาก   คิดว่าเป็นเพราะยาคุมแน่ๆ  

คิวผ่าตัด 5 ส.ค. 58  แต่ให้มาถึง ร.พ. เช้าวันที่ 4 ส.ค. เพื่อเตรียมตัว
(ก่อนมานอน ร.พ.2 วัน ให้ทานแต่อาหารอ่อน งดผัก ผลไม้  ต้องอดทน เพื่อระบบขับถ่ายของเรา)
วันที่มา ร.พ. เช้ากินโจ๊กมาจากบ้าน  กลางวันและเย็น  กินของ ร.พ. เป็นน้ำข้าว 1 ถ้วย
น้ำเกลือแร่ 1 ถ้วย และน้ำหวานจางๆ 1 ถ้วย  

กิจกรรมช่วงเช้าคือ ชั่ง นน. วัดความดัน ซักประวัติ  เจาะเลือดไปสองหลอดแล้วคาเข็มไว้
- สายๆ  โกนขนหน้าท้อง ขนที่อวัยวะเพศ โดยนางพยาบาล ให้เราเอาผ้าขนหนูปิดหน้าเอาไว้
เป็นวิธีที่ดีนะ  เพราะหลังจากนี้ เขามาทำอะไรกับเราๆ ก็ไม่อายแล้ว   ตบท้ายด้วยการ
สวนก้น (ถ่ายไป 3 รอบ)
- บ่าย  ไปฟังอบรมเรื่องการผ่าตัดร่วมกับคนไข้ที่จะผ่าเหมือนกันอีก 2 ราย
กลับมาให้กินยาระบาย 1 ถ้วยเล็ก  กลิ่นเหม็นเหมือนน้ำบูด รสชาติเปรี้ยวๆ เค็มๆ ชวนอ้วกมาก
และต้องกินน้ำเปล่า 1 เหยือก ให้หมดภายใน 1 ช.ม.กินไปแก้วเดียว ก็รีบเข้าห้องน้ำแล้ว
ของเค้าดีจริงๆ  เบ็ดเสร็จ อึไป 16 รอบ  พยาบาลบอกว่าให้อึจนใส  ถ้ายังไม่หมดต้องกินยาอีก
โชคดีที่ ไม่ต้องกินอีก
- เย็น วิสัญญีแพทย์มาคุยด้วย  บอกว่าเคสเราต้องวางยา ไม่บล็อคหลัง  เพราะส่องกล้อง
ต้องอัดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เข้าท้อง ให้ท้องป่อง  เพื่อให้มีพื้นที่ในการทำผ่าตัด
- ค่ำๆ พยาบาลมาสวนล้างช่องคลอด อันนี้ไม่อายแล้ว แต่เจ็บ  ได้แต่ถอนหายใจ

5 ส.ค. เช้าตรู่เตรียมตัวอาบน้ำให้สะอาด ใส่ชุดเตรียมไปผ่าตัด และให้น้ำเกลือ
ที่จริงคิวบ่าย แต่ต้องเตรียมตัวแต่เช้าพร้อมกันทุกราย  นอนรอจน 11.00 พยาบาลมาตาม
ให้ฉี่ก่อนไปห้องผ่าตัด  คิดในใจว่าดีจัง ได้ผ่าเร็ว จะได้เสร็จเร็ว  สรุปว่าเข็นไปรออยู่นานเลย  
มีหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่มาซักประวัติ  และบอกว่าอาจารย์หมอติดประชุม    ระหว่างนอนรอ
ก็คิดเมนูอาหารที่อยากกินไปเรื่อยเปื่อย  ไม่อยากให้ตัวเองกังวล

เกือบบ่ายโมง  เจ้าหน้าที่มาเข็นไปเข้าห้องผ่าตัด  เป็นห้องที่ไม่ใหญ่นัก บรรยากาศในห้อง
สว่างไสว เปิดเพลง อ๊อฟ ปองศักดิ์ (แทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจ) เบาๆ เข้าไปถึงยังไม่ได้มอง
สำรวจอะไรเท่าไหร่  ก็มีเจ้าหน้าที่มารุม คนนึงบอกสวมถุงเท้านะคะ อีกคนเอาโน่นนี่มาแปะ
หน้าอก อีกคนบอก เดี๋ยวหลับนะคะ  แล้วก็เอาหน้ากากมาครอบจมูก  ให้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
สูดได้ 3 ครั้ง ก็ไม่รู้เรื่องแล้ว   ไม่มีฝันอะไรเลย  รู้สึกตัวอีกที มีคนมาเรียก คุณ..........คะๆ  
เรียกหลายที  ไม่อยากตื่นเลย  ตาลืมไม่ขึ้น และรู้สึกว่าปากแห้ง หิวน้ำมาก  ไม่รู้สึกว่าผ่าตัดมาเลย
นอนสลึมสลืออยู่พักนึง   ก็ถูกเข็นกลับมาห้องพัก  ดูเวลาแล้ว 17.30 ผ่าซะนานเลย  

พยาบาลบอกถ้าหิวก็กินโจ๊กได้ แต่ให้กินน้อยๆ ก่อน กินคำแรกอร่อยมาก แต่กินได้ 5 คำ
รู้สึกท้องไม่ค่อยรับ  และหิวน้ำมาก ระคายคอ มีอาการไอ  ไม่ดีเลยคงเพราะสอดท่อวางยา  
ถ้าอยู่เฉยๆ ไม่ค่อยเจ็บแผลเท่าไหร่ พอไอแล้วเจ็บแผล  นอกจากนี้ยังมีสายสวนปัสสวะแถมมาอีก
1 เส้น  แผลไม่เจ็บ มาเจ็บตรงนี้แหละ  ลองเปิดผ้าดู  หมอปิดแผลไว้ 3 จุด  คือ สะดือ และเหนือต้นขา
ซ้ายและขวา (เป็นพลาสเตอร์แบบกันน้ำ) รุ้สึกปวดเมื่อย ไม่รุ้จะนอนท่าไหน  ติดสายน้ำเกลือ
และสายปัสสาวะ นอนหุบขาลำบากชาขาข้างซ้ายด้วย   มีคนมาเยี่ยม ก็คุยได้รู้เรื่องดี  
(พี่ที่เพิ่งผ่าแบบเปิดหน้าท้องมาเยี่ยมบอกว่า ตอนเค้าผ่าออกมาคุยไม่ได้เลย อยากนอนอย่างเดียว)  
คืนนั้น พยาบาลมาวัดไข้ ความดันทุกชั่วโมง เรามีไข้ด้วย  ประมาณเที่ยงคืนพยาบาลก็มาเอา
น้ำเกลือออก ค่อยยังชั่ว

รุ่งขึ้น 6 ส.ค. อาจารย์หมอมาเยี่ยม เอารูปมาให้ดูด้วย แต่ดูไม่ชัดมึนๆ ง่วงๆ อยู่เลย หมอเล่าว่า
ผ่าตัดนาน เพราะพังผืดเยอะมากยาวถึงลำไส้ใหญ่  และตอนเอามดลูกออกมดลูกใหญ่
เลยทำให้ผนังมดลูกฉีกเล็กน้อย  (ไม่แน่ใจว่าฟังผิดรึเปล่า)  แต่หมอเย็บตรงฝีเย็บให้แล้ว
ตอนนี้มีผ่าก๊อซอุดแผลที่ช่องคลอดอยู่  เดี๋ยวสายๆ หมอประจำบ้านจะมาเอาออกให้  
(มิน่าล่ะ รู้สึกเจ็บๆ ตึงๆ หุบขาไม่ค่อยได้)

หลังจากนั้นก็มีหมอมาเยี่ยมอีก 2 คน มีหมอดมยามาอีก 2 คน พยาบาลก็มา
อาการวันนี้คือรู้สึกหายใจไม่เต็มปอด และไอ ระคายคอ  หมอบอกเป็นผลมาจากวางยา  
และการอัดแก๊สเข้าท้อง ทำให้ปลายปอดแฟ่บไป   ซักพักหมอก็มาเอาผ้าก๊อซออก เอาออก
ไม่หมดซักทียังกะยัดผ้าไว้ทั้งม้วน เจ็บมากกกกกกกกกกก สู้กับหมออยู่นาน จนพยาบาลดุเลย
คือถ้าฝืนจะเจ็บ  แต่สัญชาติญาณอะนะ และเอาสายฉี่ออกด้วย  รู้สึกเจ็บๆ ตึงๆ พยาบาลให้ใส่
ผ้าอนามัยไว้  หลังจากนั้นรู้สึกร้อน  ทำได้แค่เช็ดตัว

ช่วงบ่ายพยาบาลเอาอุปกรณ์ขยายปอดมาให้ฝึก เป็นลูกบอล 3 ลูก ถ้าปอดสมบูรณ์ จะดูดลมแล้ว
ทำให้บอลลอยขึ้นทั้งสามลูก  แต่ครั้งแรกนี้ ทำได้แค่ 1 ลูก

คืนนี้ยังหลับไม่สบาย พยาบาลมาบ่อย วัดค่าออกซิเจนได้ต่ำกว่ามาตรฐานมาก ให้ฝึกหายใจลึกๆ
เริ่มกังวลนิดหน่อย  มีไข้บ้างไม่มีบ้างสลับกัน เล็กน้อย

7 ส.ค. ที่จริงหมอจะให้กลับวันนี้ แต่ขอนอนต่ออีกคืน รู้สึกสบายจัง ห้องพักที่นี่เป็นห้องพิเศษ
สะอาดมาก ไม่มีกลิ่นยา กลิ่น ร.พ. เลย กว้างขวาง  คือดีทุกอย่าง (คืนละ 2000)
เช้านี้อาบน้ำได้เองแล้ว  ลุกเดินเองได้ตั้งแต่วันรุ่งขึ้นที่ผ่าตัด ถือว่าโอเคเลย  แต่อาการไอ
ยังไม่หมด

8 ส.ค. สายๆ เก็บของเตรียมกลับบ้าน  มียาไปกินด้วย เช่น ยาฆ่าเชื้อ ยาแก้ปวด (ไม่ได้กิน)
ยาแก้ไอ ยาละลายเสมหะ   ค่าใช้จ่ายประมาณ 65000  มีบริการรูดการ์ดถึงในห้องเลยนะจ๊ะ

หมอนัดมาเปิดแผล 15 ส.ค. ถือว่าพอใจมากเลย  เพราะแผลเล็กมาก ไม่เหมือนแผลผ่าตัดเลย
เหมือนโดนข่วนมากกว่า   หมอบอกว่าเราต้องกินฮอร์โมนไปอีก 6 ปี เมื่ออายุประมาณ 50  
ก็จะเข้าสู่วัยทองตามธรรมชาติ ไม่ต้องกินแล้วก็ได้  ฮอร์โมนที่จะให้เป็นตัวที่มีเอฟเฟคน้อยที่สุด  
และ 5 ก.ย. หมอจะนัดมารับยาฮอร์โมนอีกที   ตอนนี้ก็กินอาหารที่มีประโยชน์ไปก่อน

สรุปอาการตอนนี้  (ผ่าตัดครบ 2 สัปดาห์) ยังไออยู่ แต่ก็น้อยลงมาก ถ้าไม่มีอาการไอ  
แผลข้างในน่าจะหายเร็วกว่านี้ เพราะบางทียังรู้สึกเจ็บข้างใน ปวดท้องแผ่วๆ บ้างเป็นบางที  
ส่วนปอด เราดูดลูกบอลได้ 3 ลูกแล้ว แต่ลูกที่ 3 ยังไม่แข็งแรงพอต้องฝึกไปเรื่อยๆ   อาการชาที่ขา  
หมอให้กินวิตามินบี รักษาปลายประสาทอักเสบ   ที่เค้าบอกจะร้อนวูบวาบ  ยังไม่เกิดกับเรานะ  
มีแต่ร้อนเป็นปกติ   หมอเขียนใบรับรองแพทย์ให้หยุดงานได้ 1 เดือน  ห้ามยกของหนัก 3 เดือน  
กิจกรรมอื่นๆ แล้วแต่เรา ถ้าไม่เจ็บแผลก็ทำไป

หวังว่าเรื่องราวของเราจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังจะผ่าตัดได้บ้างนะคะ
ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวล  ทำใจสบายๆ  แล้วมันก็ผ่านไปค่ะ  อมยิ้ม16
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่