26
รถกระบะของพี่โฮมจอดลงที่หน้าบ้านพี่บริงค์ ฉันขยับวิกผมให้เข้าที่ก่อนลุกออกมาจากรถแล้วพยายามทำตัวให้ไม่มีพิรุธใดๆ เพราะตอนที่พวกเรากำลังจะกลับ ก็เห็นใครไม่รู้ดูน่าสงสัย พอพวกเราหันไปมองไอ้เจ้านั่นก็รีบหันกลับไปทันที แถมฉันยังเห็นกล้องตัวเท่าบ้านแว้บๆ อีก อีตานี่มันต้องเป็นพวกปาปาราซซี่แน่เลย = =+
“นิกิม ทำตัวปกติ ไม่มีใครสงสัยหรอก เพราะเรายังแต่งชุดผู้ชายอยู่” พี่โฮมกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู พลางขยิบตาให้ฉันด้วย
ฉันพยักหน้าหงึกๆ แล้วรอให้พี่บริงค์ไขกุญแจรั้วเสร็จก่อนแล้วจึงรีบเดินเข้าไปคนแรก ตามมาด้วยพี่ๆ สามคนที่ทำตัวสบายๆ แสร้งทำเป็นไม่รู้ว่ามีคนกำลังสะกดรอยตามอยู่ ฉันนี่แอบใจเต้นตุบๆ เลยล่ะ เพราะถ้าเกิดฉันเป็นตัวซวยที่ทำให้วงพวกพี่โดนพาดหัวข่าวเสียๆ หายๆ ฉันก็คงต้องรู้สึกผิดไปอีกนานเลย
ทันทีที่พี่บริงค์ปิดประตูบ้าน ทุกคนก็ถอนใจอย่างโล่งอก โดยเฉพาะฉัน
“เฮ้อ นี่ไม่รู้ว่าพวกนั้นแอบตามเรามาตั้งแต่เมื่อไหร่เนอะ”
“นั่นสิ อุตส่าห์แอบไปเที่ยวพักผ่อนแท้ๆ” พี่แชลบ่นเซ็ง นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ ฉันว่านะ...ถ้าฉันยอมกลับบ้านไปตั้งแต่ทีแรก เรื่องก็คงไม่เกิดขึ้นหรอก
“เราอยากกลับบ้านแล้วอ่ะพี่บริงค์” ฉันดึงเสื้อเขาเบาๆ พี่บริงค์หันหน้ามาแล้วขมวดคิ้ว
“นี่ คิดมากเหรอ” เขาเลิกคิ้วพลางวางมือลงบนหัวฉันอย่างอ่อนโยน
“อือ เราว่านะ พวกนั้นต้องเอารูปของพวกเราไปลงข่าวแน่เลยอ่ะ ถ้าเกิดว่าในนั้นมีรูปเรา...เราไม่อยากนึกเลยว่าพวกแฟนคลับจะไม่พอใจพวกพี่แค่ไหน” ฉันไม่อยากให้มีเรื่องอย่างนั้นเกิดขึ้น เพราะฉันก็เป็นคนหนึ่งที่รัก x’s-Q มาก ถึงแม้จะเพิ่งมารักได้ไม่กี่ปี ไม่ได้รักตั้งแต่แรก แต่ก็รัก...รักมากเลย
“ฮื่อ ไม่เอาน่า ถึงแม้พวกนั้นจะได้รูปไป แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าในรูปนั้น นิกิมคือใครกันแน่ ดูสิ...แต่งตัวออกจะผู้ชายขนาดนี้ ไม่มีใครเขาว่าพวกพี่ได้หรอก” พี่บริงค์ยิ้มปลอบ แต่ฉันก็ยังไม่โล่งใจอยู่ดี ฉันถอนหายใจออกมาอย่างอึดอัด ถ้ากลับไปได้ก็ไม่กล้ามาอีกแล้วล่ะ แต่ถ้าไม่มา...แล้วฉันจะมาเจอพี่บริงค์ได้ยังไง ในเมื่อโลกแห่งปัจจุบัน พี่บริงค์กำลังนอนไม่รู้สึกตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ให้ตายสิ! พอคิดถึงเรื่องนี้ทีไร น้ำตามันก็พาลจะไหลทุกทีเลย บ้าเอ๊ย!
“เฮ้ ระ...ร้องไห้ทำไม ไม่มีใครว่านิกิมเลยนะ” ฉันมองพี่แชลที่จับไหล่ฉันเบาๆ แล้วหันไปมองอีกสองคนที่ยื่นมือมาลูบหัวฉันอย่างเอ็นดูพร้อมรอยยิ้มที่อบอุ่น
“นิกิม ฟังพี่นะ พี่ว่าทุกคนดูไม่ออกหรอกว่านิกิมเป็นผู้หญิงน่ะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้พวกพี่เดือดร้อนหรอกนะ สบายใจได้ และถึงพวกนั้นจะรู้จริง...พวกเราก็ไม่ซีเรียสกันอยู่แล้วอ่ะเนอะ ดีซะอีก...วงเราจะได้ลงข่าวหน้าหนึ่ง ฮ่าๆๆ” พี่โฮมพูดกลั้วหัวเราะ เขาคงอยากจะทำให้บรรยากาศไม่ดูเครียดละมั้ง ถึงแม้ว่าที่ฉันร้องไห้ออกมาจะคนละเรื่องกับที่ทุกคนเข้าใจ แต่ฉันก็ดีใจนะ...ที่พวกเขาอุตส่าห์แคร์ฉัน ทั้งที่เราเพิ่งรู้จักกันแค่สองสามวันเอง
“นั่นสิ เธอเป็นน้องสาวของพวกเรานะ ไม่มีพี่ชายคนไหนโทษน้องสาวของตัวเองได้ลงหรอก ^^” พี่บริงค์พูดยิ้มๆ
“เหรออออ น้องสาวร่วมโลกน่ะสิ!!”
ฉันหน้าร้อนผ่าวเมื่อพวกพี่สองคนประสานเสียงประชด พี่บริงค์เม้มปากชำเลืองมาทางฉันนิดหนึ่งก่อนจะรีบหันไปแล้วเอ่ยกับพี่สองคนเสียงดัง
“ป่ะ เค้าง่วงแล้วอ่ะ ขึ้นข้างบนกันเถอะ” พี่แชลกับพี่โฮมถูกล็อคคอให้ลากกันขึ้นไปข้างบนด้วยกันอย่างทุลักทุเล พี่โฮมพยายามมุดหัวหลบออกมาเพื่อให้เดินได้สะดวก ปากก็บ่นก่นด่าพี่บริงค์ว่ามันจะเดินขึ้นไปได้ยังไงหมดสามคน ฉันมองภาพนั้นพลางส่ายหน้าไปมา ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วเดินตามขึ้นไปทีหลัง
“เฮ้อ!” ทั้งสามหนุ่มทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียงกว้างอย่างหมดสภาพ ฉันหันไปปิดประตูอย่างเบามือก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาใกล้ๆ กับเตียงนั้น
“เอ้อ...นิกิม แล้วบ้านนิกิมอยู่ที่ไหนอ่ะ ถ้าจะกลับ...ก็ให้พี่โฮมไปส่งก็ได้นี่” พี่แชลโพล่งขึ้นมาอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ แล้วพลิกตัวนอนตะแคงหน้ามาทางฉัน ฉันถึงกับสะอึก ได้แต่พะงาบๆ ปากเหมือนคนเป็นโรคชักกระตุก
“บ้านเขาอยู่ในโลกแห่งอนาคตน่ะ” ฉันเบิกตา เมื่อจู่ๆ พี่บริงค์ก็โพล่งขึ้นตอบแทนฉันซะอย่างนั้น ทำเอาพวกพี่อีกสองคนถึงกับอุทานเสียงหลง
“จะบ้าเรอะพี่บริงค์ เพ้อเจ้อใหญ่และ” พี่แชลว่า แต่พี่บริงค์กลับหัวเราะแล้วกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง หันไปมองหน้าอีกสองคนสลับกันยิ้มๆ
“ไม่เชื่อกันล่ะสิ” แน่นอนว่าคำตอบคือ...
“ไม่!!” หึๆ - -lll
“งั้นลองค้างที่นี่สักคืนดีมั้ยครับคุณพี่โฮม คุณน้องแชล ^^”
“ทำไมต้องค้างด้วยวะ?” พี่โฮมหน้ามุ่ย
“ก็จะได้รู้กันไงว่าผมไม่ได้เพ้อเจ้อ ไม่ได้ฝัน เพราะนิกิมเขากลับบ้านด้วยไอ้นี่” พี่บริงค์ตบเตียงแปะๆ สองคนนั้นมองสิ่งที่พี่บริงค์ตีก็ยิ่งขมวดคิ้วใหญ่ พี่โฮมกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งอีกคน และตามมาด้วยพี่แชล
“หมายความว่าไง???” สองเสียงประสานกันอย่างอยากรู้ พี่บริงค์กระตุกยิ้มข้างหนึ่งแล้วพยักหน้าช้าๆ
“เดี๋ยวก็รู้...”
ตอนนี้ฉันกำลังข่มตาให้หลับอย่างยากเย็น ทำไมน่ะเหรอ? ก็อีตาพี่บริงค์น่ะสิ บังคับให้ฉันหลับตั้งแต่สามทุ่ม! ใครจะไปหลับลง สวดมนต์ก็สวดแล้ว เหลืออยู่แค่อย่างเดียวคือพยายามหลับให้ได้ แต่พยายามเท่าไหร่ๆ ก็ไม่สำเร็จ ทุกครั้งที่ลืมตาขึ้นมาก็เจอแต่หน้าสลอนของสามหนุ่มที่นั่งขัดสมาธิจ้องฉันอยู่ข้างๆ บ้าเอ๊ย จ้องกันแทบทะลุซะขนาดนี้ใครจะไปหลับลงฟะ! >O<
“ฮึ่ย!” ฉันสบถแล้วลุกพรวดขึ้นนั่ง
“เอ้า ลุกขึ้นมาทำไม นอนต่อสิ เร็วๆ” พี่บริงค์สั่ง
“นอนบ้านอนบออะไรกันล่ะ เล่นจ้องกันซะขนาดนี้ใครจะไปหลับลง” ฉันแว้ด
“เออ จริงด้วย งั้น...บริงค์มียานอนหลับมั้ย?” พี่โฮมหันไปถามพี่บริงค์
“ไม่รู้สิ เดี๋ยวลงไปหาให้” พี่บริงค์คลานลงเตียงไปก่อนจะรีบวิ่งปรู๊ดไปที่ประตู
“เอ้อ! อย่าลืมล็อกประตูด้วยนะ เดี๋ยวป๊ากับม้าขึ้นมาเห็นเข้าจะเรื่องใหญ่” พี่บริงค์ไม่ลืมทิ้งท้ายไว้กันพลาดก่อนที่เขาจะปิดประตูดังปัง พี่แชลคลานลงเตียงไปแล้วรีบวิ่งไปกดล็อกตามคำสั่งของไอ้พี่ขนตาดกนั่น ฉันกลอกตาไปมาอย่างระอาในสามคนนี้ เฮ้อ จะเอาอะไรกับชีวิตตฉันนักหนาเนี่ยยยย =O=//
พี่บริงค์กลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมยานอนหลับหนึ่งแผง และแก้วน้ำอีกหนึ่งใบ
“อ่ะ กินเข้าไปซะ อีกไม่เกินห้านาทีเดี๋ยวก็หลับ” ฉันรับยามาหนึ่งเม็ดพร้อมกับแก้วน้ำที่ถูกยื่นให้ เอ่อ...ถ้าฉันกินมันไปแล้ว จะมีโอกาสได้ตื่นอีกมั้ยเนี่ย? ฉันถอนหายใจก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ แล้วปล่อยออกมาหนักๆ แบบฮึดสู้
“เอ้า กินก็กิน” ฉันขี้เกียจคิดมากจึงหยอดเม็ดยาเข้าปากแล้วกระดกน้ำตามทันที อึกๆๆ >_< เอาให้หมดแก้วเลยเดี๋ยวยาไม่ละลาย อึกๆๆ
“พอแล้วๆ เดี๋ยวก็ฉี่รดที่นอนหรอก = =^” พี่บริงค์แย่งแก้วน้ำไปจากฉันแล้วผลักตัวฉันเบาๆ ให้เอนกายนอนลง
ฉันค่อยๆ ขยับตัวให้นอนลงในท่าสบาย วางศีรษะพอดีกับหมอนไม่สูงเกินไปและก็ไม่ต่ำเกินไป พี่บริงค์ดึงผ้าห่มให้คลุมทับร่างฉันอย่างเบามือ ก่อนจะดึงตัวกลับไปนั่งท่าเดิมแล้วจ้องฉันเขม็ง...เหมือนเดิม - -*
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ยังไงเราก็ต้องได้กลับบ้านอยู่แล้ว” ฉันพูดเสียงเนือยๆ
“แหม ก็คนมันตื่นเต้นนี่นา” พี่แชลถูมือไปมาประกอบคำพูด ฉันยิ้มบางๆ
“หึๆ ไม่แน่นะ การกลับไปครั้งนี้พวกเราอาจจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกเลยก็ได้” ฉันหัวเราะหึๆ เพราะทีแรกตั้งใจจะแกล้งพวกพี่ให้ตกใจเล่น แต่พอเอากลับมาคิดทบทวนดูอีกทีกับคำพูดของตัวเองเมื่อกี้ ฉันก็ใจหายวาบกับคำว่าไม่มีโอกาส ไม่มีโอกาส...อย่างนั้นเหรอ? โอย...เริ่มง่วงแล้วล่ะ ทำไมยามันออกฤทธิ์เร็วแท้ฟะ ไหนบอกว่าห้านาทีไง = =;;
“ไม่ได้นะ!!!”
“ฮึ?” ฉันปรือตามองพี่บริงค์ที่จู่ๆ ก็โพล่งออกมาเสียงดัง อีกทั้งยังดึงตัวฉันให้ลุกขึ้นแล้วเขย่าๆๆ ร่างฉันจนผมฉันกระเซิง
“พี่บริงค์ เรามึนแล้วนะ ทำบ้าอะไรเนี่ย”
“คายออกมาเดี๋ยวนี้นะ! คายออกมาสินิกิม ถ้าเธอกลับมาไม่ได้อีกพี่ก็ไม่ยอมให้เธอกลับไปหรอก คายออกมา!” พี่บริงค์เสียงสูง พลางเขย่าร่างฉันแรงขึ้นจนฉันเริ่มมึนขึ้นมาจริงๆ โอย...ตาก็จะหลับ มึนก็มึน เวียนหัวจังเลยอ่ะ ฉันปรือตามองพี่บริงค์ตรงหน้าอย่างสงสัย ไอ้อะไรใสๆ ที่ฉันเห็นบนใบหน้าเขานี่...ใช่น้ำตารึเปล่านะ?
“พอได้แล้วบริงค์!” พี่โฮมคว้าแขนพี่บริงค์มาจับไว้แน่น แล้วสั่งให้พี่แชลช่วยล็อกตัวพี่บริงค์เอาไว้อีกแรง ในขณะที่พี่บริงค์ก็พยายามดิ้นแรงๆ เพื่อให้หลุดจากพันธนาการทั้งหลาย
“พอได้แล้วบริงค์! นิกิมเขาก็แค่พูดเล่นไปอย่างนั้นเองแหละน่า ใช่มั้ยนิกิม?”
“อื้มๆๆ”
“แล้วถ้าเกิดเธอกลับมาไม่ได้จริงๆ ล่ะ พี่จะทำยังไง!”
“...” ทุกคนชะงัก พี่แชลกับพี่โฮมยอมปล่อยมือออกจากร่างพี่บริงค์ทันที ส่วนพี่บริงค์ ก็เล่นมองฉันอย่างตัดพ้อทั้งน้ำตาคลอเบ้า
“เธออาจจะรักพี่แค่ในฐานะนักร้องกับแฟนคลับคนหนึ่ง แต่สำหรับพี่มันไม่ใช่! มันมากกว่านั้น พี่...พี่...” พี่บริงค์เกิดติดอ่างขึ้นมากะทันหัน ฉันปรือตามองเขาท่ามกลางภาพในห้องที่เบลอไปหมด
“ไม่ไหวแล้ว...” ฉันฝืนตาให้ลืมขึ้น แต่มันก็หนักเกินกว่าที่ฉันจะฝืนลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ร่างของฉันที่จ้องแต่จะล้มลง ก็ค่อยๆ เซเกือบจะหงายหลัง ฉันพยายามครองสติให้ดีเพื่อฟังว่าพี่บริงค์กำลังจะพูดอะไรหลังจากนั้น พี่อะไร...รีบๆ พูดมาสิ ฉัน...ง่วงมาก ไม่ไหวแล้ว...
“พี่...พี่รั...”
คร่อกกก ZzZ
นับตั้งแต่วันที่ฉันรักเธอ [ตอนที่ 26]
รถกระบะของพี่โฮมจอดลงที่หน้าบ้านพี่บริงค์ ฉันขยับวิกผมให้เข้าที่ก่อนลุกออกมาจากรถแล้วพยายามทำตัวให้ไม่มีพิรุธใดๆ เพราะตอนที่พวกเรากำลังจะกลับ ก็เห็นใครไม่รู้ดูน่าสงสัย พอพวกเราหันไปมองไอ้เจ้านั่นก็รีบหันกลับไปทันที แถมฉันยังเห็นกล้องตัวเท่าบ้านแว้บๆ อีก อีตานี่มันต้องเป็นพวกปาปาราซซี่แน่เลย = =+
“นิกิม ทำตัวปกติ ไม่มีใครสงสัยหรอก เพราะเรายังแต่งชุดผู้ชายอยู่” พี่โฮมกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู พลางขยิบตาให้ฉันด้วย
ฉันพยักหน้าหงึกๆ แล้วรอให้พี่บริงค์ไขกุญแจรั้วเสร็จก่อนแล้วจึงรีบเดินเข้าไปคนแรก ตามมาด้วยพี่ๆ สามคนที่ทำตัวสบายๆ แสร้งทำเป็นไม่รู้ว่ามีคนกำลังสะกดรอยตามอยู่ ฉันนี่แอบใจเต้นตุบๆ เลยล่ะ เพราะถ้าเกิดฉันเป็นตัวซวยที่ทำให้วงพวกพี่โดนพาดหัวข่าวเสียๆ หายๆ ฉันก็คงต้องรู้สึกผิดไปอีกนานเลย
ทันทีที่พี่บริงค์ปิดประตูบ้าน ทุกคนก็ถอนใจอย่างโล่งอก โดยเฉพาะฉัน
“เฮ้อ นี่ไม่รู้ว่าพวกนั้นแอบตามเรามาตั้งแต่เมื่อไหร่เนอะ”
“นั่นสิ อุตส่าห์แอบไปเที่ยวพักผ่อนแท้ๆ” พี่แชลบ่นเซ็ง นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ ฉันว่านะ...ถ้าฉันยอมกลับบ้านไปตั้งแต่ทีแรก เรื่องก็คงไม่เกิดขึ้นหรอก
“เราอยากกลับบ้านแล้วอ่ะพี่บริงค์” ฉันดึงเสื้อเขาเบาๆ พี่บริงค์หันหน้ามาแล้วขมวดคิ้ว
“นี่ คิดมากเหรอ” เขาเลิกคิ้วพลางวางมือลงบนหัวฉันอย่างอ่อนโยน
“อือ เราว่านะ พวกนั้นต้องเอารูปของพวกเราไปลงข่าวแน่เลยอ่ะ ถ้าเกิดว่าในนั้นมีรูปเรา...เราไม่อยากนึกเลยว่าพวกแฟนคลับจะไม่พอใจพวกพี่แค่ไหน” ฉันไม่อยากให้มีเรื่องอย่างนั้นเกิดขึ้น เพราะฉันก็เป็นคนหนึ่งที่รัก x’s-Q มาก ถึงแม้จะเพิ่งมารักได้ไม่กี่ปี ไม่ได้รักตั้งแต่แรก แต่ก็รัก...รักมากเลย
“ฮื่อ ไม่เอาน่า ถึงแม้พวกนั้นจะได้รูปไป แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าในรูปนั้น นิกิมคือใครกันแน่ ดูสิ...แต่งตัวออกจะผู้ชายขนาดนี้ ไม่มีใครเขาว่าพวกพี่ได้หรอก” พี่บริงค์ยิ้มปลอบ แต่ฉันก็ยังไม่โล่งใจอยู่ดี ฉันถอนหายใจออกมาอย่างอึดอัด ถ้ากลับไปได้ก็ไม่กล้ามาอีกแล้วล่ะ แต่ถ้าไม่มา...แล้วฉันจะมาเจอพี่บริงค์ได้ยังไง ในเมื่อโลกแห่งปัจจุบัน พี่บริงค์กำลังนอนไม่รู้สึกตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ให้ตายสิ! พอคิดถึงเรื่องนี้ทีไร น้ำตามันก็พาลจะไหลทุกทีเลย บ้าเอ๊ย!
“เฮ้ ระ...ร้องไห้ทำไม ไม่มีใครว่านิกิมเลยนะ” ฉันมองพี่แชลที่จับไหล่ฉันเบาๆ แล้วหันไปมองอีกสองคนที่ยื่นมือมาลูบหัวฉันอย่างเอ็นดูพร้อมรอยยิ้มที่อบอุ่น
“นิกิม ฟังพี่นะ พี่ว่าทุกคนดูไม่ออกหรอกว่านิกิมเป็นผู้หญิงน่ะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้พวกพี่เดือดร้อนหรอกนะ สบายใจได้ และถึงพวกนั้นจะรู้จริง...พวกเราก็ไม่ซีเรียสกันอยู่แล้วอ่ะเนอะ ดีซะอีก...วงเราจะได้ลงข่าวหน้าหนึ่ง ฮ่าๆๆ” พี่โฮมพูดกลั้วหัวเราะ เขาคงอยากจะทำให้บรรยากาศไม่ดูเครียดละมั้ง ถึงแม้ว่าที่ฉันร้องไห้ออกมาจะคนละเรื่องกับที่ทุกคนเข้าใจ แต่ฉันก็ดีใจนะ...ที่พวกเขาอุตส่าห์แคร์ฉัน ทั้งที่เราเพิ่งรู้จักกันแค่สองสามวันเอง
“นั่นสิ เธอเป็นน้องสาวของพวกเรานะ ไม่มีพี่ชายคนไหนโทษน้องสาวของตัวเองได้ลงหรอก ^^” พี่บริงค์พูดยิ้มๆ
“เหรออออ น้องสาวร่วมโลกน่ะสิ!!”
ฉันหน้าร้อนผ่าวเมื่อพวกพี่สองคนประสานเสียงประชด พี่บริงค์เม้มปากชำเลืองมาทางฉันนิดหนึ่งก่อนจะรีบหันไปแล้วเอ่ยกับพี่สองคนเสียงดัง
“ป่ะ เค้าง่วงแล้วอ่ะ ขึ้นข้างบนกันเถอะ” พี่แชลกับพี่โฮมถูกล็อคคอให้ลากกันขึ้นไปข้างบนด้วยกันอย่างทุลักทุเล พี่โฮมพยายามมุดหัวหลบออกมาเพื่อให้เดินได้สะดวก ปากก็บ่นก่นด่าพี่บริงค์ว่ามันจะเดินขึ้นไปได้ยังไงหมดสามคน ฉันมองภาพนั้นพลางส่ายหน้าไปมา ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วเดินตามขึ้นไปทีหลัง
“เฮ้อ!” ทั้งสามหนุ่มทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียงกว้างอย่างหมดสภาพ ฉันหันไปปิดประตูอย่างเบามือก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาใกล้ๆ กับเตียงนั้น
“เอ้อ...นิกิม แล้วบ้านนิกิมอยู่ที่ไหนอ่ะ ถ้าจะกลับ...ก็ให้พี่โฮมไปส่งก็ได้นี่” พี่แชลโพล่งขึ้นมาอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ แล้วพลิกตัวนอนตะแคงหน้ามาทางฉัน ฉันถึงกับสะอึก ได้แต่พะงาบๆ ปากเหมือนคนเป็นโรคชักกระตุก
“บ้านเขาอยู่ในโลกแห่งอนาคตน่ะ” ฉันเบิกตา เมื่อจู่ๆ พี่บริงค์ก็โพล่งขึ้นตอบแทนฉันซะอย่างนั้น ทำเอาพวกพี่อีกสองคนถึงกับอุทานเสียงหลง
“จะบ้าเรอะพี่บริงค์ เพ้อเจ้อใหญ่และ” พี่แชลว่า แต่พี่บริงค์กลับหัวเราะแล้วกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง หันไปมองหน้าอีกสองคนสลับกันยิ้มๆ
“ไม่เชื่อกันล่ะสิ” แน่นอนว่าคำตอบคือ...
“ไม่!!” หึๆ - -lll
“งั้นลองค้างที่นี่สักคืนดีมั้ยครับคุณพี่โฮม คุณน้องแชล ^^”
“ทำไมต้องค้างด้วยวะ?” พี่โฮมหน้ามุ่ย
“ก็จะได้รู้กันไงว่าผมไม่ได้เพ้อเจ้อ ไม่ได้ฝัน เพราะนิกิมเขากลับบ้านด้วยไอ้นี่” พี่บริงค์ตบเตียงแปะๆ สองคนนั้นมองสิ่งที่พี่บริงค์ตีก็ยิ่งขมวดคิ้วใหญ่ พี่โฮมกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งอีกคน และตามมาด้วยพี่แชล
“หมายความว่าไง???” สองเสียงประสานกันอย่างอยากรู้ พี่บริงค์กระตุกยิ้มข้างหนึ่งแล้วพยักหน้าช้าๆ
“เดี๋ยวก็รู้...”
ตอนนี้ฉันกำลังข่มตาให้หลับอย่างยากเย็น ทำไมน่ะเหรอ? ก็อีตาพี่บริงค์น่ะสิ บังคับให้ฉันหลับตั้งแต่สามทุ่ม! ใครจะไปหลับลง สวดมนต์ก็สวดแล้ว เหลืออยู่แค่อย่างเดียวคือพยายามหลับให้ได้ แต่พยายามเท่าไหร่ๆ ก็ไม่สำเร็จ ทุกครั้งที่ลืมตาขึ้นมาก็เจอแต่หน้าสลอนของสามหนุ่มที่นั่งขัดสมาธิจ้องฉันอยู่ข้างๆ บ้าเอ๊ย จ้องกันแทบทะลุซะขนาดนี้ใครจะไปหลับลงฟะ! >O<
“ฮึ่ย!” ฉันสบถแล้วลุกพรวดขึ้นนั่ง
“เอ้า ลุกขึ้นมาทำไม นอนต่อสิ เร็วๆ” พี่บริงค์สั่ง
“นอนบ้านอนบออะไรกันล่ะ เล่นจ้องกันซะขนาดนี้ใครจะไปหลับลง” ฉันแว้ด
“เออ จริงด้วย งั้น...บริงค์มียานอนหลับมั้ย?” พี่โฮมหันไปถามพี่บริงค์
“ไม่รู้สิ เดี๋ยวลงไปหาให้” พี่บริงค์คลานลงเตียงไปก่อนจะรีบวิ่งปรู๊ดไปที่ประตู
“เอ้อ! อย่าลืมล็อกประตูด้วยนะ เดี๋ยวป๊ากับม้าขึ้นมาเห็นเข้าจะเรื่องใหญ่” พี่บริงค์ไม่ลืมทิ้งท้ายไว้กันพลาดก่อนที่เขาจะปิดประตูดังปัง พี่แชลคลานลงเตียงไปแล้วรีบวิ่งไปกดล็อกตามคำสั่งของไอ้พี่ขนตาดกนั่น ฉันกลอกตาไปมาอย่างระอาในสามคนนี้ เฮ้อ จะเอาอะไรกับชีวิตตฉันนักหนาเนี่ยยยย =O=//
พี่บริงค์กลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมยานอนหลับหนึ่งแผง และแก้วน้ำอีกหนึ่งใบ
“อ่ะ กินเข้าไปซะ อีกไม่เกินห้านาทีเดี๋ยวก็หลับ” ฉันรับยามาหนึ่งเม็ดพร้อมกับแก้วน้ำที่ถูกยื่นให้ เอ่อ...ถ้าฉันกินมันไปแล้ว จะมีโอกาสได้ตื่นอีกมั้ยเนี่ย? ฉันถอนหายใจก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ แล้วปล่อยออกมาหนักๆ แบบฮึดสู้
“เอ้า กินก็กิน” ฉันขี้เกียจคิดมากจึงหยอดเม็ดยาเข้าปากแล้วกระดกน้ำตามทันที อึกๆๆ >_< เอาให้หมดแก้วเลยเดี๋ยวยาไม่ละลาย อึกๆๆ
“พอแล้วๆ เดี๋ยวก็ฉี่รดที่นอนหรอก = =^” พี่บริงค์แย่งแก้วน้ำไปจากฉันแล้วผลักตัวฉันเบาๆ ให้เอนกายนอนลง
ฉันค่อยๆ ขยับตัวให้นอนลงในท่าสบาย วางศีรษะพอดีกับหมอนไม่สูงเกินไปและก็ไม่ต่ำเกินไป พี่บริงค์ดึงผ้าห่มให้คลุมทับร่างฉันอย่างเบามือ ก่อนจะดึงตัวกลับไปนั่งท่าเดิมแล้วจ้องฉันเขม็ง...เหมือนเดิม - -*
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ยังไงเราก็ต้องได้กลับบ้านอยู่แล้ว” ฉันพูดเสียงเนือยๆ
“แหม ก็คนมันตื่นเต้นนี่นา” พี่แชลถูมือไปมาประกอบคำพูด ฉันยิ้มบางๆ
“หึๆ ไม่แน่นะ การกลับไปครั้งนี้พวกเราอาจจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกเลยก็ได้” ฉันหัวเราะหึๆ เพราะทีแรกตั้งใจจะแกล้งพวกพี่ให้ตกใจเล่น แต่พอเอากลับมาคิดทบทวนดูอีกทีกับคำพูดของตัวเองเมื่อกี้ ฉันก็ใจหายวาบกับคำว่าไม่มีโอกาส ไม่มีโอกาส...อย่างนั้นเหรอ? โอย...เริ่มง่วงแล้วล่ะ ทำไมยามันออกฤทธิ์เร็วแท้ฟะ ไหนบอกว่าห้านาทีไง = =;;
“ไม่ได้นะ!!!”
“ฮึ?” ฉันปรือตามองพี่บริงค์ที่จู่ๆ ก็โพล่งออกมาเสียงดัง อีกทั้งยังดึงตัวฉันให้ลุกขึ้นแล้วเขย่าๆๆ ร่างฉันจนผมฉันกระเซิง
“พี่บริงค์ เรามึนแล้วนะ ทำบ้าอะไรเนี่ย”
“คายออกมาเดี๋ยวนี้นะ! คายออกมาสินิกิม ถ้าเธอกลับมาไม่ได้อีกพี่ก็ไม่ยอมให้เธอกลับไปหรอก คายออกมา!” พี่บริงค์เสียงสูง พลางเขย่าร่างฉันแรงขึ้นจนฉันเริ่มมึนขึ้นมาจริงๆ โอย...ตาก็จะหลับ มึนก็มึน เวียนหัวจังเลยอ่ะ ฉันปรือตามองพี่บริงค์ตรงหน้าอย่างสงสัย ไอ้อะไรใสๆ ที่ฉันเห็นบนใบหน้าเขานี่...ใช่น้ำตารึเปล่านะ?
“พอได้แล้วบริงค์!” พี่โฮมคว้าแขนพี่บริงค์มาจับไว้แน่น แล้วสั่งให้พี่แชลช่วยล็อกตัวพี่บริงค์เอาไว้อีกแรง ในขณะที่พี่บริงค์ก็พยายามดิ้นแรงๆ เพื่อให้หลุดจากพันธนาการทั้งหลาย
“พอได้แล้วบริงค์! นิกิมเขาก็แค่พูดเล่นไปอย่างนั้นเองแหละน่า ใช่มั้ยนิกิม?”
“อื้มๆๆ”
“แล้วถ้าเกิดเธอกลับมาไม่ได้จริงๆ ล่ะ พี่จะทำยังไง!”
“...” ทุกคนชะงัก พี่แชลกับพี่โฮมยอมปล่อยมือออกจากร่างพี่บริงค์ทันที ส่วนพี่บริงค์ ก็เล่นมองฉันอย่างตัดพ้อทั้งน้ำตาคลอเบ้า
“เธออาจจะรักพี่แค่ในฐานะนักร้องกับแฟนคลับคนหนึ่ง แต่สำหรับพี่มันไม่ใช่! มันมากกว่านั้น พี่...พี่...” พี่บริงค์เกิดติดอ่างขึ้นมากะทันหัน ฉันปรือตามองเขาท่ามกลางภาพในห้องที่เบลอไปหมด
“ไม่ไหวแล้ว...” ฉันฝืนตาให้ลืมขึ้น แต่มันก็หนักเกินกว่าที่ฉันจะฝืนลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ร่างของฉันที่จ้องแต่จะล้มลง ก็ค่อยๆ เซเกือบจะหงายหลัง ฉันพยายามครองสติให้ดีเพื่อฟังว่าพี่บริงค์กำลังจะพูดอะไรหลังจากนั้น พี่อะไร...รีบๆ พูดมาสิ ฉัน...ง่วงมาก ไม่ไหวแล้ว...
“พี่...พี่รั...”
คร่อกกก ZzZ