คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 54
ขอขอบคุณสำหรับทุกข้อคิดเห็นที่สร้างสรรค์นะคะ หลายๆความคิดเห็นเป็นคำเเนะนำที่ดีเป็นกลางเเละจริงใจ ต้องขอบคุณมากค่ะ
ต้องบอกว่า เดิมทีสิ่งที่พ่อกับเเม่ Plan ไว้คือใช้เงินสดสร้างอพาร์ทเม้น เเต่เกิดสะดุดในการเเปลงสินทรัพย์นิดหน่อย ทำให้หมุนไม่ทัน ซึ่งหากเปนไปตามที่ท่านเคยคุยไว้ทุกอย่างจะลงตัว ดังนั้นส่วนนี้จึงเปนส่วนที่เราต้องจัดสรรกับน้อง เรากับน้องไม่มีปห.กันค่ะ เราไม่มีความคิดที่จะเข้าไปก้าวก่าย หรือขอส่วนเเบ่งจากกิจการร้านอาหารเเละร้านเช่าค่ะ เงินส่วนนี้เปนของส่วนเค้าทั้งหมดค่ะ เราเพียงเเค่รู้สึกว่าเมื่อ Plan สะดุดทำให้เรามีหนี้ 15 ล้านในส่วนนี้ขึ้นมาเเล้วนั้น ควรจัดสรรอย่างไรถึงจะดีที่สุด บ้านเราเป็นครอบครัวที่ทุกคนมีส่วนร่วมในการบริหารทรัพย์สินค่ะ พ่อเเม่สอนเเละสนับสนุนให้เเสดงความคิดเห็นในเรื่องการบริหารการค้ามาตั้งเเต่เด็ก สำหรับสิ่งที่เคยคิดไว้คือ การเเปลงทรัพท์สินส่วนอื่นมาทยอยลดหนี้อพาร์ทเม้นมากกว่าค่ะ
เเต่สำหรับตอนนี้ ได้ข้อสรุปเเล้วว่าจะปล่อยให้เป็นไปตามนี้ โดยใช้รายรับจากอพาร์ทเม้นชำระหนี้ตัวมันเองไปเรื่อยๆ เเล้วเอาเวลามาต่อยอดธุรกิจตัวเอง อาจจะเหนื่อยหน่อยเเต่ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดเเล้ว
สำหรับข้อเสนอเเนะในเชิงประชดประชัน ถ้ามันไม่สร้างสรรค์ ก็ข้ามไปอ่านกระทู้อื่นได้ค่ะ เพราะมันไม่ได้ประโยชน์อะไรกับใคร เป็นเเค่การระบายความรู้สึกส่วนตัวของคุณใส่คนที่คุณเองก็ไม่เคยรู้จักตัวตนของเค้าเลย
ต้องบอกว่า เดิมทีสิ่งที่พ่อกับเเม่ Plan ไว้คือใช้เงินสดสร้างอพาร์ทเม้น เเต่เกิดสะดุดในการเเปลงสินทรัพย์นิดหน่อย ทำให้หมุนไม่ทัน ซึ่งหากเปนไปตามที่ท่านเคยคุยไว้ทุกอย่างจะลงตัว ดังนั้นส่วนนี้จึงเปนส่วนที่เราต้องจัดสรรกับน้อง เรากับน้องไม่มีปห.กันค่ะ เราไม่มีความคิดที่จะเข้าไปก้าวก่าย หรือขอส่วนเเบ่งจากกิจการร้านอาหารเเละร้านเช่าค่ะ เงินส่วนนี้เปนของส่วนเค้าทั้งหมดค่ะ เราเพียงเเค่รู้สึกว่าเมื่อ Plan สะดุดทำให้เรามีหนี้ 15 ล้านในส่วนนี้ขึ้นมาเเล้วนั้น ควรจัดสรรอย่างไรถึงจะดีที่สุด บ้านเราเป็นครอบครัวที่ทุกคนมีส่วนร่วมในการบริหารทรัพย์สินค่ะ พ่อเเม่สอนเเละสนับสนุนให้เเสดงความคิดเห็นในเรื่องการบริหารการค้ามาตั้งเเต่เด็ก สำหรับสิ่งที่เคยคิดไว้คือ การเเปลงทรัพท์สินส่วนอื่นมาทยอยลดหนี้อพาร์ทเม้นมากกว่าค่ะ
เเต่สำหรับตอนนี้ ได้ข้อสรุปเเล้วว่าจะปล่อยให้เป็นไปตามนี้ โดยใช้รายรับจากอพาร์ทเม้นชำระหนี้ตัวมันเองไปเรื่อยๆ เเล้วเอาเวลามาต่อยอดธุรกิจตัวเอง อาจจะเหนื่อยหน่อยเเต่ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดเเล้ว
สำหรับข้อเสนอเเนะในเชิงประชดประชัน ถ้ามันไม่สร้างสรรค์ ก็ข้ามไปอ่านกระทู้อื่นได้ค่ะ เพราะมันไม่ได้ประโยชน์อะไรกับใคร เป็นเเค่การระบายความรู้สึกส่วนตัวของคุณใส่คนที่คุณเองก็ไม่เคยรู้จักตัวตนของเค้าเลย
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
ถ้าเป็นเราจะวิ่งไปกอดขอบคุณพ่อแม่ ที่อุตส่าห์ให้
นี่คือ เงินของพ่อแม่ เขาไม่ให้เลยยังได้
นี่ถ้าพ่อแม่จน ไม่มีเงิน ปัญหาน้อยใจพวกนี้ก็ไม่มีใช่ไหม
นี่ถ้าเป็นบ้านจีน ยกทุกอย่างให้ลูกชาย ลูกสาวอาจไม่ได้ด้วยซ้ำ
อะไรคือแฟร์
ถ้ามองแบบพ่อแม่ คนนึงไปได้ไกล ได้เท่านี้ก็ไม่มีปัญหา
คนนึงคงไปได้กระพร่องกระแพร่ง ให้เผื่อรอดไว้หน่อยดีกว่า
ของคุณพ่อแม่ยังอยู่ จะคิดทำไมมาก
ถ้าเป็นเราให้เท่าไหร่ก็รับ
นี่พูดจากส่วนตัวที่กำลังมีปัญหามรดกอยู่เช่นกัน ไม่ได้เยอะแยะเท่าพ่อแม่คุณเลย
นี่คือ เงินของพ่อแม่ เขาไม่ให้เลยยังได้
นี่ถ้าพ่อแม่จน ไม่มีเงิน ปัญหาน้อยใจพวกนี้ก็ไม่มีใช่ไหม
นี่ถ้าเป็นบ้านจีน ยกทุกอย่างให้ลูกชาย ลูกสาวอาจไม่ได้ด้วยซ้ำ
อะไรคือแฟร์
ถ้ามองแบบพ่อแม่ คนนึงไปได้ไกล ได้เท่านี้ก็ไม่มีปัญหา
คนนึงคงไปได้กระพร่องกระแพร่ง ให้เผื่อรอดไว้หน่อยดีกว่า
ของคุณพ่อแม่ยังอยู่ จะคิดทำไมมาก
ถ้าเป็นเราให้เท่าไหร่ก็รับ
นี่พูดจากส่วนตัวที่กำลังมีปัญหามรดกอยู่เช่นกัน ไม่ได้เยอะแยะเท่าพ่อแม่คุณเลย
ความคิดเห็นที่ 16
มีมรดกให้ก็บุญแล้วครับ เก็บกินยันตาย จะมาอะไรอีกนักหนา พ่อแม่รู้คงเสียใจ
คนที่ทำมาหากินจนมีทรัพย์สินมากขนาดนี้ ย่อมรู้แก่ใจดีอยู่แล้วว่าจัดสรรมรดกได้เหมาะสมกับลูกอย่างไร
ตอนเด็ก ๆ ก็แย่งขนม แย่งของเล่น พอโตขึ้นมาก็แย่งมรดกสินะ ครอบครัวพี่น้องไม่สนใจ เฮ้อ เศร้า
บางที การที่พ่อแม่ไม่มีอะไรให้เลย อาจจะเป็นเรื่องดีกว่าก็ได้มั้งเนี่ย
กลับมาเรื่องความเหมาะสม
ผมรู้สึกแปลกใจมาก ที่คนที่โตขนาดมีธุรกิจส่วนตัวที่รายได้ดีอยู่ตัว กลับไม่มีหัวคิด หรือวุฒิภาวะมากพอที่จะคิดได้
น้องชายได้ที่ดินมูลค่า 20 ล้าน บวกกับที่อยู่อาศัยมูลค่า 5 ล้าน
เค้าต้องลงไปบริหารจัดการธุรกิจร้านอาหารและพื้นที่ เพื่อรักษาระดับรายได้ให้ปกติ
แต่คุณได้ที่ดิน 10 ล้าน พร้อมอพาร์ทเม้น 5 ชั้น เป็นธุรกิจที่ค่อนข้างอยู่ตัว
คุณแทบจะไม่ต้องทำอะไร เก็บกินไปเรื่อย ๆ จริงอยู่ตอนนี้รายได้เอาไปโปะหนี้ธนาคาร
แถมคุณก็มีธุรกิจที่มีรายได้มากพอ อยู่ตัวอยู่แล้ว จะอยากได้เงินไปถมอะไรอีกมากมายไม่รู้จักพอ? โลภจริง ๆ
สิ่งที่เกิดขึ้น คือพ่อแม่กำลังแบ่งมรดก ไม่ใช่คุณทำธุรกิจ ที่ทุกอย่างต้องเป๊ะอย่างยุติธรรม
สิ่งที่ท่านแบ่งให้ มันเหมือนอาจจะดูไม่เท่าเทียม แต่ในความเหมาะสม มันฉลาดที่สุดแล้ว ทำไมคุณมองไม่ออก
อย่าให้ความโลภมาบังตา เอาเงินที่เป็นส่วนเกินที่ไม่รู้จะมีมากไปอีกซักเท่าไหร่ มาบั่นทอนครอบครัวคุณเลย
คุณเข้าใจคำนี้มั้ย พ่อแม่รักลูกเท่ากัน แต่ห่วงไม่เท่ากัน ...
ลูกคนที่ดูแลตัวเองได้ คือความภาคภูมิใจของพ่อแม่ ความเป็นห่วงก็จะน้อยกว่า การดูแลเอาใจใส่ก็จะน้อยกว่า
คนที่ยังตั้งตัวไม่ได้ พ่อแม่ก็จะห่วงมากกว่า ดูแลเอาใจใส่มากกว่า จนกลายเป็นเหมือนลูกรัก ซึ่งไม่ใช่
บางทีลูกคนหนึ่งทำมาหากินรวยสบายไปตลอดชาติ พ่อแม่เลยไม่ได้ให้อะไร เอาไปให้อีกคนที่ยังพยายามสร้างตัว
จะบอกว่าพ่อแม่ลำเอียงหรือ เปล่าเลย ถ้าพี่น้องรักกันมากพอ ก็ต้องรู้จักพอ รู้จักเสียสละ เข้าใจ และเคารพการตัดสินใจของพ่อแม่
มันทุเรศ ที่รวยล้นฟ้า แต่ต้องมาแตกแยกเพราะ พี่ไม่พอใจที่น้องได้มากกว่า
อีกครั้ง ... สงสารพ่อแม่คุณมาก
คนที่ทำมาหากินจนมีทรัพย์สินมากขนาดนี้ ย่อมรู้แก่ใจดีอยู่แล้วว่าจัดสรรมรดกได้เหมาะสมกับลูกอย่างไร
ตอนเด็ก ๆ ก็แย่งขนม แย่งของเล่น พอโตขึ้นมาก็แย่งมรดกสินะ ครอบครัวพี่น้องไม่สนใจ เฮ้อ เศร้า
บางที การที่พ่อแม่ไม่มีอะไรให้เลย อาจจะเป็นเรื่องดีกว่าก็ได้มั้งเนี่ย
กลับมาเรื่องความเหมาะสม
ผมรู้สึกแปลกใจมาก ที่คนที่โตขนาดมีธุรกิจส่วนตัวที่รายได้ดีอยู่ตัว กลับไม่มีหัวคิด หรือวุฒิภาวะมากพอที่จะคิดได้
น้องชายได้ที่ดินมูลค่า 20 ล้าน บวกกับที่อยู่อาศัยมูลค่า 5 ล้าน
เค้าต้องลงไปบริหารจัดการธุรกิจร้านอาหารและพื้นที่ เพื่อรักษาระดับรายได้ให้ปกติ
แต่คุณได้ที่ดิน 10 ล้าน พร้อมอพาร์ทเม้น 5 ชั้น เป็นธุรกิจที่ค่อนข้างอยู่ตัว
คุณแทบจะไม่ต้องทำอะไร เก็บกินไปเรื่อย ๆ จริงอยู่ตอนนี้รายได้เอาไปโปะหนี้ธนาคาร
แถมคุณก็มีธุรกิจที่มีรายได้มากพอ อยู่ตัวอยู่แล้ว จะอยากได้เงินไปถมอะไรอีกมากมายไม่รู้จักพอ? โลภจริง ๆ
สิ่งที่เกิดขึ้น คือพ่อแม่กำลังแบ่งมรดก ไม่ใช่คุณทำธุรกิจ ที่ทุกอย่างต้องเป๊ะอย่างยุติธรรม
สิ่งที่ท่านแบ่งให้ มันเหมือนอาจจะดูไม่เท่าเทียม แต่ในความเหมาะสม มันฉลาดที่สุดแล้ว ทำไมคุณมองไม่ออก
อย่าให้ความโลภมาบังตา เอาเงินที่เป็นส่วนเกินที่ไม่รู้จะมีมากไปอีกซักเท่าไหร่ มาบั่นทอนครอบครัวคุณเลย
คุณเข้าใจคำนี้มั้ย พ่อแม่รักลูกเท่ากัน แต่ห่วงไม่เท่ากัน ...
ลูกคนที่ดูแลตัวเองได้ คือความภาคภูมิใจของพ่อแม่ ความเป็นห่วงก็จะน้อยกว่า การดูแลเอาใจใส่ก็จะน้อยกว่า
คนที่ยังตั้งตัวไม่ได้ พ่อแม่ก็จะห่วงมากกว่า ดูแลเอาใจใส่มากกว่า จนกลายเป็นเหมือนลูกรัก ซึ่งไม่ใช่
บางทีลูกคนหนึ่งทำมาหากินรวยสบายไปตลอดชาติ พ่อแม่เลยไม่ได้ให้อะไร เอาไปให้อีกคนที่ยังพยายามสร้างตัว
จะบอกว่าพ่อแม่ลำเอียงหรือ เปล่าเลย ถ้าพี่น้องรักกันมากพอ ก็ต้องรู้จักพอ รู้จักเสียสละ เข้าใจ และเคารพการตัดสินใจของพ่อแม่
มันทุเรศ ที่รวยล้นฟ้า แต่ต้องมาแตกแยกเพราะ พี่ไม่พอใจที่น้องได้มากกว่า
อีกครั้ง ... สงสารพ่อแม่คุณมาก
ความคิดเห็นที่ 2
ประเด็นมันอยู่ที่ว่า .. แล้วคุณอยากได้อย่างไรจึงจะคิดว่า fair?
ความเห็นต่อความ fair มันก็ตีความได้หลายอย่าง ... ในความเห็นส่วนตัวของผมนั้น ที่พ่อ-แม่คุณคิดก็ค่อนข้าง fair แล้ว ... มันไม่ใช่เรื่องการแบ่งสมบัติให้เท่ากันโดยคิดตามมูลค่าทรัพย์สินเสมอไป แต่จากมุมมองของพ่อแม่นั้น มันเป็นเรื่องของการให้ "โอกาส" และ "อนาคต" ที่เท่าๆ กันกับลูกทั้ง 2 คน ... เพราะฉะนั้น สิ่งที่พ่อแม่แบ่งให้คุณมา แม้จะไม่สร้างรายได้ในวันนี้ แต่คุณมีธุรกิจส่วนตัวที่อยู่ตัวเเละสร้างรายได้ดีอยู่เเล้ว ... ในขณะที่น้องคุณยังต้องการโอกาสและทุนในการตั้งตัว ... การแบ่งอย่างนี้ก็น่าจะ fair
ก็อย่างว่าละ ... แล้วคุณอยากได้อย่างไรจึงจะคิดว่า fair? ... ไปคุยกับน้องละกัน อย่าคุยกับพ่อแม่เลย ... จะไปขอแบ่งรายได้จากค่าเช่าในส่วนของน้อง จนกว่า apartment จะปลอดหนี้ ... นั่นก็เป็นทางนึง ... แต่ผมว่าลองคิดดูดีๆ นะครับ ในเมื่อคุณมีธุรกิจส่วนตัวที่อยู่ตัวเเละสร้างรายได้ดีอยู่เเล้ว ... ในขณะที่น้องคุณยังต้องการโอกาสและทุนในการตั้งตัว ... คุณจะขอแบ่งกับเค้ายังไงดี?
ผมนี้เข้าใจคุณพ่อคุณแม่คุณเลย
ความเห็นต่อความ fair มันก็ตีความได้หลายอย่าง ... ในความเห็นส่วนตัวของผมนั้น ที่พ่อ-แม่คุณคิดก็ค่อนข้าง fair แล้ว ... มันไม่ใช่เรื่องการแบ่งสมบัติให้เท่ากันโดยคิดตามมูลค่าทรัพย์สินเสมอไป แต่จากมุมมองของพ่อแม่นั้น มันเป็นเรื่องของการให้ "โอกาส" และ "อนาคต" ที่เท่าๆ กันกับลูกทั้ง 2 คน ... เพราะฉะนั้น สิ่งที่พ่อแม่แบ่งให้คุณมา แม้จะไม่สร้างรายได้ในวันนี้ แต่คุณมีธุรกิจส่วนตัวที่อยู่ตัวเเละสร้างรายได้ดีอยู่เเล้ว ... ในขณะที่น้องคุณยังต้องการโอกาสและทุนในการตั้งตัว ... การแบ่งอย่างนี้ก็น่าจะ fair
ก็อย่างว่าละ ... แล้วคุณอยากได้อย่างไรจึงจะคิดว่า fair? ... ไปคุยกับน้องละกัน อย่าคุยกับพ่อแม่เลย ... จะไปขอแบ่งรายได้จากค่าเช่าในส่วนของน้อง จนกว่า apartment จะปลอดหนี้ ... นั่นก็เป็นทางนึง ... แต่ผมว่าลองคิดดูดีๆ นะครับ ในเมื่อคุณมีธุรกิจส่วนตัวที่อยู่ตัวเเละสร้างรายได้ดีอยู่เเล้ว ... ในขณะที่น้องคุณยังต้องการโอกาสและทุนในการตั้งตัว ... คุณจะขอแบ่งกับเค้ายังไงดี?
ผมนี้เข้าใจคุณพ่อคุณแม่คุณเลย
ความคิดเห็นที่ 1
สำหรับผมนะครับ แฟร์ครับ เผลอพี่ได้เยอะกว่า
เนื่องจาก
อพาร์ทเม้นไม่มีความเสี่ยง(ทำประกันด้วยละ) โอกาสเจ๊งน้อย เสือนอนกิน สบาย
แต่น้อง ต้องมา เสี่ยงออกหัวออกก้อย แถมทำธุรกิจต้องใช้เงินลงทุน และอื่นๆอีกครับ
ดีไม่ดี เจ๊งมาได้ง่ายมาก
อพาร์ทเม้นถ้ามันเลี้ยงตัวเองได้ ขายใครก็อยากได้ครับ
รักน้องให้มากๆครับและคอยสอดส่องให้ดี ทำธุรกิจมันไม่ได้ง่ายมากขนาดจับอะไรเป็นเงินเป็นทองหมดครับ
อีกอย่างถ้าเรามีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ก็ควรพอเพียง บริจาคหรือแบ่งบันตามสมควรครับ
บางทีชีวิตสมัยนี้เหมือนวิ่งตามเงา ไม่รู้จะวิ่งทันเมื่อไหร่
ส่วนตัวเนอะ
เนื่องจาก
อพาร์ทเม้นไม่มีความเสี่ยง(ทำประกันด้วยละ) โอกาสเจ๊งน้อย เสือนอนกิน สบาย
แต่น้อง ต้องมา เสี่ยงออกหัวออกก้อย แถมทำธุรกิจต้องใช้เงินลงทุน และอื่นๆอีกครับ
ดีไม่ดี เจ๊งมาได้ง่ายมาก
อพาร์ทเม้นถ้ามันเลี้ยงตัวเองได้ ขายใครก็อยากได้ครับ
รักน้องให้มากๆครับและคอยสอดส่องให้ดี ทำธุรกิจมันไม่ได้ง่ายมากขนาดจับอะไรเป็นเงินเป็นทองหมดครับ
อีกอย่างถ้าเรามีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ก็ควรพอเพียง บริจาคหรือแบ่งบันตามสมควรครับ
บางทีชีวิตสมัยนี้เหมือนวิ่งตามเงา ไม่รู้จะวิ่งทันเมื่อไหร่
ส่วนตัวเนอะ
แสดงความคิดเห็น
ปรึกษาปัญหามรดก รู้สึกไม่ Fair แต่ก็พูดไม่ออก
ที่บ้านเรามีกัน 4 คน พ่อ เเม่ เรา เเละ น้องชาย
เราทำธุรกิจส่วนตัวค่ะ รายได้ดี ค่อนข้างอยู่ตัว ไม่มีภาระหนี้สิน ส่วนน้องชายเปิดร้านกาเเฟเเละร้านอาหารอยู่บนที่ดินของที่บ้าน ซึ่งเป็นที่ดินที่ทางพ่อเเม่ซื้อไว้ให้ โดยที่ดินดังกล่าวมีพื้นที่รวม 300 ตร.วา (มูลค่าประเมิน 30ล้าน) ใกล้เเหล่งชุมชน ใกล้สถานศึกษาเเละห้างสรรพสินค้า ซึ่งทางพ่อเเม่ได้จัดสรรที่ดินไว้เเบบนี้
น้องชายได้พื้นที่หัวมุมติดถนนทำเลดี 200 ตรวา พร้อมอาคารอยู่อาศัย3ชั้นมูลค่า 5 ล้าน เพื่อทำร้านอาหารเเละพื้นที่ให้ร้านค้ามาเช่า (สร้างรายได้ประมาณ170,000฿ต่อเดือน) ในส่วนของเราได้พื้นที่ถัดไปไม่ใช่หัวมุมขนาด 100 ตรว.พร้อมอพาร์ทเม้น5ชั้น มูลค่า15ล้าน (***เเต่เป็นการกู้เงินสดมาสร้างอาคาร***) โดยพ่อเเม่มองว่าหารเเบ่งเเบบง่ายๆ เท่ากับเราเเละน้องได้ที่ดินเเละสิ่งปลูกสร้างรวมคนละ 25 ล้านเท่ากัน พร้อมให้เหตุผลว่าเนื่องจากเรามีธุรกิจส่วนตัวที่อยู่ตัวเเละสร้างรายได้ดีอยู่เเล้วซึ่งทุกวันนี้เเทบไม่มีเวลาทำอะไร จึงให้เป็นอพาร์ทเม้นไว้จะเหมาะกับเรา ในขณะที่น้องชายมีความฝันเเละพร้อมที่อยากทำร้านอาหารอยู่เเล้วซึ่งเค้าก็ทำได้ดีค่ะ
แต่หากประเมินเเล้วจะเห็นว่า น้องได้พื้นที่หัวมุมติดถนน หากคิดเป็นมูลค่าประเมินตามจริงเเล้วมากกว่าหลายเท่า พร้อมอาคารที่เเม้จะมูลค่า 5 ล้าน เเต่ไม่มีหนี้สิน เเละมีรายได้เข้ากระเป๋า ในขณะที่อพาร์ทเม้นพื้นที่100ตรวา กับหนี้เงินกู้ 15 ล้าน ซึ่งปัจจุบันอพาร์ทเม้นเต็ม เเต่รายได้ทั้งหมดที่ได้มาต้องนำมาจ่ายธนาคาร เท่ากับเราจะไม่ได้รายได้จากส่วนนี้เลยเเม้เเต่บาทเดียวเป็นระยะเวลาตลอดจนกว่าจะกลบหนี้ได้ค่ะ
การจัดสรรเเบบนี้เพื่อนๆพี่ๆคิดเห็นว่าถูกต้องเหมาะสมหรือไม่คะ หรือหากไม่ Fair ควรจัดสรรชดเชยอย่างไรเพื่อให้ Fair กับทุกฝ่าย (ควรชดเชยเป็นสินทรัพย์ในส่วนอื่นเเทนจะเหมาะสมหรือไม่คะ ควรคิดมูลค่าอย่างไรให้ยุติธรรมกับทุกฝ่ายคะ) เรื่องนี้เราค่อนข้างลำบากใจ ไม่ได้ปรึกษาใคร เพราะเรื่องเงินๆทองๆ มรดกพวกนี้ เราไม่อยากทำให้มีประเด็น ไม่อยากให้พ่อเเม่ไม่สบายใจ หรือคิดว่าพี่น้องจะมีปัญหากันเพราะเงินๆทองๆค่ะ
รบกวนขอความคิดเห็นเเละข้อคิดดีๆ "ในทางสร้างสรรค์" จากเพื่อนๆพี่ๆนะค้า ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
หมายเหตุ : ถ้าเเท็กผิดห้องต้องขออภัยด้วยนะคะ!!!!
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
edit =>
***ข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ (ที่ไม่ได้ลงรายละเอียดเเต่เเรกเพราะคิดว่าไม่สำคัญ เเต่เพื่อเปนข้อมูลพื้นฐาน ขอเเชร์เเล้วกันค่ะ)
-ร้านอาหารของน้องชายไปได้ดีค่ะเปิดมา3ปีเเล้ว มีลูกค้าประจำเยอะ มีเเผนขยายกิจการ รายได้ทั้งหมดเป็นส่วนของน้อง ไม่คิดก้าวก่ายค่ะ
-ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่ทุกคนมีส่วนในการบริหารทรัพย์สิน พ่อเเม่ปลูกฝังให้คิดเเละจัดการเรื่องการค้ามาตั้งเเต่เด็ก พอโตขึ้นก็ให้มีส่วนในการเสนอเเนะจัดสรรที่ดินส่วนต่างๆร่วมกัน เปนปกติของครอบครัวเราค่ะ
-พ่อเเม่มีรายได้จากธุรกิจอสังหาเเละมีสินทรัพย์ในส่วนอื่น ไม่ลำบากค่ะ เเละเราให้เงินท่านเดือนละ 100,000฿ น้องให้เดือนละ 50,000฿ค่ะ
-เราเข้าใจเรื่องความต่างทางความคิดโดยเฉพาะในที่นี้นะคะ ที่ตั้งกระทู้ขึ้นเพื่ออยากทราบข้อเเนะนำหรือความคิดเห็นในเชิง สร้างสรรค์ มุมมองที่เป็นกลาง จากหลายๆเเง่มุม หลายๆครอบครัว ที่อาจมีประสบการณ์ค่ะ