มือใหม่หัดเขียนค่ะ อ่านแล้วชอบหรือไม่ชอบยังไง ขอคำติชมเพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขและเป็นกำลังใจให้น้องใหม่คนนี้ด้วยนะคะ
อยากให้ทุกคนอ่านอย่างมีความสุขนะคะ
เรื่อง กลร้าย อุบัติรัก
นามปากกา ขอจันทร์
“แต่งงาน!!”
มุกรวีแผดเสียงลั่น แทบจะทำขนมปังที่เพิ่งจะทาแยมไม่เต็มแผ่นดีหลุดจากมือเมื่อ อยู่ดีๆบิดาของหล่อนก็พูดถึงเรื่องการแต่งงานของเธอขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไม่มีการเกริ่นนำใดๆทั้งสิ้นว่า
‘แต่งงานมั้ยมุก’
นี่หล่อนฟังผิดไปหรืออย่างไร ใจนึงก็นึกขำที่คุณป๋าของเธอพูดราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เหมือนประโยคทั่วๆไปอย่าง ‘กินข้าวมั้ยลูก’ อะไรแบบนั้น แต่เธอไม่มีอารมณ์จะเฮฮาหรรษาตอนนี้ ดูจากท่าทางแล้วคุณป๋าตอนนี้คงไม่ใช่การพูดขึ้นมาเล่นๆเพื่อนหยอกล้อเธอเป็นแน่
“คุณป๋าพูดจริงๆนะ คุณป๋าจะให้มุกแต่งงาน”
ยิ่งได้รับคำยืนยันหญิงสาวยิ่งงุนงงไปกันใหญ่ “แต่งงาน... แต่งกับใครที่ไหน ลูกสาวคุณป๋าไม่มีแฟนเลยนะคะ”
“ลูกสาวคุณป๋าไม่มีแฟน แต่มีคู่หมั้น”
“คู่หมั้น!!”
“เอ ลูกสาวคุณป๋านี่เป็นอับดุลหรือยังไง ต้องทวนคำคุณป๋าอยู่เรื่อย” อรุณพูดยิ้มๆให้มุกรวี
“ไม่ตลกนะคุณป๋า”
“มุกเอ้ยย”
“เอ้ยย ...อ๊ายยย พอแล้วคุณป๋า คุยกันให้รู้เรื่องก่อน แล้วเดี๋ยวมุกจะพาคุณป๋าไปเล่นตลกที่ร้านหมูกะทะดีมั้ยคะ”
นายอรุณหัวเราะร่าเมื่อเห็นว่าลูกสาวเผลอตบมุกกลับมา ก่อนจะเริ่มเข้าเรื่องเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น
“เขาเป็นลูกชายของเพื่อนคุณป๋าเอง”
“เพื่อนคนไหนคะ แล้วมุกไปเป็นคู่หมั้นเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่”
“จำคุณป้าจันทร์ฉายได้มั้ย ที่เราเคยเจอตอนยังเด็กบ่อยๆนั่นล่ะ เขามีลูกชายสองคนคุณป๋าจะให้มุกแต่งงานกับลูกชายคนโต เขาชื่อ เขมินท์”
บทที่ 1
“เขมินท์....”
“มุก พึมพำอะไรอยู่คนเดียวนะ”
พิมพ์เพทาย เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นญาติสาวนั่งนิ่งไปพักใหญ่ หลังจากที่เล่าเรื่องการแต่งงานสายฟ้าแลบที่กำลังจะเกิดขึ้นของตัวเองให้หล่อนฟัง ในครั้งแรกพิมพ์เพทายตกใจไม่น้อยกับเรื่องที่อีกฝ่ายเล่า มันรวดเร็วเกินไปจริงๆ และรู้สึกเห็นใจญาติสาวอยู่ไม่น้อยที่อยู่ๆก็ตกอยู่ในสถานการณ์อลเวงอลวนต้องไปแต่งงานกับใครที่ไหนก็ไม่รู้จัก
“แล้วอยู่ดีๆทำไมเธอต้องไปแต่งงานกับนายเขมินท์นั่นด้วยละ”
มุกรวีนิ่วหน้า แล้วนึกไปถึงตอนที่เธอคุยกับบิดา และถามบิดาของเธอด้วยคำถามเดียวกันนี้
‘มันเป็นคำสัญญาของคุณป๋า กับ คุณจันทร์ฉายตั้งแต่ก่อนที่ลูกจะเกิด ลูกรู้ใช่มั้ยว่าก่อนที่คุณป๋าจะเจอแม่ คุณป๋ากับคุณจันทร์ฉาย เคยรักกันมาก่อน’
‘ค่ะ’ มุกรวีตอบรับ เธอรู้เรื่องนี้มาบ้างจากการที่คุณป๊าเคยเล่าให้ฟัง มารดาที่ล่วงลับไปแล้วของเธอก็รู้เรื่องนี้ดี แต่ก็ไม่ได้เก็บมาเป็นปัญหาของครอบครัวแต่อย่างใด แม้ว่าเธอจะไม่เคยมีโอกาสได้อยู่กับมารดาหาก ตลอดหลายสิบปีที่ที่เธอเติบโตขึ้น มาบิดาของเธอแสดงให้เห็นแล้วว่ารัก และให้เกียรติมารดาของเธอเพียงคนเดียว และปัจจุบันทั้งคุณป๋าและคุณป้าจันทร์ฉายก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
คุณป้าจันทร์ฉายนั้นแต่งงานกับนายตำรวจใหญ่ที่ปัจจุบันได้เกษียณอายุราชการแล้ว ทั้งคู่ครอบครัวที่อบอุ่น ร่วมกันบุกเบิกไร่จันทร์ฉาย ไร่องุ่นขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกจากตัวเมืองพอสมควร และตามด้วยกิจการโรงแรมหิมาลายาที่สร้างขึ้นทีหลังตั้งอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ซึ่งเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
มุกรวีเคยได้พบกับคุณป้าจันทร์ฉายอยู่บ้างเมื่อครั้งที่เธอยังเป็นเด็กหญิง คุณป๋าพาเธอไปเที่ยวโดยมีครอบครัวของคุณนายจันทร์ฉายต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี หากแต่เธอไม่เคยพบนายเขมินท์บุตรชายคนโตของท่านเลยแม้แต่ครั้งเดียว จะมีก็เพียงแค่คุณป้าจันทร์ฉายพูดถึงให้ฟังเท่านั้น แล้วอย่างนี้จะให้เธอทำใจแต่งงานกับเข้าได้อย่างไรหนอ!
‘ตอนนั้นเพราะคุณพ่อของคุณจันทร์ฉายไม่ยอมรับพ่อ เพราะพ่อมันเป็นแค่ช่างเพชรช่างพลอยจนๆ ท่านไม่เชื่อว่าพ่อจะสามารถดูแลลูกสาวท่านได้’ พูดถึงตรงนี้บิดาของหล่อนก็ถอนหายใจหนักหน่วง แล้วเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงระทดท้อโศกเศร้าเหลือแสน
'เลยทำให้เราสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่เราก็สัญญากันเอาไว้ว่าถ้ามีลูกเป็นเพศเดียวกันก็จะให้ลูกของเราเป็นเพื่อนรักกัน แต่ถ้าลูกเป็นชาย – หญิง เราก็จะให้ลูกทั้งสอง ...แต่งงานกัน’
‘น้ำเน่ามาก คุณป๋าเอามาจากละครเรื่องไหนคะเนี่ย’
‘คุณป๋าไม่ชอบดูละครหรอก แต่ช่วงนั้นคุณจันทร์ฉายก็เหมือนจะติดอยู่ เรื่องอะไรนะ แหม.. คุณป๋าก็จำไม่ได้ซะด้วย’ อรุณพูดพลางทำท่าครุ่นคิด จริงจังเสียจนน่าโมโห
‘เรื่องอะไรก็ช่างเถอะค่ะ โธ่ คุณป๋าไปสัญญาอะไรแบบนั้นได้ยังไง หน้าตาเค้าเป็นยังไงมุกยังไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ’
‘หล่อนะ คุณป๋าเคยเห็นในรูป’
‘คุณป๋า!! ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นซะหน่อย’ มุกรวีหน้าง้ำเมื่อเห็นบิดายังพูดเหมือนเป็นเรื่องเล่นๆ
‘นอกจากเรื่องคำสัญญา ก็ยังมีบุญคุณที่คุณศรัณย์เคยช่วยพ่อเอาไว้ด้วยนะ’ มุกรวีนิ่งฟังเมื่ออรุณพูดถึงคุณลุงศรัณย์สามีของคุณป้าจันทร์งาม
‘ตอนที่คุณป๊าเริ่มทำธุรกิจร้านจิวเวอรี่ใหม่ๆ คุณป๋าขาดทุนไม่เป็นท่า โชคดีที่คุณศรัณย์เอาเงินมาช่วยหนุนธุรกิจของคุณป๋าไว้ ทำให้คุณป๋าลุกขึ้นยืนได้ และขยายจนมีกิจการใหญ่โตเหมือนทุกวันนี้’
‘ถ้าอย่างนั้นตอบแทนเขาเป็นเงินไม่ได้หรอคะ มุกมีมรดกของคุณตา เขาช่วยคุณป๋ามาเท่าไหร่ มุกจะคืนให้เขาเท่านั้น พร้อมดอกเบี้ยด้วยก็ได้ เอ้า!’
คุณอรุณเปลี่ยนสีหน้าไปนิดนึงเมื่อ มุกรวีพูดถึงมรดกเป็นเงินสดหลายสิบล้าน แล้วยังที่ดินอีกหลายร้อยไร่ที่เธอได้รับหลังจากเปิดพินัยกรรมของคุณตาที่ล่วงลับไปแล้ว คุณอรุณยืนขึ้นหันหลังให้หล่อน แล้วจึงพูดต่อ
‘คุณป๋าไม่เอาเงินของมุกหรอก ทางนู้นเขาก็คงไม่อยากได้เหมือนกัน แต่คุณป๋าพียงแค่อยากไถ่บาปที่คุณป๋ายอมแพ้แล้วทอดทิ้งคุณจันทร์ฉายไป ทำให้เธอต้องเศร้าเสียใจ’ อรุณพูดขณะที่ยังหันหลังให้ลูกสาวสังเกตเห็นไหล่ทั้งสองข้างสั่นน้อยๆ แล้วจึงค่อยๆนั่งลงพิงกับพนักโซฟา
‘อย่างน้อยคุณป๋าก็อยากให้คุณจันทร์ฉายรู้ว่าคุณป๋าไม่เคยลืมสัญญา แล้วยังบุญคุณของคุณศรัณย์อีก แต่ในเมื่อมุกไม่อยากแต่ง คุณป๋าก็ไม่อยากไม่บังคับ คุณป๋าจะยอมติดหนี้ชาตินี้ไปทั้งชาติ แล้วคุณป๋าจะไปขอใช้คืนเขาในชาติหน้า’ พูดจบด้วยเสียงอันสั่นเครือ แล้วคุณอรุณก็ก้มหน้าซบลงกับฝ่ามือ มุกรวีเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปกอดคุณป๋าจากด้านหลังไว้
‘โธ่ คุณป๋าอย่าพูดแบบนี้สิ’
‘ช่างมันเถอะมุก มันก็เป็นแค่เรื่องที่คนแก่ๆตกลงกันเอง ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย’ คุณอรุณหันมาหามุกรวีแล้วเธอก็ได้เห็นตาแดงๆของคุณป๋า เท่านั้นเองมุกรวีต้องก็ยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
‘ก็ได้ค่ะ มุกจะลองไปเจอเขาดูก็ได้’
ฟังลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนพูดจบ คุณอรุณก็ตาเป็นประกายขึ้นมาแทบจะทันที ‘คุณป๋าดีใจที่สุด งั้นเดี๋ยวคุณป๋าจะรีบไปจองตั๋วเครื่องบินให้มุก ให้เร็วที่สุดเลยนะ’ พูดจบคุณอรุณก็ทำท่าจะลุกขึ้นไปทันที มุกรวีเห็นดังนั้นก็รีบคว้าตัวคุณป๋าไว้อย่างแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของผู้เป็นบิดา
‘คุณป๋า ไอ้ที่นั่งฟูมฟายเมื่อกี๊ เรื่องจริง หรือเล่นละครคะ’
‘โถ่ เรื่องจริงสิลูกรัก’ อรุณที่รู้ตัวว่าดีใจออกนอกหน้าไปหน่อย ก้มตัวลงกอดลูกสาวแรงๆหนึ่งที
‘มุกต้องไปให้เร็วที่สุดเลยหรือคะ’
คุณอรุณชะงักไป ก่อนหันมาตอบลูกสาวอย่างใจดี ‘ก็คุณป๋าอยากให้มุกได้เจอกับเขาเร็วๆไง เรามีเวลาแค่สามเดือนนะในการทำความรู้จักกับเขา ก่อนที่จะต้องแต่งงานกัน’
‘มุกรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้หญิงที่เอาตัวไปให้ผู้ชายเลือกถึงที่เลย...’ มุกรวีพูดพลางทำสีหน้าประหลาด
‘ทางนู้นเขายินดีที่หนูจะไป เชื่อคุณป๋าสิ’
‘นายเขมินท์อะไรนั่นก็ยินดีเหมือนกันหรือคะ’
‘อ่า..’
‘คุณป๋าทำหน้าแบบนี้ ต้องไม่แน่เลย ให้ตายเถอะ! มุกต้องเป็นเหมือนพจมานที่โดนเขากลั่นแกล้งขับไล่ไสส่งตั้งแต่วันแรกที่เหยียบเข้าไปในบ้านทรายทองแน่ๆ’ มุกรวีพูดด้วยสีหน้าจริงจัง จนคุณอรุณอดไม่ได้ที่จะขำกับจินตนาการที่ดูจะน้ำเน่าอยู่สักหน่อยของลูกสาว ไม่อยากจะทำลายจินตนาการของลูกสาวด้วยการบอกว่า หากหล่อนเป็นพจมานจริง ไม่ใครก็ใครคงโดนหล่อนควงชะลอมฟาดหูตาแตกเป็นแน่
‘มุกรักคุณป๋ามั้ย’
‘รักสิคะ มุกรักคุณป๋าที่สุด’ มุกรวีพูดพลางโน้มตัวเข้าไปโอบกอด และซุกหน้าลงกับพุงกลมๆของอรุณ ทำให้อรุณยิ้มอย่างเอ็นดู ก่อนพูดต่อ
‘แล้วมุกรู้ใช่มั้ยว่าคุณป๋าก็รักมุกที่สุด’
พูดแล้วก็เห็นลูกสาวตัวน้อยพยักหน้า อรุณจึงพูดต่อ ‘เพราะฉะนั้น มุกก็คงรู้ว่าคุณป๋าไม่มีทางที่จะส่งมุกเจอกับเรื่องเลวร้ายแน่นอน’
‘...’
‘คุณป๋ารักมุกมากกว่าชีวิตของคุณป๋า เพราะฉะนั้นถ้าคุณป๋าจะยกมุกให้ใครสักคน คนนั้นเป็นคนดีมากพอ เป็นคนที่คุณป๋าไว้ใจว่าเขาจะดูแลแทนคุณป๋าได้’ อรุณพูดพลางมองมุกรวีที่ยังคงซุกหน้าอยู่ในอ้อมกอดของเขานิ่ง ไม่โต้ตอบอะไร จึงพูดต่อคล้ายจะเอ่ยกับตัวเอง ‘อยู่กับเขามุกจะต้องปลอดภัย...’
(ต่อ คห.1)
กลร้ายอุบัติรัก บทที่ ๑
อยากให้ทุกคนอ่านอย่างมีความสุขนะคะ
เรื่อง กลร้าย อุบัติรัก
นามปากกา ขอจันทร์
“แต่งงาน!!”
มุกรวีแผดเสียงลั่น แทบจะทำขนมปังที่เพิ่งจะทาแยมไม่เต็มแผ่นดีหลุดจากมือเมื่อ อยู่ดีๆบิดาของหล่อนก็พูดถึงเรื่องการแต่งงานของเธอขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไม่มีการเกริ่นนำใดๆทั้งสิ้นว่า
‘แต่งงานมั้ยมุก’
นี่หล่อนฟังผิดไปหรืออย่างไร ใจนึงก็นึกขำที่คุณป๋าของเธอพูดราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เหมือนประโยคทั่วๆไปอย่าง ‘กินข้าวมั้ยลูก’ อะไรแบบนั้น แต่เธอไม่มีอารมณ์จะเฮฮาหรรษาตอนนี้ ดูจากท่าทางแล้วคุณป๋าตอนนี้คงไม่ใช่การพูดขึ้นมาเล่นๆเพื่อนหยอกล้อเธอเป็นแน่
“คุณป๋าพูดจริงๆนะ คุณป๋าจะให้มุกแต่งงาน”
ยิ่งได้รับคำยืนยันหญิงสาวยิ่งงุนงงไปกันใหญ่ “แต่งงาน... แต่งกับใครที่ไหน ลูกสาวคุณป๋าไม่มีแฟนเลยนะคะ”
“ลูกสาวคุณป๋าไม่มีแฟน แต่มีคู่หมั้น”
“คู่หมั้น!!”
“เอ ลูกสาวคุณป๋านี่เป็นอับดุลหรือยังไง ต้องทวนคำคุณป๋าอยู่เรื่อย” อรุณพูดยิ้มๆให้มุกรวี
“ไม่ตลกนะคุณป๋า”
“มุกเอ้ยย”
“เอ้ยย ...อ๊ายยย พอแล้วคุณป๋า คุยกันให้รู้เรื่องก่อน แล้วเดี๋ยวมุกจะพาคุณป๋าไปเล่นตลกที่ร้านหมูกะทะดีมั้ยคะ”
นายอรุณหัวเราะร่าเมื่อเห็นว่าลูกสาวเผลอตบมุกกลับมา ก่อนจะเริ่มเข้าเรื่องเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น
“เขาเป็นลูกชายของเพื่อนคุณป๋าเอง”
“เพื่อนคนไหนคะ แล้วมุกไปเป็นคู่หมั้นเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่”
“จำคุณป้าจันทร์ฉายได้มั้ย ที่เราเคยเจอตอนยังเด็กบ่อยๆนั่นล่ะ เขามีลูกชายสองคนคุณป๋าจะให้มุกแต่งงานกับลูกชายคนโต เขาชื่อ เขมินท์”
บทที่ 1
“เขมินท์....”
“มุก พึมพำอะไรอยู่คนเดียวนะ”
พิมพ์เพทาย เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นญาติสาวนั่งนิ่งไปพักใหญ่ หลังจากที่เล่าเรื่องการแต่งงานสายฟ้าแลบที่กำลังจะเกิดขึ้นของตัวเองให้หล่อนฟัง ในครั้งแรกพิมพ์เพทายตกใจไม่น้อยกับเรื่องที่อีกฝ่ายเล่า มันรวดเร็วเกินไปจริงๆ และรู้สึกเห็นใจญาติสาวอยู่ไม่น้อยที่อยู่ๆก็ตกอยู่ในสถานการณ์อลเวงอลวนต้องไปแต่งงานกับใครที่ไหนก็ไม่รู้จัก
“แล้วอยู่ดีๆทำไมเธอต้องไปแต่งงานกับนายเขมินท์นั่นด้วยละ”
มุกรวีนิ่วหน้า แล้วนึกไปถึงตอนที่เธอคุยกับบิดา และถามบิดาของเธอด้วยคำถามเดียวกันนี้
‘มันเป็นคำสัญญาของคุณป๋า กับ คุณจันทร์ฉายตั้งแต่ก่อนที่ลูกจะเกิด ลูกรู้ใช่มั้ยว่าก่อนที่คุณป๋าจะเจอแม่ คุณป๋ากับคุณจันทร์ฉาย เคยรักกันมาก่อน’
‘ค่ะ’ มุกรวีตอบรับ เธอรู้เรื่องนี้มาบ้างจากการที่คุณป๊าเคยเล่าให้ฟัง มารดาที่ล่วงลับไปแล้วของเธอก็รู้เรื่องนี้ดี แต่ก็ไม่ได้เก็บมาเป็นปัญหาของครอบครัวแต่อย่างใด แม้ว่าเธอจะไม่เคยมีโอกาสได้อยู่กับมารดาหาก ตลอดหลายสิบปีที่ที่เธอเติบโตขึ้น มาบิดาของเธอแสดงให้เห็นแล้วว่ารัก และให้เกียรติมารดาของเธอเพียงคนเดียว และปัจจุบันทั้งคุณป๋าและคุณป้าจันทร์ฉายก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
คุณป้าจันทร์ฉายนั้นแต่งงานกับนายตำรวจใหญ่ที่ปัจจุบันได้เกษียณอายุราชการแล้ว ทั้งคู่ครอบครัวที่อบอุ่น ร่วมกันบุกเบิกไร่จันทร์ฉาย ไร่องุ่นขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกจากตัวเมืองพอสมควร และตามด้วยกิจการโรงแรมหิมาลายาที่สร้างขึ้นทีหลังตั้งอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ซึ่งเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
มุกรวีเคยได้พบกับคุณป้าจันทร์ฉายอยู่บ้างเมื่อครั้งที่เธอยังเป็นเด็กหญิง คุณป๋าพาเธอไปเที่ยวโดยมีครอบครัวของคุณนายจันทร์ฉายต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี หากแต่เธอไม่เคยพบนายเขมินท์บุตรชายคนโตของท่านเลยแม้แต่ครั้งเดียว จะมีก็เพียงแค่คุณป้าจันทร์ฉายพูดถึงให้ฟังเท่านั้น แล้วอย่างนี้จะให้เธอทำใจแต่งงานกับเข้าได้อย่างไรหนอ!
‘ตอนนั้นเพราะคุณพ่อของคุณจันทร์ฉายไม่ยอมรับพ่อ เพราะพ่อมันเป็นแค่ช่างเพชรช่างพลอยจนๆ ท่านไม่เชื่อว่าพ่อจะสามารถดูแลลูกสาวท่านได้’ พูดถึงตรงนี้บิดาของหล่อนก็ถอนหายใจหนักหน่วง แล้วเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงระทดท้อโศกเศร้าเหลือแสน
'เลยทำให้เราสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่เราก็สัญญากันเอาไว้ว่าถ้ามีลูกเป็นเพศเดียวกันก็จะให้ลูกของเราเป็นเพื่อนรักกัน แต่ถ้าลูกเป็นชาย – หญิง เราก็จะให้ลูกทั้งสอง ...แต่งงานกัน’
‘น้ำเน่ามาก คุณป๋าเอามาจากละครเรื่องไหนคะเนี่ย’
‘คุณป๋าไม่ชอบดูละครหรอก แต่ช่วงนั้นคุณจันทร์ฉายก็เหมือนจะติดอยู่ เรื่องอะไรนะ แหม.. คุณป๋าก็จำไม่ได้ซะด้วย’ อรุณพูดพลางทำท่าครุ่นคิด จริงจังเสียจนน่าโมโห
‘เรื่องอะไรก็ช่างเถอะค่ะ โธ่ คุณป๋าไปสัญญาอะไรแบบนั้นได้ยังไง หน้าตาเค้าเป็นยังไงมุกยังไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ’
‘หล่อนะ คุณป๋าเคยเห็นในรูป’
‘คุณป๋า!! ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นซะหน่อย’ มุกรวีหน้าง้ำเมื่อเห็นบิดายังพูดเหมือนเป็นเรื่องเล่นๆ
‘นอกจากเรื่องคำสัญญา ก็ยังมีบุญคุณที่คุณศรัณย์เคยช่วยพ่อเอาไว้ด้วยนะ’ มุกรวีนิ่งฟังเมื่ออรุณพูดถึงคุณลุงศรัณย์สามีของคุณป้าจันทร์งาม
‘ตอนที่คุณป๊าเริ่มทำธุรกิจร้านจิวเวอรี่ใหม่ๆ คุณป๋าขาดทุนไม่เป็นท่า โชคดีที่คุณศรัณย์เอาเงินมาช่วยหนุนธุรกิจของคุณป๋าไว้ ทำให้คุณป๋าลุกขึ้นยืนได้ และขยายจนมีกิจการใหญ่โตเหมือนทุกวันนี้’
‘ถ้าอย่างนั้นตอบแทนเขาเป็นเงินไม่ได้หรอคะ มุกมีมรดกของคุณตา เขาช่วยคุณป๋ามาเท่าไหร่ มุกจะคืนให้เขาเท่านั้น พร้อมดอกเบี้ยด้วยก็ได้ เอ้า!’
คุณอรุณเปลี่ยนสีหน้าไปนิดนึงเมื่อ มุกรวีพูดถึงมรดกเป็นเงินสดหลายสิบล้าน แล้วยังที่ดินอีกหลายร้อยไร่ที่เธอได้รับหลังจากเปิดพินัยกรรมของคุณตาที่ล่วงลับไปแล้ว คุณอรุณยืนขึ้นหันหลังให้หล่อน แล้วจึงพูดต่อ
‘คุณป๋าไม่เอาเงินของมุกหรอก ทางนู้นเขาก็คงไม่อยากได้เหมือนกัน แต่คุณป๋าพียงแค่อยากไถ่บาปที่คุณป๋ายอมแพ้แล้วทอดทิ้งคุณจันทร์ฉายไป ทำให้เธอต้องเศร้าเสียใจ’ อรุณพูดขณะที่ยังหันหลังให้ลูกสาวสังเกตเห็นไหล่ทั้งสองข้างสั่นน้อยๆ แล้วจึงค่อยๆนั่งลงพิงกับพนักโซฟา
‘อย่างน้อยคุณป๋าก็อยากให้คุณจันทร์ฉายรู้ว่าคุณป๋าไม่เคยลืมสัญญา แล้วยังบุญคุณของคุณศรัณย์อีก แต่ในเมื่อมุกไม่อยากแต่ง คุณป๋าก็ไม่อยากไม่บังคับ คุณป๋าจะยอมติดหนี้ชาตินี้ไปทั้งชาติ แล้วคุณป๋าจะไปขอใช้คืนเขาในชาติหน้า’ พูดจบด้วยเสียงอันสั่นเครือ แล้วคุณอรุณก็ก้มหน้าซบลงกับฝ่ามือ มุกรวีเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปกอดคุณป๋าจากด้านหลังไว้
‘โธ่ คุณป๋าอย่าพูดแบบนี้สิ’
‘ช่างมันเถอะมุก มันก็เป็นแค่เรื่องที่คนแก่ๆตกลงกันเอง ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย’ คุณอรุณหันมาหามุกรวีแล้วเธอก็ได้เห็นตาแดงๆของคุณป๋า เท่านั้นเองมุกรวีต้องก็ยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
‘ก็ได้ค่ะ มุกจะลองไปเจอเขาดูก็ได้’
ฟังลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนพูดจบ คุณอรุณก็ตาเป็นประกายขึ้นมาแทบจะทันที ‘คุณป๋าดีใจที่สุด งั้นเดี๋ยวคุณป๋าจะรีบไปจองตั๋วเครื่องบินให้มุก ให้เร็วที่สุดเลยนะ’ พูดจบคุณอรุณก็ทำท่าจะลุกขึ้นไปทันที มุกรวีเห็นดังนั้นก็รีบคว้าตัวคุณป๋าไว้อย่างแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของผู้เป็นบิดา
‘คุณป๋า ไอ้ที่นั่งฟูมฟายเมื่อกี๊ เรื่องจริง หรือเล่นละครคะ’
‘โถ่ เรื่องจริงสิลูกรัก’ อรุณที่รู้ตัวว่าดีใจออกนอกหน้าไปหน่อย ก้มตัวลงกอดลูกสาวแรงๆหนึ่งที
‘มุกต้องไปให้เร็วที่สุดเลยหรือคะ’
คุณอรุณชะงักไป ก่อนหันมาตอบลูกสาวอย่างใจดี ‘ก็คุณป๋าอยากให้มุกได้เจอกับเขาเร็วๆไง เรามีเวลาแค่สามเดือนนะในการทำความรู้จักกับเขา ก่อนที่จะต้องแต่งงานกัน’
‘มุกรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้หญิงที่เอาตัวไปให้ผู้ชายเลือกถึงที่เลย...’ มุกรวีพูดพลางทำสีหน้าประหลาด
‘ทางนู้นเขายินดีที่หนูจะไป เชื่อคุณป๋าสิ’
‘นายเขมินท์อะไรนั่นก็ยินดีเหมือนกันหรือคะ’
‘อ่า..’
‘คุณป๋าทำหน้าแบบนี้ ต้องไม่แน่เลย ให้ตายเถอะ! มุกต้องเป็นเหมือนพจมานที่โดนเขากลั่นแกล้งขับไล่ไสส่งตั้งแต่วันแรกที่เหยียบเข้าไปในบ้านทรายทองแน่ๆ’ มุกรวีพูดด้วยสีหน้าจริงจัง จนคุณอรุณอดไม่ได้ที่จะขำกับจินตนาการที่ดูจะน้ำเน่าอยู่สักหน่อยของลูกสาว ไม่อยากจะทำลายจินตนาการของลูกสาวด้วยการบอกว่า หากหล่อนเป็นพจมานจริง ไม่ใครก็ใครคงโดนหล่อนควงชะลอมฟาดหูตาแตกเป็นแน่
‘มุกรักคุณป๋ามั้ย’
‘รักสิคะ มุกรักคุณป๋าที่สุด’ มุกรวีพูดพลางโน้มตัวเข้าไปโอบกอด และซุกหน้าลงกับพุงกลมๆของอรุณ ทำให้อรุณยิ้มอย่างเอ็นดู ก่อนพูดต่อ
‘แล้วมุกรู้ใช่มั้ยว่าคุณป๋าก็รักมุกที่สุด’
พูดแล้วก็เห็นลูกสาวตัวน้อยพยักหน้า อรุณจึงพูดต่อ ‘เพราะฉะนั้น มุกก็คงรู้ว่าคุณป๋าไม่มีทางที่จะส่งมุกเจอกับเรื่องเลวร้ายแน่นอน’
‘...’
‘คุณป๋ารักมุกมากกว่าชีวิตของคุณป๋า เพราะฉะนั้นถ้าคุณป๋าจะยกมุกให้ใครสักคน คนนั้นเป็นคนดีมากพอ เป็นคนที่คุณป๋าไว้ใจว่าเขาจะดูแลแทนคุณป๋าได้’ อรุณพูดพลางมองมุกรวีที่ยังคงซุกหน้าอยู่ในอ้อมกอดของเขานิ่ง ไม่โต้ตอบอะไร จึงพูดต่อคล้ายจะเอ่ยกับตัวเอง ‘อยู่กับเขามุกจะต้องปลอดภัย...’
(ต่อ คห.1)