ผมเป็นครูบรรจุใหม่ ในการทำงาน มีหลายอย่างที่ค้านใจผม ควรทำอย่างไรดี?

กระทู้คำถาม
สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน ผมชื่อ วิว ครับ ผมมีเรื่องอยากจะขอคำแนะนำหรือแสดงความคิดเห็นจากผู้อ่านครับ
โดยส่วนตัวแล้ว ผมเป็นคนที่ตั้งใจ จริงจังและมุ่งมั่นในการเรียนและการทำงานมากครับ
หลังจากผมจบมหาวิทยาลัย ผมก็ตั้งใจอ่านหนังสือแล้วก็สามารถสอบบรรจุตำแหน่งครูผู้ช่วยได้
ตอนนี้ทำงานมาได้ประมาณ ๒ เดือน (บรรจุสิ้นเดือนพ.ค. ๒๕๕๘) ผมสอนวิชาภาษาไทยครับ
เมื่อเริ่มทำงานในฐานะครูอย่างเต็มตัว ผมเข้ามา ร.ร. อย่างเก้ ๆ กัง ๆ แต่ก็บอกกับตนเองว่า เราจะต้องปรับตัวอีกมาก พี่ ๆ คุณครูในโรงเรียนให้การต้อนรับอย่างดี และก็ได้แนะนำตัวกับครูท่านอื่น ๆ ครับ ผมมีเพื่อนมาบรรจุพร้อมกันที่ ร.ร. นี้ ๓ คน รวมกับผมก็ ๔ คนครับ เนื่องจาก ร.ร. ที่ผมเลือกเป็น ร.ร. ประจำตำบล จำนวนครูค่อนข้างน้อย ทำให้ครูต้องมีหน้าที่เพิ่มเติม กล่าวคือ นอกจากสอนในวิชาของตนแล้ว ต้องทำงานแนะแนว วัดผล บริหารทั่วไป พัสดุ ฯลฯ แล้วแต่ใครจะได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องอะไร ส่วนผมดูแลเรื่องงานวัดผล หลังจากนั้นงานต่าง ๆ ก็เริ่มต้นขึ้น ผมเข้าสอนตามปกติ ได้รับมอบหมายสอนสัปดาห์ละ ๑๗ ชม. ซึ่งพี่ ๆ ต่างก็บอกว่าบรรจุใหม่ ชม. สอนก็ประมาณนี้แหละ ไม่มากไม่น้อย เด็ก นร. ที่ได้รับมอบหมายในการสอน พวกเขาเรียนค่อนข้างอ่อนครับ แต่พวกเขามีความพยายามมาก ผมจึงต้องคำนึงหลาย ๆ อย่างในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ ต้องเน้น ย้ำ ซ้ำ ทวนบ่อย ๆ ต่อมาเป็นรายละเอียดของงานครับ
                    ๑. ต้นเดือน มิ.ย. ทาง ร.ร. กำหนดให้ส่งหน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้ที่จะใช้สอนทั้งเทอม งานแรกผมตื่นเต้นมากและรู้สึกว่าผมจะทำไม่ทันแน่ ๆ ผมจึงไปชี้แจงกับผู้ตรวจหน่วยฯ และแผนฯ ว่าขออนุญาตส่งเท่าที่ทำได้ ท่านจะอนุญาตหรือไม่ เพราะผมเพิ่งทราบว่าได้รับผิดชอบสอนชั้นใด หากจะให้ส่งของทั้งเทอม ผมคงทำไม่ทัน หน่วยฯ และแผนฯ ของผมจำเป็นต้องทำคาบต่อคาบ วันต่อวัน ผมไม่สามารถนำหน่วยฯ หรือแผนฯ
ที่เลียนแบบของผู้อื่น หรือ หน่วยฯ แผนฯ สำเร็จรูปที่มีขายแล้วนำมาปริ๊นท์ส่งได้ ผมไม่ต้องการทำเช่นนั้น (อย่าว่าผมเถรตรง บ้าอุดมการณ์หรือโลกสวยนะครับ) ผมไม่ต้องการทำจริง ๆ แผนฯ แต่ละแผน ผมคิดกระบวนการเรียนรู้เอง สื่อผมก็ออกแบบเอง และแต่ครั้งก็ใช้เวลาในการคิดนานมากครับ (คิดช้าน่ะครับ) วันหนึ่ง ๆ ผมคิดได้มากสุดก็ ๒ แผน เมื่อคิดแผนเสร็จก็ต้องทำสื่อ สื่อของผมมักจะเป็นแผ่นป้ายหรือโมเดลทำมือครับ (ต้องใช้เวลามาก) ส่วนสื่อพาวเวอร์พ้อยท์ก็ใช้บ้างบางครั้ง
                    ๒. มีรายงานการประกันคุณภาพการศึกษา ที่ผมต้องทำส่งอีกประมาณ ๑๙ เล่ม เพื่อใช้ในการประเมิน ร.ร. พี่ ๆ นำเอกสารรายละเอียดมาแจก ผมนี่มึนเลยครับ คิดในใจว่าทำไมจึงมากมายขนาดนี้นะ แต่ก็พยายามสร้างกำลังใจให้ตนเองฮึดสู้ พี่ ๆ ท่านอื่นทำได้ เราก็ทำได้ จนมาวันหนึ่งแผนฯ ที่ผมเตรียมสอนก็เริ่มหมดลงที่ละแผน ๆ รายงานประกันคุณภาพก็ต้องทำอยู่เรื่อย ๆ ผมเริ่มประสบปัญหาในเรื่องนี้ ผมจึงทบทวนกับตนเองและกำหนดตารางเวลาในการทำงานให้เป็นระบบ แบ่งอย่างชัดเจนว่าควรทำอะไรก่อนหลัง พอทำตามตารางไปได้สักพัก งานอื่น ๆ ก็เริ่มเข้ามาอีก มีการประเมินโดยคณะกรรมการ และต้องเตรียมการอย่างดี ครูต้องมีผลงานการสอนที่ชัดเจน การใช้สื่อ การใช้แหล่งเรียนรู้ การส่งเสริมการอ่าน การติดตามเยี่ยมบ้าน การให้คำปรึกษา การส่งเสริมคุณธรรม ค่านิยม ๑๒ ประการและอีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาต้องทำเป็นเล่มรายงานส่ง
ผมเพิ่งบรรจุใหม่ก็ได้แต่ถามพี่ ๆ ว่าทำอย่างไร พี่ ๆ ก็แนะนำอย่างดี แล้วผมก็คิดอีกว่า งานเหล่านี้จะไปแทรกในตารางเวลาตรงไหนดี ต้องนอนดึกขึ้นหรือไม่ แล้วตัวเองเป็นคนที่เขียนแผนช้า ทำสื่อช้า จะทำอย่างไร
และแล้ววันที่ผมรู้สึกผิดก็มาถึง ผมเตรียมสอนไม่ทันเพราะห่วงหน้าพะวงหลังเล่มประเมิน และเวลาสอนก็มาถึง ผมคิดไม่ออกว่าควรจะทำอะไร ผมจึงให้นักเรียนจดเนื้อหาในหนังสือแล้วตอบคำถามท้ายบท อธิบายตามหนังสือและเสริมข้อมูลอื่น ๆ ไปบ้าง (รู้สึกแย่มากเพราะเด็กจะสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองได้อย่างไรถ้าผมสอนแบบนี้ หลักสูตรต้องการให้ นร. Learning By Doing เรียนรู้จากการปฏิบัติจริงนี่นะ) วันนั้นทั้งวันผมรู้สึกขุ่นมัวอยู่ในใจ รู้สึกเหมือนกำลังหลอกนักเรียน ทบทวนกับตนเองทำไมจึงสอนรูปแบบนั้น หลังจากนั้นงานอื่น ๆ ก็เริ่มทยอยมาเรื่อย ๆ ผมเริ่มวิตกกังวลในการสอนของผม จนผมรู้สึกแย่ และท้อแท้มาก และคิดว่า หากทำแผนฯ และสื่อไม่ทัน แล้วไปสอนเด็กแบบนั้นอีก ก็เหมือนกับไปโกหกเด็ก สอนเขาแบบหลอก ๆ ปฏิบัติหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ ผมคิดว่า ถ้าผมจะต้องสอนเขาแบบนั้น ผมไม่สอนดีกว่า ถ้าเป็นครูที่สอนและดูแลนักเรียนได้ไม่เต็มที่ ผมไม่ทำดีกว่า ครั้งหนึ่ง ผมกลับบ้านพักแล้วคิดทบทวนว่า ถ้าต้องเป็นแบบนี้เรื่อย ๆ ลาออกจากราชการดีกว่าไหมเพราะมันเป็นการทำงานที่ค้านใจผม (เป็นครูแล้วไม่ได้สอนอย่างที่ควรจะเป็น) แต่ก็ไม่รู้ว่าจะลาออกไปทำอะไร เพราะที่บ้านไม่ได้ร่ำรวย อีกอย่างที่อยากเป็นครูเพราะอยากสอนนักเรียนและผลพลอยได้คือได้ดูแลคุณพ่อคุณแม่ด้วย
ที่ใคร ๆ เขาบอกว่าครูทำงานเอกสารที่ไม่เกี่ยวกับการสอนมากมาย ครูออกห่างจากเด็กมากเพราะต้องทำเอกสารส่ง สอนได้ไม่เต็มที่ จะเป็นเช่นนี้ ผมควรทำอย่างไรดีครับ ตอนนี้วิตกกังวลมาก ไม่รู้ว่าจะมีงานอะไรเข้ามาอีก และขออนุญาตสอบถามว่า
๑. ในการจัดการชีวิตของครู ที่คาดว่าต้องเผชิญในรูปแบบนี้ทุกวัน ครูท่านอื่นที่ผ่านมาได้ ท่านจัดการอย่างไร
๒. เมื่อเตรียมการสอนไม่ทัน ทำสื่อไม่ทันเพราะต้องทำเอกสารการประเมินต่าง ๆ ท่านแก้ไขปัญหานี้อย่างไร แล้วการสอนของท่านเป็นอย่างไร
๓. เมื่อสอนไม่เต็มที่ ผมก็ไม่อยากจะสอน สอนไปก็เหมือนหลอกนักเรียน ผมกลัวบาป อยากลาออก ผู้อ่านคิดเห็นว่าอย่างไร     
ขอขอบพระคุณล่วงหน้าในคำแนะนำและความคิดเห็นนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่