เคล็ดลับเหลือเชื่อเหล่านี้ จะช่วยให้ความจำของเราดีขึ้นจริงหรือ ???

ช่วงกลางเดือนมักจะเป็นช่วงที่เรารู้สึกว่า งานเริ่มเยอะขึ้นๆ ทั้งงานเก่า งานใหม่ งานแทรก งานด่วน ปนเปกันไป ในวันๆหนึ่งบางทีเรากำลังจดจ่ออยู่กับงานหนึ่ง ก็มักจะมีอีกหลายๆงานชอบแทรกเข้ามาในช็อตที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับงานที่เรากำลังทำอยู่ ณ ขณะนั้น บางครั้งพอทำงานแทรก งานด่วนเสร็จก็ต้องกลับมาทำงานหลักที่ยังคั่งค้างต่อ ทีนี้ปัญหาที่ตามมาคือ ลืมไปแล้วว่าที่ทำไว้ล่าสุดต้องทำยังไงต่อไป จำไอเดียที่เก็บไว้ในสมองไม่ได้ ที่จดไว้พอเอามาทำต่อมันก็ไม่สดเหมือนตอนคิดแล้วอะ แม้แต่จขกท.เองก็มีปัญหาเรื่องนี้เหมือนกัน จำได้ไม่หมดว่างานที่อยู่ในมือตอนนี้มีอะไรบ้าง และลำดับความเร่งด่วนของแต่ละงานเป็นอย่างไร ก็สับสนไปหมด จขกท.
ก็ลองหาเคล็ดลับเสริมความจำด้วยวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะแพลนเป็นตาราง (ทำเหมือนตารางเรียนนั่นแหละ) หรือทำเป็นปฏิทิน ก็ช่วยให้จขกท.จัดการงานได้เป็นระบบมากขึ้น

แต่ในที่นี้ จขกท.ขอพูดถึงเคล็ดลับที่เชื่อได้หรือเปล่าว่าจะทำให้ความจำของเราดีขึ้นได้จริง มีบางข้อที่จขกท.ทำบ่อยอยู่แล้ว ก็ขอนำมาเล่าสู่กันฟัง ณ ที่นี้ครับ

1.    ดื่มกาแฟ
บอกเลยว่าข้อนี้เป็นกิจวัตรประจำวันของจขกท.เลยครับ จขกท.เคยอ่านเจอผลวิจัยของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาพบว่า
การดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนอย่างน้อย 200 มิลลิกรัมต่อครั้ง จะใช้เวลากระตุ้นความทรงจำของเราอย่างน้อย 24 ชั่วโมงนับจากที่เราดื่มกาเฟอีนเข้าไป จะทำให้เราจดจำคำถามเดิม หรือภาพในสมองของเราได้แม่นยำขึ้น ข้อนี้ก็คงจะโดนใจบรรดาขากาแฟกันน่าดูเลยเชียวล่ะ

2.    เคี้ยวหมากฝรั่ง
จขกท.ทำข้อนี้บ่อยเวลาเรียนคณิตกับฟิสิกส์ ตอนที่นั่งทำโจทย์ยากๆ แล้วเคี้ยวหมากฝรั่งไปรู้สึกเพลินๆ ดีแต่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับโจทย์ได้ดีขึ้นโดยที่ไม่รู้สึกเครียดเลย เคี้ยวไปเคี้ยวมาปรากฏว่าจำสูตรจำขั้นตอนทำโจทย์ได้หมดเลย (คำตอบเป็นอีกเรื่องนะ) จขกท.นึกเรื่องนี้
ขึ้นมาได้ก็เลยไปหาข้อมูลพบว่า การเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยเพิ่มออกซิเจนในสมอง ทำให้สมองกระปรี้กระเปร่าได้ และเพิ่มอินซูลิน ทำให้เซลล์สมองเปิดรับกลูโคสจากกระแสเลือด มาเลี้ยงสมองส่วนที่เป็นความจำได้มากขึ้น

3.    ผลไม้ตระกูลเบอร์รี
ผลจากการวิจัยพบว่า สารต้านอนุมูลอิสระในเบอร์รีมีประโยชน์ต่อระบบประสาท โดยช่วยให้เซลล์สมองสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ดีขึ้น ทำให้ความสามารถในการจำของเราดีขึ้น คนที่ชอบทานผลไม้ตระกูลนี้เพื่อบำรุงความงามก็รับผลพลอยได้จากตรงนี้ไปด้วย

4.    ออกกำลังกาย
จขกท.วิ่งทุกเย็นครับ แล้วเคยสังเกตไหมว่า เวลาวิ่งหรือออกกำลังกายอย่างอื่น ศีรษะของเราจะเบา โล่งสบาย ไม่รัดตึง ผิดกับเวลาทำงานที่รู้สึกว่าศีรษะของเราจะหนักอึ้งและถูกบีบรัด (บางทีเครียดมากๆ ก็จะปวดคล้ายกับรัดเกล้าของซุนหงอคง) แล้วหลังจากที่
ออกกำลังกายเสร็จก็มักจะปิ๊งอะไรบางอย่างที่ไม่ทำให้เราหลงลืมไปง่ายๆ

5.    ฝึกสมาธิ
ก็ให้ผลเช่นเดียวกับการออกกำลังกายที่ทำให้เราจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำอยู่ จขกท.เคยไปปฏิบัติธรรม แล้วเวลาสวดมนต์และฝึกกรรมฐาน ศีรษะของเราจะโล่งเบาสบายมากๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ที่สำคัญคือระหว่างฝึกสมาธิจิตของเราต้องไม่หลุด อย่าล่องลอยคิดไปไกลถึงเรื่องอื่น แล้ววันไหนที่ได้สวดมนต์ นั่งสมาธิ โดยเฉพาะช่วงเช้าก่อนออกไปทำงาน จะทำให้สามารถทบทวนสิ่งต่างๆ ที่เราต้องทำต่อไปได้อย่างแม่นยำ

6.    นอน
สมัยเรียนบ่อยมากที่จขกท.ใช้ชีวิตมนุษย์กลางคืน (เคยอดนอน 2 วันติดต่อกัน) แล้ววันรุ่งเช้าต้องไปเรียนในสภาพที่มึนๆ เบลอๆ สมองตื้อไปหมด จำอะไรก็ไม่ค่อยได้ ยิ่งวันรุ่งขึ้นมีสอบย่อยสอบใหญ่นี่คือ ที่อ่านๆ มาไม่ได้ช่วยอะไรเลย พอ จขกท.เข้าไปดูเคล็ดลับเพิ่มความจำด้วยการนอนก็พบว่า สมองคนเราจะทำงานได้ดีขึ้นถ้านอนเพียงพอ และนอนคั่นกลางระหว่างทำงานบ้าง เนื่องจากสมองคนเราจะมีการจัดเก็บข้อมูลในช่วงนอน และถ้าทำงานประเภทความคิดสร้างสรรค์ ตอนนอนนี่แหละที่จะทำให้สมองเราปิ๊งไอเดียและพอตื่นขึ้น เราจะจดจำไอเดียที่ปิ๊งตอนนอนได้ดี

เคล็ดลับเหล่านี้เป็นเพียงข้อสงสัยของจขกท.ที่อยากจะนำมาบอกเล่าเพิ่อร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการสร้างเสริมความจำด้วยวิธีการต่างๆ สุดท้ายนี้ ท่านใดที่มีวิธีการอื่นๆ ที่น่าสนใจอยากจะมานำเสนอ หรือมีความคิดเห็นใดๆ เพิ่มเติม ก็สามารถแนะนำเข้ามาได้เลยนะครับ

ขอบคุณ Pantip สำหรับพื้นที่ดีๆ เพื่อตั้งคำถามบอกเล่าเรื่องราวและแชร์ประสบการณ์ต่างๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่