คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะอาหารที่กิน เพราะอาหารที่เป็นพืชมีกากเยอะต้องกินเยอะๆ ถึงจะได้ปริมาณสารอาหารตามที่ต้องการ เช่น วัว ควาย ม้า ช้าง ต้องมีท้อง ไส้ กระเพาะ ที่รองรับการย่อยอาหารปริมาณมาก เพื่อแยกเอาสารอาหารในสัดส่วนที่น้อยนิดมาใช้ จำเป็นต้องมีร่างกายที่ใหญ่โต ส่วนสัตว์กินเนื้อ ก็เหมือนหัวขโมยที่ล่าสัตว์กินพืช หรือสัตว์ตัวอื่นที่มีสารอาหารจากกล้ามเนื้อ เลือด ของเหยื่อในสัดส่วนที่สูง จึงไม่จำเป็นต้องกินในปริมาณมาก ธรรมชาติจึงให้มีตัวไม่ใหญ่มาก แค่มีขนาดให้พอเป็นผู้ล่าได้ก็พอ ....
บ้านสวนริมกรุง ถูกใจ, ทาสบุฟเฟ่ต์ สยอง, โอเคโฟร์ ถูกใจ, เลียนแบบพี่โคร่ง ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 757047 ทึ่ง, สมาชิกหมายเลข 929713 ถูกใจ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
ความสูง ประเด็นสำคัญที่สุด
ในเรื่องรูปร่างนั้น อาจมีการเปลี่ยนกันได้ , แต่โครงสร้างของร่างกายนั้นเปลี่ยนแทบจะไม่ได้ , หลักพื้นฐานของความสูง คือเรื่องของ"โปรตีน"ล้วนๆ บางคนเข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องของแคลเซี่ยม ผมขอบอกว่าไม่ใช่ (แคลเซี่ยมแทบไม่เกี่ยวเลย แต่การที่กินนมแล้วสูง ตัวที่มีอิทธิพลคือโปรตีนจากนม - และเป็นหนึ่งในโปรตีนที่ดูดซึมดีที่สุด) , บางคนบอกว่า พันธุกรรมกำหนด .... ผมตอบว่า ใช่ เป็นเช่นนั้น แต่มันไม่ได้กำหนดตายตัวว่าคุณต้องสูง 170 เท่านั้น หรือ สูง185 เท่านั้น อะไนแบบนี้ แต่มันกำหนดเป็นช่วง เช่น คุณอาจสูงได้ 165-180 ส่วนจะเป็นขั้นต่ำ 165 หรือขั้นสูง 180 มันขึ้นอยู่กับกระบวนการการเติบโตของคุณ
++
โปรตีน เทพแห่งอาหาร (ภาษากรีกแปลว่า สิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง)
กระดูกท่อนต่างๆ - มันขึ้นรูปด้วยโปรตีน และถูกฉาบที่หลังด้วยแคลเซี่ยม ( เปรียบโปรตีนเหมือนโครงเหล็กของเสา และแคลเซี่ยมเหมือนปูนที่ฉีดทับ ) , กระดูกของมนุษย์นั้นจะเติบโตจากส่วน"กระดูกอ่อน" ที่เป็น"คอลลาเจน" และมันคือโปรตีนชนิดหนึ่ง , ส่วนปลายของข้อกระดูกอ่อนจะยืดออกๆ-และขยายตัวตามวัยจนถึงอายุ 18-25 , ถ้าเป็นผู้หญิงจะหยุดสูงเร็วกว่าผู้ชาย ดังนั้นผมจึงสรุปว่า ความสูงของลูกคุณนั้น ขึ้นอยู่กับฝีมือให้การให้อาหารของคุณ
++
คนไทยขาดโปรตีน - เปลี่ยนจากข้าว เป็นพาสต้า หรือขนมปัง ถ้าให้ดีที่สุดกินถั่วต้ม
คนไทยมักจะขาดโปรตีน เพราะกินข้าวเป็นอาหารหลัก , จากการสำรวจข้าวเจ้านั้นมีโปรตีนน้อยมาก คือราวๆ 2.3 ใน 100 g เทียบกับแป้งสาลีที่มีโปรตีนถึง 9 ใน 100 g (พวกฝรั่งเลยตัวสูงใหญ่ไง - นี่ยังไม่รวมเนื้อสัตว์อีก) ดังนั้นโดยตรรกแล้ว การกินขนมปังจะดีกว่ากินข้าว , แต่อย่าให้มาก มันอ้วนได้ ให้มื้อละแผ่น - 2 แผ่นก็พอ แต่ที่ดีที่สุด แนะนำเป็นถั่วต่างๆ เช่น ถั่วดำ-ถั่วแดง -ถั่วเขียว แช่น้ำต้มรวมกันก็ได้
...
กินนมก็ดี (แต่ถ้าอายุสักวัยรุนปลายๆ กินให้น้อยลงก็ดี)
ประเด็นนี้อาจจะยากนิดนึง เพราะการสอนให้เด็กกินนม มันต้องทำให้ได้ , ผมเนี่ยไม่ชอบกินนม เลยไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ , คุณต้องหาวิธีเอาเอง ให้ลูกคุณชอบดื่มนมให้ได้ แต่ไม่จำเป็นต้องกินมากไปนัก เพราะของทุกอย่างมีดี-มีเสีย , แต่เชื่อเหอะครับ การกินนมตั้งแต่เด็กๆ มันทำให้สูงได้ดีทีเดียว ... แต่นมก็มีอัตรายของมัน ต้องช่างน้ำหนักให้ดี ในขระที่นมถั่วเหลืองก็มีทั้งดีและเสีย
---
ปลา เนื้อ นม ไข่ จัดให้ครบ
ในวัยเด็กนั้น แน่นอนลูกๆจะกินอาหารตามที่พ่อแม่จัดให้ คุณควรจะจัดเนื้อ ไข่ ให้มากๆ โดยเฉพาะในมื้อเช้า , จะกินแบบฝรั่งก็ไม่ว่ากัน แต่ควรให้เป็นเนื้อหรือไก่ที่ไม่ผ่านการแปรรูป ปลาทู หรือปลาอื่นๆก็เป็นสิ่งที่ราคาถูกและดี แม้อาจจะมีเด็กบางคนเกลียด , แต่เด็กทุกคนชอบกินเนื้อ โดยเฉพาะน่องไก่ ไม่ว่าจะนึ่ง ย่าง ทอด เด็กๆทุกคนชอบมัน อยู่ที่พ่อแม่ว่าจะให้ Supply ได้แค่ไหน , ผมแนะนำว่า จัดไป วันละ 2-3 น่อง ซื้อติดตู้เย็นไว้เลยก็ดี , ไข่ดาว เป็นอีกเมนูที่ทุกคนชอบ จัดไป 2 ฟองก็ดี หรือไข่ต้มอาจจะดีกว่า แต่เด็กๆเกลียดไข่ต้ม (ผมก็เกลียด)
++
ระวังของหวาน
ในวัยเด็ก เราจะชอบของหวาน , ควรควบคุมให้ดี "อย่าซื้อติดตู้เย็น" เพราะไม่งั้นหมดแน่ๆ ควรจะกำหนดเป็นช่วงๆ หรือพาไปกินเป็นครั้งๆ ซื้อมาแค่ต่อวัน-อย่าตุน , เรื่องน้ำอัดลม พยายามเลี่ยง แต่อย่าห้ามจนเด็กเก็บกด ไม่งั้นพอขึ้น ม.ต้นเมื่อไหร่ มันซัดแน่ๆ (ประสบการณ์ตรง) , และอย่าลืมผัก ถ้าเด็กไม่ชอบกินผัก ก็อย่าท้อ ถ้ามันไม่ชอบผักกาด เราก็เอาบล็อกคอรี่มา มันไม่ชอบอีก ก็เอาอย่างอื่นมา ๆ ๆ ให้หมด จนครบผักทุกชนิดบนโลก มันต้องมีสัก 2-3 ชนิดแน่ๆที่เด็กชอบ
++
ให้ความรู้เด็กด้วย !
ควรให้ความรู้กับลูกเรื่องอาหารอย่างต่อเนื่องเมื่ออายุได้ 10-13 ปี เพื่อให้เด็กรู้ว่ากินอะไรดี-ไม่ดีอย่างไร รู้จนเข้าใจ และจำได้ , เพราะเมื่อเด็กอายุ 15 ปีแล้ว สัญชาตญาณรักสวยรักงามจะเข้ามาทำงานเอง เด็กๆที่มีความรู้เป็นพื้นฐาน ก็จะเลือกกินอย่างถูกต้อง(เพราะห่วงสวย) โดยที่เราไม่ต้องไปควบคุมอีก เผลอๆมันจะควบคุมอาหารจนเราเครียดแทนก็เป็นได้
..............
สรปุตอนที่ 1 คือ โปรตีน นะโปรตีน จำคาถานี้ไว้ "โปรตีน ๆ"
--------------
ความสูงเกิดด้วยสิ่ง 3 ประการ หนึ่งคือพันธุกรรม สองคืออาหาร และสามคือการออกกำลังกาย , เรื่องพันธุกรรม ผมบอกไม่แล้วว่ามันกำหนดเป็นช่วงระยะ เช่นชีวิตนี้คุณสามารถสูงได้ 165-180 ส่วนจะเป็น 165 ,170, 179 มันขึ้นอยู่กับอีก 2 ประการที่เหลือ การกินพูดไปแล้ว มาตอนนี้คือ"การออกกำลัง"
++
ขยายจากปลายข้อ !
ท่อนกระดูกของคนเรานั้น"ขยายตัวจากส่วยปลายข้อ" เช่น ข้อเข่า ข้อเท้า ข้อสะโพก และข้อสันหลัง , โดยส่วนปลายข้อนี้ คือคอลลาเจนอันเป็น"โปรตีน"ชนิดหนึ่ง , แต่ไม่ต้องไปกินคอลลาเจนเสริมนะ อันนั้นไม่ใช่ ให้กินจากอาหาร เพื่อที่ร่างกายจะเอามาเป็นวัตถุดิบ - อ่อ เกือบลืม วิตามิน C ก็ขาดไม่ได้ เพราะมันเป็นส่วนสำคัญในการสร้างคอลลาเจน
++
กระตุ้นที่ปลายข้อ !
ทุกสิ่งขยายตัวจากแรงกระตุ้นครับ เช่น เวลาคนเป็นแผล รางกายจะสร้างคอลลาเจนส่วนเกินมาสร้างเสริมรอยแผลนั้นจนปูดโปน ที่เรียกว่าคีลอยด์ ... เรื่องของข้อกระดูกก็หลักการเดียวกันครับ มันต้องกระตุ้นๆๆ แล้วมันจะขยายตัว ยืดตัวออก , การกระตุ้นนั้นหลักการก็ง่ายๆ คือการสร้างแรงกระแทกลงไป และถ้าจะให้สูงขึ้น ก็ต้องสร้างแรงกระแทกแนวตั้ง (แบบนี้ ^ / ไม่ใช้แบบนี้ >)
.....
การกระโดดสุดเอื้อม และย่อตัวลงมา
การทำให้เด็กวัยรุ่นมีข้อกระดูกที่ยาวขึ้นๆ ก็คือการบริหารโดยการกระโดดยืดตัว แตะผนังสูงๆ โดยต้องซ้ำๆวันละ 30-90 ครั้งก็ได้ แบ่งเป็นยกๆ เช่น 20ครั้ง 3 ยก อะไรก็ว่าไป .... แต่ทว่าในทางปฏิบัติวิธีนี้มันยาก เพราะไอการจะสอนให้เด็กกระโดดทุกวัน มัน Crazy เกินไป ดังนั้นจึงควรให้เด็กสนุกกับมัน ด้วยการทำเป็นกีฬา , มีกีฬา 2 ชนิดที่ตอบโจทย์ คือบาสเก็ตบอล และวอลเลย์บอล ถ้าคุณสงเสริมให้ลูกชอบกีฬา 2 ชนิดนี้ได้ตั้งแต่เด็ก ก็จะเป็นการดี
++
ทำแป้นบาสฯติดบ้าน
การสร้างส่วนสูงมันไม่ใช่งาน Project ที่จะทำครั้งเดียวแล้วจะเห็นผลครับ แต่มันคืองาน Routine ที่ต้องทำทุกวัน ทำซ้ำๆ ทำอยู่อย่างนั้น ... / ดังนั้นการไปสอนลูกว่า "ถ้าเธออยากสูงให้กระโดด" มันจะได้ผลถ้าต่อเมื่อลูกของคุณมี Passion ในการอยากสูงแล้ว เช่น ในเด็กอายุ 15-16 ที่เริ่มห่วงเรื่องรูปร่างแล้ว อาจจะยอมทนทำทุกวันๆ , แต่กับเด็กอายุ 10-13 เขาคงอยากเล่นเกม Play มากกว่า เพราะเขาไม่มี Passion ที่จะอยากสูงอะไรมาก ดังนั้นในทางปฏิบัติมันอาจจะไม่เวิร์ก ... ผมจึงแนะนำง่ายๆ ให้คุณติดแป้นบาสสูงๆไว้ที่บ้าน เพื่อที่ลูกของคุณจะได้เล่น Shoot บาสเอาสนุกๆ , คือการซู้ทบาสมันเป็นกิจกรรมที่มีเป้าหมาย มันสนุกกว่าการกระโดดเตะผนังเฉยๆน่ะ เช่น ถ้าสัปดาห์นี้ลูกซูตได้ 100 แต้ม จะพาไปซื้อของเล่น กินขนม อะไรก็ว่าไป หรืออาจจะแนะนำให้ลูกดูการ์ตูน Slamdunk ก็แล้วแต่วิธีของคุณ
-------
พบคำอธิบายจากคุณหมอ
เอาละ ผมบอกหลักการและไอเดียไปแล้ว ที่นี้ถ้าใครอยากรู้แบบละเอียดๆ กลเม็ดต่างๆเต็มที่ ชอมคลิ๊ป Youtube ของคุณหมอท่านนี้ , ท่านชำนาญเรื่องแบบนี้โดยเฉพาะ และให้รายละเอียดพร้อมหลักการ งานวิจัยได้ ... แหม ผมมารู้จักคุณหมอตอนอายุ 24 ไม่สูงแล้วว / แกอาร์ตนิดนึงนะ อย่าตกใจ
เพิ่มความสูง ตอน 1/4
https://www.youtube.com/watch?v=QgTamPgbfmM
เพิ่มความสูง ตอน 2/4
https://www.youtube.com/watch?v=dasyVNmMtzQ
เพิ่มความสูง ตอน 3/4
https://www.youtube.com/watch?v=_0zsGRMmp-E
เพิ่มความสูง ตอน 4/4
https://www.youtube.com/watch?v=IZum0ft8uts
ในเรื่องรูปร่างนั้น อาจมีการเปลี่ยนกันได้ , แต่โครงสร้างของร่างกายนั้นเปลี่ยนแทบจะไม่ได้ , หลักพื้นฐานของความสูง คือเรื่องของ"โปรตีน"ล้วนๆ บางคนเข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องของแคลเซี่ยม ผมขอบอกว่าไม่ใช่ (แคลเซี่ยมแทบไม่เกี่ยวเลย แต่การที่กินนมแล้วสูง ตัวที่มีอิทธิพลคือโปรตีนจากนม - และเป็นหนึ่งในโปรตีนที่ดูดซึมดีที่สุด) , บางคนบอกว่า พันธุกรรมกำหนด .... ผมตอบว่า ใช่ เป็นเช่นนั้น แต่มันไม่ได้กำหนดตายตัวว่าคุณต้องสูง 170 เท่านั้น หรือ สูง185 เท่านั้น อะไนแบบนี้ แต่มันกำหนดเป็นช่วง เช่น คุณอาจสูงได้ 165-180 ส่วนจะเป็นขั้นต่ำ 165 หรือขั้นสูง 180 มันขึ้นอยู่กับกระบวนการการเติบโตของคุณ
++
โปรตีน เทพแห่งอาหาร (ภาษากรีกแปลว่า สิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง)
กระดูกท่อนต่างๆ - มันขึ้นรูปด้วยโปรตีน และถูกฉาบที่หลังด้วยแคลเซี่ยม ( เปรียบโปรตีนเหมือนโครงเหล็กของเสา และแคลเซี่ยมเหมือนปูนที่ฉีดทับ ) , กระดูกของมนุษย์นั้นจะเติบโตจากส่วน"กระดูกอ่อน" ที่เป็น"คอลลาเจน" และมันคือโปรตีนชนิดหนึ่ง , ส่วนปลายของข้อกระดูกอ่อนจะยืดออกๆ-และขยายตัวตามวัยจนถึงอายุ 18-25 , ถ้าเป็นผู้หญิงจะหยุดสูงเร็วกว่าผู้ชาย ดังนั้นผมจึงสรุปว่า ความสูงของลูกคุณนั้น ขึ้นอยู่กับฝีมือให้การให้อาหารของคุณ
++
คนไทยขาดโปรตีน - เปลี่ยนจากข้าว เป็นพาสต้า หรือขนมปัง ถ้าให้ดีที่สุดกินถั่วต้ม
คนไทยมักจะขาดโปรตีน เพราะกินข้าวเป็นอาหารหลัก , จากการสำรวจข้าวเจ้านั้นมีโปรตีนน้อยมาก คือราวๆ 2.3 ใน 100 g เทียบกับแป้งสาลีที่มีโปรตีนถึง 9 ใน 100 g (พวกฝรั่งเลยตัวสูงใหญ่ไง - นี่ยังไม่รวมเนื้อสัตว์อีก) ดังนั้นโดยตรรกแล้ว การกินขนมปังจะดีกว่ากินข้าว , แต่อย่าให้มาก มันอ้วนได้ ให้มื้อละแผ่น - 2 แผ่นก็พอ แต่ที่ดีที่สุด แนะนำเป็นถั่วต่างๆ เช่น ถั่วดำ-ถั่วแดง -ถั่วเขียว แช่น้ำต้มรวมกันก็ได้
...
กินนมก็ดี (แต่ถ้าอายุสักวัยรุนปลายๆ กินให้น้อยลงก็ดี)
ประเด็นนี้อาจจะยากนิดนึง เพราะการสอนให้เด็กกินนม มันต้องทำให้ได้ , ผมเนี่ยไม่ชอบกินนม เลยไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ , คุณต้องหาวิธีเอาเอง ให้ลูกคุณชอบดื่มนมให้ได้ แต่ไม่จำเป็นต้องกินมากไปนัก เพราะของทุกอย่างมีดี-มีเสีย , แต่เชื่อเหอะครับ การกินนมตั้งแต่เด็กๆ มันทำให้สูงได้ดีทีเดียว ... แต่นมก็มีอัตรายของมัน ต้องช่างน้ำหนักให้ดี ในขระที่นมถั่วเหลืองก็มีทั้งดีและเสีย
---
ปลา เนื้อ นม ไข่ จัดให้ครบ
ในวัยเด็กนั้น แน่นอนลูกๆจะกินอาหารตามที่พ่อแม่จัดให้ คุณควรจะจัดเนื้อ ไข่ ให้มากๆ โดยเฉพาะในมื้อเช้า , จะกินแบบฝรั่งก็ไม่ว่ากัน แต่ควรให้เป็นเนื้อหรือไก่ที่ไม่ผ่านการแปรรูป ปลาทู หรือปลาอื่นๆก็เป็นสิ่งที่ราคาถูกและดี แม้อาจจะมีเด็กบางคนเกลียด , แต่เด็กทุกคนชอบกินเนื้อ โดยเฉพาะน่องไก่ ไม่ว่าจะนึ่ง ย่าง ทอด เด็กๆทุกคนชอบมัน อยู่ที่พ่อแม่ว่าจะให้ Supply ได้แค่ไหน , ผมแนะนำว่า จัดไป วันละ 2-3 น่อง ซื้อติดตู้เย็นไว้เลยก็ดี , ไข่ดาว เป็นอีกเมนูที่ทุกคนชอบ จัดไป 2 ฟองก็ดี หรือไข่ต้มอาจจะดีกว่า แต่เด็กๆเกลียดไข่ต้ม (ผมก็เกลียด)
++
ระวังของหวาน
ในวัยเด็ก เราจะชอบของหวาน , ควรควบคุมให้ดี "อย่าซื้อติดตู้เย็น" เพราะไม่งั้นหมดแน่ๆ ควรจะกำหนดเป็นช่วงๆ หรือพาไปกินเป็นครั้งๆ ซื้อมาแค่ต่อวัน-อย่าตุน , เรื่องน้ำอัดลม พยายามเลี่ยง แต่อย่าห้ามจนเด็กเก็บกด ไม่งั้นพอขึ้น ม.ต้นเมื่อไหร่ มันซัดแน่ๆ (ประสบการณ์ตรง) , และอย่าลืมผัก ถ้าเด็กไม่ชอบกินผัก ก็อย่าท้อ ถ้ามันไม่ชอบผักกาด เราก็เอาบล็อกคอรี่มา มันไม่ชอบอีก ก็เอาอย่างอื่นมา ๆ ๆ ให้หมด จนครบผักทุกชนิดบนโลก มันต้องมีสัก 2-3 ชนิดแน่ๆที่เด็กชอบ
++
ให้ความรู้เด็กด้วย !
ควรให้ความรู้กับลูกเรื่องอาหารอย่างต่อเนื่องเมื่ออายุได้ 10-13 ปี เพื่อให้เด็กรู้ว่ากินอะไรดี-ไม่ดีอย่างไร รู้จนเข้าใจ และจำได้ , เพราะเมื่อเด็กอายุ 15 ปีแล้ว สัญชาตญาณรักสวยรักงามจะเข้ามาทำงานเอง เด็กๆที่มีความรู้เป็นพื้นฐาน ก็จะเลือกกินอย่างถูกต้อง(เพราะห่วงสวย) โดยที่เราไม่ต้องไปควบคุมอีก เผลอๆมันจะควบคุมอาหารจนเราเครียดแทนก็เป็นได้
..............
สรปุตอนที่ 1 คือ โปรตีน นะโปรตีน จำคาถานี้ไว้ "โปรตีน ๆ"
--------------
ความสูงเกิดด้วยสิ่ง 3 ประการ หนึ่งคือพันธุกรรม สองคืออาหาร และสามคือการออกกำลังกาย , เรื่องพันธุกรรม ผมบอกไม่แล้วว่ามันกำหนดเป็นช่วงระยะ เช่นชีวิตนี้คุณสามารถสูงได้ 165-180 ส่วนจะเป็น 165 ,170, 179 มันขึ้นอยู่กับอีก 2 ประการที่เหลือ การกินพูดไปแล้ว มาตอนนี้คือ"การออกกำลัง"
++
ขยายจากปลายข้อ !
ท่อนกระดูกของคนเรานั้น"ขยายตัวจากส่วยปลายข้อ" เช่น ข้อเข่า ข้อเท้า ข้อสะโพก และข้อสันหลัง , โดยส่วนปลายข้อนี้ คือคอลลาเจนอันเป็น"โปรตีน"ชนิดหนึ่ง , แต่ไม่ต้องไปกินคอลลาเจนเสริมนะ อันนั้นไม่ใช่ ให้กินจากอาหาร เพื่อที่ร่างกายจะเอามาเป็นวัตถุดิบ - อ่อ เกือบลืม วิตามิน C ก็ขาดไม่ได้ เพราะมันเป็นส่วนสำคัญในการสร้างคอลลาเจน
++
กระตุ้นที่ปลายข้อ !
ทุกสิ่งขยายตัวจากแรงกระตุ้นครับ เช่น เวลาคนเป็นแผล รางกายจะสร้างคอลลาเจนส่วนเกินมาสร้างเสริมรอยแผลนั้นจนปูดโปน ที่เรียกว่าคีลอยด์ ... เรื่องของข้อกระดูกก็หลักการเดียวกันครับ มันต้องกระตุ้นๆๆ แล้วมันจะขยายตัว ยืดตัวออก , การกระตุ้นนั้นหลักการก็ง่ายๆ คือการสร้างแรงกระแทกลงไป และถ้าจะให้สูงขึ้น ก็ต้องสร้างแรงกระแทกแนวตั้ง (แบบนี้ ^ / ไม่ใช้แบบนี้ >)
.....
การกระโดดสุดเอื้อม และย่อตัวลงมา
การทำให้เด็กวัยรุ่นมีข้อกระดูกที่ยาวขึ้นๆ ก็คือการบริหารโดยการกระโดดยืดตัว แตะผนังสูงๆ โดยต้องซ้ำๆวันละ 30-90 ครั้งก็ได้ แบ่งเป็นยกๆ เช่น 20ครั้ง 3 ยก อะไรก็ว่าไป .... แต่ทว่าในทางปฏิบัติวิธีนี้มันยาก เพราะไอการจะสอนให้เด็กกระโดดทุกวัน มัน Crazy เกินไป ดังนั้นจึงควรให้เด็กสนุกกับมัน ด้วยการทำเป็นกีฬา , มีกีฬา 2 ชนิดที่ตอบโจทย์ คือบาสเก็ตบอล และวอลเลย์บอล ถ้าคุณสงเสริมให้ลูกชอบกีฬา 2 ชนิดนี้ได้ตั้งแต่เด็ก ก็จะเป็นการดี
++
ทำแป้นบาสฯติดบ้าน
การสร้างส่วนสูงมันไม่ใช่งาน Project ที่จะทำครั้งเดียวแล้วจะเห็นผลครับ แต่มันคืองาน Routine ที่ต้องทำทุกวัน ทำซ้ำๆ ทำอยู่อย่างนั้น ... / ดังนั้นการไปสอนลูกว่า "ถ้าเธออยากสูงให้กระโดด" มันจะได้ผลถ้าต่อเมื่อลูกของคุณมี Passion ในการอยากสูงแล้ว เช่น ในเด็กอายุ 15-16 ที่เริ่มห่วงเรื่องรูปร่างแล้ว อาจจะยอมทนทำทุกวันๆ , แต่กับเด็กอายุ 10-13 เขาคงอยากเล่นเกม Play มากกว่า เพราะเขาไม่มี Passion ที่จะอยากสูงอะไรมาก ดังนั้นในทางปฏิบัติมันอาจจะไม่เวิร์ก ... ผมจึงแนะนำง่ายๆ ให้คุณติดแป้นบาสสูงๆไว้ที่บ้าน เพื่อที่ลูกของคุณจะได้เล่น Shoot บาสเอาสนุกๆ , คือการซู้ทบาสมันเป็นกิจกรรมที่มีเป้าหมาย มันสนุกกว่าการกระโดดเตะผนังเฉยๆน่ะ เช่น ถ้าสัปดาห์นี้ลูกซูตได้ 100 แต้ม จะพาไปซื้อของเล่น กินขนม อะไรก็ว่าไป หรืออาจจะแนะนำให้ลูกดูการ์ตูน Slamdunk ก็แล้วแต่วิธีของคุณ
-------
พบคำอธิบายจากคุณหมอ
เอาละ ผมบอกหลักการและไอเดียไปแล้ว ที่นี้ถ้าใครอยากรู้แบบละเอียดๆ กลเม็ดต่างๆเต็มที่ ชอมคลิ๊ป Youtube ของคุณหมอท่านนี้ , ท่านชำนาญเรื่องแบบนี้โดยเฉพาะ และให้รายละเอียดพร้อมหลักการ งานวิจัยได้ ... แหม ผมมารู้จักคุณหมอตอนอายุ 24 ไม่สูงแล้วว / แกอาร์ตนิดนึงนะ อย่าตกใจ
เพิ่มความสูง ตอน 1/4
https://www.youtube.com/watch?v=QgTamPgbfmM
เพิ่มความสูง ตอน 2/4
https://www.youtube.com/watch?v=dasyVNmMtzQ
เพิ่มความสูง ตอน 3/4
https://www.youtube.com/watch?v=_0zsGRMmp-E
เพิ่มความสูง ตอน 4/4
https://www.youtube.com/watch?v=IZum0ft8uts
เข้ามากดปุ่ม ถูกใจ, Everything_Is_Illuminated ทึ่ง, สมาชิกหมายเลข 777971 ทึ่ง, เหมียวนางพญา ถูกใจ, คลอโรพลาสต์ ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 863989 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2179241 ถูกใจ, Sith Lord Nindle ถูกใจ, เกียงอุยศิษย์มังกรหลับ ถูกใจ, Farawayเหว่ว้า ถูกใจรวมถึงอีก 13 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
แสดงความคิดเห็น
สงสัยมาก (เนื้อกับผัก) กินอะไรตัวสูงใหญ่กว่ากัน แล้วทำไม สัตว์กินพืช ถึงตัวใหญ่กว่า สัตว์กินเนื้อ? ช่วยตอบหน่อยนะคนเก่ง!
คือ กระผมใคร่สงสัยมากๆเลยอะครับ ทำไม ?
สัตว์กินพืช เช่น ช้าง ยีราฟ วัว ม้า ทั้งๆที่ไม่กิน เนื้อสัตว์ทำไมตัวถึงได้ สูง ใหญ่จัง?
ทั้งๆที่กินแต่ ต้นพืชผัก ซึ่งมี ใยอาหาร กับ วิตามินแร่ธาติ ... [ ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยในการ ขับถ่าย ล้างสารพิษ บำรุงสายตา ]
แต่
สัตว์กินเนื้อ เช่น เสือ สิงโต หมา แมว คน ทั้งๆที่กินเนื้อ ที่มีโปรตีนมากกว่า ทำไมถึงตัวเล็กกว่าสัตว์กินพืช ?
ทั้งๆที่กินแต่ เนื้อ ซึ่งมี โปรตีน คอลลาเจน แคลเซียม ... [ ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยในเรื่อง ความสูง สร้างกล้ามเนื้อ ตัวใหญ่ ]
ซึ่งดูจากในรูปนี้ ไดโนเสาร์กินพืชก็คอยาวและตัวใหญ่ กว่า ไดโนเสาร์กินเนื้อ
http://f.ptcdn.info/946/004/000/1368029799-Largestdin-o.png
ปล. ไม่รวมสัตว์น้ำนะครับ เช่นวาฬ มันกินน้ำตัวเลยบวม กับ เอเลี่ยนครับ แพงค์ตอน^^
ใครรู้ได้โปรดช่วยให้ความรู้แก่เด็กนักเรียนซึ่งเป็น "อนาคตของชาติด้วยนะครับ" 5555
ขาด/ตก/บกพร่อง/ประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครัช