อันนี้สงสัยครับ ... ผมเชื่อว่าเคยมีใครตอบแล้ว .. แต่อยากให้ยกมาเพิ่มเติม
แน่นอนว่าพระอรหันต์ต้องได้ญาณ อาสวักขยญาณ ... อันนี้เราคิดตามพอได้ด้วยการเช็คกิเลสใน ภวตัณหาก็ตาม วิภวตัณหาก็ตาม กาม ฯลฯ
แต่สำนวนที่ว่า "ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว, กิจที่ควรทำ ได้ทำสำเร็จแล้ว, กิจอื่นที่จะต้องทำ เพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก" พระอรหันต์ทราบได้อย่างไรสำหรับ
"ชาติสิ้นแล้ว" (ตัวอื่นทราบได้ ไม่น่าสงสัย)
ส่วนตัวขอเสนอ
1. ชาตินี้หมายถึง สมมุติทั้งปวง ที่ก่อสร้างภพ ก่อสร้างชาติ ก่อสร้าง"สมมุติ"ทั้งหลาย
2. เป็นสำนวนที่ติดกันมาในพระไตรปิฎก ใช้รวมๆกันทั้ง อรหันต์ทุกๆประเภท...
แน่นอนว่า .... มันลิงก์กับคำว่า ชาตินี้-ชาติหน้า .... และ "ชาติ" ชั่วขณะปัจจุบันที่ถกเถียงกันในแง่ที่ว่า ชาติหน้ามีจริงหรือไม่
Reference
พระอรหันต์ 4 คือ
1. สุกขวิปัสสก ผู้เจริญวิปัสสนาล้วน
2. เตวิชชะ ผู้ได้วิชชา 3
3. ฉฬภิญญะ ผู้ได้อภิญญา 6
4. ปฏิสัมภิทัปปัตตะ ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา 4
พระอรหันต์ 5 คือ
1. ปัญญาวิมุต
2. อุภโตภาควิมุต
3. เตวิชชะ
4. ฉฬภิญญะ
5. ปฏิสัมภิทัปปัตตะ
"ชาติสิ้นแล้ว" พระอรหันต์ที่บรรลุโดยปราศจากบุพเพนิวาสานุสสติญาณ หรือ จุตูปปาตญาณ ทราบได้อย่างไร
แน่นอนว่าพระอรหันต์ต้องได้ญาณ อาสวักขยญาณ ... อันนี้เราคิดตามพอได้ด้วยการเช็คกิเลสใน ภวตัณหาก็ตาม วิภวตัณหาก็ตาม กาม ฯลฯ
แต่สำนวนที่ว่า "ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว, กิจที่ควรทำ ได้ทำสำเร็จแล้ว, กิจอื่นที่จะต้องทำ เพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก" พระอรหันต์ทราบได้อย่างไรสำหรับ "ชาติสิ้นแล้ว" (ตัวอื่นทราบได้ ไม่น่าสงสัย)
ส่วนตัวขอเสนอ
1. ชาตินี้หมายถึง สมมุติทั้งปวง ที่ก่อสร้างภพ ก่อสร้างชาติ ก่อสร้าง"สมมุติ"ทั้งหลาย
2. เป็นสำนวนที่ติดกันมาในพระไตรปิฎก ใช้รวมๆกันทั้ง อรหันต์ทุกๆประเภท...
แน่นอนว่า .... มันลิงก์กับคำว่า ชาตินี้-ชาติหน้า .... และ "ชาติ" ชั่วขณะปัจจุบันที่ถกเถียงกันในแง่ที่ว่า ชาติหน้ามีจริงหรือไม่
Reference
พระอรหันต์ 4 คือ
1. สุกขวิปัสสก ผู้เจริญวิปัสสนาล้วน
2. เตวิชชะ ผู้ได้วิชชา 3
3. ฉฬภิญญะ ผู้ได้อภิญญา 6
4. ปฏิสัมภิทัปปัตตะ ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา 4
พระอรหันต์ 5 คือ
1. ปัญญาวิมุต
2. อุภโตภาควิมุต
3. เตวิชชะ
4. ฉฬภิญญะ
5. ปฏิสัมภิทัปปัตตะ