กล่าวถึงในส่วนทางธรรมบางส่วน ในพุทธศาสานา
เกิดในดงทุกข์ แล้วเห็นทุกข์นั้นนับว่าโชคดี เมื่อดำเนินชีวิตเพื่อพ้นทุกข์ (ปฏิบัติธรรม สมควรตามธรรม)
เมื่อได้อ่านศึกษา ย่อมเกิด 1.เกิดปัญญา หรือ 2.ฉลาดขึ้น หรือ 3.เห็นในทางที่ผิด กลายเป็นทิฏฐิแห่งตน
ทิฏฐิเหล่านั้นก็จะเป็นทิศทางดำเนินแห่งตนว่า ไปทาง 1.ถูก หรือ 2.คลาดเคลื่อน หรือ 3.ผิด
ถ้ามีทิฏฐิในทางที่ถูกเรียกว่า มีปัญญาทางธรรม
ถ้ามีทิฏฐิในทางที่คลาดเคลื่อนเรียกว่า ขาดปัญญาทางธรรม มีความฉลาดในทางบุญกุศล ไม่ถือว่าทำอกุศลกรรม
ถ้ามีทิฏฐิในทางที่ผิดเรียกว่า มิฉาทิฏฐิ ถือผิดในทางธรรม
ทิฏฐิต่างๆ เมื่อประกอบด้วยกิเลสอันได้แก่ ราคะ โทสะ โมหะ จนถือมั่นตั้งมั่น ก็จะมีทิศทางที่ 1.คลาดเคลื่อน หรือ 2.ผิด เพียงสองทางเท่านั้น และเมื่อได้กระทำลงทางกายวาจาแล้ว ก็จะกลายเป็นอกุศลกรรมแห่งตน เป็นวิบากกรรมแห่งตน มากบ้างน้อยบ้างตามกำลังการกระทำแห่งตน
ท่านคิดเห็น(ทิฏฐิ) อย่างไร ก็เสนอได้ ตามกระดานสนทนาสาธารณะ.
เกิดในดงทุกข์ แล้วเห็นทุกข์นับว่าโชคดี
เกิดในดงทุกข์ แล้วเห็นทุกข์นั้นนับว่าโชคดี เมื่อดำเนินชีวิตเพื่อพ้นทุกข์ (ปฏิบัติธรรม สมควรตามธรรม)
เมื่อได้อ่านศึกษา ย่อมเกิด 1.เกิดปัญญา หรือ 2.ฉลาดขึ้น หรือ 3.เห็นในทางที่ผิด กลายเป็นทิฏฐิแห่งตน
ทิฏฐิเหล่านั้นก็จะเป็นทิศทางดำเนินแห่งตนว่า ไปทาง 1.ถูก หรือ 2.คลาดเคลื่อน หรือ 3.ผิด
ถ้ามีทิฏฐิในทางที่ถูกเรียกว่า มีปัญญาทางธรรม
ถ้ามีทิฏฐิในทางที่คลาดเคลื่อนเรียกว่า ขาดปัญญาทางธรรม มีความฉลาดในทางบุญกุศล ไม่ถือว่าทำอกุศลกรรม
ถ้ามีทิฏฐิในทางที่ผิดเรียกว่า มิฉาทิฏฐิ ถือผิดในทางธรรม
ทิฏฐิต่างๆ เมื่อประกอบด้วยกิเลสอันได้แก่ ราคะ โทสะ โมหะ จนถือมั่นตั้งมั่น ก็จะมีทิศทางที่ 1.คลาดเคลื่อน หรือ 2.ผิด เพียงสองทางเท่านั้น และเมื่อได้กระทำลงทางกายวาจาแล้ว ก็จะกลายเป็นอกุศลกรรมแห่งตน เป็นวิบากกรรมแห่งตน มากบ้างน้อยบ้างตามกำลังการกระทำแห่งตน
ท่านคิดเห็น(ทิฏฐิ) อย่างไร ก็เสนอได้ ตามกระดานสนทนาสาธารณะ.