การฝึกฌานโดยกำหนดดวงนิมิตไม่ถูกต้องจริงหรือ และการฝึกเดินจงกลม ตอน 1
ดังได้เคยกล่าวในตอนที่ผ่าน ๆ มาแล้วว่าการที่จะพิจารณาว่าผู้ฝึกฝนสามารถฝึกได้อยู่ในขั้นใดในเวลาที่ตนฝึกอยู่นี้ จะต้องมีหลักเกณฑ์ มีเกณฑ์ในการพิจารณา เรารู้แล้วว่าการฝึกสมาธิมีอยู่สองทางที่มนุษย์คิดค้นได้ในปัจจุบันนี้ คือ ทางหนึ่งคือสมถกรรมฐาน อีกทางหนึ่งคือวิปัสสนากรรมฐาน ในส่วนสมถกรรมฐานมนุษย์คิดค้นและฝึกฝนได้มาก่อนวิปัสสนาฌาน มีด้วยกันแปดชั้น แต่การฝึกสมถกรรมฐานสามารถฝึกได้โดยไม่ต้องมีวิปัสสนาเป็นปัจจัย แต่วิปัสสนาฌานต้องมีสมถกรรมฐานเป็นพื้นฐานก่อนเพื่อกำหนดฌานในวิปัสสนาต่อไป มาถึงตอนนี้อาจมีผู้คัดค้านว่าการฝึกวิปัสสนาฌานโดยไม่ฝึกสมถกรรมฐานก่อนก็สามารถทำได้ นั้น ก็เป็นความจริง แต่พระอริยะบุคคลเช่นนี้จะไม่มีอภิญญา หรืออิทธิฤทธิ์เลย มาถึงจุดนี้ทำให้เป็นจุดด้อยให้ผู้ที่รู้ความจริงในข้อนี้หาประโยชน์โดยอ้างว่าตนเองเป็นพระอรหันต์อย่างมากมาย มีอรหันต์อุปโหลก อรหันต์โกหกมดเท็จเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้เรา ชาวพุทธต้องปรงสังเวชท้อแท้ว่าศาสนาของเราถึงคราวอับจนแล้วหรือ เช่นนี้ พอเราถามถึงว่าท่านพิจารณาธรรมเช่นไรเขาก็จะตอบได้ แต่จะไม่มีการพลิกแพลงอธิบายตามประสบการณ์จริงได้ เพราะพระธรรมมีบันทึกอยู่ทุกข้อ และมีเรียนพระกรรมฐานในทางทฤษฎีจนถึงปริญญาโทที่มหาจุฬา แต่ครั้นให้แสดงอิทธิฤทธิเขาจะอ้างเป็นสองประการ คือ ประการหนึ่งอ้างว่าพระพุทธองค์ทรงห้ามไว้แสดงไม่ได้ และ ผิดศีล สองร้อยยี่สิบเจ็ดข้อของภิกษุ อีกประการหนึ่งก็จะอ้างได้ว่าตัวเขาฝึกวิปัสสนามาเป็นพระอรหันต์ที่ไม่มีอิทธิฤทธิ จึงแสดงฤทธิไม่ได้ ด้วยประการฉะนี้ พวกเราจึงต้องโดนหลอกกันอยู่ตลอดเวลาจนทุกวันนี้ จริง ๆ แล้วในสมัยพุทธการเมื่อครั้งพระพุทธองค์ทรงประทับอยู่กับพระสาวกวันหนึ่งเกิดพายุฝนหนักมีน้ำป่าไหลหลากมาจะท่วมที่พักของพระพุทธองค์ ทรงเห็นว่าหากปล่อยไว้เช่นนี้น้ำจะท่วมที่พักอาจทำให้พระสาวกถูกน้ำท่วมเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ พระองค์จึงทรงให้พระควัมปติไปเปลี่ยนทางน้ำให้ไหลไปทางอื่นก็พ้นจากอันตรายในคราวนั้นได้ อีกคราวหนึ่งในการเดินทางก็ทรงให้พระโมคคัลลาน ทรงใช้อิทธิฤทธิกำหลาบพยานาคที่ทำฤทธิขวางหนทางเสด็จ และมีปรากฏหลายครั้งหลายคราวแต่ด้วยเหตุผลง่าย ๆ ที่กล่าวแล้วเหตุผลต่าง ๆ ก็ไร้ความหมาย
ทีนี้มาถึงดวงนิมิตในพระกรรมฐาน เราเข้าใจแล้วว่าดวงนิมิตในพระกรรมฐานมีอยู่สามลักษณะ คือ ดวงอุคคหนิมิต ดวงปฏิภาคนิมิต และดวงฌาน อีกทั้งในสมาปัชชนวสี ก็กล่าวถึงปฏิภาคนิมิตไว้โดยชัดเจน ว่าชำนาญในการยกดวงฌานจากดวงปฏิภาคได้โดยไม่เนิ่นช้า หากท่านไม่มีดวงนิมิตแล้วจะเข้าสู่ดวงปฏิภาคแล้วจะยกเข้าสู่ดวงฌานได้อย่างไร และกรรมฐานทั้งหมดทุกวิธีการสำเร็จต้องมีฌาน ไม่ยกเว้นแม้วิปัสสนาฌานก็มีฌานเช่นกัน ถ้าท่านบอกว่ายังไม่เห็นฌานในวิปัสสนาก็แสดงว่าท่านยังไม่สำเร็จ เพราะวิปัสสนา นั้น มีถึงห้าฌานที่จะต้องกำหนดพร้อมกันจึงจะได้ การฝึกโดยกำหนดนิมิตเป็นพื้นฐานเบื้องต้นของการฝึกฌานการกำหนดนิมิตไม่ผิด ความผิดมีอยู่สองอย่าง คือ กำหนดไม่ได้แล้วบอกว่ากำหนดได้ กับทิ้งดวงนิมิตในเวลาที่ไม่ควรจะทิ้ง เพราะเข้าใจว่าดวงนิมิตนี้ไม่เที่ยงไม่ยอมกำหนดให้บังเกิดดวงนิมิต แท้จริงแล้วดวงนิมิตนี้เกิดจากพลังสมาธิบันดาลให้บังเกิดขึ้นไม่ใช่กำเนิดมาจากความคิดของปุถุชน เมื่อพลังสมาธิแก่กล้าพอ ดวงนิมิตก็จะเกิดขึ้นจากการกำหนดให้เกิดขึ้นของผู้ฝึกเอง แต่เมื่อสำเร็จฌานดวงนิมิตก็จะหายไปจากการกำหนดของเรา ในส่วนของดวงนิมิตนี้ตั้งแต่ฌานสี่เป็นต้นไปจะไม่มีอีก คงมีแต่ดวงฌาน สำหรับวิปัสสนาฌานนั้นไม่มีดวงนิมิตเพราะฌานที่สำเร็จเป็นลักษณะอรูปฌานอย่างหนึ่ง เป็นแต่การฝึกฝนเป็นคนละแบบกับอรูปฌานของสมถกรรมฐานครับ ผลที่ได้รับจึงแตกต่างกัน กล่าวให้ง่ายเพื่อความเข้าใจก็คือสิ่งเหล่านี้ไม่มีทั้งสิ้น แต่ที่ต้องกำหนดให้มีขึ้นนี้เป็นวิธีที่มนุษย์สมมุตติขึ้นเพื่อง่ายแก่การฝึกฝนในชั้นที่สูงขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นนิมิตก็ดีดวงฌานก็ดีแท้จริงแล้วไม่มีทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเหมือนการเรียนหนังสือก็กำหนดชั้นประถม แต่เดิมมีเจ็ดชั้น มัธยมต้นมีสี่ชั้น มัธยมปลายมีสองชั้นก็เรียนกันมาได้ ต่อมามีนักวิชาการเปลี่ยนเป็นประถมหกชั้น มัธยมต้นมีสามชั้น มัธยมปลายมีสามชั้นเช่นทุกวันนี้เป็นการกำหนดหลักสูตรของการเรียนว่าปฐมต้องเรียนแบบนี้ มัธยมต้องเรียนแบบนี้แบบนี้เพียงเท่านั้น จุดสำคัญก็เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการที่จะเรียนในชั้นที่สูงขึ้นได้เท่านั้น ต่อไปอาจเปลี่ยนเป็นแบบอื่นอีกก็ได้ไม่ใช่ข้อสำคัญแต่อย่างไร สิ่งเหล่านี้บังเกิดจากพลังสมาธิเท่านั้นที่บันดาลให้บังเกิด จึงได้มีผู้ที่ฝึกได้โดยเป็นวิธีของตนเอง ยกตัวอย่างเช่นหลวงพ่อสดวัดปากน้ำเป็นต้น ก็เป็นวิธีที่ท่านคิดขึ้นมาใหม่ซึ่งถือเป็นสมถกรรมฐานชนิดหนึ่งเช่นกัน หรืออีกตัวอย่างหนึ่งยกตัวอย่างถนนสายจากกระบี่ไปสุราษฏร์ธานีเดิมก็เดินทางสายเก่า มาปัจจุบันมีทางลัดเขาก็เปลี่ยนมาเดินทางสายใหม่เพราะใกล้และสะดวกกว่าเป็นต้น แต่ตราบใดที่เราไม่มีบุญญาบารมีที่จะทำทางสายใหม่เองได้ก็คงใช้เส้นทางเดิมที่ท่านทั้งหลายสร้างไว้ ช้าเร็วก็จะถึงจุดหมายปลายทางได้ ข้อสำคัญไม่ใช่วิธีการแต่เป็นว่าเราเดินทางถึงเป้าหมายได้โดยสวัสดิภาพต่างหาก หวังว่าคงพอจะเข้าใจนะครับ ส่วนการทำความชั่วในรูปแบบต่าง ๆ เป็นความรู้สึกนึกคิดของปุถุชนที่มีความโลภจนเกินสมควรมีความหลงที่ข่มเสียไม่ได้ จึงทำสิ่งที่ไม่สมควรจะทำ ทุกวันนี้คนนับถือพระเก่ง แต่หาพระเก่งนับถือได้ยาก พอได้ข่าวว่ามีที่ไหนก็เฮโรกันไปจนแน่นขนัด โดยไม่พิจารณาตามความเป็นจริง จากข้อเขียนของข้าพเจ้ามุ่งที่จะให้รู้หลักในการพิจารณา อธิบายด้วยเหตุและผล ว่ากันตามจริงแล้ว ผู้รู้ก็มีมากแต่ไม่กล่าวตามหลักความจริงเพราะถ้าคนรู้มากเข้าใจมากก็จะหลอกไม่ได้ เช่นนี้หรือเปล่า ข้าพเจ้าเคยถามเพื่อนที่เรียนจบมาจากวิทยาลัยเกษตรกรรมว่า วิทยาลัยเกษตรบ้านเรามีอยู่ทุกจังหวัดทำไมการเกษตรบ้านเราจึงไม่เจริญเท่าที่ควร คนที่ออกมามีข่าวว่าประสบความสำเร็จทางการเกษตรส่วนใหญ่จบแค่ ปอสี่ ก็ได้รับคำตอบว่าคนที่เรียนตามหนังสือสู้คนที่ลงมือทำด้วยตนเองไม่ได้ อุปมาก็เป็นเช่นนี้นี่เอง
เพื่อให้บทความนี้มีความสมบูรณ์ เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่จะนำไปใช้ฝึกสมาธิได้อย่างจริงจัง ข้าพเจ้าจะขอกล่าวถึงการฝึกเดินจงกลม ในลำดับต่อไป การเดินจงกลมมีความสำคัญมากในการฝึกสมาธิ พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญไว้มากกล่าวคือ ทำให้อาหารที่กินแล้วย่อยง่าย ทำให้หายเมื่อยขบจากการนั่งสมาธิอยู่กับที่เป็นเวลานาน แต่ที่สำคัญก็คือมันสามารถทำลายนิมิตที่ไม่พึงประสงค์ได้ เช่นตัวหนัก ตัวเบา หรือเห็นภาพต่าง ๆ ที่ไม่ควรเห็นขณะฝีกฝนอยู่ ข้าพเจ้าเคยแวะไปสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งในจังหวัดกระบี่ มีผู้ไปปฏิบัติธรรมนุ่งขาวห่มขาวอยู่หลายคน สอบถามว่าท่านปฏิบัติธรรมกันอย่างไร นั่งสมาธิเดินจงกลมกำหนดอย่างไร เขาตอบว่าเดินไปแล้วภาวนาว่าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เวลาก็เดินไม่ถูกมั่วไปหมด ข้าพเจ้าก็ต้องจบแค่นั้น การฝึกสมาธินี้เขาฝึกกันมาก่อนพระพุทธเจ้า แล้วจะมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ได้อย่างไร การเดินจงกลมนี้ชัดเจนว่าคือวิธีฝึกของสมถกรรมฐานอย่างแท้จริง ซึ่งพระพุทธองค์ก็ทรงยอมรับการฝึกนี้ เพื่อจะได้เป็นพื้นฐานในการฝึกในชั้นวิบัสสนาต่อไป และการภาวนาแบบนี้ข้าพเจ้าก็เพิ่งจะได้ยินเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่หนักไปกว่านี้อีกที่จังหวัดตรังเป็นที่ปฏิบัติธรรมในถ้ำ ข้าพเจ้าถามว่าเขารู้จักพระโมคคัลาน พระสาริบุตรหรือไม่ เขาตอบว่าไม่รู้จัก ทั้งที่ตอนนั้นเขากวาดใบไม้อยู่หน้าพระประธาน มีพระสาวกครบทั้งซ้ายขวา ข้าพเจ้าเหลือบไปเห็นว่าที่คอเขาแขวนพระสมเด็จโชว์ไว้นอกเสื้อเลย ข้าพเจ้าจึงลองถามว่าแล้วสมเด็จพุทธาจารย์โตเขารู้จักไหม ได้รับคำตอบว่าไม่รู้จักอีกเช่นกัน และแม้แต่ญาติสนิททางภรรยาของข้าพเจ้าก็ไม่รู้จักพระอรหันต์สาวกเลย แสดงให้เห็นว่าศาสนาของเรานี้ย่อหย่อนในการให้การศึกษาพระพุทธประวัติเป็นอย่างมาก
การฝึกฌานโดยกำหนดดวงนิมิตไม่ถูกต้องจริงหรือ และการฝึกเดินจงกลม ตอน 1
ดังได้เคยกล่าวในตอนที่ผ่าน ๆ มาแล้วว่าการที่จะพิจารณาว่าผู้ฝึกฝนสามารถฝึกได้อยู่ในขั้นใดในเวลาที่ตนฝึกอยู่นี้ จะต้องมีหลักเกณฑ์ มีเกณฑ์ในการพิจารณา เรารู้แล้วว่าการฝึกสมาธิมีอยู่สองทางที่มนุษย์คิดค้นได้ในปัจจุบันนี้ คือ ทางหนึ่งคือสมถกรรมฐาน อีกทางหนึ่งคือวิปัสสนากรรมฐาน ในส่วนสมถกรรมฐานมนุษย์คิดค้นและฝึกฝนได้มาก่อนวิปัสสนาฌาน มีด้วยกันแปดชั้น แต่การฝึกสมถกรรมฐานสามารถฝึกได้โดยไม่ต้องมีวิปัสสนาเป็นปัจจัย แต่วิปัสสนาฌานต้องมีสมถกรรมฐานเป็นพื้นฐานก่อนเพื่อกำหนดฌานในวิปัสสนาต่อไป มาถึงตอนนี้อาจมีผู้คัดค้านว่าการฝึกวิปัสสนาฌานโดยไม่ฝึกสมถกรรมฐานก่อนก็สามารถทำได้ นั้น ก็เป็นความจริง แต่พระอริยะบุคคลเช่นนี้จะไม่มีอภิญญา หรืออิทธิฤทธิ์เลย มาถึงจุดนี้ทำให้เป็นจุดด้อยให้ผู้ที่รู้ความจริงในข้อนี้หาประโยชน์โดยอ้างว่าตนเองเป็นพระอรหันต์อย่างมากมาย มีอรหันต์อุปโหลก อรหันต์โกหกมดเท็จเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้เรา ชาวพุทธต้องปรงสังเวชท้อแท้ว่าศาสนาของเราถึงคราวอับจนแล้วหรือ เช่นนี้ พอเราถามถึงว่าท่านพิจารณาธรรมเช่นไรเขาก็จะตอบได้ แต่จะไม่มีการพลิกแพลงอธิบายตามประสบการณ์จริงได้ เพราะพระธรรมมีบันทึกอยู่ทุกข้อ และมีเรียนพระกรรมฐานในทางทฤษฎีจนถึงปริญญาโทที่มหาจุฬา แต่ครั้นให้แสดงอิทธิฤทธิเขาจะอ้างเป็นสองประการ คือ ประการหนึ่งอ้างว่าพระพุทธองค์ทรงห้ามไว้แสดงไม่ได้ และ ผิดศีล สองร้อยยี่สิบเจ็ดข้อของภิกษุ อีกประการหนึ่งก็จะอ้างได้ว่าตัวเขาฝึกวิปัสสนามาเป็นพระอรหันต์ที่ไม่มีอิทธิฤทธิ จึงแสดงฤทธิไม่ได้ ด้วยประการฉะนี้ พวกเราจึงต้องโดนหลอกกันอยู่ตลอดเวลาจนทุกวันนี้ จริง ๆ แล้วในสมัยพุทธการเมื่อครั้งพระพุทธองค์ทรงประทับอยู่กับพระสาวกวันหนึ่งเกิดพายุฝนหนักมีน้ำป่าไหลหลากมาจะท่วมที่พักของพระพุทธองค์ ทรงเห็นว่าหากปล่อยไว้เช่นนี้น้ำจะท่วมที่พักอาจทำให้พระสาวกถูกน้ำท่วมเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ พระองค์จึงทรงให้พระควัมปติไปเปลี่ยนทางน้ำให้ไหลไปทางอื่นก็พ้นจากอันตรายในคราวนั้นได้ อีกคราวหนึ่งในการเดินทางก็ทรงให้พระโมคคัลลาน ทรงใช้อิทธิฤทธิกำหลาบพยานาคที่ทำฤทธิขวางหนทางเสด็จ และมีปรากฏหลายครั้งหลายคราวแต่ด้วยเหตุผลง่าย ๆ ที่กล่าวแล้วเหตุผลต่าง ๆ ก็ไร้ความหมาย
ทีนี้มาถึงดวงนิมิตในพระกรรมฐาน เราเข้าใจแล้วว่าดวงนิมิตในพระกรรมฐานมีอยู่สามลักษณะ คือ ดวงอุคคหนิมิต ดวงปฏิภาคนิมิต และดวงฌาน อีกทั้งในสมาปัชชนวสี ก็กล่าวถึงปฏิภาคนิมิตไว้โดยชัดเจน ว่าชำนาญในการยกดวงฌานจากดวงปฏิภาคได้โดยไม่เนิ่นช้า หากท่านไม่มีดวงนิมิตแล้วจะเข้าสู่ดวงปฏิภาคแล้วจะยกเข้าสู่ดวงฌานได้อย่างไร และกรรมฐานทั้งหมดทุกวิธีการสำเร็จต้องมีฌาน ไม่ยกเว้นแม้วิปัสสนาฌานก็มีฌานเช่นกัน ถ้าท่านบอกว่ายังไม่เห็นฌานในวิปัสสนาก็แสดงว่าท่านยังไม่สำเร็จ เพราะวิปัสสนา นั้น มีถึงห้าฌานที่จะต้องกำหนดพร้อมกันจึงจะได้ การฝึกโดยกำหนดนิมิตเป็นพื้นฐานเบื้องต้นของการฝึกฌานการกำหนดนิมิตไม่ผิด ความผิดมีอยู่สองอย่าง คือ กำหนดไม่ได้แล้วบอกว่ากำหนดได้ กับทิ้งดวงนิมิตในเวลาที่ไม่ควรจะทิ้ง เพราะเข้าใจว่าดวงนิมิตนี้ไม่เที่ยงไม่ยอมกำหนดให้บังเกิดดวงนิมิต แท้จริงแล้วดวงนิมิตนี้เกิดจากพลังสมาธิบันดาลให้บังเกิดขึ้นไม่ใช่กำเนิดมาจากความคิดของปุถุชน เมื่อพลังสมาธิแก่กล้าพอ ดวงนิมิตก็จะเกิดขึ้นจากการกำหนดให้เกิดขึ้นของผู้ฝึกเอง แต่เมื่อสำเร็จฌานดวงนิมิตก็จะหายไปจากการกำหนดของเรา ในส่วนของดวงนิมิตนี้ตั้งแต่ฌานสี่เป็นต้นไปจะไม่มีอีก คงมีแต่ดวงฌาน สำหรับวิปัสสนาฌานนั้นไม่มีดวงนิมิตเพราะฌานที่สำเร็จเป็นลักษณะอรูปฌานอย่างหนึ่ง เป็นแต่การฝึกฝนเป็นคนละแบบกับอรูปฌานของสมถกรรมฐานครับ ผลที่ได้รับจึงแตกต่างกัน กล่าวให้ง่ายเพื่อความเข้าใจก็คือสิ่งเหล่านี้ไม่มีทั้งสิ้น แต่ที่ต้องกำหนดให้มีขึ้นนี้เป็นวิธีที่มนุษย์สมมุตติขึ้นเพื่อง่ายแก่การฝึกฝนในชั้นที่สูงขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นนิมิตก็ดีดวงฌานก็ดีแท้จริงแล้วไม่มีทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเหมือนการเรียนหนังสือก็กำหนดชั้นประถม แต่เดิมมีเจ็ดชั้น มัธยมต้นมีสี่ชั้น มัธยมปลายมีสองชั้นก็เรียนกันมาได้ ต่อมามีนักวิชาการเปลี่ยนเป็นประถมหกชั้น มัธยมต้นมีสามชั้น มัธยมปลายมีสามชั้นเช่นทุกวันนี้เป็นการกำหนดหลักสูตรของการเรียนว่าปฐมต้องเรียนแบบนี้ มัธยมต้องเรียนแบบนี้แบบนี้เพียงเท่านั้น จุดสำคัญก็เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการที่จะเรียนในชั้นที่สูงขึ้นได้เท่านั้น ต่อไปอาจเปลี่ยนเป็นแบบอื่นอีกก็ได้ไม่ใช่ข้อสำคัญแต่อย่างไร สิ่งเหล่านี้บังเกิดจากพลังสมาธิเท่านั้นที่บันดาลให้บังเกิด จึงได้มีผู้ที่ฝึกได้โดยเป็นวิธีของตนเอง ยกตัวอย่างเช่นหลวงพ่อสดวัดปากน้ำเป็นต้น ก็เป็นวิธีที่ท่านคิดขึ้นมาใหม่ซึ่งถือเป็นสมถกรรมฐานชนิดหนึ่งเช่นกัน หรืออีกตัวอย่างหนึ่งยกตัวอย่างถนนสายจากกระบี่ไปสุราษฏร์ธานีเดิมก็เดินทางสายเก่า มาปัจจุบันมีทางลัดเขาก็เปลี่ยนมาเดินทางสายใหม่เพราะใกล้และสะดวกกว่าเป็นต้น แต่ตราบใดที่เราไม่มีบุญญาบารมีที่จะทำทางสายใหม่เองได้ก็คงใช้เส้นทางเดิมที่ท่านทั้งหลายสร้างไว้ ช้าเร็วก็จะถึงจุดหมายปลายทางได้ ข้อสำคัญไม่ใช่วิธีการแต่เป็นว่าเราเดินทางถึงเป้าหมายได้โดยสวัสดิภาพต่างหาก หวังว่าคงพอจะเข้าใจนะครับ ส่วนการทำความชั่วในรูปแบบต่าง ๆ เป็นความรู้สึกนึกคิดของปุถุชนที่มีความโลภจนเกินสมควรมีความหลงที่ข่มเสียไม่ได้ จึงทำสิ่งที่ไม่สมควรจะทำ ทุกวันนี้คนนับถือพระเก่ง แต่หาพระเก่งนับถือได้ยาก พอได้ข่าวว่ามีที่ไหนก็เฮโรกันไปจนแน่นขนัด โดยไม่พิจารณาตามความเป็นจริง จากข้อเขียนของข้าพเจ้ามุ่งที่จะให้รู้หลักในการพิจารณา อธิบายด้วยเหตุและผล ว่ากันตามจริงแล้ว ผู้รู้ก็มีมากแต่ไม่กล่าวตามหลักความจริงเพราะถ้าคนรู้มากเข้าใจมากก็จะหลอกไม่ได้ เช่นนี้หรือเปล่า ข้าพเจ้าเคยถามเพื่อนที่เรียนจบมาจากวิทยาลัยเกษตรกรรมว่า วิทยาลัยเกษตรบ้านเรามีอยู่ทุกจังหวัดทำไมการเกษตรบ้านเราจึงไม่เจริญเท่าที่ควร คนที่ออกมามีข่าวว่าประสบความสำเร็จทางการเกษตรส่วนใหญ่จบแค่ ปอสี่ ก็ได้รับคำตอบว่าคนที่เรียนตามหนังสือสู้คนที่ลงมือทำด้วยตนเองไม่ได้ อุปมาก็เป็นเช่นนี้นี่เอง
เพื่อให้บทความนี้มีความสมบูรณ์ เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่จะนำไปใช้ฝึกสมาธิได้อย่างจริงจัง ข้าพเจ้าจะขอกล่าวถึงการฝึกเดินจงกลม ในลำดับต่อไป การเดินจงกลมมีความสำคัญมากในการฝึกสมาธิ พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญไว้มากกล่าวคือ ทำให้อาหารที่กินแล้วย่อยง่าย ทำให้หายเมื่อยขบจากการนั่งสมาธิอยู่กับที่เป็นเวลานาน แต่ที่สำคัญก็คือมันสามารถทำลายนิมิตที่ไม่พึงประสงค์ได้ เช่นตัวหนัก ตัวเบา หรือเห็นภาพต่าง ๆ ที่ไม่ควรเห็นขณะฝีกฝนอยู่ ข้าพเจ้าเคยแวะไปสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งในจังหวัดกระบี่ มีผู้ไปปฏิบัติธรรมนุ่งขาวห่มขาวอยู่หลายคน สอบถามว่าท่านปฏิบัติธรรมกันอย่างไร นั่งสมาธิเดินจงกลมกำหนดอย่างไร เขาตอบว่าเดินไปแล้วภาวนาว่าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เวลาก็เดินไม่ถูกมั่วไปหมด ข้าพเจ้าก็ต้องจบแค่นั้น การฝึกสมาธินี้เขาฝึกกันมาก่อนพระพุทธเจ้า แล้วจะมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ได้อย่างไร การเดินจงกลมนี้ชัดเจนว่าคือวิธีฝึกของสมถกรรมฐานอย่างแท้จริง ซึ่งพระพุทธองค์ก็ทรงยอมรับการฝึกนี้ เพื่อจะได้เป็นพื้นฐานในการฝึกในชั้นวิบัสสนาต่อไป และการภาวนาแบบนี้ข้าพเจ้าก็เพิ่งจะได้ยินเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่หนักไปกว่านี้อีกที่จังหวัดตรังเป็นที่ปฏิบัติธรรมในถ้ำ ข้าพเจ้าถามว่าเขารู้จักพระโมคคัลาน พระสาริบุตรหรือไม่ เขาตอบว่าไม่รู้จัก ทั้งที่ตอนนั้นเขากวาดใบไม้อยู่หน้าพระประธาน มีพระสาวกครบทั้งซ้ายขวา ข้าพเจ้าเหลือบไปเห็นว่าที่คอเขาแขวนพระสมเด็จโชว์ไว้นอกเสื้อเลย ข้าพเจ้าจึงลองถามว่าแล้วสมเด็จพุทธาจารย์โตเขารู้จักไหม ได้รับคำตอบว่าไม่รู้จักอีกเช่นกัน และแม้แต่ญาติสนิททางภรรยาของข้าพเจ้าก็ไม่รู้จักพระอรหันต์สาวกเลย แสดงให้เห็นว่าศาสนาของเรานี้ย่อหย่อนในการให้การศึกษาพระพุทธประวัติเป็นอย่างมาก