คือแบบว่า เราเปิดบริษัทเล็กๆๆเปิดบริษัทมาขายสินค้า. นอกจากนั้น ก้อเป็นตัวแทนนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศด้วย. เราจะรับสั่งซื้อเมื่อเป็นสินค้าเฉพาะ ไม่สั่งเข้ามาขายในบริษัทเราเอง. คำว่าสินค้าเฉพาะนั่นคือ. ไม่มีประกัน ไม่มีบริการซ่อมแซมติดตั้งใดๆทั้งสิ้น เป็นสินค้าราคาถูก และเป็นสินค้าที่คนไม่นิยมกัน. การขายออกก้อมีความเป็นไปได้น้อย เพราะเป็นสินค้าที่บางคนอาจมองว่าไม่ได้มาตรฐาน แต่กับบางคนอาจมองว่า ของเหมือนกัน แต่ต่างกันที่แบรนด์. กระทั่งวันหนึ่งมีลูกค้ามาสั่งสินค้าเรา. ให้เราสั่งซื้อให้. อันที่จริงบริษัทนำเข้าทุกที่เขาจะต้องคิดค่าบริการ. แต่เราเห็นว่าเป็นลูกค้าของลูกค้าแนะนำมาอีกที. เราเลยไม่คิดค่าบริการใด. แต่คิดค่าคอมจากการได้เท่านั้นเอง. ซึ่งเรา ได้ยังไม่ถึง 10%จากการขายเลย. ลองคิดเล่นๆว่าถ้าลูกค้าซื้อ100บาท. คิดไม่ถึง10%. จะได้สักเท่าไหร่กัน. เราก้อรุ้แต่มองว่า เอาน่าช่วยๆๆกัน. เราก้อสั่งให้กับทางจีนแล้วคอมเฟิมเรื่องขนส่งกับบริษัทขนส่งให้ด้วย. ปรากฎว่า. ทางนู้นคอมเฟิมว่า โอเค ส่งเลย.พอผ่านไปไม่นานตู้ถึงท่าเรือ เนื่องจากตู้ที่มาโดนล็อค จึงทำให้เราส่งของให้ลูกค้าล่าช้า.  จากนั้นผ่านไปสามเดือน บริษัทเราแจ้งให้ทราบว่าลูกค้าคนอื่นหรอกยัดของลิขสิทธ์มา.  เราก็งงงง เขาเลยอธิบายให้ฟัง. จนเราก้อเห็นใจเขาแต่เราก้อรบกวนให้ช่วยเร่ง. แต่ทำอยุ่นานจนเราไม่เห็นได้เรื่องเราเลยลงมาตามเอกสารและเรื่องราวทั้งหมด จนเมื่อเดือนเจ็ดต้นเดือน. เราก้อไปรับออกมาสามชิ้น. ซึ่งเราก้อส่งให้ตามที่ที่อยุ่ในบิล. ปรากฎลูกค้าก้อให้ทนายความดำเนินคดีด้วยการส่งใบแจ้งเตือนให้เราคืนเงิน. ซึ่งเราก้อบอกลูกค้าเราที่เป็นคนแนะนำลูกค้าอีกคนมาให้ ว่า จะดำเนินก้อเชิญเพราะเราส่งให้แล้ว เราเป็นแค่คนกลาง. ตอนจะซื้อเราก้อไม่ได้บังคับ. คุณอยากได้ของถูกฉันก้อหาและเทียบราคาให้. แต่พอผิดพลาดที่ทางขนส่งเราก้อบอกไปแล้ว. แจ้งให้ทราบแถมให้คุยกับทางบริษัทขนส่งเอง. และสุดท้ายเพื่อความพยายามในการรับผิดชอบเราก้อไม่คิดค่าขนส่ง แถมสินค้าที่ไม่ได้จ่ายเงินอีก1ชิ้น. ก้อไม่ได้คิดเงิน ถึงปัจจุบันยังขาดอีกสองชิ้นเพราะลูกค้าสั่งหกชิ้น ส่งให้ตั้งแต่ก่อนลูกค้าโอนเงิน1ชิ้นแล้ว ต้นเดือนกรกฎาส่งอีกสามชิ้น  จึงขาดเหลือเพียงแค่สองชิ้น แต่เราก้อตามและลงไปเคลียร์สินค้าให้ทั้งที่เราไม่ใช่ชิปปิ้ง.  อยากทราบว่ากรณีอย่างนี้เราจะโดนฟ้องอะไรบ้างค่ะ