ร่วมลงชื่อได้ที่ http://chn.ge/1fPw9pY
ร่วมลงชื่อได้ที่ http://chn.ge/1fPw9pY
เนื่องจากได้มีเอกสารหลักฐานบ่งชี้การอาบัติปาราชิกของ พระเทพญาณมหามุนี หรือนายไชยบูลย์ สุทธิผลเจ้าอาวาสพระธรรมกาย แพร่หลายตามสื่อต่างๆมาเป็นเวลานาน คือเอกสารพระวินิจฉัย ลงวันที่ 26 เมษายน 2542 และในเวลานี้ได้มีการเปิดเผยเอกสารหลักฐานเพิ่มขึ้น คือเมื่อวันที่ 22 กค. 2558 ในรายการตอบโจทย์ ไทยพีบีเอส คุณรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้เปิดเผยเอกสารหลักฐานใหม่ คือ หนังสือที่ พ258/2542 ลงวันที่ 29 เมษายน 2542 โดยพระราชรัตนมงคล ผู้ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการสมเด็จพระสังฆราชในขณะนั้น ที่มีไปถึงอธิบดีกรมการศาสนาในขณะนั้น คือนายพิภพ กาญจนะ เป็นหนังสือนำส่ง "พระวินิจฉัย" การอาบัติปาราชิกของธัมมชโยไปให้กรมการศาสนา เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุม มหาเถรสมาคม โดยในหนังสือนำส่งนี้มีการระบุและเน้นย้ำอย่างชัดเจนว่าเป็นการนำส่ง "พระวินิจฉัย" และไม่ได้มีการใช้คำว่า "พระดำริ" แต่อย่างใด
ดังนั้นหนังสือที่ พ258/2542 นี้จึงเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ได้มีพระวินิจฉัยในการอาบัติปาราชิกของพระธัมมชโยแล้ว ตาม เอกสารพระวินิจฉัยลงพระนาม 26 เมษายน 2542 ข้างต้น เป็นเหตุให้พระธัมมชโยหมดสภาพความเป็นภิกษุลงโดยสิ้นเชิง
เอกสารพระวินิจฉัย ลงวันที่ 26 เมษายน 2542
หนังสือนำส่งพระวินิจฉัย ที่ พ258/2542
หากแต่เมื่อกรมการศาสนา รับเอกสารพระวินิจฉัย และเอกสารนำส่งพระวินิจฉัยดังกล่าวแล้ว กลับทำเอกสาร มติมหาเถรสมาคมที่ 193/2542 นำเสนอพระวินิจฉัยดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม มหาเถรสมาคม โดยระบุว่าว่าเป็น "พระดำริ" ซึ่งทำให้ความหมายและการปฏิบัติงานสนองพระวินิจฉัยนี้คลาดเคลื่อนอย่างมีนัยสำคัญ
มติมหาเถรสมาคมที่ 193/2542 ซึ่งเปลี่ยนมาใช้คำว่า "พระดำริ" แทนคำว่า "พระวินิจฉัย"
จากเอกสารทั้ง 3 ฉบับนี้ สามารถสรุปได้อย่างแน่ชัดว่า เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้มี "พระวินิจฉัย" แล้วอย่างแน่นอนว่าพระธัมมชโยอาบัติปาราชิก แต่กระบวนการนำเสนอพระวินิจฉัยเข้าสู่ที่ประชุม มหาเถรสมาคม นั้นกลับมีการเปลี่ยนแปลงถ้อยคำ ซึ่งส่งผลต่อมติมหาเถรสมาคมและการสนองพระวินิจฉัย
อีกทั้งผู้ตรวจการแผ่นดินยังได้ชี้ให้เห็นถึงความไม่ปกติ ในการถอนฟ้องคดีพระธัมมชโยโดยอัยการสูงสุดในขณะนั้น จึงขอผลักดันให้นายกรัฐมนตรี สนับสนุนการรื้อฟื้นคดีของนายไชยบูลย์ สุทธิผล หรืออดีตพระธัมมชโยทุกคดี รวมทั้งตรวจสอบการทำงานของอัยการสูงสุด และอธิบดีกรมการศาสนาในขณะนั้น
ร่วมลงชื่อได้ที่ http://chn.ge/1fPw9pY
เครดิต ภาพและข้อมูลจาก
คลิป : ข้อสงสัย เหตุใดจึงมีการเปลี่ยนคำว่า พระวินิจฉัย มาเป็น พระดำริ
เอกสาร : ข้อสงสัย เหตุใดจึงมีการเปลี่ยนคำว่า พระวินิจฉัย มาเป็น พระดำริ
อธิบดีกรมการศาสนา & มส. สมควรตอบให้ได้ว่า ใครเป็นผู้สมบท "ฤาษีแปลงสาร"
รายการตอบโจทย์ ไทยพีบีเอส ตอบโจทย์ ไทยพีบีเอส : เคลียร์ "คำวินิจฉัย" ปาราชิก "พระธัมมชโย" (22 ก.ค. 58)
แก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหา
ร่วมลงชื่อ ผลักดันนายกรัฐมนตรี ให้สนับสนุนการรื้อฟื้นคดี ธมมฺชโย หรือ นายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าอาวาสพระธรรมกาย
ร่วมลงชื่อได้ที่ http://chn.ge/1fPw9pY
เนื่องจากได้มีเอกสารหลักฐานบ่งชี้การอาบัติปาราชิกของ พระเทพญาณมหามุนี หรือนายไชยบูลย์ สุทธิผลเจ้าอาวาสพระธรรมกาย แพร่หลายตามสื่อต่างๆมาเป็นเวลานาน คือเอกสารพระวินิจฉัย ลงวันที่ 26 เมษายน 2542 และในเวลานี้ได้มีการเปิดเผยเอกสารหลักฐานเพิ่มขึ้น คือเมื่อวันที่ 22 กค. 2558 ในรายการตอบโจทย์ ไทยพีบีเอส คุณรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้เปิดเผยเอกสารหลักฐานใหม่ คือ หนังสือที่ พ258/2542 ลงวันที่ 29 เมษายน 2542 โดยพระราชรัตนมงคล ผู้ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการสมเด็จพระสังฆราชในขณะนั้น ที่มีไปถึงอธิบดีกรมการศาสนาในขณะนั้น คือนายพิภพ กาญจนะ เป็นหนังสือนำส่ง "พระวินิจฉัย" การอาบัติปาราชิกของธัมมชโยไปให้กรมการศาสนา เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุม มหาเถรสมาคม โดยในหนังสือนำส่งนี้มีการระบุและเน้นย้ำอย่างชัดเจนว่าเป็นการนำส่ง "พระวินิจฉัย" และไม่ได้มีการใช้คำว่า "พระดำริ" แต่อย่างใด
ดังนั้นหนังสือที่ พ258/2542 นี้จึงเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ได้มีพระวินิจฉัยในการอาบัติปาราชิกของพระธัมมชโยแล้ว ตาม เอกสารพระวินิจฉัยลงพระนาม 26 เมษายน 2542 ข้างต้น เป็นเหตุให้พระธัมมชโยหมดสภาพความเป็นภิกษุลงโดยสิ้นเชิง
เอกสารพระวินิจฉัย ลงวันที่ 26 เมษายน 2542
หนังสือนำส่งพระวินิจฉัย ที่ พ258/2542
หากแต่เมื่อกรมการศาสนา รับเอกสารพระวินิจฉัย และเอกสารนำส่งพระวินิจฉัยดังกล่าวแล้ว กลับทำเอกสาร มติมหาเถรสมาคมที่ 193/2542 นำเสนอพระวินิจฉัยดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม มหาเถรสมาคม โดยระบุว่าว่าเป็น "พระดำริ" ซึ่งทำให้ความหมายและการปฏิบัติงานสนองพระวินิจฉัยนี้คลาดเคลื่อนอย่างมีนัยสำคัญ
มติมหาเถรสมาคมที่ 193/2542 ซึ่งเปลี่ยนมาใช้คำว่า "พระดำริ" แทนคำว่า "พระวินิจฉัย"
จากเอกสารทั้ง 3 ฉบับนี้ สามารถสรุปได้อย่างแน่ชัดว่า เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้มี "พระวินิจฉัย" แล้วอย่างแน่นอนว่าพระธัมมชโยอาบัติปาราชิก แต่กระบวนการนำเสนอพระวินิจฉัยเข้าสู่ที่ประชุม มหาเถรสมาคม นั้นกลับมีการเปลี่ยนแปลงถ้อยคำ ซึ่งส่งผลต่อมติมหาเถรสมาคมและการสนองพระวินิจฉัย
อีกทั้งผู้ตรวจการแผ่นดินยังได้ชี้ให้เห็นถึงความไม่ปกติ ในการถอนฟ้องคดีพระธัมมชโยโดยอัยการสูงสุดในขณะนั้น จึงขอผลักดันให้นายกรัฐมนตรี สนับสนุนการรื้อฟื้นคดีของนายไชยบูลย์ สุทธิผล หรืออดีตพระธัมมชโยทุกคดี รวมทั้งตรวจสอบการทำงานของอัยการสูงสุด และอธิบดีกรมการศาสนาในขณะนั้น
ร่วมลงชื่อได้ที่ http://chn.ge/1fPw9pY
เครดิต ภาพและข้อมูลจาก
คลิป : ข้อสงสัย เหตุใดจึงมีการเปลี่ยนคำว่า พระวินิจฉัย มาเป็น พระดำริ
เอกสาร : ข้อสงสัย เหตุใดจึงมีการเปลี่ยนคำว่า พระวินิจฉัย มาเป็น พระดำริ
อธิบดีกรมการศาสนา & มส. สมควรตอบให้ได้ว่า ใครเป็นผู้สมบท "ฤาษีแปลงสาร"
รายการตอบโจทย์ ไทยพีบีเอส ตอบโจทย์ ไทยพีบีเอส : เคลียร์ "คำวินิจฉัย" ปาราชิก "พระธัมมชโย" (22 ก.ค. 58)
แก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหา