โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า จากการตรวจสอบมติ มส.เมื่อปี 2542 จากพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราชฯ ทำให้ทราบว่าเมื่อพระธัมมชโยยอมคืนทรัพย์สินและที่ดินกว่า 900 ล้านบาทให้กับวัดพระธรรมกายแล้ว ไม่จำเป็นต้องปาราชิก และสามารถเป็นเจ้าอาวาสวัดได้ต่อไป แต่เนื่องจากมีการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นอีกครั้ง จึงจะเสนอให้ที่ประชุมมหาเถรสมาคมพิจารณาในวันพรุ่งนี้ (20 ก.พ.2558)
ายสมชาย สุรชาตรี โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) บอกว่า หลังจากตรวจสอบเอกสารตามมติมหาเถรสมาคมเมื่อปี พ.ศ.2542 ตามพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก พบว่าขณะนั้นอยู่ในความดูแลของกรมการศาสนา ดังนั้นการจะหยิบยกพระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราชฯ ขึ้นมาอีกครั้ง ต้องเข้าสู่ที่ประชุมมหาเถรสมาคม
ส่วนประเด็นให้พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายปาราชิกตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชฯ ระบุชัดเจนว่า หากพระธัมมชโยไม่คืนทรัพย์สินและที่ดินให้กับวัดพระธรรมกาย ซึ่งถือว่ามีความผิดชัดแจ้ง จึงให้ถือว่าเป็นปาราชิก
แต่เนื่องจากการตรวจสอบพบว่า พระธัมมชโยได้คืนทรัพย์สินและที่ดินกว่า 900 ล้านบาทให้กับวัดพระธรรมกาย ดังนั้น มติ มส.ในขณะนั้นจึงไม่ได้ให้ปาราชิก และยังสามารถเป็นเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายได้ แต่เมื่อมีการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ทาง พศ.จะเสนอวาระนี้เข้าสู่ที่ประชุมมหาเถรสมาคมในวันพรุ่งนี้ (20 ก.พ.2558) โดยอาจมีการเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการ ที่ประกอบด้วยพระผู้ใหญ่ และฆารวาสที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายเพื่อร่วมกันตีความพระลิขิตอีกครั้ง
----------------------------------------------------
เดียวนี้ดีเนอะบวชเป็นพระโดนปาราชิก
แค่คืนทรัพย์สินก็กลับเป็นพระเหมือนเดิมได้แล้ว
พศ.ยืนยันมติ มส.ปี 2542 "พระธัมมชโย" คืนทรัพย์สินแล้วไม่ต้องปาราชิก
โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า จากการตรวจสอบมติ มส.เมื่อปี 2542 จากพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราชฯ ทำให้ทราบว่าเมื่อพระธัมมชโยยอมคืนทรัพย์สินและที่ดินกว่า 900 ล้านบาทให้กับวัดพระธรรมกายแล้ว ไม่จำเป็นต้องปาราชิก และสามารถเป็นเจ้าอาวาสวัดได้ต่อไป แต่เนื่องจากมีการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นอีกครั้ง จึงจะเสนอให้ที่ประชุมมหาเถรสมาคมพิจารณาในวันพรุ่งนี้ (20 ก.พ.2558)
ายสมชาย สุรชาตรี โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) บอกว่า หลังจากตรวจสอบเอกสารตามมติมหาเถรสมาคมเมื่อปี พ.ศ.2542 ตามพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก พบว่าขณะนั้นอยู่ในความดูแลของกรมการศาสนา ดังนั้นการจะหยิบยกพระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราชฯ ขึ้นมาอีกครั้ง ต้องเข้าสู่ที่ประชุมมหาเถรสมาคม
ส่วนประเด็นให้พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายปาราชิกตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชฯ ระบุชัดเจนว่า หากพระธัมมชโยไม่คืนทรัพย์สินและที่ดินให้กับวัดพระธรรมกาย ซึ่งถือว่ามีความผิดชัดแจ้ง จึงให้ถือว่าเป็นปาราชิก
แต่เนื่องจากการตรวจสอบพบว่า พระธัมมชโยได้คืนทรัพย์สินและที่ดินกว่า 900 ล้านบาทให้กับวัดพระธรรมกาย ดังนั้น มติ มส.ในขณะนั้นจึงไม่ได้ให้ปาราชิก และยังสามารถเป็นเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายได้ แต่เมื่อมีการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ทาง พศ.จะเสนอวาระนี้เข้าสู่ที่ประชุมมหาเถรสมาคมในวันพรุ่งนี้ (20 ก.พ.2558) โดยอาจมีการเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการ ที่ประกอบด้วยพระผู้ใหญ่ และฆารวาสที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายเพื่อร่วมกันตีความพระลิขิตอีกครั้ง
----------------------------------------------------
เดียวนี้ดีเนอะบวชเป็นพระโดนปาราชิก
แค่คืนทรัพย์สินก็กลับเป็นพระเหมือนเดิมได้แล้ว