สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 41
ผมเอง ผมขอทำงานอย่างมีความสุขล่ะนะครับ
แพ้เค้า แบบไม่ได้เงินเค้า ไม่เป็นไร
แต่ไม่แพ้ เพราะเหวี่ยงกลับ เป็นใช้ได้
คุณแม่พาลูกมาทำฟัน
ถามอาการ พร้อมๆ กับสร้างความคุ้นเคยเล็กๆ และเช็คนิสัยหน่อยๆ
แม่ยิ้มแย้ม บอกว่าพาลูกมาถอนฟัน มันโยก
ถามว่าซี่ไหน แม่ตอบยิ้มๆ ว่าคุณเป็นหมอ คุณไม่รู้เหรอว่าต้องถอนซี่ไหน?
ผมเงยหน้า สบตาแม่ ถามเรียบๆ ว่าแรงไปมั้ยครับ
แม่หน้าหงิกทันที ถามซ้ำว่า แล้วคุณเป็นหมอ ไม่รู้เหรอว่าต้องถอนซี่ไหน
ผมถอนหายใจสั้นๆ บอกว่า ฟันน้ำนมของลูกคุณ ไม่ถอนมันก็หลุดเองได้... บอกต่อว่า ลองหาทำที่อื่นแล้วกันนะครับ
การเหวี่ยงสูงสุดของผม คือไม่ทำให้ เชิญร้านอื่น
แค่บอกว่า ฟันบน ฟันล่าง
ฟันหน้า ฟันหลัง มันไม่ได้ยากมากนะ
น่าจะกร่างจนเคยตัว คุยกับใครก็คงประมานนี้
ไม่ยินดีรองรับนิสัยใจคอขนาดนี้ ไม่ได้สตางค์ ไม่เป็นไรครับ ผมพอเพียง
ถ้าต้องเจ้ง ต้องปิดร้าน เพราะไม่ทำให้คนกลุ่มนี้ จนอยู่ไม่ได้ ก็จะปิดครับ
เจอเรื่อยๆ นะครับ
คนไท้ย คนไทย
คนไทยเชื้อสายอื่นๆ
ฝรั่งตาน้ำข้าว
มีหมดแหละครับ
แต่ก็พูดกับเค้าเรียบๆ นะครับ พยายามไม่เหวี่ยง ว่าไม่ไหวครับ (ตัวคุณมีนิสัยแย่ ทำให้)งานยาก เชิญที่อื่นแล้วกันครับ
แพ้เค้า แบบไม่ได้เงินเค้า ไม่เป็นไร
แต่ไม่แพ้ เพราะเหวี่ยงกลับ เป็นใช้ได้
คุณแม่พาลูกมาทำฟัน
ถามอาการ พร้อมๆ กับสร้างความคุ้นเคยเล็กๆ และเช็คนิสัยหน่อยๆ
แม่ยิ้มแย้ม บอกว่าพาลูกมาถอนฟัน มันโยก
ถามว่าซี่ไหน แม่ตอบยิ้มๆ ว่าคุณเป็นหมอ คุณไม่รู้เหรอว่าต้องถอนซี่ไหน?
ผมเงยหน้า สบตาแม่ ถามเรียบๆ ว่าแรงไปมั้ยครับ
แม่หน้าหงิกทันที ถามซ้ำว่า แล้วคุณเป็นหมอ ไม่รู้เหรอว่าต้องถอนซี่ไหน
ผมถอนหายใจสั้นๆ บอกว่า ฟันน้ำนมของลูกคุณ ไม่ถอนมันก็หลุดเองได้... บอกต่อว่า ลองหาทำที่อื่นแล้วกันนะครับ
การเหวี่ยงสูงสุดของผม คือไม่ทำให้ เชิญร้านอื่น
แค่บอกว่า ฟันบน ฟันล่าง
ฟันหน้า ฟันหลัง มันไม่ได้ยากมากนะ
น่าจะกร่างจนเคยตัว คุยกับใครก็คงประมานนี้
ไม่ยินดีรองรับนิสัยใจคอขนาดนี้ ไม่ได้สตางค์ ไม่เป็นไรครับ ผมพอเพียง
ถ้าต้องเจ้ง ต้องปิดร้าน เพราะไม่ทำให้คนกลุ่มนี้ จนอยู่ไม่ได้ ก็จะปิดครับ
เจอเรื่อยๆ นะครับ
คนไท้ย คนไทย
คนไทยเชื้อสายอื่นๆ
ฝรั่งตาน้ำข้าว
มีหมดแหละครับ
แต่ก็พูดกับเค้าเรียบๆ นะครับ พยายามไม่เหวี่ยง ว่าไม่ไหวครับ (ตัวคุณมีนิสัยแย่ ทำให้)งานยาก เชิญที่อื่นแล้วกันครับ
ความคิดเห็นที่ 1
ลูกค้ากลุ่มนี้คือวัคซีนชั้นดี. คุณผ่านเขาไปได้ก็จะมีภูมิขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง. พอรับวัควีนเหล่านี้บ่อยๆคุณจะรู้สึกว่าไม่เห็นมีอะไรเลย. มารูปแบบไหนฉันต้อนรับได้หมด. ขณะเดียวกันหัวหน้าหรือนายจ้างก็ได้เห็นความสามารถของคุณอีกด้วย ปัญหามีไว้ให้แก้
เรื่องใบกำกับ. พยายามขอเอกสารจากลูกค้าโดยตรง. ไม่ว่าจะเขียน. หรือแฟ็กซ์. เพราะเวลาผิดลูกค้าโทษคนจดแต่เพียงผู้เดียว. และก็มีการจดผิดๆถูกๆบ่อยๆด้วย
ท้อได้ แต่อย่าถอย
เรื่องใบกำกับ. พยายามขอเอกสารจากลูกค้าโดยตรง. ไม่ว่าจะเขียน. หรือแฟ็กซ์. เพราะเวลาผิดลูกค้าโทษคนจดแต่เพียงผู้เดียว. และก็มีการจดผิดๆถูกๆบ่อยๆด้วย
ท้อได้ แต่อย่าถอย
ความคิดเห็นที่ 10
ผมทำธุรกิจบริการเหมือนกัน ขอบอกเลยลูกค้าเหวี่ยงมีเยอะมาก โดยเฉพาะคนไทย ที่ไม่รู้ใครสั่งสอนมาให้พยายามมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นไม่ว่าวิธีไหนก็ตาม
ก็ต้องพยายามสอนลูกน้องให้อดทน ลูกน้องบางคนโดนเหวี่ยงมา ก็เหวี่ยงกลับ เพราะทนไม่ไหวจริงๆ แต่นั่นต้องคอยบอกว่าน้องแพ้แล้ว เพราะน้องเสียลูกค้าและไม่สามารถขายของได้
คนเก่งจริงๆ ต้องเอาชนะพวกนี้ให้ได้ เอาเงินจากกระเป๋ามันมาให้ได้ นั่นคือเราชนะครับ
ก็ต้องพยายามสอนลูกน้องให้อดทน ลูกน้องบางคนโดนเหวี่ยงมา ก็เหวี่ยงกลับ เพราะทนไม่ไหวจริงๆ แต่นั่นต้องคอยบอกว่าน้องแพ้แล้ว เพราะน้องเสียลูกค้าและไม่สามารถขายของได้
คนเก่งจริงๆ ต้องเอาชนะพวกนี้ให้ได้ เอาเงินจากกระเป๋ามันมาให้ได้ นั่นคือเราชนะครับ
ความคิดเห็นที่ 46
ขออนุญาติคอมเม้นท์ตรงๆจากประสบการณ์นะคะ
เคสนี้ธรรมดาปกติมนุษย์ป้ามากค่ะ คุณเองต่างหากที่เอาแขกไม่อยู่
ถ้าคุณเป็นลูกน้อง..ไม่แปลกค่ะที่ประสบการณ์อาจจะน้อย แต่ถ้าคุณยืนในตำแหน่งหัวหน้าแล้วการจัดการแก้ปัญหาต่างๆเป็นแบบนี้..ไม่เวิร์คค่ะ
..มันมีเส้นบางๆของคำว่ามือใหม่กับมือโปรเพียงนิดเดียว
การใช้คำสรรพนาม กรณีไม่เรียกชื่อลูกค้านั้นก็สำคัญ
ขณะคุยกับลูกค้า..
1. การใช้คำพูดแทนตัวเองว่า หนู ..ไม่ว่าจะกรณีใด มันดูไม่เป็นทางการมากๆ!!! เหมือนไม่ได้รับการฝึกฝนทักษะใดๆมาเลย
ถ้าคุณอยากเติบโตกว่านี้ แนะนำให้ใช้แทนตัวเองว่า ดิฉัน หรือเอ่ยชื่อจริงของคุณแทนเวลาพูดกับลูกค้านะคะ
มันให้ความรู้สึกเป็นทางการ และรักษาระยะห่างของผู้ให้บริการกับผู้รับบริการได้อย่างเหมาะสม
2. การใช้สรรพนามแทนตัวลูกค้าว่า ลูกค้า หรือ เรียกเค้าว่า คุณลูกค้า ..มันไม่ได้ทำให้ผู้รับบริการรู้สึกดีเท่าไรเลยค่ะ
ลองเปลี่ยนเป็น คุณผู้หญิง / คุณผู้ชาย คุณจะดูเป็นทางการและให้เกียรติอีกฝ่ายนึงมากค่ะ ..ไม่ได้ออกแนวประชดประชันนะคะ ดิฉันพูดจริงๆ คุณลองทำดูก็ได้ แล้วคุณจะรู้สึกได้ถึงผลลัพธ์ที่แตกต่าง
3. น้ำเสียงที่ใช้ นี่สำคัญมาก พยายามดึงโทนเสียงให้ต่ำแบบนอบน้อมแต่ไม่อ่อนข้อให้มากที่สุด ..งงไหม
คือเวลามีเคสแล้วลูกค้ามาแรงแบบนี้ แนะนำให้ใช้เสียงเบา และทุ้มต่ำโต้ตอบกลับอย่างช้าๆ มันจะช่วยให้คู่สนทนาดีขึ้นได้
และที่สำคัญ!! พาออกจากจุดเกิดเหตุให้เร็วที่สุดในกรณีที่มีพยานแวดล้อมเยอะแยะ เพราะแขกอื่นที่อยู่บริเวณใกล้เคียงอาจจะไม่เข้าใจเหตุการณ์ และยิ่งมีการคอมเพลนเสียงดังก็จะยิ่งเสีย.. ยิ่งคุณคุมอารมณ์แขกไม่ได้ก็จะยิ่งเสียหายค่ะ
..ตอนจะเอาน้ำปั่นไปเสริฟเนี่ย ได้โทรเข้าห้องแจ้งแขกก่อนรึป่าวคะ เพราะถ้าคุณไม่ได้โทรแจ้งเพื่อขออนุญาติแขกก่อนไปเคาะห้อง คุณลูกค้าท่านนี้เค้าจะโกรธรึปฏิเสธน้ำใจก็ไม่แปลกค่ะ..เพราะคุณปฏิบัติกับลูกค้าแบบไร้มารยาท..
คุณคะ..
บางครั้งการอธิบายความจริงกับคนที่ไม่เปิดใจ ไม่พร้อมจะยอมรับความจริง ..พูดความจริงไปเท่าไรก็ไร้ประโยชน์ค่ะ
แก้ไขเพิ่มเติม
ยิ่งกรณีที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารยิ่งต้องระวังค่ะ ลูกค้าไม่ใช่ You แต่เค้าคือ Madam / Sir ค่ะ
เคสนี้ธรรมดาปกติมนุษย์ป้ามากค่ะ คุณเองต่างหากที่เอาแขกไม่อยู่
ถ้าคุณเป็นลูกน้อง..ไม่แปลกค่ะที่ประสบการณ์อาจจะน้อย แต่ถ้าคุณยืนในตำแหน่งหัวหน้าแล้วการจัดการแก้ปัญหาต่างๆเป็นแบบนี้..ไม่เวิร์คค่ะ
..มันมีเส้นบางๆของคำว่ามือใหม่กับมือโปรเพียงนิดเดียว
การใช้คำสรรพนาม กรณีไม่เรียกชื่อลูกค้านั้นก็สำคัญ
ขณะคุยกับลูกค้า..
1. การใช้คำพูดแทนตัวเองว่า หนู ..ไม่ว่าจะกรณีใด มันดูไม่เป็นทางการมากๆ!!! เหมือนไม่ได้รับการฝึกฝนทักษะใดๆมาเลย
ถ้าคุณอยากเติบโตกว่านี้ แนะนำให้ใช้แทนตัวเองว่า ดิฉัน หรือเอ่ยชื่อจริงของคุณแทนเวลาพูดกับลูกค้านะคะ
มันให้ความรู้สึกเป็นทางการ และรักษาระยะห่างของผู้ให้บริการกับผู้รับบริการได้อย่างเหมาะสม
2. การใช้สรรพนามแทนตัวลูกค้าว่า ลูกค้า หรือ เรียกเค้าว่า คุณลูกค้า ..มันไม่ได้ทำให้ผู้รับบริการรู้สึกดีเท่าไรเลยค่ะ
ลองเปลี่ยนเป็น คุณผู้หญิง / คุณผู้ชาย คุณจะดูเป็นทางการและให้เกียรติอีกฝ่ายนึงมากค่ะ ..ไม่ได้ออกแนวประชดประชันนะคะ ดิฉันพูดจริงๆ คุณลองทำดูก็ได้ แล้วคุณจะรู้สึกได้ถึงผลลัพธ์ที่แตกต่าง
3. น้ำเสียงที่ใช้ นี่สำคัญมาก พยายามดึงโทนเสียงให้ต่ำแบบนอบน้อมแต่ไม่อ่อนข้อให้มากที่สุด ..งงไหม
คือเวลามีเคสแล้วลูกค้ามาแรงแบบนี้ แนะนำให้ใช้เสียงเบา และทุ้มต่ำโต้ตอบกลับอย่างช้าๆ มันจะช่วยให้คู่สนทนาดีขึ้นได้
และที่สำคัญ!! พาออกจากจุดเกิดเหตุให้เร็วที่สุดในกรณีที่มีพยานแวดล้อมเยอะแยะ เพราะแขกอื่นที่อยู่บริเวณใกล้เคียงอาจจะไม่เข้าใจเหตุการณ์ และยิ่งมีการคอมเพลนเสียงดังก็จะยิ่งเสีย.. ยิ่งคุณคุมอารมณ์แขกไม่ได้ก็จะยิ่งเสียหายค่ะ
..ตอนจะเอาน้ำปั่นไปเสริฟเนี่ย ได้โทรเข้าห้องแจ้งแขกก่อนรึป่าวคะ เพราะถ้าคุณไม่ได้โทรแจ้งเพื่อขออนุญาติแขกก่อนไปเคาะห้อง คุณลูกค้าท่านนี้เค้าจะโกรธรึปฏิเสธน้ำใจก็ไม่แปลกค่ะ..เพราะคุณปฏิบัติกับลูกค้าแบบไร้มารยาท..
คุณคะ..
บางครั้งการอธิบายความจริงกับคนที่ไม่เปิดใจ ไม่พร้อมจะยอมรับความจริง ..พูดความจริงไปเท่าไรก็ไร้ประโยชน์ค่ะ
แก้ไขเพิ่มเติม
ยิ่งกรณีที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารยิ่งต้องระวังค่ะ ลูกค้าไม่ใช่ You แต่เค้าคือ Madam / Sir ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
เคยเจอลูกค้าเหวี่ยงแบบไหนที่เราสุดจะทนบ้างคะ
เราทำงานบริการมา ถึงจะระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็ทำมาหลายรูปแบบหลายงาน
แต่ก็มีเคสนึงที่เราทนไม่ได้จริงๆ (แต่ก็ต้องก้มหน้ากัดฟันยิ้ม พนมมือไหว้ขอโทษคุณลูกค้า)
เราทำงานที่รีสอร์ทแห่งนึง มีลูกค้าหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบน่ารักนิสัยดีมากก็มี ติดเหวี่ยงก็มี
แต่ทุกเคสก็ผ่านไปได้ด้วยดี ยกเว้นเคสนี้
ลูกค้ามาเช็คอิน ตอนเดินเข้ามาก็แสดงให้เห็นถึงอารมณ์โกรธมาจากไหนไม่รู้
เดินเข้ามาพร้อมกับอีกกรุ๊ปนึง เราก็นึกว่ามาด้วยกัน (ซึ่งอันนี้ความผิดเราเต็มๆ เรารู้ตัว)
แต่เสี้ยววินาทีเขาเดินมาถึงก่อน เราจึงแยกเป็น2 ฝั่ง กับลูกค้าคนนี้เราให้อีกคนต้อนรับ แต่เรากลับขอใบคอนเฟิร์มกับอีกคน
เขาก็ทำท่าไม่พอใจ พอเช็คอินเสร็จเหมือนเรื่องจะจบ แต่อย่ากระนั้นเลย นางเดินไปสั่งอาหารกับเด็กเสิร์ฟ
แต่เหมือนจะคุยกับพนักงานไม่รู้เรื่อง ประมาณว่านางเป็นมังสวิรัติ แต่ไม่กินไข่กับนม แล้วนางสั่งเต้าหู้ผัดพริกไทยดำ
พนักงาน : ได้ค่ะแต่ทางเราจะขอแจ้งก่อนว่าจะกดเมนูเป็น แกงจืดเต้าหู้หมูสับนะคะ ราคาจะเท่ากันค่ะ เพราะเต้าหู้ผัดพริกไทยดำไม่มีในรายการนะคะ จะได้ไม่งงตอนเช็คบิลค่ะ
ลูกค้า : (เริ่มขึ้นเสียง) "ก็ชั้นบอกว่าชั้นไม่กินเนื้อสัตว์ เธอไม่เข้าใจรึไง แล้วจะสั่งได้ยังไง นี่พูดไม่เข้าใจหรอ"
พนักงาน : เข้าใจค่ะ แต่ทางเราแค่กดบิลเป็นรายการแกงจืดเต้าหู้หมูสับเท่านั้นเองค่ะคุณลูกค้า
ลูกค้า : แต่ชั้นทานมังสวิรัติ ไม่กินเนื้อสัตว์ จะมาสั่งแบบนี้ยังไงล่ะ
พนักงาน : ค่ะๆ (ยอมแพ้ไปตามระเบียบ)
ลูกค้า : แล้วกระหล่ำปลีมีมั้ย บล๊อคโคลี่มีมั้ย
พนักงาน : มีค่ะ แต่ทางเราต้องตัดสต๊อคนะคะ ถ้าจะสั่งก็ได้ค่ะ คุณลูกค้าจะรับอะไรคะ
ลูกค้า : อันนั้นไม่ได้ อันนี้ไม่ได้ ต้องตัดสต๊อค นี่ชั้นเสียเงินนะ ไม่ใช่แบบมือขอกินฟรี
ลูกของลูกค้า : ถ้าผมจะสั่งอาหาร ผมต้องยกมือขอคุณมั้ย แล้วผมต้องระวังมั้ยว่าของๆพวกคุณจะหมดเพราะพวกผม
หลังจากนั้นก็มีปากเสียงกันดังมากๆ ลั่นรีสอร์ทจนสุดท้ายพวกนางก็ไม่สั่งอะไรเลยค่ะ เดินเข้าห้องไป
เราก็ต้องแบกหน้าไปขอโทษ รู้แล้วละว่าเข้าใจผิดกัน เหมือนสื่อสารกันไม่ค่อยรู้เรื่องตอนสั่งอาหาร
ส่วนนึงความผิดเราด้วยตั้งแต่แรกเช็คอิน ตั้งใจไปขอโทษ ปั่นน้ำปั่นไปให้ 4 แก้วเดินไปเคาะประตูถึงห้อง
เรา : ต้องขอโทษคุณลูกค้าด้วยนะคะ คือพวกหนูผิดเองที่สื่อสารไม่รู้เรื่องเลยเกิดการเข้าใจผิดค่ะ
ลูกค้า : ไม่รับค่ะ แล้วก็ไม่รับน้ำปั่นด้วยเอากลับไป แล้วจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว รู้มั้ยว่าตั้งใจมามากแล้วเจอแบบนี้
เสียความรู้สึกมาก ชั้นบอกชั้นไม่กินเนื้อสัตว์ จะมาสั่งเนื้อสัตว์ให้ ลูกชายอุตส่าห์ลงมาจากเชียงใหม่
ตั้งใจจะมาที่นี่ แต่กลับเจอแบบนี้ เพื่อนลูกชายชั้นมีเพื่อนต่างชาติเยอะแยะ นี่ถามจริงๆนะ ถ้าเขามาที่นี่แล้วเกิดแบบนี้อีก
จะสื่อสารกันยังไง รู้เรื่องหรอ คุยสื่อสารได้หรอ พูดภาษากันได้หรอ จะทำยังไง (กำลังจะบอกว่า หนูพูดได้ค่ะ แต่เขาไม่เว้นช่องว่างให้เราพูด --" )
เพราะเขารู้ว่าพวกเราคือชาวบ้านในหมู่บ้านที่ทำงานที่นี่ ส่วนมากจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ค่ะ
เหตุการณ์ชุลมุนมาก เลยปล่อยให้เขาพูดฝ่ายเดียว เราได้แค่รับฟังและขอโทษงกๆ สรุปวันนั้นเขาไม่กินอาหารที่รีสอร์ทเลยยันวันกลับ
ไม่มองหน้าพวกเราเลย ขึ้นรถกลับไปเลยค่ะ เหมือนทุกอย่างจะจบ แต่......................... 2 อาทิตย์ผ่านไป
โทรศัพท์ดังงงงงงงงงงงงงงง
เรา : .......(ชื่อรีสอร์ท).......สวัสดีค่ะ
ลูกค้าคนนั้น : หวัดดีค่ะ ชั้น.....(ชื่อ)......... ไปพักมาได้ 2 อาทิตย์ที่แล้วนะคะ ป่านนี้ยังไม่ได้ใบกำกับภาษีเลย คือยังไงคะเนี่ย
เรา : คือว่าคุณลูกค้าได้ขอใบกำกับไว้มั้ยคะ
ลูกค้า : อ๋อ ต้องขอด้วยหรอ (น้ำเสียงเหวี่ยง) ปกติชั้นไม่เคยขอ ที่ไหนๆเขาก็ออกให้ชั้นนะ เพิ่งรู้ว่าที่นี่ต้องขอก่อนด้วย
เรา : เอ่อ คือคุณลูกค้าต้องแจ้งตอนเช็คอินนะคะว่าขอใบกำกับภาษีด้วย ทางเราถึงจะออกให้ค่ะ
ลูกค้า : ตายละ เพิ่งรู้ ดีจังเลยค่ะ งั้นขอตอนนี้ล่ะ ได้มั้ย
เรา : ได้ค่ะ คุณลูกค้าใช้ที่อยู่ตอนที่คุณลูกค้ามาเช็คอินเลยป่าวคะ
ลูกค้า : ตอนชั้นไปเช็คอิน ชั้นใช้บัตรพนักงานถ่ายเอกสาร จำไม่ได้รึไง รึไม่ได้ดู
เรา : (นึกในใจ นานนมถมถืดยัน 2 อาทิตย์นี่กุรับเช็คอินนางท่านเดียวไงวะ ถึงต้องจำได้) อ๋อค่ะ งั้นคุณลูกค้าสะดวกเป็นที่อยู่ที่ไหนคะ เดี๋ยวขอที่อยู่ส่งมาทางเมลล์รีสอร์ทได้เลยนะคะ ทางเราจะออกให้ค่ะ
ลูกค้า : (น้ำเสียงเหวี่ยงมว๊ากกกก)ไม่ส่งเมลล์ จดเป็นรึป่าว เธออ่ะจดเป็นรึป่าว
เรา : เป็นค่ะ เดี๋ยวสักครู่นะคะ ...........(หายไปหยิบปากกากระดาษ).......... โอเคค่ะ ขอที่อยู่ค่ะ (น้ำเสียงทอแหลๆ)
ลูกค้า : ชื่อ.........(ชื่อ)......... นามสกุลคงไม่ต้องบอกมั้ง คงจำได้
เรา : (หือออออออออ ? งงจ้า) ขอโทษนะคะคุณลูกค้า จำไม่ได้จริงๆค่ะ ขอทวนได้มั้ยคะ
ลูกค้า : ในใบเช็คอินก็มี ก็ไปเปิดหาดูสิ
เรา : อ๋อ คือทางเราจะส่งข้อมูลทั้งหมดกลับออฟฟิตหลักที่กทม. อาทิตย์ต่ออาทิตย์อ่ะค่ะ
ลูกค้า : โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย เรื่องมาก ทำงานแบบนี้น่ะหรอ จะทำให้เป็นเรื่องใหญ่อะไรนักหนา งั้นชั้นขอเบอร์เจ้าของรีสอร์ทหน่อย จะโทรไปบอกว่า คุณบริหารงานได้ดีมากกกกกกกกกกก พนักงานน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกก (ลากเสียงยาว)
เรา : คือว่าเจ้าของรีสอร์ทไม่อยู่นะคะ ท่านไปต่างประเทศนะคะ
ลูกค้า : ดีจริงๆ จะโทรไปชมสักหน่อยอ่ะค่ะว่าประทับใจการให้บริการมากกกกกกกกกกกก (ลากเสียงยาวอะเกน)
วางสายตู๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
สตั๊น 3 วิ หือออออออออออออออออออออออออ ? กุนะเนี่ย(ชี้หน้าตัวเอง) ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ WTF !!
คุณลูกค้าขาาาาาาาาาาาาาาาาาา หนูเต็มใจให้บริการนะคะ ลูกค้าหลายท่านก็น่ารักมากๆ เราก็ให้บริการเต็มที่ ผิดก็ยกมือไหว้
ยิ้มสู้ถ้ารู้ว่าผิด บางทีก็ได้ทิปแบงค์แดงบ้างไรบ้าง (คนละ) เขาบอกว่าบริการดี แต่ถ้าเจอลูกค้าแบบนี้ทุกวันๆก็มิไหวนะคะ ปวดเฮดมาก
เข้าใจพวกหนูบ้างค่าาา พลีสสสสสสสสสสส