ตอนเจอเข้ากับ…
ณ สนามหน้าบ้านอันเขียวขจีและกว้างขวางอันกินพื้นที่ถึง 1 ไร่ไม่นับรวมกับตัวบ้านสีขาว
หลังใหญ่ของท่านนายพลพิทยะ
สองป้าหลานคู่หนึ่งกำลังช่วยกันยกหม้อก๋วยเตี๋ยวใบเขื่องสีเงินลงมาจากรถกระบะสีน้ำเงิน
ที่จอดไว้แถวประตูเล็กบริเวณด้านข้างรั้วบ้าน ทั้งคู่ช่วยกันขนหม้อใบเขื่องผ่านประตูเข้ามาอย่างดู
ทุลักทุเล แต่เพราะซุ้มร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ไม่ไกลนักจากประตูทางเข้า โดยที่โต๊ะและซุ้มอาหารเครื่องดื่ม
ร้านอื่น ๆ ก็ยังไม่มีใครมาตั้งเลยสักคน หลังจากยกหม้อใบนั้นมาวางเสร็จ ทั้งคู่ก็ถึงกับถอนหายใจออก
มาอย่างโล่งอกที่แบกของหนัก ๆ กันมาจนถึงที่ได้สักที
“ขอบใจมากนะลูกมิว ที่อุตส่าห์มาช่วยป้า ดูสิ เป็นถึงดอกตงดอกเตอร์ ยังต้องมาช่วยป้าทำงาน
ใช้แรงงานอะไรแบบนี้อีก จริง ๆ ป้าน่าจะรอไอ้แมนมันก่อน ไม่น่าขอให้เรามาช่วยยกของแบบนี้เลย”
ป้าแม้นอดรู้สึกเกรงใจหลานสาวไม่ได้เมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าผู้ซึ่งมีผิวขาวซีดไปมากเพราะไปเรียนอยู่
เมืองนอกเมืองนามาซะหลายปีกำลังยืนเอาหลังมือปาดหยาดเหงื่อออกจากหน้าผากมนอย่างดูร้อน ๆ
ท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายแก่ ๆ แบบนี้
“ป้าคะ หนูก็แค่คนธรรมดาเนี่ยแหละค่ะ ไอ้คำนำหน้ามันก็ไม่ได้ทำให้หนูแตกต่างจากชาวบ้าน
หรอกค่ะ แล้วงานของป้าก็เป็นงานสุจริตนะคะ ไม่ต้องกลัวว่ามิวจะอายใครหรอกค่ะ เราไม่ได้ไปขอใครกิน
สักหน่อย แถมถ้าป้ารอไอ้แมนนะ งานเลี้ยงได้เริ่มก่อนกันพอดี มาเตรียมแต่เนิ่น ๆ แบบนี้ ก็ดีแล้วหล่ะค่ะ
ไหนจะต้องต้มน้ำอะไรอีก” วินชญาหันมายิ้มกว้างให้ป้าของหล่อน
“ไปค่ะป้า ป้ายกถาดนะคะ เดี๋ยวมิวยกถังแก๊สปิคนิกให้เองค่ะ” ร่างบางพูดเสร็จก็ก้าวนำป้าเดิน
ไปทางรถอีกรอบ ทำให้หญิงที่สูงอายุกว่าต้องรีบก้าวตามหลานสาวไป
เมื่อยกข้าวของเข้ามากองไว้บนโต๊ะเสร็จ ผู้เป็นป้าก็หันมาบอกหลานสาวที่เริ่มดูหน้าแดง ๆ และ
เหนื่อยหอบเล็กน้อยว่า
“ไป เข้าไปไหว้ท่านายพลกันเถอะลูก”
“ป้าเข้าไปเถอะค่ะ เดี๋ยวมิวไปนั่งรออยู่ตรงนั้นดีกว่าค่ะ วันนี้มิวแต่งตัวไม่ค่อยเรียบร้อย ไม่ค่อย
อยากไปเจอผู้ใหญ่เท่าไหร่ค่ะ” หญิงสาวชี้มือไปยังชิงช้าและโต๊ะโลหะที่ถูกเชื่อมติดกันแบบมีหลังคาที่
ตั้งอยู่ไกลออกไปตรงใต้ต้นมะม่วงใหญ่ริมรั้วอีกด้านของสนามหญ้า
เมื่อป้ามองไปเห็นจริงตามที่หลานสาวว่าเพราะตอนที่วินชญามาเยี่ยมเธอที่บ้านหล่อนก็แค่
ตั้งใจจะแวะเอาขนมมาฝากสมาชิกของบ้านเธอเท่านั้น หล่อนจึงแต่งชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสบาย ๆ
ชุดอยู่บ้านธรรมดา ๆ มา เพราะคิดว่าจะแวะมาแค่ไม่นาน แต่เมื่อตัวหล่อนลองออกปากถามหลานสาว
ว่าพอจะช่วยขนของมาส่งที่บ้านซึ่งจะจัดงานเลี้ยงให้กับงานฉลองการเกษียณอายุราชการของ
ท่านผู้การจะได้หรือเปล่า หญิงสาวก็ตอบรับว่าจะมาช่วยเธอทันที
“งั้นรอป้าแป๊ปนึงนะลูก ป้าว่าจะเข้าไปถามเรื่องตู้เย็นด้วย ถังโฟมเนี่ยน่าจะแช่เนื้อได้ไม่นาน
เพราะวันนี้มันร้อน แค่นี้น้ำแข็งก็ละลายไปเยอะแล้ว แต่ข้างในอาจจะพอมีตู้เย็นที่จะขอเอาของไปแช่ได้”
“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับคำของป้าเสร็จก็ก้าวเดินแยกไปยังชิงช้าโลหะตัวสีแดงที่เล็งเอาไว้
ส่วนผู้เป็นป้าก็เดินหายไปทางบ้านหลังใหญ่ท้ายสนามหญ้าทันที
หลังจากนั่งรอป้าและนั่งโบกมือเพื่อหวังว่าลมจะช่วยให้เธอคลายร้อนลงได้บ้างอยู่สัก 5 นาที
วิญชญาก็ได้ยินเสียงสวบ ๆ เหมือนตัวอะไรสักอย่างกำลังขยับอยู่ในพุ่มไม้แถวนั้น และขณะที่เธอกำลัง
จ้องมองดูพุ่มไม้ขยับ ๆ ไล่มาเรื่อย ๆ เธอก็แอบจ้องมองไปทางนั้นเพื่อเตรียมตัวจะวิ่งหนีหากว่ามี
ตัวอะไรแปลก ๆ โผล่ออกมา
ตัวอะไรกันนะ
วินชญานึกตระหนกอยู่ในใจ แต่แล้วเมื่อเจ้าสิ่งนั้นโผล่หน้าออกมา เธอก็ถึงกับถอนหายใจ
โล่งอกก่อนจะยิ้มกว้าง
“โอ๊ย ไอ้เจ้าไมโล เอ้ย แม่ตกใจหมดเลยลูก”
หล่อนเริ่มเรียกเจ้าสิ่งนั้นให้เดินมาหาเธอว่า
“มานี่มาลูก”
และเมื่อเจ้าหมาสีขาวน้ำตาลพันธุ์บีเกิ้ลซึ่งกำลังคาบลูกบอลเดินเข้ามาดมเธอมัน
ก็ปล่อยลูกบอลพร้อมกับรีบร้องหงิง ๆ ใส่ทันทีที่เธอก้มลงไปโอบกอดมัน
“โอ๊ย ไม่เจอแค่ 2 ปี ตัวโตขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย แหม ดีใจจังที่เป็นหนุ่มแล้วแต่ก็ยัง
จำแม่ได้เนี่ย”
ร่างบางลูบหัวลูบหูและกอดสุนัขตัวใหญ่ซึ่งเมื่อสองปีก่อนเคยเป็นลูกสุนัขตัวน้อย ๆ
ของเธอมาก่อน และหลังจากนั้นไม่นานเจ้าไมโลของเธอมันก็เริ่มเห่าเบา ๆ ก่อนจะวิ่งวนไปวนมา
ด้วยความดีใจตามประสาสุนัขที่ได้พบเจอกับเจ้านายเก่าอีกครั้ง ก่อนที่มันจะวิ่งกลับมาคาบลูกบอล
และเงยหน้ามาส่งสายตาที่ดูเป็นประกายวิ้ง ๆ ใส่หญิงสาว
“ยังชอบเล่นคาบลูกบอลอยู่อีกหรอเนี่ย นิสัยเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนจริง ๆ อ่ะ ๆ เดี๋ยวแม่
เล่นด้วยก็ได้ไหน ๆ ก็ว่างอยู่นี่นะ” วินชญาลูบหัวเจ้าสุนัขที่แสนร่าเริงตรงหน้าเสร็จ เธอก็เอื้อมมือ
ไปหยิบลูกบอลที่มันคาบมาวางไว้ตรงใกล้เท้าของเธอขึ้นมาปา
แต่แล้วเมื่อเธอปาลูกบอลออกไปยังพุ่มไม้ที่อีกฝั่งของรั้วบ้าน ก็มีเสียงร้องเสียงหนึ่งดังขึ้น
ทันทีที่ลูกบอลลูกนั้นหายลับสายตาไปหลังพุ่มไม้
“โอ๊ย”
เสียงร้องของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากตรงหลังพุ่มไม้นั้นทันที
อุ่นรักในกองบิน ตอนแรกค่า ;)
ณ สนามหน้าบ้านอันเขียวขจีและกว้างขวางอันกินพื้นที่ถึง 1 ไร่ไม่นับรวมกับตัวบ้านสีขาว
หลังใหญ่ของท่านนายพลพิทยะ
สองป้าหลานคู่หนึ่งกำลังช่วยกันยกหม้อก๋วยเตี๋ยวใบเขื่องสีเงินลงมาจากรถกระบะสีน้ำเงิน
ที่จอดไว้แถวประตูเล็กบริเวณด้านข้างรั้วบ้าน ทั้งคู่ช่วยกันขนหม้อใบเขื่องผ่านประตูเข้ามาอย่างดู
ทุลักทุเล แต่เพราะซุ้มร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ไม่ไกลนักจากประตูทางเข้า โดยที่โต๊ะและซุ้มอาหารเครื่องดื่ม
ร้านอื่น ๆ ก็ยังไม่มีใครมาตั้งเลยสักคน หลังจากยกหม้อใบนั้นมาวางเสร็จ ทั้งคู่ก็ถึงกับถอนหายใจออก
มาอย่างโล่งอกที่แบกของหนัก ๆ กันมาจนถึงที่ได้สักที
“ขอบใจมากนะลูกมิว ที่อุตส่าห์มาช่วยป้า ดูสิ เป็นถึงดอกตงดอกเตอร์ ยังต้องมาช่วยป้าทำงาน
ใช้แรงงานอะไรแบบนี้อีก จริง ๆ ป้าน่าจะรอไอ้แมนมันก่อน ไม่น่าขอให้เรามาช่วยยกของแบบนี้เลย”
ป้าแม้นอดรู้สึกเกรงใจหลานสาวไม่ได้เมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าผู้ซึ่งมีผิวขาวซีดไปมากเพราะไปเรียนอยู่
เมืองนอกเมืองนามาซะหลายปีกำลังยืนเอาหลังมือปาดหยาดเหงื่อออกจากหน้าผากมนอย่างดูร้อน ๆ
ท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายแก่ ๆ แบบนี้
“ป้าคะ หนูก็แค่คนธรรมดาเนี่ยแหละค่ะ ไอ้คำนำหน้ามันก็ไม่ได้ทำให้หนูแตกต่างจากชาวบ้าน
หรอกค่ะ แล้วงานของป้าก็เป็นงานสุจริตนะคะ ไม่ต้องกลัวว่ามิวจะอายใครหรอกค่ะ เราไม่ได้ไปขอใครกิน
สักหน่อย แถมถ้าป้ารอไอ้แมนนะ งานเลี้ยงได้เริ่มก่อนกันพอดี มาเตรียมแต่เนิ่น ๆ แบบนี้ ก็ดีแล้วหล่ะค่ะ
ไหนจะต้องต้มน้ำอะไรอีก” วินชญาหันมายิ้มกว้างให้ป้าของหล่อน
“ไปค่ะป้า ป้ายกถาดนะคะ เดี๋ยวมิวยกถังแก๊สปิคนิกให้เองค่ะ” ร่างบางพูดเสร็จก็ก้าวนำป้าเดิน
ไปทางรถอีกรอบ ทำให้หญิงที่สูงอายุกว่าต้องรีบก้าวตามหลานสาวไป
เมื่อยกข้าวของเข้ามากองไว้บนโต๊ะเสร็จ ผู้เป็นป้าก็หันมาบอกหลานสาวที่เริ่มดูหน้าแดง ๆ และ
เหนื่อยหอบเล็กน้อยว่า
“ไป เข้าไปไหว้ท่านายพลกันเถอะลูก”
“ป้าเข้าไปเถอะค่ะ เดี๋ยวมิวไปนั่งรออยู่ตรงนั้นดีกว่าค่ะ วันนี้มิวแต่งตัวไม่ค่อยเรียบร้อย ไม่ค่อย
อยากไปเจอผู้ใหญ่เท่าไหร่ค่ะ” หญิงสาวชี้มือไปยังชิงช้าและโต๊ะโลหะที่ถูกเชื่อมติดกันแบบมีหลังคาที่
ตั้งอยู่ไกลออกไปตรงใต้ต้นมะม่วงใหญ่ริมรั้วอีกด้านของสนามหญ้า
เมื่อป้ามองไปเห็นจริงตามที่หลานสาวว่าเพราะตอนที่วินชญามาเยี่ยมเธอที่บ้านหล่อนก็แค่
ตั้งใจจะแวะเอาขนมมาฝากสมาชิกของบ้านเธอเท่านั้น หล่อนจึงแต่งชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสบาย ๆ
ชุดอยู่บ้านธรรมดา ๆ มา เพราะคิดว่าจะแวะมาแค่ไม่นาน แต่เมื่อตัวหล่อนลองออกปากถามหลานสาว
ว่าพอจะช่วยขนของมาส่งที่บ้านซึ่งจะจัดงานเลี้ยงให้กับงานฉลองการเกษียณอายุราชการของ
ท่านผู้การจะได้หรือเปล่า หญิงสาวก็ตอบรับว่าจะมาช่วยเธอทันที
“งั้นรอป้าแป๊ปนึงนะลูก ป้าว่าจะเข้าไปถามเรื่องตู้เย็นด้วย ถังโฟมเนี่ยน่าจะแช่เนื้อได้ไม่นาน
เพราะวันนี้มันร้อน แค่นี้น้ำแข็งก็ละลายไปเยอะแล้ว แต่ข้างในอาจจะพอมีตู้เย็นที่จะขอเอาของไปแช่ได้”
“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับคำของป้าเสร็จก็ก้าวเดินแยกไปยังชิงช้าโลหะตัวสีแดงที่เล็งเอาไว้
ส่วนผู้เป็นป้าก็เดินหายไปทางบ้านหลังใหญ่ท้ายสนามหญ้าทันที
หลังจากนั่งรอป้าและนั่งโบกมือเพื่อหวังว่าลมจะช่วยให้เธอคลายร้อนลงได้บ้างอยู่สัก 5 นาที
วิญชญาก็ได้ยินเสียงสวบ ๆ เหมือนตัวอะไรสักอย่างกำลังขยับอยู่ในพุ่มไม้แถวนั้น และขณะที่เธอกำลัง
จ้องมองดูพุ่มไม้ขยับ ๆ ไล่มาเรื่อย ๆ เธอก็แอบจ้องมองไปทางนั้นเพื่อเตรียมตัวจะวิ่งหนีหากว่ามี
ตัวอะไรแปลก ๆ โผล่ออกมา
ตัวอะไรกันนะ
วินชญานึกตระหนกอยู่ในใจ แต่แล้วเมื่อเจ้าสิ่งนั้นโผล่หน้าออกมา เธอก็ถึงกับถอนหายใจ
โล่งอกก่อนจะยิ้มกว้าง
“โอ๊ย ไอ้เจ้าไมโล เอ้ย แม่ตกใจหมดเลยลูก”
หล่อนเริ่มเรียกเจ้าสิ่งนั้นให้เดินมาหาเธอว่า
“มานี่มาลูก”
และเมื่อเจ้าหมาสีขาวน้ำตาลพันธุ์บีเกิ้ลซึ่งกำลังคาบลูกบอลเดินเข้ามาดมเธอมัน
ก็ปล่อยลูกบอลพร้อมกับรีบร้องหงิง ๆ ใส่ทันทีที่เธอก้มลงไปโอบกอดมัน
“โอ๊ย ไม่เจอแค่ 2 ปี ตัวโตขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย แหม ดีใจจังที่เป็นหนุ่มแล้วแต่ก็ยัง
จำแม่ได้เนี่ย”
ร่างบางลูบหัวลูบหูและกอดสุนัขตัวใหญ่ซึ่งเมื่อสองปีก่อนเคยเป็นลูกสุนัขตัวน้อย ๆ
ของเธอมาก่อน และหลังจากนั้นไม่นานเจ้าไมโลของเธอมันก็เริ่มเห่าเบา ๆ ก่อนจะวิ่งวนไปวนมา
ด้วยความดีใจตามประสาสุนัขที่ได้พบเจอกับเจ้านายเก่าอีกครั้ง ก่อนที่มันจะวิ่งกลับมาคาบลูกบอล
และเงยหน้ามาส่งสายตาที่ดูเป็นประกายวิ้ง ๆ ใส่หญิงสาว
“ยังชอบเล่นคาบลูกบอลอยู่อีกหรอเนี่ย นิสัยเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนจริง ๆ อ่ะ ๆ เดี๋ยวแม่
เล่นด้วยก็ได้ไหน ๆ ก็ว่างอยู่นี่นะ” วินชญาลูบหัวเจ้าสุนัขที่แสนร่าเริงตรงหน้าเสร็จ เธอก็เอื้อมมือ
ไปหยิบลูกบอลที่มันคาบมาวางไว้ตรงใกล้เท้าของเธอขึ้นมาปา
แต่แล้วเมื่อเธอปาลูกบอลออกไปยังพุ่มไม้ที่อีกฝั่งของรั้วบ้าน ก็มีเสียงร้องเสียงหนึ่งดังขึ้น
ทันทีที่ลูกบอลลูกนั้นหายลับสายตาไปหลังพุ่มไม้
“โอ๊ย”
เสียงร้องของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากตรงหลังพุ่มไม้นั้นทันที