สวัสดีค่ะ เพื่อนชาวพันทิป วันนี้อยู่ดี ก็ทำให้เรานึกกลับไปเมื่อ 3 ปีที่แล้วได้ค่ะ ตอนนั้นอยู่ประมาณ ม.6 ได้ค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า...
ประมาณ ย้อนไปเมื่อสามปีที่แล้ว ตอนนั้นเป็นตอนสายๆได้ค่ะ กำลังนั่งกินข้าว กับพ่อ แม่ อยู่ค่ะ แล้วจู่ๆ ยายที่อยู่บ้านเยื้องหน้าบ้านเราค่ะ (ยายคนนี้ชื่อยายสุขค่ะ) เขาวิ่งหน้าตาตื่นมาบอกพ่อเราว่า ลูกชายเขา เห็นบ้างไหม (พ่อเรากับพี่คนนั้นสนิทกัน) บอกให้ทุกคนช่วยตามหาให้หน่อย ยายสุข บอกกับพวกเราว่า หาลูกชายเขาหายไปไหนก้อไม่รู้ หาทั่วบ้านหมดแล้วไม่มี ใต้เตียงอะไรยังไง ก้อไม่เจอ (ลูกชายเขาก้อปกติเหมือนนี่แหล่ะค่ะ)แต่รองเท้าเขาอยู่ที่เดิม แล้วพอเราก้อเรยหยุดกินข้าว แล้วขอไปดูที่บ้านยายสุขว่าหายไปจริงๆหรอ ด้วยความอยากรู้แล้วก้อวิ่งตามพ่อไปด้วย ผ่างงง ไม่เจอจริงๆค่ะ หาทุกซอกทุกมุม หากันหลายคนมากเรย ซักพักยายสุขก้อบอกว่าหยุดหาเถอะ เขาก้อนั่งร้องไห้เรย พ่อเราเห็นแล้วสงสารยายค่ะ จึงชวนเพื่อนมาปรึกษาว่าจะทำยังไงดี (เราก้อเข้าไปมีส่วนด้วยแค่นั่งฟังเรยๆอ่ะ)
พอนั่งคุยกันเสร็จค่ะ พ่อเราก้อสรุปได้ว่าคอนเย็น(4-5 โมงเย็น)เราไปตามหาต่อที่กลางทุ่งนาบนดอยในหมู่บ้านดีกว่า แล้วให้อีกพวกเฝ้ารออยู่ที่บ้านยายสุขเผื่อพี่เขาอาจจะกลับมา แล้วจะได้โทรบอกกันทันท่วงที
ถึงเวลาที่พ่อเราจะไปตามหาพี่เขาแล้ว ทีแรกเราก้ออยากจะไปด้วยนะ แต่ไม่ดีกว่า พ่อไป 2 คนกับลุงแก้ว เพื่อนพ่อเอง ไปถึงที่หมาย(พ่อเล่า) กลางทุ่งนาหญ้ารกและสูงมากเรยค่ะพ่อบอกกับลุงแก้ว "เห็นไหมหญ้าที่คันนานั่นเหมือนคนอยู่ตรงนั่นเรย" แล้วพ่อกับลุงแก้วก้อตรงไปยังหญ้าที่ตรงจุดนั้น ปรากฎว่าไม่เจอใครค่ะ สักพักลุงแก้วก้อเห็นอีกค่ะ บอกว่ามีคนหลบอยู่หลังต้นสลี (ต้นโพธิ์) พ่อกับลุงแก้วก้อรีบไปเหมือนกันค่ะ ก้อยังไม่เจอใครอยู่ดี จากนั้น พ่อกับลุงแก้วจึงตัดสินใจชวนกันกลับบ้าน มาถึงบ้านก้อประมาณ เกือบ 6 โมงได้ค่ะ แต่บ้านเรามันบ้านนอกเนาะ 6 โมงนี่พระอาทิตย์ยังอยู่บนฟ้าอยู่เรย
พอกลับมาถึงบ้านค่ะ พวกลุงๆที่อยู่บ้านยายสุข เขาเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ตรงนั้นตลอดเวลา ก้อไม่มีวี่แววของพี่คนนั้นจะกลับมาเรย เขาจึงมาสอบถามกับพ่อเราว่าเจอไหม เป็นไงบ้าง พ่อเราก้อบอกไปตามที่เห็นกับลุงแก้วนั่นน่ะค่ะ
เย็นวันนั้นยายสุขเขาก้อกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ชาวบ้านละแวกเดียวกันจึงไปรวมตัวกันอยู่ที่บ้านยายสุขเพื่อนที่จะรอพี่คนนั้นกับมา จนปาไปเกือบเที่ยงคืน ทุกคนเรยแยกย้ายกันกลับบ้าน แล้วยายสุขก้อตัดสินใจว่าเดียวมะรืนจะไปร่างทรงพ่อบ้าน (เป็นร่างทรงประจำหมู่บ้านค่ะ)
เรื่องผ่านไปได้ดีคืนนี้....ตื่นชาวมาอีกวันค่ะ ยายสุขบอกว่าได้ยินเสียงร้องให้ใครไม่รู้ในห้องของลูกชายเขา เปิดประตูไปดู ก้อไม่มีใครอยู่ เรยเรียกพวกพ่อๆลุงแถวบ้านไปฟังไปดู แต่ก้อไม่เจอใครจริงๆค่ะ
มาถึงตอนเย็นวันนี้ค่ะ ทุกคนยังรวมตัวอยู่ที่บ้านของเราเพื่อปรึกษากันอีกรอบ แล้วตาคำ สามียายสุขวิ่งมาบอกพวกเราว่า ลูกชายเขากลับมาแล้ว ตาคำเล่าว่า ยายสุขตัดสินใจเปิดประตูห้องลูกชายไปอีกครั้ง "ปรากฎว่าเจอพี่เขานั่งงอเข่าตัวสั่นอยู่ใต้เตียงค่ะ ถามอะไรก้อไม่ตอบ ชวนดึงออกมาเขาก้อไม่ออกมาเอาแต่นั่งสั่นอย่างเดียวค่ะรอเท้าไม่ใส่ เท้าเปื้อนฝุ่นเปื้อนโคลนค่ะ" ตอนนั้นพวกพ่อๆลุงๆ พากันวิ่งกรูไปที่บ้านยายสุขเรยค่ะ ใช่ค่ะ พี่เขากลับมาแล้วจริง แล้วยังนั่งอยู่ใต้เตียง ถามอะไรเขาไม่ตอบทั้งนั้น จนพ่อเรากับลุงแก้วเกลี้ยกล่อมจึงออกมา ถามอะไรพี่เขาบอกว่าไม่รู้เรื่องสักอย่างเรย อธิบายอะไรไม่ถูก แหม...โล่งใจกันแล้วค่ะ ซักพักทุกคนที่อยู่เรยกลับบ้านอาบน้ำเข้านอน
มาถึง ตี 2 เราเข้านอนแล้ว แต่ปวดฉี่ เขาเรยเรียกแม่โดยการตะโกนเสียงดังลั่นบ้าน เพราะเราไม่กล้าเข้าห้องน้ำคนเดียว แม่ที่นอนอีกห้องจึงลุกมาส่งเข้าห้องน้ำ (พึ่งเกิดเหตูการณ์แบบนี้ใครก้อกลัว + แต่ห้องน้ำอยู่บนบ้านนะ) เราฉี่เสร็จ แม่ก้อฉี่ เราถามแม่ว่าคิดยังไงกับเรื่องพี่หายไป 2 วันกับอีก 1 คืนนั่น แม่บอกว่านี่ใช่เวลามั้ย เออ จริงของแม่ แล้วพ่อก้อลุกขึ้นมาค่ะเรากับแม่ก้อเลยบอกพ่อว่ารีบฉี่จะปิดไฟละ พ่อฉี่เสร็จ เอามือดันกับประตูไว้ค่ะ แล้วอยู่ดีก้อสั่น ไม่มีลมพัดมานะ แล้วก้อจะล้ม เราก้อตกใจสิคะ บอกแม่ว่าพ่อเปนไรไม่รู้ แม่ก้อก้มมองหน้าพ่อ เราก้อพลางประคองพ่อไปด้วย พ่อทำตาขวางใส่ทั้งแม่และเรา พลางสะบัดมือที่เราประคองออกแล้วสบถใส่เราว่าอย่ามายุ่งกับกู แล้วมองหน้าเรากับแม่อีกครั้ง กรี๊ดเรยสิคะ นี่ไม่ใช่พ่อเราแน่ๆ ยายตกใจรีบลุกมาดู พ่อมือเกร็ง กล้ามเนื้อเกร็งไปทั้งตัว เหมือนคนจะเป็นง่อยแล้วค่ะ ยายเรยบอกว่าไปเอาพระที่พ่อใส่ประจำมา แม่ก้อรีบร้อนไปเอาพระมาคล้องคอพ่อ เหงื่อท่วมตัวพ่อเรยค่ะ เราช็อคกับเหตูการณ์นี้ แล้วรีบกลับเข้าไปนอน แต่ใครจะนอนหลับล่ะคะ เราได้พ่อคุยกับแม่ว่า อยู่ดีๆมันมีเงาสีดำตัวใหญ่ จะมาเข้าร่างแต่พ่อพยายามท่อง อระหังสัมมา - นะโมตัสสะแล้ว มันก้อยังจะเข้ามาอยู่ จากนี้จนเช้าไม่มีใครนอนหลับซักคนเรย
ในที่สุดวันที่เรารอคอยก้อมาถึง เรากับแม่ยังคงนั่งคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นมื่อคืน (คิดว่าเพราะพ่อไปตามหาพี่เขาที่ทุ่งนาบนดอยรึเปล่า ที่ว่าเงาสีดำนั่นอ่ะ) ยายสุขเขาไปขอให้ร่างทรงลงวันนี้ค่ะ เข้าทางเรากับแม่เรย เราก้อไปดูค่ะ อยากรู้อยากเห็น พอร่างทรงลงแล้ว ยายสุขเปิดประเด็นเรยค่ะ ลูกเข้าหายไปไหนมา ร่างทรงบอกว่า ผีกะยักษ์ ที่ใต้ต้นสลี จะเอาไปเป็นเจ้าของ แล้วทำไม่จู่ๆมาอยู่ที่ใต้เตียง ร่างทรงบอกว่าผีมันบังตา ยายสุขก้อเลยเก็ทค่ะ ต่อไปแม่เราเข้าถาม ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับพ่อ ร่างทรงบอกว่า ผีกะยักษ์ที่ใต้ต้นสลี มันไม่พอใจที่พ่อไปตามหาลูกชายยายสุข มันเลยแค้น จะเอาให้ถึงแต่ตาย แต่พ่อเราดวงแข็ง รวมกับที่บ้านมีศาลเจ้าปู่เจ้าย่ามันเรยทำอะไรไม่ได้มาก พอร่างทรงพูดจบ เรากับแม่อึ้งเรยค่ะ ร่างทรงบอกต่อด้วยว่าถ้าตอนนั้นยายเราลุกมาไม่ทัน พ่ออาจป่วยเป็นอัมพาต เรยก้อได้
จากเหตุการณ์วันนั้น มันทำให้เราคิดมาตลอด เรื่องลี้ลับพวกนี้มันมีอยู่จริง ทีแรกก้อไม่เชื่ออะค่ะ เปนคนชอบเที่ยวแล้วกลับบ้านมาดึกๆ จากวันนั้นไม่กล้าเข้าบ้านดึกเรย ส่วนพ่อเราน่ะเหรอ แต่ก้อยังไม่เชื่อว่าผีมีจริง พ่อบอกว่าถ้ามีจริง ก้อเห็นขี้มันน่ะสิ เห๊ยยย เหนื่อยใจ....
ขอบคุณนะคะที่สละเวลามาอ่าน ขอบคุณค่าาา
ประสบการณ์เรื่องคนหายในหมู่บ้าน
ประมาณ ย้อนไปเมื่อสามปีที่แล้ว ตอนนั้นเป็นตอนสายๆได้ค่ะ กำลังนั่งกินข้าว กับพ่อ แม่ อยู่ค่ะ แล้วจู่ๆ ยายที่อยู่บ้านเยื้องหน้าบ้านเราค่ะ (ยายคนนี้ชื่อยายสุขค่ะ) เขาวิ่งหน้าตาตื่นมาบอกพ่อเราว่า ลูกชายเขา เห็นบ้างไหม (พ่อเรากับพี่คนนั้นสนิทกัน) บอกให้ทุกคนช่วยตามหาให้หน่อย ยายสุข บอกกับพวกเราว่า หาลูกชายเขาหายไปไหนก้อไม่รู้ หาทั่วบ้านหมดแล้วไม่มี ใต้เตียงอะไรยังไง ก้อไม่เจอ (ลูกชายเขาก้อปกติเหมือนนี่แหล่ะค่ะ)แต่รองเท้าเขาอยู่ที่เดิม แล้วพอเราก้อเรยหยุดกินข้าว แล้วขอไปดูที่บ้านยายสุขว่าหายไปจริงๆหรอ ด้วยความอยากรู้แล้วก้อวิ่งตามพ่อไปด้วย ผ่างงง ไม่เจอจริงๆค่ะ หาทุกซอกทุกมุม หากันหลายคนมากเรย ซักพักยายสุขก้อบอกว่าหยุดหาเถอะ เขาก้อนั่งร้องไห้เรย พ่อเราเห็นแล้วสงสารยายค่ะ จึงชวนเพื่อนมาปรึกษาว่าจะทำยังไงดี (เราก้อเข้าไปมีส่วนด้วยแค่นั่งฟังเรยๆอ่ะ)
พอนั่งคุยกันเสร็จค่ะ พ่อเราก้อสรุปได้ว่าคอนเย็น(4-5 โมงเย็น)เราไปตามหาต่อที่กลางทุ่งนาบนดอยในหมู่บ้านดีกว่า แล้วให้อีกพวกเฝ้ารออยู่ที่บ้านยายสุขเผื่อพี่เขาอาจจะกลับมา แล้วจะได้โทรบอกกันทันท่วงที
ถึงเวลาที่พ่อเราจะไปตามหาพี่เขาแล้ว ทีแรกเราก้ออยากจะไปด้วยนะ แต่ไม่ดีกว่า พ่อไป 2 คนกับลุงแก้ว เพื่อนพ่อเอง ไปถึงที่หมาย(พ่อเล่า) กลางทุ่งนาหญ้ารกและสูงมากเรยค่ะพ่อบอกกับลุงแก้ว "เห็นไหมหญ้าที่คันนานั่นเหมือนคนอยู่ตรงนั่นเรย" แล้วพ่อกับลุงแก้วก้อตรงไปยังหญ้าที่ตรงจุดนั้น ปรากฎว่าไม่เจอใครค่ะ สักพักลุงแก้วก้อเห็นอีกค่ะ บอกว่ามีคนหลบอยู่หลังต้นสลี (ต้นโพธิ์) พ่อกับลุงแก้วก้อรีบไปเหมือนกันค่ะ ก้อยังไม่เจอใครอยู่ดี จากนั้น พ่อกับลุงแก้วจึงตัดสินใจชวนกันกลับบ้าน มาถึงบ้านก้อประมาณ เกือบ 6 โมงได้ค่ะ แต่บ้านเรามันบ้านนอกเนาะ 6 โมงนี่พระอาทิตย์ยังอยู่บนฟ้าอยู่เรย
พอกลับมาถึงบ้านค่ะ พวกลุงๆที่อยู่บ้านยายสุข เขาเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ตรงนั้นตลอดเวลา ก้อไม่มีวี่แววของพี่คนนั้นจะกลับมาเรย เขาจึงมาสอบถามกับพ่อเราว่าเจอไหม เป็นไงบ้าง พ่อเราก้อบอกไปตามที่เห็นกับลุงแก้วนั่นน่ะค่ะ
เย็นวันนั้นยายสุขเขาก้อกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ชาวบ้านละแวกเดียวกันจึงไปรวมตัวกันอยู่ที่บ้านยายสุขเพื่อนที่จะรอพี่คนนั้นกับมา จนปาไปเกือบเที่ยงคืน ทุกคนเรยแยกย้ายกันกลับบ้าน แล้วยายสุขก้อตัดสินใจว่าเดียวมะรืนจะไปร่างทรงพ่อบ้าน (เป็นร่างทรงประจำหมู่บ้านค่ะ)
เรื่องผ่านไปได้ดีคืนนี้....ตื่นชาวมาอีกวันค่ะ ยายสุขบอกว่าได้ยินเสียงร้องให้ใครไม่รู้ในห้องของลูกชายเขา เปิดประตูไปดู ก้อไม่มีใครอยู่ เรยเรียกพวกพ่อๆลุงแถวบ้านไปฟังไปดู แต่ก้อไม่เจอใครจริงๆค่ะ
มาถึงตอนเย็นวันนี้ค่ะ ทุกคนยังรวมตัวอยู่ที่บ้านของเราเพื่อปรึกษากันอีกรอบ แล้วตาคำ สามียายสุขวิ่งมาบอกพวกเราว่า ลูกชายเขากลับมาแล้ว ตาคำเล่าว่า ยายสุขตัดสินใจเปิดประตูห้องลูกชายไปอีกครั้ง "ปรากฎว่าเจอพี่เขานั่งงอเข่าตัวสั่นอยู่ใต้เตียงค่ะ ถามอะไรก้อไม่ตอบ ชวนดึงออกมาเขาก้อไม่ออกมาเอาแต่นั่งสั่นอย่างเดียวค่ะรอเท้าไม่ใส่ เท้าเปื้อนฝุ่นเปื้อนโคลนค่ะ" ตอนนั้นพวกพ่อๆลุงๆ พากันวิ่งกรูไปที่บ้านยายสุขเรยค่ะ ใช่ค่ะ พี่เขากลับมาแล้วจริง แล้วยังนั่งอยู่ใต้เตียง ถามอะไรเขาไม่ตอบทั้งนั้น จนพ่อเรากับลุงแก้วเกลี้ยกล่อมจึงออกมา ถามอะไรพี่เขาบอกว่าไม่รู้เรื่องสักอย่างเรย อธิบายอะไรไม่ถูก แหม...โล่งใจกันแล้วค่ะ ซักพักทุกคนที่อยู่เรยกลับบ้านอาบน้ำเข้านอน
มาถึง ตี 2 เราเข้านอนแล้ว แต่ปวดฉี่ เขาเรยเรียกแม่โดยการตะโกนเสียงดังลั่นบ้าน เพราะเราไม่กล้าเข้าห้องน้ำคนเดียว แม่ที่นอนอีกห้องจึงลุกมาส่งเข้าห้องน้ำ (พึ่งเกิดเหตูการณ์แบบนี้ใครก้อกลัว + แต่ห้องน้ำอยู่บนบ้านนะ) เราฉี่เสร็จ แม่ก้อฉี่ เราถามแม่ว่าคิดยังไงกับเรื่องพี่หายไป 2 วันกับอีก 1 คืนนั่น แม่บอกว่านี่ใช่เวลามั้ย เออ จริงของแม่ แล้วพ่อก้อลุกขึ้นมาค่ะเรากับแม่ก้อเลยบอกพ่อว่ารีบฉี่จะปิดไฟละ พ่อฉี่เสร็จ เอามือดันกับประตูไว้ค่ะ แล้วอยู่ดีก้อสั่น ไม่มีลมพัดมานะ แล้วก้อจะล้ม เราก้อตกใจสิคะ บอกแม่ว่าพ่อเปนไรไม่รู้ แม่ก้อก้มมองหน้าพ่อ เราก้อพลางประคองพ่อไปด้วย พ่อทำตาขวางใส่ทั้งแม่และเรา พลางสะบัดมือที่เราประคองออกแล้วสบถใส่เราว่าอย่ามายุ่งกับกู แล้วมองหน้าเรากับแม่อีกครั้ง กรี๊ดเรยสิคะ นี่ไม่ใช่พ่อเราแน่ๆ ยายตกใจรีบลุกมาดู พ่อมือเกร็ง กล้ามเนื้อเกร็งไปทั้งตัว เหมือนคนจะเป็นง่อยแล้วค่ะ ยายเรยบอกว่าไปเอาพระที่พ่อใส่ประจำมา แม่ก้อรีบร้อนไปเอาพระมาคล้องคอพ่อ เหงื่อท่วมตัวพ่อเรยค่ะ เราช็อคกับเหตูการณ์นี้ แล้วรีบกลับเข้าไปนอน แต่ใครจะนอนหลับล่ะคะ เราได้พ่อคุยกับแม่ว่า อยู่ดีๆมันมีเงาสีดำตัวใหญ่ จะมาเข้าร่างแต่พ่อพยายามท่อง อระหังสัมมา - นะโมตัสสะแล้ว มันก้อยังจะเข้ามาอยู่ จากนี้จนเช้าไม่มีใครนอนหลับซักคนเรย
ในที่สุดวันที่เรารอคอยก้อมาถึง เรากับแม่ยังคงนั่งคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นมื่อคืน (คิดว่าเพราะพ่อไปตามหาพี่เขาที่ทุ่งนาบนดอยรึเปล่า ที่ว่าเงาสีดำนั่นอ่ะ) ยายสุขเขาไปขอให้ร่างทรงลงวันนี้ค่ะ เข้าทางเรากับแม่เรย เราก้อไปดูค่ะ อยากรู้อยากเห็น พอร่างทรงลงแล้ว ยายสุขเปิดประเด็นเรยค่ะ ลูกเข้าหายไปไหนมา ร่างทรงบอกว่า ผีกะยักษ์ ที่ใต้ต้นสลี จะเอาไปเป็นเจ้าของ แล้วทำไม่จู่ๆมาอยู่ที่ใต้เตียง ร่างทรงบอกว่าผีมันบังตา ยายสุขก้อเลยเก็ทค่ะ ต่อไปแม่เราเข้าถาม ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับพ่อ ร่างทรงบอกว่า ผีกะยักษ์ที่ใต้ต้นสลี มันไม่พอใจที่พ่อไปตามหาลูกชายยายสุข มันเลยแค้น จะเอาให้ถึงแต่ตาย แต่พ่อเราดวงแข็ง รวมกับที่บ้านมีศาลเจ้าปู่เจ้าย่ามันเรยทำอะไรไม่ได้มาก พอร่างทรงพูดจบ เรากับแม่อึ้งเรยค่ะ ร่างทรงบอกต่อด้วยว่าถ้าตอนนั้นยายเราลุกมาไม่ทัน พ่ออาจป่วยเป็นอัมพาต เรยก้อได้
จากเหตุการณ์วันนั้น มันทำให้เราคิดมาตลอด เรื่องลี้ลับพวกนี้มันมีอยู่จริง ทีแรกก้อไม่เชื่ออะค่ะ เปนคนชอบเที่ยวแล้วกลับบ้านมาดึกๆ จากวันนั้นไม่กล้าเข้าบ้านดึกเรย ส่วนพ่อเราน่ะเหรอ แต่ก้อยังไม่เชื่อว่าผีมีจริง พ่อบอกว่าถ้ามีจริง ก้อเห็นขี้มันน่ะสิ เห๊ยยย เหนื่อยใจ....
ขอบคุณนะคะที่สละเวลามาอ่าน ขอบคุณค่าาา