[CR] มุ่งมั่นตั้งใจไปกินเนื้อ Dry Aged ที่ร้าน Company B ของอดีตนักร้อง ขวัญใจ มายด์ไอดอล พี่โต นั่นเองงง



"เนื้อ Dry Aged" คำนี้แว่วเข้าหูมา จากปากของพี่โต  ตัวจขกท ก็งงไปตามระเบียบสิคะ ว่ามันคือเนื้ออะไร ขอยอมรับว่าเพิ่งเคยได้ยิน ด้วยความที่เป็นคนชอบกินเนื้อก็จริง แต่ไม่ได้เคยศึกษาจริงจังว่ามีเนื้อกี่ประเภท อะไรยังไงบ้าง รู้จักแค่ว่าเนื้อแบ่งเป็นหลายๆส่วน เช่น ริบอาย ชัคอาย เนื้อสันนอก สันใน ประมาณนี้ แต่ที่ทำให้สนใจขึ้นมาก็ด้วยว่า ตัวเจ้าของร้านของร้านที่มีชื่อว่า "Company B" นี่ก็คือ พี่โต นักร้องขวัญใจ สมัยเด็กของเรานี่เอง ได้ยินข่าวพี่เค้ามาก็เป็นระยะๆ จนล่าสุดก็คือพี่เค้าหันเข้าไปเป็นครูสอนศาสนา แล้วก็เป็นอาจารย์บรรยายตามที่ต่างๆ แต่พอมาได้ยินข่าวอีกที พี่แกก็มาเปิดร้านขายเนื้อซะแล้ว

ไม่ได้ล่ะสิ งานนี้ต้องมีไปลอง โดยเริ่มจากศึกษาก่อน ว่า "เนื้อ Dry Aged" คือร่ะ หลังจากไปหาข้อมูลมา คือดังนี้
"Dry Aged" จึงจะขออธิบายอย่างย่อๆ ก่อน "Dry Aged" ก็คือการนำโครงสัตว์อะไรก็ได้ (งานนี้คือเนื้อวัว) มาแขวนตากอากาศในห้องหรือตู้เย็นขนาดใหญ่ โดยมีการควบคุมความเย็นและความชื้น (ประมาณ 0-4 องศา เซลเซียส) และการไหลเวียนของอากาศอย่างดี เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เป็นต้นไป เพื่อให้น้ำส่วนเกินระเหยออก แต่ "Dry Aged" ของ "Company B" จะผ่านการ Age ทั้งสิ้น 30 วัน ซึ่งทำให้ได้รสชาติเนื้อและเกณฑ์ความนุ่มและความเข้มข้นแบบกำลังดี ซึ่งเนื้อของ "Company B" จะเป็นเนื้อวัวของไทยเรานี่เอง ไม่ได้นำเข้ามาจากต่างประเทศเป็นอย่างใด

โดยข้อดีหลังจากที่คุยกับเชฟที่เป็นคนย่างเนื้อให้ เชฟบอกว่า
ข้อดีคือ เนื้อในไทยก็จะได้ถึงความสด ใหม่ เพราะเนื้อนำเข้ายังไงก็ต้องแช่แข็งมา กว่าจะเดินทางมาอีก อีกทั้งราคาก็ยังถูกกว่าเนื้อนำเข้าด้วย
ข้อเสียคือ เรื่องคุณภาพอาจจะไม่นุ่มเท่าเนื้อนำเข้าบางชนิด

เอาเป็นว่าพอเข้าใจกันพอสังเขปเน๊อะ (ตามความรู้ที่จขกท ไปหาข้อมูลมาได้ อันน้อยนิด อมยิ้ม07)

ร้านพี่โตแกอยู่ที่ พารากอน Butcher Zone Gourmet Market ชั้น G คือจะอยู่ในโซนตู้ขายเนื้อ ซึ่งจะมีหลายหลายเนื้อ หลายยี่ห้อ หลายชาติ เรียงรายกันอยู่ โดยสังเกตุหน้าตู้ของ Company B จะมีอยู่ 3 ตู้นะคะ
1 ตู้เนื้อแบบเนื้อสด
2 ตู้เนื้อแบบ Dry Aged
3 ตู้เนื้อแกะ

- ตู้เนื้อ Dry Aged (พระเอกของเราที่จะมาลองวันนี้)



- ตู้เนื้อแกะ


โดย จขกท เลือกเนื้อที่ทางร้านเค้าหั่นไว้อยู่แล้วและห่อพลาสติกไว้เรียบร้อยแล้ว โดยดูจากขนาดก้อนตามที่เราต้องการอ่ะค่ะ ว่าต้องการขนาดประมาณไหน หรือบอกทางน้องพนักงานให้เค้าเลือกให้ก็ได้ค่ะ

วันนี้จขกทไปกัน 2 คน เลยลองเลือกเนื้อมา 2 อย่างค่ะ
- Ribeye (ริบอาย) ขนาด 364 กรัม ราคา 464 บาท (1,275 บาท/กก)
- Striploin (สันนอก) ขนาด 266 กรัม ราคา 323.25 บาท (1,215 บาท/กก)





เมื่อเราได้เนื้อตามที่ต้องการแล้ว เราจะจ่ายตังค์เพื่อซื้อกลับไปทำเองที่บ้าน หรือว่าถ้าอยากจะกินที่นี่แบบมีคนทำให้แล้วล่ะก็ เราเดินมาที่เคาร์เตอร์บาร์ตรงข้างๆร้านได้เลยค่ะ มีที่นั่ง แล้วก็มีเชฟ คอยทำเนื้อให้เราทาน ***(ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นโซนที่ให้บริการของทางศูนย์การค้าพารากอนนะคะ ไม่ใช่เป็นส่วนของร้าน Company B ซึ่งอุปกรณ์ อาหาร เครื่องดื่มที่สั่งตรงนี้ ก็เป็นบริการที่แยกจากทาง Company B อย่างสิ้นเชิง และถ้านำเนื้อมาย่างตรงส่วนนี้ ก็จะไม่ Halal นะคะ ทางร้าน Company B ได้แจ้งไว้ค่ะ )****


ส่วนราคาในการทำเนื้อให้เรา ก็ตกราคาจานละ 100 บาทค่ะ ถ้าอยากได้พวกเครื่องเคียงเพิ่มเติม ก็ดังนี้ค่ะ


แต่จขกท ให้เชฟย่างให้เฉยๆ ไม่ราดซอสใดๆทั้งสิ้น เพราะต้องการลิ้มรส รสชาติของเนื้อแบบเน้นๆ โดยเชฟก็จะถามว่าเราต้องการเนื้อสุกประมาณไหน โดยตอนแรก จขกท จะขอสั่งแบบสุกเลย แต่เชฟแนะนำว่า เนื้อของทางร้านพี่โต เป็นเนื้อของไทย ถ้าย่างสุกไปเลยอาจจะเหนียวนิดหน่อยได้ ขอแนะนำว่าให้ย่างแบบ Medium หรือ Medium Rare จะดีกว่า ดังนั้นจัดไปค่ะ ขอแบบ Medium Rare
- อันนี้เป็นคำอธิบายถึงความสุกของเนื้อ โดยจขกท copy มาจากหน้าเฟสบุ๊คของร้าน company b ค่ะ (Hereilike mag เป็นคนแปล บทความนี้ค่ะ)


โดยเท่าที่นั่งดูเชฟทำ เค้าก็จะเอาค้อนทุบๆเนื้อ พอประมาณ เสร็จแล้วก็จะโรยเกลือ พริกไทย แล้วก็เอาไปย่างค่ะ ระหว่างนี้เราก็สามารถเดินไปซื้อน้ำใน Supermarket หรือจะไปซื้อของกินของร้านอาหารญี่ปุ่น ข้างๆ หรือของกินอะไรตรงไหนมานั่งกินที่นี่ด้วยก็ได้ค่ะ เพราะเท่าที่คุยกับหัวหน้าเชฟแล้ว บอกว่า อยากให้เป็นคอนเซ็ปต์แบบโอเพ่น อิสระ หรือจะสั่งสปาเก็ตตี้หรือไวน์ ของทางพี่เชฟเค้า ก็มีไว้ให้บริการค่ะ

- อุปกรณ์เครื่องปรุงที่มีวางไว้ตรงเคาท์เตอร์


- ไปซื้อน้ำมาจาก Super Market พอจ่ายเงินแล้วก็จะมีเทปสีแดงๆ พันมาไว้ให้ค่ะว่าจ่ายเงินแล้ว


นั่งรอไปสักพัก เนื้อของเราก็พร้อมเสริฟแล้วค่ะ

- จานนี้ริบอายสเต็ก


***ข้างนอกสุก แต่ข้างในยังชมพูๆ อยู่ แบบว่าชุ่มฉ่ำมาก หลังจากตัดเอาเข้าปากแล้ว เนื้อริบอายสเต็กจะให้ความชุ่มฉ่ำ ให้รสชาติความเข้มของเนื้อละลายอบอวลอยู่ในปาก ส่วนความเหนียวนั้น ไม่เหนียวค่ะ เคี้ยวทีสองทีก็ละลายหายลงคอแล้วค่ะ และทางเชฟก็ปรุงมาให้กำลังดี มีรสเค็มของเกลือพอให้ชูรสชาติของเนื้อออกมาได้เต็มที่



- จานนี้สันนอก


*** ข้างนอกสุก และข้างในยังเป็นสีชมพูๆ อยู่ และมีส่วนของมันอยู่รอบๆตัวเนื้อ เชฟย่างมาได้ดีมากยังคงความชุ่มช่ำอยู่ โดยคหสต คิดว่า รสชาติของสันนอก จะมีรสชาติเนื้อที่จืดกว่าริบอาย นุ่มน้อยกว่าริบอาย และมีเนื้อสัมผัสที่เหนียวกว่า แต่ก็ยังเคี้ยวทีสองทีก็หมดเช่นกันค่ะ ไม่ได้เหนืยวมาก


- ภาพหมู่



- สรุปรวมค่าเสียหาย (ไม่รวมค่าน้ำที่ไปซื้อมาจาก Super Market นะคะ)


ขอสรุปท้ายนี้ คือขอบอกว่าเนื้อของพี่แก อร่อยค่ะ ราคาไม่แรงมาก ถ้าเทียบกับพวกเนื้อนำเข้าหรือเนื้อญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าคุณภาพอาจจะไม่พรีเมี่ยมเท่าเนื้อพวกนั้น แต่ด้วยราคาประมาณนี้ รสชาติเนื้อเต็มๆ เข้มถึงใจ แบบนี้ จขกท ขอแนะนำว่า น่ามาลอง และยิ่งเป็นร้านขวัญใจ มายด์ไอดอลของจขกท ด้วยแล้ว คิดว่าคุ้มค่าคุ้มราคาที่ได้มากินค่ะ (เสียใจนิดหน่อยไม่ได้เจอพี่โต) เลยเอารูปจากทางเฟสบุ๊คของทางเฟสมาลงให้เห็นหน้าพี่โตแกหน่อยละกันนะคะ



เพิ่มเติมบทสัมภาษณ์ของรายการวู้ดดี้เกิดมาคุยค่ะ
https://video-sin1-1.xx.fbcdn.net/hvideo-xtf1/v/t43.1792-2/11125033_10153059404962689_484230581_n.mp4?efg=eyJybHIiOjE1NzksInJsYSI6NDA5Nn0%3D&rl=1579&vabr=1053&oh=a54cd54a8abe1c9a35444c5eb0db0ab6&oe=55A8DF80

เอาเป็นว่า จขกท ไม่ผิดหวังกับการที่ได้ไปลองกิน และจะแวะไปกินใหม่แน่นอนค่ะ

ขอให้สนุกมีความสุกกับการกินนะคะ บัยยยจุ๊บๆ
ชื่อสินค้า:   สเต็กเนื้อ
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่