ชีวิตพังเพราะความใจกว้างเรื่องเงิน(ของแม่)
ยืมล็อกอินเพื่อนมาใช้นะคะ
ตามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ เป็นเรื่องของฉันเองที่กำลังเผชิญตอนนี้ ที่มาเล่าก็อยากจะระบายและเตือนอย่าค้ำประกันเงินกู้ให้ใครเด็ดขาด!!!
ที่ว่าชีวิตพังเพราะมีหนี้1ล้านค่ะ!! 1ล้านบาทไทย จะแจงว่าหนี้ได้มาอย่างไร
- กู้เงินให้ลุงโดยใช้เครดิตแม่(ซึ่งลุงไม่มีเครดิตพอจะยื่นกู้เงินได้
เริ่มจากลุงต้องการทำไร่ปลูกมะละกอ ไปลงทุนที่จังหวัดสุรินทร์(ซึ่งตัวเองอยู่สมุทรปราการ) จึงไม่รู้สภาพดินฟ้าอากาศของที่นั่น เชื่อคนง่ายสุดท้ายก็ทำ เงินทุนได้ขอร้องทางแม่ฉันให้หาให้ก้อนนึง แม่กู้ให้เลยค่ะ โดยไม่มีใครค้ำประกัน (เครดิตดีจริงคุณเอ๊ยยย) สักพักรู้สึกจะไปไม่รอดตายทั้งไร่ ทำกี่ไร่ก็ไม่ทราบนะคะ แต่ใช้เงินเยอะพอสมควร (ผ่านมา10กว่าปีแล้วไม่มีวี่แววจะได้เงินคืนจากลุงคนนี้)
- ค้ำประกันเงินกู้ให้ลุง(อันนี้ลุงคนที่2ค่ะ)
ลุงคนนี้ฉันก็ไม่ทราบว่าเอาเงินไปทำอะไรนะคะ แต่ก็เงินก้อนนึงเยอะพอสมควร ตอนเอาไปเอาไปเป็นก้อนนะคะตอนคืนรู้สึกจะผ่อนเป็นเดือน(เดือนละ1พันค่ะ เหอๆๆ เดือนเว้นเดือนบ้างละก็ไม่เนียนหายเข้ากลีบเมฆ แต่ก็ยังติดต่อกันเรื่อยๆ แต่ไม่เคยพูดเรื่องเงิน)
- แม่ค้ำประกันเงินกู้ให้เพื่อนสนิท(อันนี้เจ็บมาก)
เป็นเพื่อนคบกันตอนเรียนมหาวิทยาลัยนู่นแหนะ ด้วยความสนิทมั้งคะจนคิดว่าเขาจะไม่โกง เนื่องจากรู้จักทางบ้านเป็นอย่างดี(คนนี้ฉันก็รู้จักเคยสนิทจนคิดว่าคนในครอบครัว) เขาได้ให้แม่ค้ำประกันให้ แรกๆไม่มีปัญหาอะไร หลังๆเริ่มหาย แกทำอาชีพครู บางทีตามไปบ้านคนที่บ้านบอกไม่อยู่ ตามไปโรงเรียนที่สอน คนที่โรงเรียนบอกไม่อยู่ ตอนนี้หายเข้ากลีบเมฆ (ถ้าแวะเข้ามาอ่านแล้วรู้ตัวได้โปรดนำเงินต้นมาคืนแม่ฉันจะได้เลิกใช้ดอกเบี้ยแทนคุณ ทุกเดือนๆ นะคะน้าเอี้_ง) ย
- ทำธุรกิจร่วมกันกับญาติ(เจ๊ง)
อันนี้ไม่ลงรายละเอียดมาก ตามที่บอกเลยว่าเจ๊ง จะโทษใครก็ไม่ได้ เพราะความใจดีของแม่ที่ยอมแบกภาระคนเดียว เนื่องจากใจดี๊ดี หนี้เลยบาน
- ธุรกิจส่วนตัวเจ๊ง 2ครั้ง
ครั้งที่1 ทำฟาร์ม ทุกอย่างไปได้ดี เงินดีช่วงนั้นรู้สึกชีวิตสบาย แต่ตาดันป่วย แม่ต้องดูแล ก็ไม่มีเวลาทำบัญชีเองหรือเข้ามาดูฟาร์มให้คนอื่นจัดการ(เพราะไว้ใจ) ตามีลูกเยอะนะแต่ตอนป่วยไม่มีใครจะมาดูแลหรอก มีแค่นานๆแวะมา แค่มาเยี่ยม เช็ดขี้เช็ดเยี่ยวมีแค่แม่ฉันทำ
เล่ามาแล้วสงสารแม่ ตาป่วยได้พักใหญ่ก็เลยเลิกทำฟาร์ม ขายทุกอย่างออก แม่มาดูแลตาอย่างเดียว จนตาเสียไป
ส่วนครั้งที่2 ลงทุนธุรกิจครั้งใหญ่ จริงๆถ้ามันมีคนช่วยดูแลอาจเป็นธุรกิจที่มั่นคง แต่แม่ดูแลคนเดียว และอีกอย่างลูกน้องที่จ้างมารู้สึกจะไว้ใจไม่ได้ มารู้ก็ตอนสายไปละ
บางคนเคยบอกให้แม่ไปทำงานสิ งานที่ให้เงินเดือนทุกๆเดือน แต่ทำงั้นไม่ได้ค่ะ แม่ต้องดูแลฉันกับน้อง เรามีกัน3แม่ลูก พ่อมีเมียน้อยแม่ขอเลิกแล้วพ่อก็ไม่ส่งเสียค่าเลี้ยงดูลูก (เลิกกันตอนฉัน4ขวบน้องชาย2ขวบ) เราอยู่กันมา3คน (ปัจจุบันน้องอายุ18)
จนตอนนี้แม่ก็มีพูดมาว่าจะหมุนแต่ละเดือนไม่ไหวอยู่แล้ว นอนก็ไม่ค่อยหลับคิดแต่เรื่องหาเงินใช้หนี้
ภาระที่ต้องจ่ายทุกเดือนก็จะมีดอกเบี้ย(เดือนๆนึงก็ตก 3หมื่นกว่าบาทที่ต้องจ่ายทิ้ง เพราะเรายังไม่มีเงินที่จะไปจ่ายเงินต้นได้ ฉันก็คิดนะทำไมเราต้องจ่ายให้คนอื่นด้วย แต่มันเป็นหนี้ถูกกฎหมายมีสัญญาค้ำประกันถูกต้องแล้วเจ้าของหนี้ก็ไม่รับผิดชอบ ตามตัวไม่เจอ จึงต้องแบกภาระจ่ายไป ) ทั้งหนี้ตัวเองหนี้คนอื่นไหนจะกินจะใช้อีก
ส่วนฉันตัดสินใจออกจากมหาวิทยาลัยเพราะสงสารแม่ ภาระที่แม่รับผิดชอบฉันต่อเดือนมันก็หนัก (ฉันอยู่หอพักนะคะ) ต้องส่งฉันต่อเดือนรวมๆก็เกือบหมื่น5 ฉันไม่ได้ลาออกแต่ไม่ลงทะเบียนเรียน ตอนนี้แม่จะยังไม่รู้ จะไปรู้ก็น่าจะเป็นช่วงสอบเสร็จตอนมหาลัยส่งเกรดกลับบ้าน ฉันเรียนต่อไม่ไหวหรอกค่ะ สงสารแม่ ฉันต้องการหาเงินมาช่วย เพราะถ้าแม่หมุนต่อไม่ไหว นั่นหมายถึงรถ,บ้าน,ที่ดิน ที่ไปค้ำประกันไว้จะถูกยึด ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่หอพักแล้ว ออกมาอยู่ห้องเพื่อนเจ้าของล็อกอินนี้นี่แหละค่ะ
อาจจะคิดไม่ถูกนะคะแต่ถ้าออกมาทำงานเก็บเงินได้ส่วนนึง เอาไปใช้หนี้ ภาระแม่ก็จะลดลง เผื่อโชคชะตาเข้าข้างภายใน2ปีนี้อาจใช้หนี้1ล้านหมดแล้วค่อยกลับมาเรียนก็ได้
มีคำพูดแม่ประโยคนึงที่นึกทีไรน้ำตาไหลทุกที
แม่บอกฉันกับน้องว่า ดูแลตัวเองดีๆอย่าให้ตัวเองป่วย ถ้าป่วยตอนนี้แม่ไม่มีเงินรักษา
ฉันเล่าอาจงงๆนะคะ แต่อยากเตือน ไม่ว่าจะพี่น้องคลานตามกันมาหรือเพื่อนสนิทแค่ไหน ถ้าเป็นเรื่องเงินปฏิเสธไปเถอะค่ะ เราไม่รู้อนาคตว่าเขาจะโกงไหม
ชีวิตพังเพราะเรื่องเงินๆ
ยืมล็อกอินเพื่อนมาใช้นะคะ
ตามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ เป็นเรื่องของฉันเองที่กำลังเผชิญตอนนี้ ที่มาเล่าก็อยากจะระบายและเตือนอย่าค้ำประกันเงินกู้ให้ใครเด็ดขาด!!!
ที่ว่าชีวิตพังเพราะมีหนี้1ล้านค่ะ!! 1ล้านบาทไทย จะแจงว่าหนี้ได้มาอย่างไร
- กู้เงินให้ลุงโดยใช้เครดิตแม่(ซึ่งลุงไม่มีเครดิตพอจะยื่นกู้เงินได้
เริ่มจากลุงต้องการทำไร่ปลูกมะละกอ ไปลงทุนที่จังหวัดสุรินทร์(ซึ่งตัวเองอยู่สมุทรปราการ) จึงไม่รู้สภาพดินฟ้าอากาศของที่นั่น เชื่อคนง่ายสุดท้ายก็ทำ เงินทุนได้ขอร้องทางแม่ฉันให้หาให้ก้อนนึง แม่กู้ให้เลยค่ะ โดยไม่มีใครค้ำประกัน (เครดิตดีจริงคุณเอ๊ยยย) สักพักรู้สึกจะไปไม่รอดตายทั้งไร่ ทำกี่ไร่ก็ไม่ทราบนะคะ แต่ใช้เงินเยอะพอสมควร (ผ่านมา10กว่าปีแล้วไม่มีวี่แววจะได้เงินคืนจากลุงคนนี้)
- ค้ำประกันเงินกู้ให้ลุง(อันนี้ลุงคนที่2ค่ะ)
ลุงคนนี้ฉันก็ไม่ทราบว่าเอาเงินไปทำอะไรนะคะ แต่ก็เงินก้อนนึงเยอะพอสมควร ตอนเอาไปเอาไปเป็นก้อนนะคะตอนคืนรู้สึกจะผ่อนเป็นเดือน(เดือนละ1พันค่ะ เหอๆๆ เดือนเว้นเดือนบ้างละก็ไม่เนียนหายเข้ากลีบเมฆ แต่ก็ยังติดต่อกันเรื่อยๆ แต่ไม่เคยพูดเรื่องเงิน)
- แม่ค้ำประกันเงินกู้ให้เพื่อนสนิท(อันนี้เจ็บมาก)
เป็นเพื่อนคบกันตอนเรียนมหาวิทยาลัยนู่นแหนะ ด้วยความสนิทมั้งคะจนคิดว่าเขาจะไม่โกง เนื่องจากรู้จักทางบ้านเป็นอย่างดี(คนนี้ฉันก็รู้จักเคยสนิทจนคิดว่าคนในครอบครัว) เขาได้ให้แม่ค้ำประกันให้ แรกๆไม่มีปัญหาอะไร หลังๆเริ่มหาย แกทำอาชีพครู บางทีตามไปบ้านคนที่บ้านบอกไม่อยู่ ตามไปโรงเรียนที่สอน คนที่โรงเรียนบอกไม่อยู่ ตอนนี้หายเข้ากลีบเมฆ (ถ้าแวะเข้ามาอ่านแล้วรู้ตัวได้โปรดนำเงินต้นมาคืนแม่ฉันจะได้เลิกใช้ดอกเบี้ยแทนคุณ ทุกเดือนๆ นะคะน้าเอี้_ง) ย
- ทำธุรกิจร่วมกันกับญาติ(เจ๊ง)
อันนี้ไม่ลงรายละเอียดมาก ตามที่บอกเลยว่าเจ๊ง จะโทษใครก็ไม่ได้ เพราะความใจดีของแม่ที่ยอมแบกภาระคนเดียว เนื่องจากใจดี๊ดี หนี้เลยบาน
- ธุรกิจส่วนตัวเจ๊ง 2ครั้ง
ครั้งที่1 ทำฟาร์ม ทุกอย่างไปได้ดี เงินดีช่วงนั้นรู้สึกชีวิตสบาย แต่ตาดันป่วย แม่ต้องดูแล ก็ไม่มีเวลาทำบัญชีเองหรือเข้ามาดูฟาร์มให้คนอื่นจัดการ(เพราะไว้ใจ) ตามีลูกเยอะนะแต่ตอนป่วยไม่มีใครจะมาดูแลหรอก มีแค่นานๆแวะมา แค่มาเยี่ยม เช็ดขี้เช็ดเยี่ยวมีแค่แม่ฉันทำ เล่ามาแล้วสงสารแม่ ตาป่วยได้พักใหญ่ก็เลยเลิกทำฟาร์ม ขายทุกอย่างออก แม่มาดูแลตาอย่างเดียว จนตาเสียไป
ส่วนครั้งที่2 ลงทุนธุรกิจครั้งใหญ่ จริงๆถ้ามันมีคนช่วยดูแลอาจเป็นธุรกิจที่มั่นคง แต่แม่ดูแลคนเดียว และอีกอย่างลูกน้องที่จ้างมารู้สึกจะไว้ใจไม่ได้ มารู้ก็ตอนสายไปละ
บางคนเคยบอกให้แม่ไปทำงานสิ งานที่ให้เงินเดือนทุกๆเดือน แต่ทำงั้นไม่ได้ค่ะ แม่ต้องดูแลฉันกับน้อง เรามีกัน3แม่ลูก พ่อมีเมียน้อยแม่ขอเลิกแล้วพ่อก็ไม่ส่งเสียค่าเลี้ยงดูลูก (เลิกกันตอนฉัน4ขวบน้องชาย2ขวบ) เราอยู่กันมา3คน (ปัจจุบันน้องอายุ18)
จนตอนนี้แม่ก็มีพูดมาว่าจะหมุนแต่ละเดือนไม่ไหวอยู่แล้ว นอนก็ไม่ค่อยหลับคิดแต่เรื่องหาเงินใช้หนี้
ภาระที่ต้องจ่ายทุกเดือนก็จะมีดอกเบี้ย(เดือนๆนึงก็ตก 3หมื่นกว่าบาทที่ต้องจ่ายทิ้ง เพราะเรายังไม่มีเงินที่จะไปจ่ายเงินต้นได้ ฉันก็คิดนะทำไมเราต้องจ่ายให้คนอื่นด้วย แต่มันเป็นหนี้ถูกกฎหมายมีสัญญาค้ำประกันถูกต้องแล้วเจ้าของหนี้ก็ไม่รับผิดชอบ ตามตัวไม่เจอ จึงต้องแบกภาระจ่ายไป ) ทั้งหนี้ตัวเองหนี้คนอื่นไหนจะกินจะใช้อีก
ส่วนฉันตัดสินใจออกจากมหาวิทยาลัยเพราะสงสารแม่ ภาระที่แม่รับผิดชอบฉันต่อเดือนมันก็หนัก (ฉันอยู่หอพักนะคะ) ต้องส่งฉันต่อเดือนรวมๆก็เกือบหมื่น5 ฉันไม่ได้ลาออกแต่ไม่ลงทะเบียนเรียน ตอนนี้แม่จะยังไม่รู้ จะไปรู้ก็น่าจะเป็นช่วงสอบเสร็จตอนมหาลัยส่งเกรดกลับบ้าน ฉันเรียนต่อไม่ไหวหรอกค่ะ สงสารแม่ ฉันต้องการหาเงินมาช่วย เพราะถ้าแม่หมุนต่อไม่ไหว นั่นหมายถึงรถ,บ้าน,ที่ดิน ที่ไปค้ำประกันไว้จะถูกยึด ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่หอพักแล้ว ออกมาอยู่ห้องเพื่อนเจ้าของล็อกอินนี้นี่แหละค่ะ
อาจจะคิดไม่ถูกนะคะแต่ถ้าออกมาทำงานเก็บเงินได้ส่วนนึง เอาไปใช้หนี้ ภาระแม่ก็จะลดลง เผื่อโชคชะตาเข้าข้างภายใน2ปีนี้อาจใช้หนี้1ล้านหมดแล้วค่อยกลับมาเรียนก็ได้
มีคำพูดแม่ประโยคนึงที่นึกทีไรน้ำตาไหลทุกที
แม่บอกฉันกับน้องว่า ดูแลตัวเองดีๆอย่าให้ตัวเองป่วย ถ้าป่วยตอนนี้แม่ไม่มีเงินรักษา
ฉันเล่าอาจงงๆนะคะ แต่อยากเตือน ไม่ว่าจะพี่น้องคลานตามกันมาหรือเพื่อนสนิทแค่ไหน ถ้าเป็นเรื่องเงินปฏิเสธไปเถอะค่ะ เราไม่รู้อนาคตว่าเขาจะโกงไหม