“หนี้สิน” คำคำนี้เหมือนดาบสองคม เพราะ ถ้าใช้ดีใช้ถูกวิธีก็เกิดประโยชน์มากมายมาหาศาล
แต่ถ้าใช้ผิดวิธีจะก่อให้เกิดโทษมหันต์ได้เช่นกัน ... ถ้าเรามองเขาไปลึกๆของปัญหาทางการเงิน
เรามักจะพบกับภาระหนี้สินจำนวนมากที่ซ่อนอยู่ในนั้น ...
ในบทนี้ผมจึงขอนำประสบการณ์ที่เกี่ยวกับหนี้ 3 ลักษณะที่ผมประสบพบเจอเข้ากับตัวเอง
ที่ทำให้ผมรู้สึกว่า ...
“หนี้” ถ้าใครได้ยินชื่อนี้ ควรหนีให้ห่าง
1. “หนี้” นี้แสนง่าย
ข้อแรกที่อยากกระซิบถึงบอกถึงเรื่องหนี้ เป็นหนี้ที่เกิดที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆมากในปัจจุบัน
เพราะในชีวิตประจำวันของคนทั่วไป จบพบเจอกับหนี้ตัวนี้ได้ง่าย เพราะ ใครๆก็เป็นหนี้ได้ง่ายๆ
เขาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจาก ...
บัตรเครดิต
บัตรเครดิต ... ด้วยเกณฑ์ข้อกำหนดในการเปิดเจ้าบัตรชนิดนี้ มันไม่ยุ่งยากซับซ้อน
ขั้นตอนก็แสนง่ายดายยื่นเอกสารไม่กี่ตัวก็จบ ง่ายมากเสียจนใครๆก็สามารถเป็นเจ้าของได้
แน่นอน ... บัตรวิเศษนี้มีประโยชน์มากมายมหาศาลสำหรับผู้ที่ใช้มันอย่างถูกวิธี
แต่ในรอยยิ้มนั้นไม่ได้มีแต่ความสวยงามมันกลับซ่อนดาบเอาไว้ด้วยดอกเบี้ยกว่าร้อยละ 20% ต่อปี
ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมธนาคาร ถ้าผิดนัดชำระจะเจออัตราเพดานฟ้าที่ 28% ต่อปี ...
รุ่นน้องผมคนหนึ่งหลังจากเรียนจบก็ได้เข้าทำงานบริษัทขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง
และด้วยความง่ายดายของการทำบัตรเครดิตเขาเริ่มมีบัตรเพื่อซื้อหาสิ่งที่ต้องการ 1 2 3 4 ใบ
ด้วยความที่เป็น “ลูกหนี้” ชั้นดีเจ้าหนี้ท่านก็ขยายวงเงินให้เรื่อยๆ ... เขาซ้ำร้ายใช้บัตรผิดวิธี
รูดเงินสดจากบัตรเครดิตมาดาวน์รถยนต์ เท่ากับว่า โดนดอกเบี้ยสองต่อ ทั้งบัตรเครดิต ทั้งรถ
ใช้ไปใช้มาตอนนี้ยอดหนี้บัตรเครดิตสูงกว่า 300,000 บาท หนี้ค้างรถอีก 600,000 บาท
ผ่อนรถ 5 ปีเดือนละ 10,000 บาท เพียงแค่ดอกเบี้ยบัตรเครดิตก็ตกเดือนละ 5,000 บาท
รวมแล้วผ่อนยอดผ่อนสองอย่างนั้นเกินกึ่งหนึ่งของเงินเดือน ... ช่วงนั้นอย่าว่าแต่เงินเก็บ
เงินกินยังแทบไม่เหลือ อยากมีบ้านสักหลังแต่กู้บ้านไม่ผ่านเพราะยอดหนี้สูงเกินไป
คิดได้ก็ตั้งสติ ... หยุดก่อหนี้ใหม่ ... ค่อยๆประนอมหนี้เก่าๆ และ ทยอยปลดหนี้ทั้งหมด
หลายปีผ่านมาพอมองย้อนกลับไปเขาบอกผมว่าหลายปีที่ผ่านมา
... มันเป็นช่วงเวลาที่หายไป
2. “หนี้” ที่ไม่ได้ก่อ
หนี้ตัวที่สองที่อยากกระซิบบอก คือ หนี้ที่มีลักษณะพิเศษชนิดหนึ่งเป็นหนี้ที่เกิดจากความไว้ใจ
ความพิเศษของหนี้ตัวนี้นั้นคือ คนรับเคราะห์นั้นไม่ใช่คนก่อหนี้ ... หนี้ที่ว่าคือ
การค้ำประกัน
ค้ำประกันเงินกู้ซื้อรถยนต์ ค้ำประกันเงินกู้ซื้อบ้าน ค้ำประกันเงินกู้เพื่อธุรกิจ ค้ำประกัน ... ฯลฯ
เขากล่าวกันว่า ผู้ค้ำประกันเปรียบเสมือนประหนึ่งลูกหนี้กู้ร่วม...คนกู้ชิ่งหนีคนค้ำต้องรับผิดชอบ
ตอนขอให้ค้ำทุกอย่างเหมือนจะไปได้สวย ราบรื่น ... แต่ความแน่นอนล้วนแล้วแต่ไม่แน่นอน
ขอยกตัวอย่างไม่ต้องอื่นไกล ... ครอบครัวผมเอง ... เราก็ใช้ชีวิตปกติสุขของเราเรื่อยมา
จนวันหนึ่งเรากลับมีเป็นหนี้สินท่วมท้นจากหนี้ที่ไม่ได้ก่อ แต่เราโดนจากการค้ำประกันให้คนอื่น
คนก่อหนี้หนีหายสาบสูญ เหลือเพียงผู้ค้ำประกันที่ต้องรับผิดชอบต่อภาระทางการเงินที่เกิดขึ้น
มันเป็นช่วงเวลาที่ขมขื่น กับการต้องมาใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ แต่ก็คงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง
เพราะเป็นเราเองที่ประมาท ... จากบทเรียนราคาแพงนี้ตอกย้ำเราว่า ...
จงอย่าประมาท
3. “หนี้” ชนิดนี้ดี แต่ไม่มีจะดีกว่า
หนี้ตัวสุดท้ายที่อยากกระซิบบอกเรื่องหนี้ ... มันมาจากใจกลั่นออกจากความรู้สึกของผมเอง
หนี้ที่ดีก่อให้เกิดประโยชน์นั้นมีเยอะ แต่ผมคิดว่าถึงอย่างไรก็ตาม ไม่มีหนี้จะเป็นการดีกว่า
โดยเฉพาะการกู้หนี้ยืมสินมา เพื่อลงทุน เพื่อทำธุรกิจ แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ดี
จะทำให้กิจการราบรื่น ต้นทุนต่ำ ผลตอบแทนดีอาจจะดีกว่าและ มากกว่าการที่ไม่กู้
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเรากู้มา เราก็จะมี
“ภาระความรับผิดชอบ” ที่เพิ่มขึ้นตามมาด้วย
การกู้มาลงทุนหรือกู้มาทำธุรกิจนั้น โดยมากแล้วจำต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ถ้าเจ๊งก็โดนยึด
ใครๆก็คงไม่อยากกิจการของตัวเองเจ๊ง ... แต่มีอะไรการันตรีได้หรือไม่ว่ามันจะไม่เจ๊ง?
ดังนั้น ถ้ากู้มาก็
“ต้องรับความเสี่ยง” ที่หลักทรัพย์ค้ำประกันอาจจะโดนยึด บ้าน ที่ดิน ฯลฯ
ผมเองในหลายครั้งก็จำต้องกู้ แต่ถ้าเลือกได้ไม่กู้จะดีกว่า ...
การกู้เงินนั้น ... บางที่มันอาจไม่คุ้มกับ “ดอกเบี้ยที่มองไม่เห็น”
ดังเช่นเรื่องนี้ ... ย้อนกลับไปเมื่อสองสามปีก่อน ขณะที่ครอบครัวผมพึ่งเริ่มบุกเบิกธุรกิจตัวใหม่
เราระดมเงินสดทุกบาททุกสตางค์และขายสินทรัพย์บางส่วนออกมาเพื่อทำทุนสำหรับกิจการนี้
จากแผนที่วางไว้และจากการทำงบจำลองและดูเหมือนว่ากิจการมันจะขาดเงินสดอยู่ช่วงหนึ่ง
ถ้าเราไม่มีเงินมาอุดรูรั่วนี้กิจการก็คงเดินต่อไปไม่ได้ ...
เราจึงตัดสินใจกู้เงินมาเพื่ออุดมัน ... ถึงแม้ว่าเราคิดว่าจะวางแผนมาอย่างดีและรัดกุม
อย่างไรก็ตาม จนแล้วจนรอด แผนก็ยังหลุด เงินรายได้ที่คาดว่าเข้ามาก็ปรากฏว่าล่าช้า
รายได้ไม่มีแต่หนี้ก็ต้องจ่ายเริ่มกังวล ... ความกังวลที่เกิดจากหนี้สินที่กู้ยืมมา
กลายเป็นความเครียด ... ความเครียดสะสมมากเข้า จนในที่สุดมันก็ระเบิดออก
จนเป็นปัญหาใหญ่โตและลุกลามนำไปสู่การโต้แย้งกันเองระหว่างคนในครอบครัว ...
ถึงแม้ว่าเราจะผ่านเหตุการณ์ครั้งนั้นมาได้ ... แต่ดอกเบี้ยที่มองไม่เห็นของการกู้ครั้งนั้น
มันเป็นดอกเบี้ยมีราคาแพงมากเกินไปสำหรับผม ... หลังจากครั้งนั้น ผมได้บอกกับตัวเองว่า
ผมจะไม่เสี่ยงกู้เงินและทำเช่นนั้นอีกแล้ว เพราะ ผมรู้สึกว่ามันไม่คุ้มกับสิ่งที่ผมต้องเสียไป
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า 3 ข้อควรระวังที่ผมอยากกระซิบบอกเรื่องหนี้นี้
น่าจะพอเป็นประโยชน์ และ ช่วยเสริมเกราะป้องกันสร้างแรงคุ้มกันให้กับทุกท่านได้บ้าง
สุดท้ายนี้ ...
ผมเชื่อว่าเราจะอยู่รอดปลอดภัย ถ้าเราใช้ชีวิตอยู่บนความพอเพียง ใช้ชีวิตโดยไม่ประมาท
มีเท่าที่จำเป็นต้องใช้ ใช้เท่าที่จำเป็นต้องมี ใช้ชีวิตอยู่บนความพอดี ...
ดังพุทธสุภาษิตได้กล่าวเพื่อเตือนสติไว้ว่า ... “การเป็นหนี้เป็นทุกข์ในโลก”
ตัวผมเองก็ตอบไม่ได้ว่า ... การไม่มีหนี้จะก่อให้เกิดความสุขหรือเปล่า?
แต่ที่แน่ๆ ... การไม่มีหนี้จะทำให้เราเป็นทุกข์น้อยลงแน่นอน
เรามา ละ ลด เลิกเป็นหนี้ กันเถอะครับ
…[^_^]…
3 ข้อควรระวัง ที่ผมอยากกระซิบบอก เรื่อง “หนี้”
แต่ถ้าใช้ผิดวิธีจะก่อให้เกิดโทษมหันต์ได้เช่นกัน ... ถ้าเรามองเขาไปลึกๆของปัญหาทางการเงิน
เรามักจะพบกับภาระหนี้สินจำนวนมากที่ซ่อนอยู่ในนั้น ...
ในบทนี้ผมจึงขอนำประสบการณ์ที่เกี่ยวกับหนี้ 3 ลักษณะที่ผมประสบพบเจอเข้ากับตัวเอง
ที่ทำให้ผมรู้สึกว่า ... “หนี้” ถ้าใครได้ยินชื่อนี้ ควรหนีให้ห่าง
1. “หนี้” นี้แสนง่าย
ข้อแรกที่อยากกระซิบถึงบอกถึงเรื่องหนี้ เป็นหนี้ที่เกิดที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆมากในปัจจุบัน
เพราะในชีวิตประจำวันของคนทั่วไป จบพบเจอกับหนี้ตัวนี้ได้ง่าย เพราะ ใครๆก็เป็นหนี้ได้ง่ายๆ
เขาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจาก ... บัตรเครดิต
บัตรเครดิต ... ด้วยเกณฑ์ข้อกำหนดในการเปิดเจ้าบัตรชนิดนี้ มันไม่ยุ่งยากซับซ้อน
ขั้นตอนก็แสนง่ายดายยื่นเอกสารไม่กี่ตัวก็จบ ง่ายมากเสียจนใครๆก็สามารถเป็นเจ้าของได้
แน่นอน ... บัตรวิเศษนี้มีประโยชน์มากมายมหาศาลสำหรับผู้ที่ใช้มันอย่างถูกวิธี
แต่ในรอยยิ้มนั้นไม่ได้มีแต่ความสวยงามมันกลับซ่อนดาบเอาไว้ด้วยดอกเบี้ยกว่าร้อยละ 20% ต่อปี
ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมธนาคาร ถ้าผิดนัดชำระจะเจออัตราเพดานฟ้าที่ 28% ต่อปี ...
รุ่นน้องผมคนหนึ่งหลังจากเรียนจบก็ได้เข้าทำงานบริษัทขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง
และด้วยความง่ายดายของการทำบัตรเครดิตเขาเริ่มมีบัตรเพื่อซื้อหาสิ่งที่ต้องการ 1 2 3 4 ใบ
ด้วยความที่เป็น “ลูกหนี้” ชั้นดีเจ้าหนี้ท่านก็ขยายวงเงินให้เรื่อยๆ ... เขาซ้ำร้ายใช้บัตรผิดวิธี
รูดเงินสดจากบัตรเครดิตมาดาวน์รถยนต์ เท่ากับว่า โดนดอกเบี้ยสองต่อ ทั้งบัตรเครดิต ทั้งรถ
ใช้ไปใช้มาตอนนี้ยอดหนี้บัตรเครดิตสูงกว่า 300,000 บาท หนี้ค้างรถอีก 600,000 บาท
ผ่อนรถ 5 ปีเดือนละ 10,000 บาท เพียงแค่ดอกเบี้ยบัตรเครดิตก็ตกเดือนละ 5,000 บาท
รวมแล้วผ่อนยอดผ่อนสองอย่างนั้นเกินกึ่งหนึ่งของเงินเดือน ... ช่วงนั้นอย่าว่าแต่เงินเก็บ
เงินกินยังแทบไม่เหลือ อยากมีบ้านสักหลังแต่กู้บ้านไม่ผ่านเพราะยอดหนี้สูงเกินไป
คิดได้ก็ตั้งสติ ... หยุดก่อหนี้ใหม่ ... ค่อยๆประนอมหนี้เก่าๆ และ ทยอยปลดหนี้ทั้งหมด
หลายปีผ่านมาพอมองย้อนกลับไปเขาบอกผมว่าหลายปีที่ผ่านมา ... มันเป็นช่วงเวลาที่หายไป
2. “หนี้” ที่ไม่ได้ก่อ
หนี้ตัวที่สองที่อยากกระซิบบอก คือ หนี้ที่มีลักษณะพิเศษชนิดหนึ่งเป็นหนี้ที่เกิดจากความไว้ใจ
ความพิเศษของหนี้ตัวนี้นั้นคือ คนรับเคราะห์นั้นไม่ใช่คนก่อหนี้ ... หนี้ที่ว่าคือ การค้ำประกัน
ค้ำประกันเงินกู้ซื้อรถยนต์ ค้ำประกันเงินกู้ซื้อบ้าน ค้ำประกันเงินกู้เพื่อธุรกิจ ค้ำประกัน ... ฯลฯ
เขากล่าวกันว่า ผู้ค้ำประกันเปรียบเสมือนประหนึ่งลูกหนี้กู้ร่วม...คนกู้ชิ่งหนีคนค้ำต้องรับผิดชอบ
ตอนขอให้ค้ำทุกอย่างเหมือนจะไปได้สวย ราบรื่น ... แต่ความแน่นอนล้วนแล้วแต่ไม่แน่นอน
ขอยกตัวอย่างไม่ต้องอื่นไกล ... ครอบครัวผมเอง ... เราก็ใช้ชีวิตปกติสุขของเราเรื่อยมา
จนวันหนึ่งเรากลับมีเป็นหนี้สินท่วมท้นจากหนี้ที่ไม่ได้ก่อ แต่เราโดนจากการค้ำประกันให้คนอื่น
คนก่อหนี้หนีหายสาบสูญ เหลือเพียงผู้ค้ำประกันที่ต้องรับผิดชอบต่อภาระทางการเงินที่เกิดขึ้น
มันเป็นช่วงเวลาที่ขมขื่น กับการต้องมาใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ แต่ก็คงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง
เพราะเป็นเราเองที่ประมาท ... จากบทเรียนราคาแพงนี้ตอกย้ำเราว่า ... จงอย่าประมาท
3. “หนี้” ชนิดนี้ดี แต่ไม่มีจะดีกว่า
หนี้ตัวสุดท้ายที่อยากกระซิบบอกเรื่องหนี้ ... มันมาจากใจกลั่นออกจากความรู้สึกของผมเอง
หนี้ที่ดีก่อให้เกิดประโยชน์นั้นมีเยอะ แต่ผมคิดว่าถึงอย่างไรก็ตาม ไม่มีหนี้จะเป็นการดีกว่า
โดยเฉพาะการกู้หนี้ยืมสินมา เพื่อลงทุน เพื่อทำธุรกิจ แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ดี
จะทำให้กิจการราบรื่น ต้นทุนต่ำ ผลตอบแทนดีอาจจะดีกว่าและ มากกว่าการที่ไม่กู้
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเรากู้มา เราก็จะมี “ภาระความรับผิดชอบ” ที่เพิ่มขึ้นตามมาด้วย
การกู้มาลงทุนหรือกู้มาทำธุรกิจนั้น โดยมากแล้วจำต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ถ้าเจ๊งก็โดนยึด
ใครๆก็คงไม่อยากกิจการของตัวเองเจ๊ง ... แต่มีอะไรการันตรีได้หรือไม่ว่ามันจะไม่เจ๊ง?
ดังนั้น ถ้ากู้มาก็ “ต้องรับความเสี่ยง” ที่หลักทรัพย์ค้ำประกันอาจจะโดนยึด บ้าน ที่ดิน ฯลฯ
ผมเองในหลายครั้งก็จำต้องกู้ แต่ถ้าเลือกได้ไม่กู้จะดีกว่า ...
การกู้เงินนั้น ... บางที่มันอาจไม่คุ้มกับ “ดอกเบี้ยที่มองไม่เห็น”
ดังเช่นเรื่องนี้ ... ย้อนกลับไปเมื่อสองสามปีก่อน ขณะที่ครอบครัวผมพึ่งเริ่มบุกเบิกธุรกิจตัวใหม่
เราระดมเงินสดทุกบาททุกสตางค์และขายสินทรัพย์บางส่วนออกมาเพื่อทำทุนสำหรับกิจการนี้
จากแผนที่วางไว้และจากการทำงบจำลองและดูเหมือนว่ากิจการมันจะขาดเงินสดอยู่ช่วงหนึ่ง
ถ้าเราไม่มีเงินมาอุดรูรั่วนี้กิจการก็คงเดินต่อไปไม่ได้ ...
เราจึงตัดสินใจกู้เงินมาเพื่ออุดมัน ... ถึงแม้ว่าเราคิดว่าจะวางแผนมาอย่างดีและรัดกุม
อย่างไรก็ตาม จนแล้วจนรอด แผนก็ยังหลุด เงินรายได้ที่คาดว่าเข้ามาก็ปรากฏว่าล่าช้า
รายได้ไม่มีแต่หนี้ก็ต้องจ่ายเริ่มกังวล ... ความกังวลที่เกิดจากหนี้สินที่กู้ยืมมา
กลายเป็นความเครียด ... ความเครียดสะสมมากเข้า จนในที่สุดมันก็ระเบิดออก
จนเป็นปัญหาใหญ่โตและลุกลามนำไปสู่การโต้แย้งกันเองระหว่างคนในครอบครัว ...
ถึงแม้ว่าเราจะผ่านเหตุการณ์ครั้งนั้นมาได้ ... แต่ดอกเบี้ยที่มองไม่เห็นของการกู้ครั้งนั้น
มันเป็นดอกเบี้ยมีราคาแพงมากเกินไปสำหรับผม ... หลังจากครั้งนั้น ผมได้บอกกับตัวเองว่า
ผมจะไม่เสี่ยงกู้เงินและทำเช่นนั้นอีกแล้ว เพราะ ผมรู้สึกว่ามันไม่คุ้มกับสิ่งที่ผมต้องเสียไป
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า 3 ข้อควรระวังที่ผมอยากกระซิบบอกเรื่องหนี้นี้
น่าจะพอเป็นประโยชน์ และ ช่วยเสริมเกราะป้องกันสร้างแรงคุ้มกันให้กับทุกท่านได้บ้าง
สุดท้ายนี้ ...
ผมเชื่อว่าเราจะอยู่รอดปลอดภัย ถ้าเราใช้ชีวิตอยู่บนความพอเพียง ใช้ชีวิตโดยไม่ประมาท
มีเท่าที่จำเป็นต้องใช้ ใช้เท่าที่จำเป็นต้องมี ใช้ชีวิตอยู่บนความพอดี ...
ดังพุทธสุภาษิตได้กล่าวเพื่อเตือนสติไว้ว่า ... “การเป็นหนี้เป็นทุกข์ในโลก”
ตัวผมเองก็ตอบไม่ได้ว่า ... การไม่มีหนี้จะก่อให้เกิดความสุขหรือเปล่า?
แต่ที่แน่ๆ ... การไม่มีหนี้จะทำให้เราเป็นทุกข์น้อยลงแน่นอน
เรามา ละ ลด เลิกเป็นหนี้ กันเถอะครับ
…[^_^]…