เรื่องราวของผู้หญิงหน้าเน่าแต่รวย กับ ผู้ชายหน้าเริ่ดแต่จน ดำเนินมาถึงปลายทางไปแล้วเมื่อวานนี้ หลังจากห่างหายจากการรีวิวไปหลายสองสามตอน ก็กลับมารีวิวสรุปรวบยอดต้นยันท้าย Keyword ของซีรีย์ชุดนี้ Ugly Duckling ก็คือ "ทุกคน" ต่างมี Flaw ก็คือจุดอ่อน อย่างใน Perfect Match แฟนฉันรับประกันความเพอร์เฟคเปิดเรื่องด้วยความเยินของหน้าสาวน้อยคนหนึ่งที่พาชีวิตของเธอ "เยิน" ไปด้วย
จากเด็กสาวที่โดดเด่นด้วยชาติตระกูล ฐานะ และ หน้าตา ซึ่งเจ้าตัวก็ยึดถือสิ่งนี้เป็นสรณะตามแต่กระแสสังคมจะพัดพาไป จุนิตาใช้ของแบรนด์ เดินเที่ยวเล่นในห้าง จับจ่ายใช้สอยกินข้าวที่ร้านหรู ๆ แพง ๆ ตะลอนราตรีกับเพื่อนฝูงในระดับเดียวกัน และที่ขาดไม่ได้คือ "แฟน" ที่เอาไว้คอยเอาใจมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งคล้าย gadget อินเทรนด์อย่างหนึ่งที่ต้องมี สำหรับสังคมที่จูเนียร์อยู่ ไม่มีสิ่งเหล่านี้คือผิด ไม่มีสิ่งเหล่านี้คือแปลก แล้วก็แน่นอนที่สุดว่าสำหรับผู้หญิงวัยรุ่นหน้าตารูปร่างก็ย่อมเป็นเรื่องที่โคตรสำคัญ จากคำพูดของเพื่อนฝูง ... จูเนียร์ก็ตามกระแสสังคมไปติด ๆ อีกขั้น นั่นคือการทำศัลยกรรม ด้วยความไม่เคยก็เอาระดับ "เบาๆ" นั่นคือการ "ร้อยไหม"
ทั้ง ๆ ที่ไม่มีอะไรต้องเติมเสริมแต่ง ไม่ว่าหน้าตา รูปร่าง หรือ ฐานะ แต่ด้วยวัยที่ยังเยาว์บรรทัดฐานทางสังคม การเลี้ยงดูที่ยึดถือองค์ประกอบภายนอก และ วิถีชีวิตที่เป็นอยู่ ผลักดันไปจูเนียร์ทำในสิ่งที่ "ตัวเอง" ก็ยังไม่สามารถจะตัดสินได้ว่าถูกผิด เหมาะ หรือ ไม่เหมาะ ดี หรือ ไม่ดีอย่างไร ว่าไปแล้วนิสัยเนื้อแท้ของจูเนียร์ ก็เหมือนวัยรุ่นใส ๆ จิตใจเหมือนฟองน้ำที่คอยดูดซับอะไร ๆ รอบตัวเข้าไปไว้หมด เหมือนกล่องว่าง ๆ ที่จะเติมอะไรเข้าไปก็เป็นอย่างนั้น ด้านหนึ่งคือความง่าย ๆ สบาย ๆ ด้านหนึ่งคือรู้สึกว่าการเรียนรู้นั้นไม่สิ้นสุด แต่สิ่งที่ขาดไปคือ "ความมั่นใจ" ที่จะก้าวไปด้วย "ความคิดเห็น" ของตัวเอง ซึ่งเป็น judgement ต่อสภาพแวดล้อมที่ยังขาดไป
และ "การร้อยไหม" นั่นเอง ที่ทำให้จูเนียร์ได้ออกไปเรียนรู้โลกใบใหม่และเจอกับ "พี่เสือ"
ผู้ชายคนนี้ตรงข้ามกับเธอ เขามีหน้าตาที่แสนจะเพอร์เฟค เขามองโลกและตัดสินฉับ ๆ ลงไปอย่างมั่นใจว่าจะเอาอะไร จะทำอะไร โดยที่ไม่ต้องคิดถึงขี้ปากใครให้เสียรังวัด ถึงแม้ข้อน่าพิจารณาใหญ่หลวงของเขาคือ "ความจน" แต่ในความจนนั้นเป็นพื้นที่ที่น่าสนใจ พื้นที่ที่เธอไม่รู้จักมาก่อน เธอไม่คิดว่าเงิน 100-200 บาทกว่าจะได้มันมาต้องทำงานสายตัวแทบขาด เธอไม่รู้ว่าก๋วยเตี๋ยวข้างทางบางครั้งดีกว่าร้านอาหารญี่ปุ่นแพง ๆ ที่เธอไปกิน เสื้อผ้าตลาดนัดดีไม่ดีถูกใจว่าเสื้อแบรนด์ตัวละหลายสตางค์ที่มีอยู่เป็นกุรุส
จูเนียร์ค่อย ๆ เปลี่ยนไปทีละน้อย แต่เรียกว่าเปลี่ยนไปคงไม่ถูก เรียกว่าเริ่มมี self-esteem
ที่จะคิดและตัดสินใจว่าจะทำสิ่งไหนอะไรได้เองจะเหมาะกว่า
ในขณะที่จูเนียร์เหมือนผีเสื้อที่หดตัวเข้าไปอยู่ในดักแด้ แต่ก็มีคนเล็งเห็นว่าภายใต้ดักแด้มีผีเสื้อโสภาอยู่ข้างในจนได้ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน "พี่เสือ ขู่คำราม" ของเรานั่นเอง การที่เห็นน้องปิดหน้าปิดตาในวันแรกพบ แทนที่จะคิดรำคาญ แต่พอเห็นแล้วใจมันซักตงิด ๆ เด็กผู้หญิงที่ตัวสั่นราวลูกนกตกน้ำตอนที่โดนบังคับให้เอาผ้าปิดหน้าออก สายตาแป๋ว ๆ ที่มองอย่างตัดพ้อในวันนั้น กับ นิสัยซื่อ ๆ ใส ๆ ชนิดใกล้เซ่อ ก็อดที่จะเข้าไปนัวเนียกรุบกริบไม่ได้ แต่แม้ใครจะมีสายตาที่ชื่นชมเสือว่ายังไง เจ้าตัวก็รู้ดีว่ามีบางสิ่งที่มันไม่ perfect นั่นคือ "ฐานะ"
และฐานะก็เป็นอีกหนึ่งอุปสรรคในชีวิต "รัก" ของเสือ ก็ดังวัยรุ่นสมัยใหม่ทั่วไปกับการอยู่ก่อนแต่ง เสือ และ หนุงหนิงคบหากันมาแรมปีและย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันเป็นเวลาพอสมควรแล้ว โดยที่เสือไม่รู้เลยว่า "หนุงหนิง" แอบมีคนอื่นลับหลัง "เสือ" มั่นใจว่าหนุงหนิงจะไม่เหมือนคนอื่น แต่แล้วจากเสือก็กลายเป็นทรุด เมื่อหนุงหนิงทำให้เสือฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า แค่ "ความรัก" มันคงไม่พอ มันคงต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง ที่มากกว่านั้นหากจะอยู่ร่วมกัน และ บางที "เสือ" คงไม่สามารถหลุดพ้นจาก "สัจธรรม" ในข้อนี้ได้
แต่เพราะเป็นคนที่มั่นคงใจความคิดและไม่แคร์เวิร์ลมาแต่ไหนแต่ไร แน่นอนว่าเสือก็ยังคงเชื่ออยู่ว่า "คน ๆ นั้น" ที่จะไม่ยึดติดกับความ all round perfect ก็น่าจะมี รักในสิ่งที่เขาเป็นจริง ๆ ก็คงจะมี แต่อย่างไรเสีย "แผล" มันก็คือ "แผล" ความไม่ perfect ที่ตรงนี้ยังคงคั่งค้างอยู่ในใจ และ การพยายามกลบฝังเรื่องนี้ไว้ มันยิ่งเป็นจุดให้เสือ present ในสิ่งที่ตัวเองมีมากยิ่งขึ้นนั่นคือ "หน้าตา"
ทว่าจุดเน้นอันนั้นมันกลายเป็นความไม่ perfect ของคนที่ตัวเองหมายตาและหมายใจเอาไว้นี่สิ
เมื่อเป็นแบบนี้ต่างคนจริงต่างพยายามที่จะกลบบาดแผล กลบความไม่ perfect ของตัวเอง จูเนียร์พยายามที่จะรักษาหน้าให้หาย เอาเข้าจริงถ้าดูจากการกระทำที่ผ่าน ๆ มาจะเข้าใจ ตั้งแต่หน้าพังความนับถือตัวเองของจูเนียร์หายไปค่อนข้างเยอะ ประกอบกับการที่ทำอะไรไม่ค่อยจะเป็น ทำให้ความนับถือตัวเองยิ่งน้อยลงไปใหญ่ และ ต่อมาแม้จะทำงานพิเศษได้ ซ้อนมอเตอร์ไซด์ได้ ทำรายงานเองก็ได้ แต่มันก็ไม่ได้เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่คนรอบตัวเธอนั้นทำได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะพี่เสือ .... เก่งกว่าเธอหลายปีแสง
ในสังคมอีกแห่งหนึ่งที่เธอได้มารู้จัก คนที่จะอยู่รอดคือคนที่พึ่งตัวเองได้ อย่างหญิงบี้ อย่างพี่เสือ ที่ไม่ต้องมีคนมารองมือรองเท้า แต่เธอยังห่างไกลสภาพแบบนั้นอยู่หลายขุม ณ เวลานี้ นาทีนี้ เธอคือจูเนียร์เด็กปีหนึ่ง ไม่ใช่จูเนียร์ลูกสาวหม่อมเจ้าคุณหญิงแม่ ถ้าเทียบกันเนื้อ ๆ แล้วล่ะก็นะ เราว่าในจุดนี้นี่เองที่ทำให้เธอไม่กล้าจะรับรักจากพี่เสือ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ชอบใจ หน้าก็แย่ ไม่มีอะไรดี รสนิยมก็แตกต่างกันสุดกู่ การที่เธออยากจะรักษาหน้าให้หาย เราว่าในใจอันแท้จริงแล้ว มันคือการรักษาโรคแน่นอนประการนึง แต่อีกประการนึงที่อาจจะไม่ได้สื่อตรง ๆ ในละคร เราว่าส่วนนี้เป็นส่วนหนึ่งเหมือนกันที่จะทำให้เธอรู้สึกว่า "ตัวเอง" มีดีอะไรเหมือนกันที่จะคู่ควรกับพี่เสือ
เรามองแตกต่างจากที่จูเนียร์มองตัวเองกับหนุงหนิงมองจูเนียร์นะ ในขั้นแรกเราก็ interpret ว่าจูเนียร์กับหนุงหนิงคงคิดไปในทางเดียวกันตามละครว่า แต่มาคิดอีกทีจูเนียร์ไม่เหมือนหนุงหนิงแฮะ หนุงหนิงระเบิดอารมณ์ใส่ว่าเหนื่อยที่จะเข้าใจ เสือไม่มีเวลาให้ ไม่เอาใจใส่ ไม่ซื้อของให้ โน่นนี่นั่น แต่กับจูเนียร์นี่เสือตามติด และ ผ่อนคลายลงมามากแล้วด้วย ดังนั้นมันคงไม่เป็นประเด็นเดียวกันกับหนุงหนิงแล้วล่ะ
ตอนที่จูเนียร์ไปกับหนุ่มวิดวะ จูเนียร์ไม่ได้คิดเอาสบายแต่กำลังน้อยใจพี่เสือต่างหาก ว่าทำไมมาพูดไม่ดีใส่ ว่าทำไมไม่เห็นใจกันบ้าง ทำไมไม่รู้ว่าจูเนียร์คิดยังไง สำหรับข้าวของอะไรต่าง ๆ ที่เด็กวิดวะนั่นส่งมา มันก็สวยก็งามตามประสา ที่คิดว่าจูเนียร์ไม่เหมือนหนุงหนิงก็ตรงนี้ จูเนียร์บอกว่าเงินเนี่ยหายากนะกว่าจะได้มาร้อยสองร้อยต้องทำงานนู่นนี่ ส่วนของก็ยังบอกอีกว่าไม่ต้องซื้อมาหรอกเสียดายเงินเปลืองเงิน คิดจุดนี้เป็นจุดที่หนิงไม่คิดไง คือ กรณีหนิง เราว่าหนิงรักสบาย ที่หน้าตาไม่สะเบยตอนอยู่กับพี่ทศก็มันก็คือรู้สึกผิดนั่นเองที่ตัวเองโอเคกับความสบายอันนั้น ไม่ว่าการกินข้าวในร้านอาหารที่คุ้นเคย การเอาใจ หรือ ของกำนัล
กรณีจูเนียร์เป็นเด็กที่ไม่คิดอะไรมาก ประมาณว่าใครโบกมือมาก็โบกตอบ ชอบก็บอกชอบ ไม่ชอบก็ไม่ชอบ คือตรงไปตรงมา ไม่ค่อยจะคิดอะไรลึกซึ้งก่อนทำ ให้มาก็รับ คือ รับแบบไม่คิดอะไรก็ได้ ซึ่งมันไม่ใช่ perception คนทั่วไป แต่จูเนียร์คิดงั้นจริง ๆ นะ คือที่จูเนียร์ไปกับเด็กวิดวะ เอาง่าย ๆ คือหงุดหงิด ที่พี่เสือไม่เข้าใจ พูดจาปากหมาใส่ ถามว่าใครชอบก็คงไม่มีหรอก ที่จูเนียร์ทำไปไม่ได้คิดไกล ไม่ได้คิดลึกอะไรทั้งนั้นแหละ คาถาคือจะทำอะไรก็ทำไป ถ้าไม่ปลงใจซะอย่าง ใครจะทำอะไรได้ ชายหญิงไปกินข้าวกันคือต้องเป็นแฟนเหรอ อะไรแบบนี้
ซึ่งตรงนี้มันก็มาโป๊ะเชะในด้านปมของเสือ ปมของเสือคือฐานะ ถึงแม้จะเฉลยจริง ๆ ว่าฐานะดี แต่ตัวเองก็ยังโกรธในคุณสมบัตินี้ของตัวเองอยู่ดี ไม่อยากให้เน้นมองที่ส่วนนี้ ถึงได้โกรธนักโกรธหนา หึงมากหึงมายเมื่อมีคนที่ full option เข้ามาใกล้ เพราะ มันไปสะกิดแผลที่เคยมี อย่างเรื่องของหนุงหนิงจริง ๆ พี่เสือลีโอของเรามีมากกว่าพี่ทศร้อยเท่าพันเท่า และ ชัวร์ว่ามีมากกว่าหนุ่มวิดวะด้วย เกทับไหวแน่ แต่มันเป็นแผล มันเเกลียดไง ที่จะต้องมาต่อสู้กันด้วยฐานะโดยที่รู้ว่าถ้าเอาเรื่องจริงมาพูดกันคือเราเหนือกว่า แต่ไม่อยากทำ เพราะไม่อยากให้เอา option นั้นมาคิด อยากให้รักเพราะความเป็นเสือ ขู่คำรามนี่จริง ๆ
ก็คงเพราะเหตุนี้ด้วยส่วนหนึ่ง เวลาที่เสืออ่อย ถึงได้อ่อนเน้นเรือนร่างสรีระรูปร่างหน้าตาเหลือเกิน แต่ปากก็บอกว่าเราชอบเธอที่นิสัย แต่วิธีการมันเน้นไปที่รูปลักษณ์ภายนอกหมดเลย มันก็ไปแตะส่วนเจ็บของอีกฝ่าย เขาถึงได้ตะเกียกตะกายไปหาหมอนัก ส่วนอีกด้านหนึ่งพอเห็นเขาจตะเกียกตะกายไปหาหมอก็เลือดขึ้นหน้าเพราะคิดว่าจะจัดเต็มอยากสวยไปล่อผู้ชาย full option รักในตัวตนของเขาเห็นในทุกแง่มุมของเขาว่านั่งมอไซด์กินเตี๋ยวข้างทางทำงานพิเศษ และ ไม่เคยขออะไร แต่ก็ยังไม่เชื่อใจว่าเขาจะมองตัวแบบไม่เกี่ยง option ก็ยังเชื่อว่าจูเนียร์จะเป็นแบบที่เคยเจอมาจนตัวเองเสียศูนย์ คือ ต่างคนก็ต่างคิดถึงสถานะที่อยากจะปิด gap ระหว่างกัน และ ทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าใช่ แต่ปรากฎว่ามันไม่ใช่ เรื่องมันจึงแทบจบทั้ง ๆ ที่มันยังไม่ได้เริ่ม
แต่ถึงสุดท้ายหน้าของจูเนียร์จะหายแต่ชีวิตกลับไม่ perfect เหมือนเดิม เพราะ มีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไป หรือ แม้แต่พี่เสือที่รู้แน่แท้อยู่แก่ใจว่าตัวเอง perfect มีทุกสิ่งทุกประการแต่เกลียดความ perfect นั้นแล้วพลอยทำให้ระแวงในความรู้สึกของคนอื่นที่มีต่อตัวเอง ซึ่งในที่สุดทั้งสองต่างก็เรียนรู้นั่นแหละว่าการที่เราเดินเข้าใกล้ความ perfect ตามความเชื่อของตัวเอง มันไม่ได้มีความหมายอะไรเลย หากขาด "ความยอมรับ" ในสิ่งที่ต่างคนต่างเป็น ทุกอย่างนั่นแหละ ความ perfect ของเรา ในสายตาคนอื่นอาจเป็น imperfection ก็ได้ เราว่าสิ่งที่เป็น Perfect Match จริง ๆ ก็น่าจะเป็นการเรียนรู้ที่จะอยู่อย่าง Perfect ใน Imperfection ของตัวเรานั่นแหละ
[Ugly Duckling Perfect Match] กึ่งรีวิว : Perfect Imperfection
จากเด็กสาวที่โดดเด่นด้วยชาติตระกูล ฐานะ และ หน้าตา ซึ่งเจ้าตัวก็ยึดถือสิ่งนี้เป็นสรณะตามแต่กระแสสังคมจะพัดพาไป จุนิตาใช้ของแบรนด์ เดินเที่ยวเล่นในห้าง จับจ่ายใช้สอยกินข้าวที่ร้านหรู ๆ แพง ๆ ตะลอนราตรีกับเพื่อนฝูงในระดับเดียวกัน และที่ขาดไม่ได้คือ "แฟน" ที่เอาไว้คอยเอาใจมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งคล้าย gadget อินเทรนด์อย่างหนึ่งที่ต้องมี สำหรับสังคมที่จูเนียร์อยู่ ไม่มีสิ่งเหล่านี้คือผิด ไม่มีสิ่งเหล่านี้คือแปลก แล้วก็แน่นอนที่สุดว่าสำหรับผู้หญิงวัยรุ่นหน้าตารูปร่างก็ย่อมเป็นเรื่องที่โคตรสำคัญ จากคำพูดของเพื่อนฝูง ... จูเนียร์ก็ตามกระแสสังคมไปติด ๆ อีกขั้น นั่นคือการทำศัลยกรรม ด้วยความไม่เคยก็เอาระดับ "เบาๆ" นั่นคือการ "ร้อยไหม"
ทั้ง ๆ ที่ไม่มีอะไรต้องเติมเสริมแต่ง ไม่ว่าหน้าตา รูปร่าง หรือ ฐานะ แต่ด้วยวัยที่ยังเยาว์บรรทัดฐานทางสังคม การเลี้ยงดูที่ยึดถือองค์ประกอบภายนอก และ วิถีชีวิตที่เป็นอยู่ ผลักดันไปจูเนียร์ทำในสิ่งที่ "ตัวเอง" ก็ยังไม่สามารถจะตัดสินได้ว่าถูกผิด เหมาะ หรือ ไม่เหมาะ ดี หรือ ไม่ดีอย่างไร ว่าไปแล้วนิสัยเนื้อแท้ของจูเนียร์ ก็เหมือนวัยรุ่นใส ๆ จิตใจเหมือนฟองน้ำที่คอยดูดซับอะไร ๆ รอบตัวเข้าไปไว้หมด เหมือนกล่องว่าง ๆ ที่จะเติมอะไรเข้าไปก็เป็นอย่างนั้น ด้านหนึ่งคือความง่าย ๆ สบาย ๆ ด้านหนึ่งคือรู้สึกว่าการเรียนรู้นั้นไม่สิ้นสุด แต่สิ่งที่ขาดไปคือ "ความมั่นใจ" ที่จะก้าวไปด้วย "ความคิดเห็น" ของตัวเอง ซึ่งเป็น judgement ต่อสภาพแวดล้อมที่ยังขาดไป
ผู้ชายคนนี้ตรงข้ามกับเธอ เขามีหน้าตาที่แสนจะเพอร์เฟค เขามองโลกและตัดสินฉับ ๆ ลงไปอย่างมั่นใจว่าจะเอาอะไร จะทำอะไร โดยที่ไม่ต้องคิดถึงขี้ปากใครให้เสียรังวัด ถึงแม้ข้อน่าพิจารณาใหญ่หลวงของเขาคือ "ความจน" แต่ในความจนนั้นเป็นพื้นที่ที่น่าสนใจ พื้นที่ที่เธอไม่รู้จักมาก่อน เธอไม่คิดว่าเงิน 100-200 บาทกว่าจะได้มันมาต้องทำงานสายตัวแทบขาด เธอไม่รู้ว่าก๋วยเตี๋ยวข้างทางบางครั้งดีกว่าร้านอาหารญี่ปุ่นแพง ๆ ที่เธอไปกิน เสื้อผ้าตลาดนัดดีไม่ดีถูกใจว่าเสื้อแบรนด์ตัวละหลายสตางค์ที่มีอยู่เป็นกุรุส
ที่จะคิดและตัดสินใจว่าจะทำสิ่งไหนอะไรได้เองจะเหมาะกว่า
ในขณะที่จูเนียร์เหมือนผีเสื้อที่หดตัวเข้าไปอยู่ในดักแด้ แต่ก็มีคนเล็งเห็นว่าภายใต้ดักแด้มีผีเสื้อโสภาอยู่ข้างในจนได้ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน "พี่เสือ ขู่คำราม" ของเรานั่นเอง การที่เห็นน้องปิดหน้าปิดตาในวันแรกพบ แทนที่จะคิดรำคาญ แต่พอเห็นแล้วใจมันซักตงิด ๆ เด็กผู้หญิงที่ตัวสั่นราวลูกนกตกน้ำตอนที่โดนบังคับให้เอาผ้าปิดหน้าออก สายตาแป๋ว ๆ ที่มองอย่างตัดพ้อในวันนั้น กับ นิสัยซื่อ ๆ ใส ๆ ชนิดใกล้เซ่อ ก็อดที่จะเข้าไปนัวเนียกรุบกริบไม่ได้ แต่แม้ใครจะมีสายตาที่ชื่นชมเสือว่ายังไง เจ้าตัวก็รู้ดีว่ามีบางสิ่งที่มันไม่ perfect นั่นคือ "ฐานะ"
และฐานะก็เป็นอีกหนึ่งอุปสรรคในชีวิต "รัก" ของเสือ ก็ดังวัยรุ่นสมัยใหม่ทั่วไปกับการอยู่ก่อนแต่ง เสือ และ หนุงหนิงคบหากันมาแรมปีและย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันเป็นเวลาพอสมควรแล้ว โดยที่เสือไม่รู้เลยว่า "หนุงหนิง" แอบมีคนอื่นลับหลัง "เสือ" มั่นใจว่าหนุงหนิงจะไม่เหมือนคนอื่น แต่แล้วจากเสือก็กลายเป็นทรุด เมื่อหนุงหนิงทำให้เสือฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า แค่ "ความรัก" มันคงไม่พอ มันคงต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง ที่มากกว่านั้นหากจะอยู่ร่วมกัน และ บางที "เสือ" คงไม่สามารถหลุดพ้นจาก "สัจธรรม" ในข้อนี้ได้
แต่เพราะเป็นคนที่มั่นคงใจความคิดและไม่แคร์เวิร์ลมาแต่ไหนแต่ไร แน่นอนว่าเสือก็ยังคงเชื่ออยู่ว่า "คน ๆ นั้น" ที่จะไม่ยึดติดกับความ all round perfect ก็น่าจะมี รักในสิ่งที่เขาเป็นจริง ๆ ก็คงจะมี แต่อย่างไรเสีย "แผล" มันก็คือ "แผล" ความไม่ perfect ที่ตรงนี้ยังคงคั่งค้างอยู่ในใจ และ การพยายามกลบฝังเรื่องนี้ไว้ มันยิ่งเป็นจุดให้เสือ present ในสิ่งที่ตัวเองมีมากยิ่งขึ้นนั่นคือ "หน้าตา"
เมื่อเป็นแบบนี้ต่างคนจริงต่างพยายามที่จะกลบบาดแผล กลบความไม่ perfect ของตัวเอง จูเนียร์พยายามที่จะรักษาหน้าให้หาย เอาเข้าจริงถ้าดูจากการกระทำที่ผ่าน ๆ มาจะเข้าใจ ตั้งแต่หน้าพังความนับถือตัวเองของจูเนียร์หายไปค่อนข้างเยอะ ประกอบกับการที่ทำอะไรไม่ค่อยจะเป็น ทำให้ความนับถือตัวเองยิ่งน้อยลงไปใหญ่ และ ต่อมาแม้จะทำงานพิเศษได้ ซ้อนมอเตอร์ไซด์ได้ ทำรายงานเองก็ได้ แต่มันก็ไม่ได้เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่คนรอบตัวเธอนั้นทำได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะพี่เสือ .... เก่งกว่าเธอหลายปีแสง
ในสังคมอีกแห่งหนึ่งที่เธอได้มารู้จัก คนที่จะอยู่รอดคือคนที่พึ่งตัวเองได้ อย่างหญิงบี้ อย่างพี่เสือ ที่ไม่ต้องมีคนมารองมือรองเท้า แต่เธอยังห่างไกลสภาพแบบนั้นอยู่หลายขุม ณ เวลานี้ นาทีนี้ เธอคือจูเนียร์เด็กปีหนึ่ง ไม่ใช่จูเนียร์ลูกสาวหม่อมเจ้าคุณหญิงแม่ ถ้าเทียบกันเนื้อ ๆ แล้วล่ะก็นะ เราว่าในจุดนี้นี่เองที่ทำให้เธอไม่กล้าจะรับรักจากพี่เสือ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ชอบใจ หน้าก็แย่ ไม่มีอะไรดี รสนิยมก็แตกต่างกันสุดกู่ การที่เธออยากจะรักษาหน้าให้หาย เราว่าในใจอันแท้จริงแล้ว มันคือการรักษาโรคแน่นอนประการนึง แต่อีกประการนึงที่อาจจะไม่ได้สื่อตรง ๆ ในละคร เราว่าส่วนนี้เป็นส่วนหนึ่งเหมือนกันที่จะทำให้เธอรู้สึกว่า "ตัวเอง" มีดีอะไรเหมือนกันที่จะคู่ควรกับพี่เสือ
เรามองแตกต่างจากที่จูเนียร์มองตัวเองกับหนุงหนิงมองจูเนียร์นะ ในขั้นแรกเราก็ interpret ว่าจูเนียร์กับหนุงหนิงคงคิดไปในทางเดียวกันตามละครว่า แต่มาคิดอีกทีจูเนียร์ไม่เหมือนหนุงหนิงแฮะ หนุงหนิงระเบิดอารมณ์ใส่ว่าเหนื่อยที่จะเข้าใจ เสือไม่มีเวลาให้ ไม่เอาใจใส่ ไม่ซื้อของให้ โน่นนี่นั่น แต่กับจูเนียร์นี่เสือตามติด และ ผ่อนคลายลงมามากแล้วด้วย ดังนั้นมันคงไม่เป็นประเด็นเดียวกันกับหนุงหนิงแล้วล่ะ
ตอนที่จูเนียร์ไปกับหนุ่มวิดวะ จูเนียร์ไม่ได้คิดเอาสบายแต่กำลังน้อยใจพี่เสือต่างหาก ว่าทำไมมาพูดไม่ดีใส่ ว่าทำไมไม่เห็นใจกันบ้าง ทำไมไม่รู้ว่าจูเนียร์คิดยังไง สำหรับข้าวของอะไรต่าง ๆ ที่เด็กวิดวะนั่นส่งมา มันก็สวยก็งามตามประสา ที่คิดว่าจูเนียร์ไม่เหมือนหนุงหนิงก็ตรงนี้ จูเนียร์บอกว่าเงินเนี่ยหายากนะกว่าจะได้มาร้อยสองร้อยต้องทำงานนู่นนี่ ส่วนของก็ยังบอกอีกว่าไม่ต้องซื้อมาหรอกเสียดายเงินเปลืองเงิน คิดจุดนี้เป็นจุดที่หนิงไม่คิดไง คือ กรณีหนิง เราว่าหนิงรักสบาย ที่หน้าตาไม่สะเบยตอนอยู่กับพี่ทศก็มันก็คือรู้สึกผิดนั่นเองที่ตัวเองโอเคกับความสบายอันนั้น ไม่ว่าการกินข้าวในร้านอาหารที่คุ้นเคย การเอาใจ หรือ ของกำนัล
กรณีจูเนียร์เป็นเด็กที่ไม่คิดอะไรมาก ประมาณว่าใครโบกมือมาก็โบกตอบ ชอบก็บอกชอบ ไม่ชอบก็ไม่ชอบ คือตรงไปตรงมา ไม่ค่อยจะคิดอะไรลึกซึ้งก่อนทำ ให้มาก็รับ คือ รับแบบไม่คิดอะไรก็ได้ ซึ่งมันไม่ใช่ perception คนทั่วไป แต่จูเนียร์คิดงั้นจริง ๆ นะ คือที่จูเนียร์ไปกับเด็กวิดวะ เอาง่าย ๆ คือหงุดหงิด ที่พี่เสือไม่เข้าใจ พูดจาปากหมาใส่ ถามว่าใครชอบก็คงไม่มีหรอก ที่จูเนียร์ทำไปไม่ได้คิดไกล ไม่ได้คิดลึกอะไรทั้งนั้นแหละ คาถาคือจะทำอะไรก็ทำไป ถ้าไม่ปลงใจซะอย่าง ใครจะทำอะไรได้ ชายหญิงไปกินข้าวกันคือต้องเป็นแฟนเหรอ อะไรแบบนี้
ซึ่งตรงนี้มันก็มาโป๊ะเชะในด้านปมของเสือ ปมของเสือคือฐานะ ถึงแม้จะเฉลยจริง ๆ ว่าฐานะดี แต่ตัวเองก็ยังโกรธในคุณสมบัตินี้ของตัวเองอยู่ดี ไม่อยากให้เน้นมองที่ส่วนนี้ ถึงได้โกรธนักโกรธหนา หึงมากหึงมายเมื่อมีคนที่ full option เข้ามาใกล้ เพราะ มันไปสะกิดแผลที่เคยมี อย่างเรื่องของหนุงหนิงจริง ๆ พี่เสือลีโอของเรามีมากกว่าพี่ทศร้อยเท่าพันเท่า และ ชัวร์ว่ามีมากกว่าหนุ่มวิดวะด้วย เกทับไหวแน่ แต่มันเป็นแผล มันเเกลียดไง ที่จะต้องมาต่อสู้กันด้วยฐานะโดยที่รู้ว่าถ้าเอาเรื่องจริงมาพูดกันคือเราเหนือกว่า แต่ไม่อยากทำ เพราะไม่อยากให้เอา option นั้นมาคิด อยากให้รักเพราะความเป็นเสือ ขู่คำรามนี่จริง ๆ
ก็คงเพราะเหตุนี้ด้วยส่วนหนึ่ง เวลาที่เสืออ่อย ถึงได้อ่อนเน้นเรือนร่างสรีระรูปร่างหน้าตาเหลือเกิน แต่ปากก็บอกว่าเราชอบเธอที่นิสัย แต่วิธีการมันเน้นไปที่รูปลักษณ์ภายนอกหมดเลย มันก็ไปแตะส่วนเจ็บของอีกฝ่าย เขาถึงได้ตะเกียกตะกายไปหาหมอนัก ส่วนอีกด้านหนึ่งพอเห็นเขาจตะเกียกตะกายไปหาหมอก็เลือดขึ้นหน้าเพราะคิดว่าจะจัดเต็มอยากสวยไปล่อผู้ชาย full option รักในตัวตนของเขาเห็นในทุกแง่มุมของเขาว่านั่งมอไซด์กินเตี๋ยวข้างทางทำงานพิเศษ และ ไม่เคยขออะไร แต่ก็ยังไม่เชื่อใจว่าเขาจะมองตัวแบบไม่เกี่ยง option ก็ยังเชื่อว่าจูเนียร์จะเป็นแบบที่เคยเจอมาจนตัวเองเสียศูนย์ คือ ต่างคนก็ต่างคิดถึงสถานะที่อยากจะปิด gap ระหว่างกัน และ ทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าใช่ แต่ปรากฎว่ามันไม่ใช่ เรื่องมันจึงแทบจบทั้ง ๆ ที่มันยังไม่ได้เริ่ม
แต่ถึงสุดท้ายหน้าของจูเนียร์จะหายแต่ชีวิตกลับไม่ perfect เหมือนเดิม เพราะ มีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไป หรือ แม้แต่พี่เสือที่รู้แน่แท้อยู่แก่ใจว่าตัวเอง perfect มีทุกสิ่งทุกประการแต่เกลียดความ perfect นั้นแล้วพลอยทำให้ระแวงในความรู้สึกของคนอื่นที่มีต่อตัวเอง ซึ่งในที่สุดทั้งสองต่างก็เรียนรู้นั่นแหละว่าการที่เราเดินเข้าใกล้ความ perfect ตามความเชื่อของตัวเอง มันไม่ได้มีความหมายอะไรเลย หากขาด "ความยอมรับ" ในสิ่งที่ต่างคนต่างเป็น ทุกอย่างนั่นแหละ ความ perfect ของเรา ในสายตาคนอื่นอาจเป็น imperfection ก็ได้ เราว่าสิ่งที่เป็น Perfect Match จริง ๆ ก็น่าจะเป็นการเรียนรู้ที่จะอยู่อย่าง Perfect ใน Imperfection ของตัวเรานั่นแหละ