สวัสดีครับ หลังจบรีวิวมาราธอนกับทริปเที่ยวญี่ปุ่นสิบสามวันโตเกียวคิวชู ขอกลับมาเดินหน้ารีวิวร้านในไทยแลนด์ต่อครับ วันนี้พาไปลองชิมอาหารฮ่องกงที่ร้าน Hong Kong Fisherman ตั้งอยู่ที่ชั้นสองโครงการ K village
เดิมทีเคยได้ยินชื่อร้านอาหารนี้ผ่านนิตยสารเล่มหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดเป็นขวัญเรือน คุณแม่ส่งมาให้อ่าน แลดูก็น่าสนใจ แต่ไม่ได้ฤกษ์มากินสักที ประจวบกับทางโครงการมาชวนให้ไปลองชิมที่ร้านนี้ และสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วนให้ ก็เลยชวนเพื่อนๆ ไปเยือนร้านนี้สักครั้งหนึ่ง
ร้าน HK fisherman เข้าใจว่ามีสองสาขา สาขาดั้งเดิมอยู่ที่อิมแพค เมืองทอง เปิดให้บริการมากว่าสิบปี แต่ว่าไกลเกินรัศมีการตระเวนกินจริงๆ จากนั้นเค้าก็มาเปิดสาขาสองที่นี่ครับ k village ซอยสุขุมวิท 26 แต่ใกล้ฝั่งถนนพระรามสี่มากกว่า ที่จอดรถก็พร้อมดี
ภายในร้านตกแต่งสไตล์ modern chinese แต่มีความ antique และมีสไตล์ลักษณะของโรงนำชาปนอยู่ เพียงแต่ hi class กว่ามาก เดี๋ยวเราจะได้เห็นกันในแต่ละเมนู
ใช้โทนน้ำตาลเข้มทั้งร้าน ภายใต้ไฟสีเหลืองนวล ให้อารมณ์โบราณๆ แต่ก็มีความอบอุ่นในตัว
ตอนเข้ามาในร้าน ตรงกลาง จะเป็นโต๊ะใหญ่ๆ สี่ห้าโต๊ะ ด้านขวามือ เป็นโต๊ะเล็กคือนั่งได้สี่ ถึงห้าคน ส่วนทางซ้ายมื้อ เป็นห้องprivate สองห้อง แต่ละห้องจุแขกได้สิบคน ทางร้านบอกว่า ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่ให้โทรจองก่อน
เริ่มที่เมนู ที่ผมกับเพื่อนว่าอร่อยที่สุดก่อน และทางร้านเค้าก็ภูมิใจว่าเป็น signature ของร้าน
ไก่ขอทาน (1200บาท)
เมนูนี้ต้องโทรมาสั่งก่อนล่วงหน้า 1 วัน เป็นเมนูที่หากินยากในประเทศไทย และเท่าที่เคยอ่านรีวิวมาคือ มันทำยากครับ ยุ่งยากตั้งแต่วัตถุดิบยันวิธีการปรุง
เค้าต้องเอาดินเหนียวนำเข้าจากเมืองลิ่วเฮง ที่จีน มาห่อตัวไก่ โดยข้างในไก่ ก็ต้องหมักเครื่องเทศเครื่องปรุงเยอะแยะ โดยมีใบบัวในรูปคั่นระหว่างไก่กับดินเหนียว จากนั้น เอาไปอบนาน 6-7 ชั่วโมง
แล้วก็มาให้เราเคาะดินเหนียว ดังรูป 55
เคาะให้พอแตกเป็นพิธี เค้าก็ไปแกะดินออกให้จนหมด เปิดมา เจอกับไก่ทั้งตัวนอนอยู่ในชาม มหกรรมการชิมก็เริ่มต้นขึ้น
ขอพูดถึงสามส่วน
หนึ่ง ตัวเนื้อไก่เอง เนื้อแน่น lean แต่นุ่มมาก ทุกส่วนจริงๆ หอมเครื่องเทศครับ ยิ่งกินตอนร้อนๆ นี่อร่อยจริงๆ
สอง ตัวน้ำซุปที่เป็น by product ของการนึ่งอบ ตอนแรกว่า กลัวเค็ม แต่ถ้าได้ไป ต้องชิมครับ กินพร้อมเนื้อ ฟินมาก หอมฟุ้งเลย
สาม กินไก่ไปสักพัก ถึงไส้ข้างใน ปกตินึ่งไก่ หรือ เป็ดอะไรอย่างนี้ มักยัดไส้เครื่องเทศเปล่าๆ หรือ ผักดับกลิ่นธรรมดา แต่ว่า เค้าใช้ทั้งเนื้อ และ เครื่องเทศอัดเข้าไปข้างใน กินแล้วก็อร่อยจริงๆ
ถ้ามากันหลายคน ควรสั่ง เป็น the must
barbeque รวมมิตร (390บาท)
ทุกจานที่ผมสั่งก็ที่เล็กหมดนะครับ ราคาเช่นกัน กลาง ใหญ่ สั่งไม่ไหว ไปกันสามคน
มีเพื่อนผมคนนึงที่ไปรีวิว sankyodai มาด้วยกัน ส่งเวรมาว่า เป็ดย่างร้านนี้อร่อย .. ซึ่งจริงตามนั้น
เพราะว่า หนังทำมาได้กรอบกำลังดี มีความฉ่ำเล็กน้อย ตรงใต้ชั้นหนัง ส่วนเนื้อก็ไม่แน่นจนเหนียว ผมว่ากำลังดีเลย
สำหรับหมูกรอบ หนังกรอบดี สะใจ แต่ชั้นล่างสุดที่ควรจะเป็นเนื้อจริงๆ มันดันแทรกมันอีก คำๆหนึ่งเลยออกติดมันเยอะไปหน่อย
และหมูแดงน้ำผึ้งนั้น นุ่มดี นุ่มมาก แต่ทุกคนก็เห็นตรงกันว่า หวานไปครับ
ปลาเงินทอดพริกเกลือ (350บาท)
อ้ายเพื่อนสองคนนี่ชอบเมนูนี้มาก บอกว่ามันอร่อยลงตัว ไม่เค็มมาก กรอบกำลังดี และหอมตัวเครื่องที่โรย ปรุงรสมา
ผมเอง ว่าเฉยๆ สงสัยจะติดกินเค็ม 5555
ขาหมูตงปอ (400บาท)
เป็นหนึ่งใน เมนู recommend ของร้าน ที่เค้าว่าต้องหมักและตุ๋นขาหมูนานสี่ชั่วโมง เนื้อจะเหนียวนุ่ม และคะน้าใช้คะน้าชั้นดีจากฮ่องกง
ขาหมูไซส์กลาง เสิร์ฟพร้อมแป้งหมั่นโถว
มติเป็นเอกฉันท์ว่า อร่อยในเกณฑ์มาตรฐาน คือ หมูนั้นเนื้อแน่น นุ่มแต่ไม่เหนียว ไม่ต้องเคี้ยวจนเมื่อยกราม ผักกรอบ อร่อยจริงตามคำโฆษณา น้ำก็ออกเค็มเล็กน้อย ที่ดีคือมันไม่หวาน แป้งหมั่นโถวก็นุ่มโอเค
ปูนิ่มผัดพริกไทยดำ (480บาท)
จานนี้เพื่อนรีเคสท์ ก็จัดไป
รสชาติ on par ครับ ที่ราคานี้จานเล็ก ก็ว่าราคาสูง แต่จานเล็กทุกจานของร้านนี้ มันเหมาะสำหรับกินสามสี่คนครับ จบมื้อนี้นี่จุกมาก นึกว่าจานแต่ละจานมาแบบกระจิ๊บกระจ้อย
กลับมาเรื่องเดิม.. ปูนิ่มทอดมาสไตล์เดียวกับปลาเงินทอดพริกเกลือเลย ปรุงรสชาติพริกไทยดำ อ่อนๆ ตามสไตล์อาหารจีนฮ่องกง ไม่ได้แรงเหมือนอาหารไทยหรอกครับ แต่ดีที่ไม่เค็มเกินไป ทานได้เรื่อยๆครับ
ซาลาเปาทอดไส้ครีม
จะว่าทอดแบบจริงจังเลยก็ไม่ได้ครับ เพราะข้างนอกไม่ได้กรอบแบบซาลาเปาทอดทั่วไป
ประมาณได้ว่าซาลาเปาไส้ครีม เอาไปทอดแป๊บนึง ให้เนื้อข้างนอก พอเหลือง น่ากิน แต่ว่าไม่อมน้ำมันนะครับ
ส่วนไส้เนื้อครีม เนียนลิ้นดี อร่อยดี
ติ่มซำวันธรรมดารู้สึกจะลดยี่สิบเปอร์เซนต์ด้วยครับ เข่งนึงตกราวๆ 70 ถึง 120 ประมาณนั้นครับ
จบที่ของหวาน ที่ร้านแนะนำคือ พุดดิ้งมะม่วง
ผมเฉยๆกับเมนูนี่นะครับ เนื้อพุดดิ้งเนื้อนุ่มเนียนลิ้น ออกไปทางหนืดๆ แต่กลิ่นมะม่วงมันแหม่งๆ ชอบกลอยู่ครับ บอกไม่ถูกจริงๆ
สรุปคือ ร้าน hong kong fisherman เป็นร้านอาหารฮ่องกง ระดับเหลาเลยครับ ทั้งด้านการตกแต่ง บรรยากาศ การบริการที่เอาใจใส่ คอยเติม น้ำชงน้ำชา เก๊กฮวยให้ตลอด ไม่ได้พร่องเลย รสชาติอาหารอยู่ในเกณฑ์อร่อยดีทุกจาน และดีเป็นพิเศษบางรายการ แต่ว่าราคาต่อหัวนั้น ก็สูงอยู่ กินกันเต็มที่ก็ หัวละ พันบาทขึ้นไปได้ อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบรสชาติ และคุณภาพอาหาร กับราคา ผมก็ว่ามันไปด้วยกันอยู่ เอาเป็นว่า ถ้ามีโอกาสพิเศษ คิดจะกินอาหารจีนดีๆ อยากจัดหนัก ผมก็ว่าร้านนี้ควรอยู่ในลิสต์ล่ะครับ ไม่ผิดหวังจริงๆ
รสชาติอาหาร 4.5/5
บรรยากาศ 4.5/5
บริการ 4.5/5
ราคา 3.5/5
ขอบคุณที่ติดตามจนจบครับ
พบกันในรีวิวต่อๆไป
ฝากเพจรีวิวอาหารผมไว้ด้วยครับ รวมร้านอาหารที่ได้ไปลองชิมมาที่น่าสนใจ
https://www.facebook.com/food.fit.for.fat
[SR] SR+CR: พาไปอ้วนอย่างมีคุณภาพที่ Hong Kong Fisherman ร้านอาหารเหลาสไตล์ฮ่องกง
เดิมทีเคยได้ยินชื่อร้านอาหารนี้ผ่านนิตยสารเล่มหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดเป็นขวัญเรือน คุณแม่ส่งมาให้อ่าน แลดูก็น่าสนใจ แต่ไม่ได้ฤกษ์มากินสักที ประจวบกับทางโครงการมาชวนให้ไปลองชิมที่ร้านนี้ และสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วนให้ ก็เลยชวนเพื่อนๆ ไปเยือนร้านนี้สักครั้งหนึ่ง
ร้าน HK fisherman เข้าใจว่ามีสองสาขา สาขาดั้งเดิมอยู่ที่อิมแพค เมืองทอง เปิดให้บริการมากว่าสิบปี แต่ว่าไกลเกินรัศมีการตระเวนกินจริงๆ จากนั้นเค้าก็มาเปิดสาขาสองที่นี่ครับ k village ซอยสุขุมวิท 26 แต่ใกล้ฝั่งถนนพระรามสี่มากกว่า ที่จอดรถก็พร้อมดี
ภายในร้านตกแต่งสไตล์ modern chinese แต่มีความ antique และมีสไตล์ลักษณะของโรงนำชาปนอยู่ เพียงแต่ hi class กว่ามาก เดี๋ยวเราจะได้เห็นกันในแต่ละเมนู
ใช้โทนน้ำตาลเข้มทั้งร้าน ภายใต้ไฟสีเหลืองนวล ให้อารมณ์โบราณๆ แต่ก็มีความอบอุ่นในตัว
ตอนเข้ามาในร้าน ตรงกลาง จะเป็นโต๊ะใหญ่ๆ สี่ห้าโต๊ะ ด้านขวามือ เป็นโต๊ะเล็กคือนั่งได้สี่ ถึงห้าคน ส่วนทางซ้ายมื้อ เป็นห้องprivate สองห้อง แต่ละห้องจุแขกได้สิบคน ทางร้านบอกว่า ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่ให้โทรจองก่อน
เริ่มที่เมนู ที่ผมกับเพื่อนว่าอร่อยที่สุดก่อน และทางร้านเค้าก็ภูมิใจว่าเป็น signature ของร้าน
ไก่ขอทาน (1200บาท)
เมนูนี้ต้องโทรมาสั่งก่อนล่วงหน้า 1 วัน เป็นเมนูที่หากินยากในประเทศไทย และเท่าที่เคยอ่านรีวิวมาคือ มันทำยากครับ ยุ่งยากตั้งแต่วัตถุดิบยันวิธีการปรุง
เค้าต้องเอาดินเหนียวนำเข้าจากเมืองลิ่วเฮง ที่จีน มาห่อตัวไก่ โดยข้างในไก่ ก็ต้องหมักเครื่องเทศเครื่องปรุงเยอะแยะ โดยมีใบบัวในรูปคั่นระหว่างไก่กับดินเหนียว จากนั้น เอาไปอบนาน 6-7 ชั่วโมง
แล้วก็มาให้เราเคาะดินเหนียว ดังรูป 55
เคาะให้พอแตกเป็นพิธี เค้าก็ไปแกะดินออกให้จนหมด เปิดมา เจอกับไก่ทั้งตัวนอนอยู่ในชาม มหกรรมการชิมก็เริ่มต้นขึ้น
ขอพูดถึงสามส่วน
หนึ่ง ตัวเนื้อไก่เอง เนื้อแน่น lean แต่นุ่มมาก ทุกส่วนจริงๆ หอมเครื่องเทศครับ ยิ่งกินตอนร้อนๆ นี่อร่อยจริงๆ
สอง ตัวน้ำซุปที่เป็น by product ของการนึ่งอบ ตอนแรกว่า กลัวเค็ม แต่ถ้าได้ไป ต้องชิมครับ กินพร้อมเนื้อ ฟินมาก หอมฟุ้งเลย
สาม กินไก่ไปสักพัก ถึงไส้ข้างใน ปกตินึ่งไก่ หรือ เป็ดอะไรอย่างนี้ มักยัดไส้เครื่องเทศเปล่าๆ หรือ ผักดับกลิ่นธรรมดา แต่ว่า เค้าใช้ทั้งเนื้อ และ เครื่องเทศอัดเข้าไปข้างใน กินแล้วก็อร่อยจริงๆ
ถ้ามากันหลายคน ควรสั่ง เป็น the must
barbeque รวมมิตร (390บาท)
ทุกจานที่ผมสั่งก็ที่เล็กหมดนะครับ ราคาเช่นกัน กลาง ใหญ่ สั่งไม่ไหว ไปกันสามคน
มีเพื่อนผมคนนึงที่ไปรีวิว sankyodai มาด้วยกัน ส่งเวรมาว่า เป็ดย่างร้านนี้อร่อย .. ซึ่งจริงตามนั้น
เพราะว่า หนังทำมาได้กรอบกำลังดี มีความฉ่ำเล็กน้อย ตรงใต้ชั้นหนัง ส่วนเนื้อก็ไม่แน่นจนเหนียว ผมว่ากำลังดีเลย
สำหรับหมูกรอบ หนังกรอบดี สะใจ แต่ชั้นล่างสุดที่ควรจะเป็นเนื้อจริงๆ มันดันแทรกมันอีก คำๆหนึ่งเลยออกติดมันเยอะไปหน่อย
และหมูแดงน้ำผึ้งนั้น นุ่มดี นุ่มมาก แต่ทุกคนก็เห็นตรงกันว่า หวานไปครับ
ปลาเงินทอดพริกเกลือ (350บาท)
อ้ายเพื่อนสองคนนี่ชอบเมนูนี้มาก บอกว่ามันอร่อยลงตัว ไม่เค็มมาก กรอบกำลังดี และหอมตัวเครื่องที่โรย ปรุงรสมา
ผมเอง ว่าเฉยๆ สงสัยจะติดกินเค็ม 5555
ขาหมูตงปอ (400บาท)
เป็นหนึ่งใน เมนู recommend ของร้าน ที่เค้าว่าต้องหมักและตุ๋นขาหมูนานสี่ชั่วโมง เนื้อจะเหนียวนุ่ม และคะน้าใช้คะน้าชั้นดีจากฮ่องกง
ขาหมูไซส์กลาง เสิร์ฟพร้อมแป้งหมั่นโถว
มติเป็นเอกฉันท์ว่า อร่อยในเกณฑ์มาตรฐาน คือ หมูนั้นเนื้อแน่น นุ่มแต่ไม่เหนียว ไม่ต้องเคี้ยวจนเมื่อยกราม ผักกรอบ อร่อยจริงตามคำโฆษณา น้ำก็ออกเค็มเล็กน้อย ที่ดีคือมันไม่หวาน แป้งหมั่นโถวก็นุ่มโอเค
ปูนิ่มผัดพริกไทยดำ (480บาท)
จานนี้เพื่อนรีเคสท์ ก็จัดไป
รสชาติ on par ครับ ที่ราคานี้จานเล็ก ก็ว่าราคาสูง แต่จานเล็กทุกจานของร้านนี้ มันเหมาะสำหรับกินสามสี่คนครับ จบมื้อนี้นี่จุกมาก นึกว่าจานแต่ละจานมาแบบกระจิ๊บกระจ้อย
กลับมาเรื่องเดิม.. ปูนิ่มทอดมาสไตล์เดียวกับปลาเงินทอดพริกเกลือเลย ปรุงรสชาติพริกไทยดำ อ่อนๆ ตามสไตล์อาหารจีนฮ่องกง ไม่ได้แรงเหมือนอาหารไทยหรอกครับ แต่ดีที่ไม่เค็มเกินไป ทานได้เรื่อยๆครับ
ซาลาเปาทอดไส้ครีม
จะว่าทอดแบบจริงจังเลยก็ไม่ได้ครับ เพราะข้างนอกไม่ได้กรอบแบบซาลาเปาทอดทั่วไป
ประมาณได้ว่าซาลาเปาไส้ครีม เอาไปทอดแป๊บนึง ให้เนื้อข้างนอก พอเหลือง น่ากิน แต่ว่าไม่อมน้ำมันนะครับ
ส่วนไส้เนื้อครีม เนียนลิ้นดี อร่อยดี
ติ่มซำวันธรรมดารู้สึกจะลดยี่สิบเปอร์เซนต์ด้วยครับ เข่งนึงตกราวๆ 70 ถึง 120 ประมาณนั้นครับ
จบที่ของหวาน ที่ร้านแนะนำคือ พุดดิ้งมะม่วง
ผมเฉยๆกับเมนูนี่นะครับ เนื้อพุดดิ้งเนื้อนุ่มเนียนลิ้น ออกไปทางหนืดๆ แต่กลิ่นมะม่วงมันแหม่งๆ ชอบกลอยู่ครับ บอกไม่ถูกจริงๆ
สรุปคือ ร้าน hong kong fisherman เป็นร้านอาหารฮ่องกง ระดับเหลาเลยครับ ทั้งด้านการตกแต่ง บรรยากาศ การบริการที่เอาใจใส่ คอยเติม น้ำชงน้ำชา เก๊กฮวยให้ตลอด ไม่ได้พร่องเลย รสชาติอาหารอยู่ในเกณฑ์อร่อยดีทุกจาน และดีเป็นพิเศษบางรายการ แต่ว่าราคาต่อหัวนั้น ก็สูงอยู่ กินกันเต็มที่ก็ หัวละ พันบาทขึ้นไปได้ อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบรสชาติ และคุณภาพอาหาร กับราคา ผมก็ว่ามันไปด้วยกันอยู่ เอาเป็นว่า ถ้ามีโอกาสพิเศษ คิดจะกินอาหารจีนดีๆ อยากจัดหนัก ผมก็ว่าร้านนี้ควรอยู่ในลิสต์ล่ะครับ ไม่ผิดหวังจริงๆ
รสชาติอาหาร 4.5/5
บรรยากาศ 4.5/5
บริการ 4.5/5
ราคา 3.5/5
ขอบคุณที่ติดตามจนจบครับ
พบกันในรีวิวต่อๆไป
ฝากเพจรีวิวอาหารผมไว้ด้วยครับ รวมร้านอาหารที่ได้ไปลองชิมมาที่น่าสนใจ
https://www.facebook.com/food.fit.for.fat
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น