ตุ่บ !!

กระทู้สนทนา
กระทู้แรก //  ตื่นเต้นนนนนน
แท็กทุอย่างที่คิดว่าจะไม่มีดราม่าแล้วนะคะ ถูกผิดขออภัยมา ณ ที่นี้ กราบงามๆ 3 ที

เม่าฝึกจิต
ชี้แจงแถลงไขก่อนนะคะว่า จขกท. พอจะมีเซนต์เบาๆ เห็นมั่งไม่เห็นมั่งมาโดยตลอด
แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้มีเพื่อนร่วมชะตากรรมหลายคน จึงมั่นใจมากว่าถ้ามโน คงไม่ได้มโนคนเดียว 555

เรื่องนี้ผ่านมาประมาณ 6 ปีแล้วค่ะ  แต่ติดตาตรึงใจเหลือเกิน 55..
ตอนที่เกิดเรื่องเราเรียนอยู่ปี 1 ค่ะ เฟรชชี่กระดี๊กระด๊าสุดๆ
ปี 1 หลายๆ มหาลัย นศ. ใหม่จะต้องเข้ากิจกรรมคุณธรรมกันค่ะ
เป็นการไปนอนค้างที่วัด  ม. ที่เราเรียนอยู่ก็เช่นกัน ต้องไปนอนที่วัด 3 วัน 2 คืน วัดที่เราไปนี่ไม่แน่ใจว่าเป็นวัดหลวงด้วนยรึป่าว
อยู่ติดแม่น้ำ และใกล้ ม. เราด้วย
แล้ววันแรกก็มาถึง....!.....
เราเดินทางไปที่วัดพร้อมเพื่อนๆ พอไปถึงทางพระอาจารย์กับพี่เลี้ยงก็ให้เอาของไปเก็บ
อธิบายให้เห็นภาพนะคะ ตึกที่เราไปทำกิจกรรมนี้เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า
ชั้นล่างไว้ทำกิจกรรมและเป็นที่นอนของพวกผู้ชาย
ชั้นสองเป็นที่เก็บของเก่า เยอะมากค่ะ ไม่เปิดไฟ วังเวง
บันไดตรงชานพักทางขึ้นชั้นสองจะมีกรอบรูปกรอบใหญ่ๆที่เอาไว้โชว์ตาลปัด
ส่วนชั้นสามเป็นห้องนอนของสาวๆ ห้องจะเป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวๆ มีรูปของรัชกาลต่างๆติดอยู่ทั่วห้อง
มีการจัดเสื่อไว้สองฝั่งค่ะ เป็นแนวยาว เหลือที่ตรงกลางห้องไว้เดินค่ะ พร้อมหมอนแบบสี่เหลี่ยมๆและผ้าห่ม  
ทีนี้สาวๆเราเลยต้องมีการตกลงกันนิดนึงเกี่ยวกับลำดับการนอน เพราะดูแล้วจะต้องมีคนนอนท้ายแถวค่ะ
ซึ่งนังโยรับอาสาในการเป็นหน่วยกล้าตายครั้งนี้ 555
หลายคนคงสงสัย ทำไมนางถึงเป็นหน่วยกล้าตาย เหตุเพราะคนที่นอนท้ายแถว จะไม่มีคนมานอนต่อ
ซึ่งมันก็จะกลายเป็นเสื่อว่างๆ หมอนว่างๆ และที่ว่างๆ ยาวต่อไป -*-
ใครจะรู้ล่ะคะว่าดึกๆจะมีเพื่อน (ที่ไม่ได้รับเชิญ) มานอนต่อด้วยรึป่าว?? ใช่มะ จินตนาการล้ำมากอ่ะ
เมื่อนังโยรับอาสาแล้ว ถัดจากนางเข้ามาก็เป็นเราค่ะ ถัดจากเราเป็นอีจิ้น และแล้วกิจกรรมการเลือกที่นอนก็จบไป
เราเปลี่ยนชุดมารวมทำกิจกรรมที่ชั้น 1 เริ่มแรกพระอาจารย์ก็จะเล่าเรื่องข่มขวัญค่ะ อย่างเช่นถ้าคืนนี้มีใครเจออะไรให้แผ่เมตตาให้ หรือเคยมีเด็กโดนแม่ชีหลอก อะไรแบบนี้อ่ะค่ะ เราก็เออ ออ ไป ไม่สนใจ เพราะออกจะเป็นคนเข้าวัดบ่อย
ทุกครั้งที่เรารู้สึกว่าเราเจอ เราจะมโนค่ะ มโนว่าเรามโน เอ้า งง !! คือคิดว่าเราหลอนไปเองน่ะค่ะ เป็นจิตใต้สำนึกบวกกับบรรยากาศเลยทำให้เราเห็นสิ่งนั้น
ทีนี้ ทำกิจกรรมผ่านไปเรื่อยๆจนถึงเวลาอาบน้ำ เรากับอีจิ้นก็ตกลงจะอาบเป็นคู่สุดท้าย เราก็นั่งรอเพื่อนอาบไปเรื่อยๆค่ะ
เหลืออีกคู่ที่กำลังอาบอยู่ก็จะถึงคู่เรา ปรี๊ดดดดดดดด!!!!!!!!! คุณพระ  ใช่ค่ะ คุณพระเป่านกหวีดเรียกรวม -*-
เงิบสิคะ อีนังสองคนที่อยู่ในห้องน้ำนางก็รีบสลัดร่างออกไปแต่งตัว
ส่วนเรากะอีจิ้นก็ใส่ผ้าถุงลุยไปสามสี่ขันก็วิ่งออกมาแต่งตัว ผ้าถงผ้าถุงไม่ทันได้ตาก พาดไว้กับหน้าต่างน่ะแหละ
ลงมาก็มืดละ เริ่มทำกิจกรรมต่อ เราจำแม่นเลย มันเป็นกิจกรรมที่พระอาจารย์เปิดวิดีโอเกี่ยวกับการฆ่าวัว ควาย อะไรพวกนี้
ที่จำแม่นเพราะ -----เราอวก------ วิ่งออกมาอวกแทบไม่ทัน มันเหมือนได้กลิ่นคาวเลือดออกมาจากจอเลยค่ะ 4D มากๆ
ที่ที่เราวิ่งออกมาอวกเป็นด้านหลังอาคารค่ะ จะมีทางเชื่อมไปห้องน้ำ แล้วก็มีป่าต้นกล้วยเป็นดงเล็กๆอยู่
เราเริ่มรู้สึกว่าโดนจ้องค่ะ จ้องแบบจ้องให้รู้ตัวเลยค่ะ แต่ค่ะ ต่อมมโนทำงาน ก็คิดไปว่าเราจิตนาการขึ้นเองจากบรรยากาศ
และคงยังอวกต่อไป
พอเสร็จกิจกรรมประมาณสามทุ่ม พระอาจารย์ก็ให้พวกพี่เลี้ยงพาไปนอน เราก็เดินขึ้นไปชั้นสามค่ะ ขึ้นไปเป็นคนสุดท้าย
ทีนี้ระหว่างที่ผ่านชั้นสอง ตาเราไปเห็นเงาสะท้อนจากกระจกกรอบรูปที่ติดตรงชานพัก ที่เอาไว้เก็บตาลปัดอ่ะค่ะ
เป็นเงาร่างดำๆใหญ่ๆ  ตกใจมากค่ะ คือแบบ เหว๋อเลย แต่เราจ้องต่อค่ะ ซึ่งพอตั้งใจจ้องกลับไม่เห็น ขนต้นคอเริ่มลุกละ สถานการณ์เริ่มไม่ดี  เราเลยรีบจ้ำอ้าวตามๆพี่เลี้ยงขึ้นไป แต่ความรู้สึกยังไม่หายไปนะคะ คือมีคนจ้องตลอดเวลา
(อธิบายนิดนึง – เราไม่เคยเห็นพวกเค้าตรงๆนะคะ จะเห็นจากหางตา ถ้าจ้องหรืออะไรนี่ไม่เห็นเลย)
ทีนี้เราขึ้นมาเป็นคนสุดท้าย พอมาถึงชั้นสาม มองจากระเบียงไปยังโบสถ์ เห็นหน้าต่างเปิดอยู่และมีแสงเหมือนเปลวเทียนลอดออกมา เรายืนมองอยู่พักนึง นึกขึ้นได้ถึงความรู้สึกของการถูกจ้อง เราก็รีบเข้าห้องทันที
พอถึงห้องปุ๊บ นังโยค่ะ อีนังโยยยยยยย มันย้ายไปหลับตูดโด่งอยู่อีกฝั่งนึงแล้ว ฝั่งนั้นคนนอนเต็มจากฝั่งหนึ่งไปฝั่งหนึ่งค่ะ
อยากจะปลุกนางกลับมารับชะตากรรมเหลือเกิน  แต่มันหลับน่าสบายมาก  คงเพราะเพลีจากการทำกิจกรรมมาทั้งวันด้วย
เราเลยเลือกที่จะไม่ปลุก และรับชะตากรรมแทนเพื่อน นางเอกชัดๆ เนอะ
ระหว่างจัดที่นอนเรารู้สึกไม่ดีเลย เหมือนเค้ายังจ้องเราอยู่หน้าประตูห้อง (เยื้องๆกับหัวนอนเราเป็นประตูกระจกมีฟิล์มดำๆ) จ้องเหมือนโกรธมาก เราเริ่มไม่ไหวกับความรู้สึกนี้เลยหันไปบอกอีจิ้นก่อนที่เพื่อนจะปิดไฟว่า
เรา //  เมิงๆ ถ้ากูร้องต้องรีบตื่นนะ ตื่นง่ายมั้ยเนี่ยะ?
อีจิ้น // เออ ได้ เมิงเป็นไรป่ะเนี่ยะ?
เรา //   รู้สึกไม่ค่อยดี แต่คงไม่มีไรหรอกมั้ย แต่.... ถ้ากูไม่ไหวกูจะบอกนะ
มันก็เออ ออ ไม่ถามต่อ 555 คงกลัวอ่ะค่ะ
ทีนี้เราเห็นที่นอนข้างๆ ว่าง ก็กลัวว่าตื่นมากลางดึกจะมีคนมานอนด้วย เลยเอาหมอนสี่เหลี่ยมๆ ที่เหลือนั่นวางขวางไว้ข้างตัว
พร้อมกับเอากระเป๋าเสื้อผ้าที่มีผ้าเต็ม ตูดกระเป๋าแบนเรียบ มาวางทับบนหมอนอีกที
ค่อยรู้สึกอุ่นใจขึ้นเหมือนมีบังเกอร์คอยคุ้มกัน
เมื่อเพื่อนดับไฟลง..
เราล้มตัวนอน ห่มผ้า เอามือกำผ้าห่มที่หน้าอก สวดบทขอขมาพระรัตนตรัย สวดทุกบทที่พอจะคิดได้ถูกผิดเราไม่สน
แล้วอธิฐานจิตว่า
“ หนูไม่รู้ว่าคุณมีจริงรึป่าว หนูไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไร หนูไม่รู้ว่าหนูไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจ แต่ ... ถ้าคุณต้องการบอกอะไรหนูขอให้คุณมาเข้าฝันแทน มาแบบดีๆนะคะ หนูไม่อยากให้เพื่อนแตกตื่น ทุกคนเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว..ว...ว”
ยังไม่ทันที่จะพูดจบ กระเป๋าเสื้อผ้าที่วางอยู่บนหมอนข้างตัวเราก็ตกลงเสียงดังตุ่บ!!
เสียงหล่นชัดเจนมากเพราะทุกคนเตรียมพร้อมที่จะนอนกันแล้ว ทั้งห้องเงียบหมด
ร่างที่เป็นเงาดำนั่นย้ายมายืนอยู่ที่ปลายเท้าเรา แม้มันจะมืดมาก แต่เค้าจัดเจนจริงๆ ในความมืดนั้น
เค้าจ้องมาที่เรา จ้อง จ้อง และจ้อง เราเริ่มรู้สึกชาที่ปลายเท้า ไล่มาจนถึงขา พอเริ่มตั้งสติได้เรารีบเรียกอีจิ้น
เรา  //  ๆ กูไม่ไหวแล้ว ๆ
อีจิ้น // ......
ความชายังคงไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงมือ เรารีบตั้งสติเรียกอีจิ้นอีกครั้ง เราทำได้แค่เรียกค่ะ ร่างกายขยับไม่ได้เลย ชาไปหมด
เรา //  !! กูไม่ไหวแล้ว พูดพร้อมกับเริ่มร้องไห้ออกมา
อีจิ้น // เห้ยพวกเมิง อีศิเป็นไรไม่รู้ เปิดไฟสิ
ระหว่างที่อีจิ้นเรียกให้เพื่อนที่เหลือ เค้ายังคงจ้องเราไม่หยุด  ไม่มีเสียงใดๆจากร่างนั้น มีแต่สายตาที่แสดงถึงความไม่พอใจ
เมื่อไฟติด ทุกคนต่างพากันมามุงดู ถามว่าเกิดอะไรขึ้น
อีวอกรีบโทรตามพี่เลี้ยงให้ขึ้นมาดู ตอนนั้นเราชาไปทั้งตัว รู้สึกชาไปถึงรากผมเลยค่ะ มือจีบ ตีนจีบ ปากเบี้ยว ขยับไม่ได้
เมื่อพี่เลี้ยงขึ้นมาดู เราพูดได้แค่ “ เค้าเป็นใคร เค้ามาทำไม เค้าไม่พอใจ เค้าอยู่ตรงนี้ เค้าจ้องหนู เค้าโกรธอะไร” พูดแบบนี้ซ้ำไปมา ถึงคนจะเยอะ หรือไฟเปิดแล้ว เค้าก็ยังอยู่ ไม่ไปไหน
สติเรายังพอมี เรารู้ว่ามีพี่เลี้ยง ผช คนนึงที่นับถือศาสนาคริส สวดขอพรพระเจ้าแล้วลูบที่ขาเราซ้ำๆ
พี่เลี้ยง ผญ สั่งให้เพื่อนที่เหลือช่วยกันนวดให้เรา เราเกร็ง ชาไปทั้งตัว ปากเบี้ยวตาจ้องไปที่ปลายเท้า ที่ที่เค้ายืนอยู่
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่เราไม่รู้ แต่เราเริ่มดีขึ้นแล้ว สิ่งแรกที่เรานึกถึงคือ—โต๊ะหมู่บูชา—
เรา // หนูจะไปนอนข้างล่าง หนูจะไปนอนตรงโต๊ะหมู่ เค้าไม่ยอมไปไหนเลย ยังอยู่ตรงนี้อยู่เลย
ทีแรกพี่เลี้ยงจะไม่ยอมค่ะเพราะข้างล่างมีแต่ ผช และโต๊ะหมู่ที่เราจะไปขอนอนอยู่บนอาสนะ(ไม่รู้เรียกถูกมั้ยนะคะ)
แต่เราไม่ไหวจริงๆ รู้ว่าที่นั่นเป็นที่ๆเค้าทำอะไรเราไม่ได้แค่นั้น ถึงพี่เลี้ยงจะบอกว่าไม่ได้ เล้าโลมให้เรานอนข้างบนต่อยังไงเราก็ไม่ยอม แล้วเราก็ได้ลงไปนอนข้างล่างค่ะ
โดยมีอีป้ากะอีโย่งพยุงลงไป ทั้งตัวยังคงชาอยู่แต่ไม่มากนัก พอเราลงไปถึงชั้นล่าง เราสบัดทุกคนออกเลยค่ะ วิ่งไปซบโต๊ะหมู่ร้องไห้ เงานั้นตามเราลงมาด้วยค่ะ แต่เค้ามาได้แค่บันไดขั้นสุดท้ายยืนมองมาที่เรา เราเห็น ก็ได้แต่กอดขาโต๊ะหมู่ร้องไห้
จนพี่เลี้ยงเอายาแก้แพ้อากาศมาให้เรากิน (ตอนนั้นพวก ผช นอนกันแล้วนะคะ)
เรากินยาเข้าไปบวกกับเพลียมากเลยหลับไป มีอีป้ากะอีโย่งนอนประกบข้าง สมองเราเบาลง เบาลง และไม่รู้สึกอะไรอีกเลย

เช้าวันต่อมา ......  เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ก็มาเยือนแต่เช้าเลยค่ะ       มันคือ------ ไ ม เ ก ร น-------
ปวดตึ๊บ!! ลุกขึ้นมาเราพยายามมองหาเค้า แต่ไม่เจอค่ะ เราออไปล้างหน้าล้างตา สักพักพระอาจารย์ก็ให้พี่เลี้ยงเรียกเราไปหาที่หน้าโต๊ะหมู่ ถามเราว่าเมื่อวานไปทำอะไรไม่ดีรึป่าว  เราก็ตอบท่านว่า หนูไม่รู้ หนูนึกไม่ออกจริงๆ ค่ะ
ท่านบอกว่า เก่งนะ ถ้าเป็นคนอื่นคงโดนเข้าแล้ว คนเราถ้าจิตอ่อน เค้าจะใช้เราเป็นทางผ่าน ถ้ามีเวรกรรมร่วมกันก็จะพบเจอกันได้ หรือ จิตแข็งเกินไปพบเจอเค้าได้ แต่เค้าทำอะไรเราไม่ได้ แผ่เมตตาให้เค้าไว้ พูดจบพระอาจารย์ก็ทำสายสินให้ มีพระอาจารย์สามรูป ทำสายสินนี้แล้วส่งให้เรา คล้องแขนสองข้าง และคล้องคอ
ตอนนั้นรู้สึกดีขึ้นแต่อาการปวดหัวยังไม่หาย พี่เลี้ยงเลยให้ไปนอนกับอีวอก นางปวดหัวพอดีเลยคร่า
ยังดีนะที่มีเพื่อนนอน ถ้าอีวอกไม่ป่วยนี่อย่าคิดนะว่าจะยอมมานอนคนเดียว 555 ห้องที่นอนอยู่ชั้นเดียวกับที่มีกิจกรรมค่ะเลยไม่ค่อยกัวเท่าไหร่
และช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีไข้หวัด 2009 ระบาด เพื่อนเราอีกคนนึงคืออีเจ้นางป่วยค่ะไปหาหมอ เอาใบรับรองแพทย์มายื่น กลับหอสบายไป อันที่จริงอยากขอกลับมากเลยค่ะ
แต่... 1. กลับหอไปเราก็ต้องอยู่คนเดียว ถ้าเค้าตามกลับไปด้วยจะทำยังงายยยยยย
2. ถ้าเราอยู่ไม่ครบวันอาจจะติด I ในกิจกรรมนี้ แล้วก็ต้องมาที่นี่ใหม่ นี่ก็ไม่อาวววววว
3. ผีหลอก หมอไม่ออกใบรับรองแพทย์ให้  เราเลยต้องฝืนใจอยู่ -*-
เรานอนซมตั้งแต่เช้าจนถึงเวลาทานข้าวเที่ยง ระหว่างล้อมวงกินข้าวอยู่ อีป้านางก็ทักอีจิ้นว่า
อีป้า // แกไปเอาผ้าถุงออกจากหน้าต่างเหอะ มันอาจจะเกี่ยวกับเรื่องนี้รึป่าว ???
ทีนี้อีจิ้นก็มาบอกเรา เราหันไปมองที่หน้าต่างค่ะ  
ชัดค่ะ  ชัดเจน !!! หน้างต่างตึกนี้มีเหล็กดัดรูป-----เทวดาพนมมือ-----ทุกบาน!!!  เงิบ!!!!  ค้างตาตั้ง!!!!
ทำอะไรไม่ถูกเลยจริงๆ ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องนี้เลย ลืมไปสนิท
เราเลยตกลงกับอีจิ้นว่า กินข้าวเสร็จไปเอาผ้าถุงลงกัน หลังกินข้าวเพื่อนน่าจะขึ้นไปข้างบนเยอะ ไม่น่ามีอะไร
พอเรากินข้าวเสร็จ เรากะอีจิ้นก็ค่อยๆเดินขึ้นไปชั้นบน ผ่านหน้ากรอบรูปบานใหญ่  พอเราเหยียบพื้นช้นสองปุ๊บ !!!
เค้ามาเลยค่ะ เงาสีดำตัวใหญ่เลื่อนตามเรามาพร้อมกับอาการที่แปลกไปของอีจิ้น
นางกำมือเราแน่น สั่น ทำท่าจะพูด เราเลยบีบมือนางแล้วบอกนางว่า” ลงมาค่อยคุยนะ กูรู้ว่าจะพูดอะไร”
เราเดินต่อไปจนถึงชั้นสาม เชื่อมั้ยคะ ไอ้ที่คิดว่าเพื่อนจะต้องขึ้นมาข้างบนนี่ไม่ใช่เลย ชั้นสามไม่มีใครเลยนอกจากเรากะอีจิ้น
เราสองคนมองหน้ากันแล้วรีบตรงดิ่งไปที่หน้าต่าง เอาผ้าถุงสองผืนนั่นออก แล้วยกมือไหว้ขอขมากับสิ่งที่ทำลงไป
พอเอาออกเสร็จ ก็รีบลากกันลงมาข้างล่าง อีจิ้นร้องไห้เลยค่ะ นางบอก นางเห็นแล้ว เค้าอยู่ที่ชั้นสอง เดินตามเรามาเลย
เป็นเงาสีขาว -*- แต่ ...  เราเห็นเป็นสีดำตลอดนะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่