ด้วยเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.58 เวลา 07.50 น. ดิฉันมีอาการน้ำเดินไหลออกมา จึงรีบให้สามีนำส่งโรงพยาบาลถึงโรงพยาบาล 09.00 น. เมื่อถึงหน้าโรงพยาบาลสามีบอกให้ลงจากรถเข้าโรงพยาบาลก่อนเพราะกลัวว่าจะอันตรายกับเด็กดิฉันจึงขึ้นไปติดต่อพยาบาล (ห้องสูทกรรม ชั้น 2) ดิฉันได้แจ้งพยาบาลว่ามีน้ำเดิน พยาบาลได้บอกว่าให้ไปติดต่อเวชระเบียนก่อน (ที่จริงทำก่อนก็ไม่เสียหาย ดิฉันไม่หนีออกไปตอนพึ่งคลอดเสร็จหรอก คนโง่เท่านั้นแหละ ที่คิดแบบนี้) ดิฉันจึงได้ลงมาติดต่อเวชระเบียน เวชระเบียนได้แจ้งว่า วัดความดัน และกดรอบัตรคิว ได้คิวที่ 414 พอได้คิวแล้วก็กลับขึ้นไป (ห้องสูทกรรม ชั้น 2)พยาบาลให้อุปกรณ์ตรวจปัสสาวะดิฉันจึงได้เห็นว่ามีเลือดออกเป็นน้ำเดินผสมเลือด จึงรีบแจ้งพยาบาล พยาบาลให้นั่งรอพบหมอ เป็นเวลานาน ตามคิว พอพบหมอได้สอบถามดิฉันว่าได้ให้หมอคนไหนดูแล ดิฉันได้ตอบว่า อาจารย์เด่นศักดิ์ หมอได้บอกว่าขอติดต่ออาจารย์ก่อน พอหมอผู้ชายคนนั้นพูดเสร็จเขาก็เดินไปที่ห้องข้างๆแป๊ปเดียวเองในขนาดนั้นเขาก็เดินมาแล้วเขาก็ไม่พูดคุยอะไรว่าหมอใหญ่รับโทรศัพท์ไหมหรือพูดคุยอะไรบ้างหรือเปล่าหลังจากนั้นหมอคนนั้นเขาก็บอกว่าให้ไปนั่งรอข้างนอกรอหมอเรียกพร้อมแฟ้มประวัติของตัวเองโดยที่ไม่แนะนำคนไข้เลยว่าให้เอาเอกสารไปยื่นที่เค้าเตอร์ข้างนอก และไม่บอกกับทางคนป่วยเลยจนไปนั่งรออยู่พักหนึ่งมีพยาบาลคนหนึ่งเขาจำดิฉันกับลูกชายคนโตได้เขาก็เลยทักมาว่าอ้าวมาทำอะไรกันก็เลยบอกกับเขาว่ามีน้ำเดินมาคะตอนนี้รอตรวจภายในอยู่คะแต่ไม่รู้ว่าจะยื่นเอกสารที่ไหนคะพยาบาลคนนั้นก็เลยพาเดินไปยื่นแฟ้มเอกสารหน้าเค้าเตอร์ก็เลยได้เข้าไปรอตรวจพอถึงห้องตรวจเขาก็ให้ขึ้นไปนอนบนเตียงนอน นอนวัดเสียงหัวใจของเด็กว่าเต้นดีหรือเปล่านานพอสมควรกว่าจะได้เข้าห้องตรวจภายในก็นานพอสมควร หลังจากนั้นพอได้พยาบาลเรียกเข้าห้องตรวจภายในเขาบอกให้ขึ้นไปนั่งรอบนขาหยั่งแต่ก็ยังไม่มีหมอคนไหนมาตรวจเลยก็เลยถามพยาบาลไปว่ายังไม่ได้ตรวจหรอคะพยาบาลก็เลยตอบมาว่าตอนนี้หมอยังไม่ว่างคะแล้วก็รอไปอีกพอประมาณจนหมอเข้ามาเขาก็ตรวจช่องคลอดในขณะที่หมอใส่ถุงมือยังไม่เสร็จได้พบว่ามีน้ำเดินผสมมูกเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก เขาก็ให้ไปนั่งรอแฟ้มเอกสารเพื่อที่จะไปรอที่ห้องรอคลอด โดยไม่มีบุรุษพยาบาลมารับจึงเดินไปห้องรอคลอดเอง พอเข้าไปก็ได้นั่งรอคิวยื่นเอกสารเพื่อที่จะเข้ารับการผ่าตัด ทางพยาบาลได้สอบถามดิฉันว่าต้องการทำหมันเลยมั้ย ดิฉันเลยตอบว่าทำคะเพราะต้องการมีบุตรแค่ 2 คน หลังจากนั้นก็ขึ้นไปบนเตียงมาสวนทวาร และเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำเป็นชุดสีเขียวเพื่อเตรียมเข้ารับการผ่าตัด และออกมานั่งรอ พยาบาลได้แจ้งสามีดิฉันให้กลับบ้านได้เลยพร้อมเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ สักพักก็มีพยาบาลเดินมารับเข้าห้องรอผ่าตัด ดิฉันได้นอนรอเป็นนานเป็นชั่วโมงโดยมีเครื่องวัดการเต้นของหัวใจเด็กตลอดเวลา ในขณะนอนรอนั้นดิฉันได้มีอาการเจ็บท้องหนักสลับเบาและมีอาการท้องแข็งตลอดเวลา และได้แจ้งพยาบาลว่าเมื่อไหร่จะได้ผ่าสักทีเพราะรู้สึกเจ็บมากขึ้นและรู้สึกว่าเริ่มไม่ดีแล้วลูกเริ่มดิ้นเบาลง พยาบาลได้ตอบกลับมาว่ากำลังเครียเตียงมีคนผ่าใกล้จะเสร็จแล้ว หลังจากนั้นก็นอนรออีกสักพักมีพยาบาลเอาเปลมารับไปห้องผ่า แต่ก็ยังไม่ได้ผ่าก็ไปรออีกประมาณ 40 นาที จึงได้เข้าห้องผ่าตัด ดิฉันเข้ารับการผ่าตัดโดยได้ยินว่าเป็นเด็กชาย หลังจากนั้นหมอที่ผ่าตัดได้หันมาคุยด้วยว่าจะไม่ทำหมันให้นะคุณแม่ ดิฉันจึงถามว่าทำไม หมอได้แจ้งว่าตอนนี้น้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ น้องอาจจะไม่รอด ทำให้ดิฉันมีความกังวลใจเป็นอย่างมาก ในขณะที่นอนผ่าตัด ซึ่งดิฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ ลูกดิฉันสมบูรณ์ มาตรวจนอกเวลากับอาจารย์หมอเด่นศักดิ์ ตลอด น้ำหนักแรกเกิด 3,034 กรัม ค่าใช้จ่ายรวมแล้วทั้งสิ้น ประมาณ 400,000 บาท มาตั้งแต่ 0900 - 1449 น. นอนโรงพยาบาล แค่ 7 วัน 6 คืน มันเกินไปไหม กับค่าใช้จ่าย
เสียลูก..แล้วยังต้องเสียเงินอีกหรือ