ขอโทษครับที่ทิ้งช่วงไปนาน มีร้านในประเทศมาแทรกเป็นระยะๆ ประกอบกับภารกิจที่ไม่รู้จะเยอะอะไรมากมาย



กลับไปดูกระทู้แรกได้ที่นี่ครับ
ตอน 1 ในคิวชู http://ppantip.com/topic/33737574

เข้าเรื่องครับ
ใกล้จบร้านใน fukuoka แล้วครับ

หลังจากไปกินที่ hyotan sushi ในย่าน tenjin เราก็แวะเดินลงที่underground shopping street บ้าง ไปหาของหวานกิน



Akaifusen
สั่ง fondant frommage ซึ่งเป็นของหวาน ชีสเค้กซิกเนเจอร์ของร้าน



ชีสเค้กจะพิเศษคือจะมีไส้ตรงกลางซึ่งออกเหลวนิดๆ ตัวเนื้อข้างนอก ไม่แน่นมากเหมือนชีสเค้กทั่วๆไป ออกฟูหน่อยๆ รสชาติผสานระหว่างนม และชีสที่เข้มข้นมากๆ ความหวานปานกลาง จิบกับกาแฟเข้มๆ สุดยอดเลยครับ แต่ว่าชิ้นมันเล็กเหลือเกิน



จบฟุกุโอกะ แต่ต้องแวะไป dazaifu และต้องกล่าวถึงขนมประจำถิ่นหน่อย



ชื่อว่า Umegaemochi ขนมโมจิไส้ถั่วแดงกวน
แป้งข้างนอกเป็นแป้งขาวเหนียว หุ้มไส้ถั่งแดงรสหวาน แล้วก็เอาไปปิ้งครับ นิยมกินกับชาเขียวร้อน



หรือกับน้ำบ๊วยเย็นก็ไม่เลว

รสชาติตัวแป้ง จะออกแห้ง กรอบนอก นุ่มใน เนื้อถั่วแดงตัวมันเองหวานมาก แต่เมื่อรวมกับแป้งข้างนอกอุ่นๆ กับชาเขียวขมเข้ม แล้ว ถือว่าดี
มีขายตลอดทางเดินเข้าศาลเจ้าเลยครับ ผมเองจัดไปสองชิ้น

ไปต่อที่ kumamoto ภูมิใจเสนอร้านทงคัตสึมหาเทพ ด้วยคะแนนรีวิวกระฉูดเลยใน tabelog จึงไม่พลาด
น่ากินแค่ไหน ไปดู

Katsuretsu tei



การันตีความอร่อย



ตัวร้านตั้งอยู่ที่สถานี karashimacho ในย่านถนนคนเดินล่ะครับ หาไม่ยาก



ราคามิตรภาพ มีเมนูภาษาอังกฤษให้ สำหรับ recommended menu ผมยังเลือกสั่งสันนอกหมู เหมือนเดิม มาดูว่าเทียบกับ narikura ที่โตเกียวได้หรือไม่ สั่งที่ไซส์ใหญ่เหมือนกัน



ชิ้นออกมาไม่จัมโบ้เท่าอะครับ แต่ว่า สไตล์การทอด ดีเหมือนกันเลย คือกรอบนอก ไม่อุ้มน้ำมันมาก ด้านในยังฉ่ำอยู่
สันนอกร้านนี้ เนื้อจะออกหยาบกว่าของ narikura ติดมันน้อยกว่า แต่จัดว่านุ่ม เทพอยู่



อีกอย่างคือกะหล่ำ ฝอยสู้ narikura ไม่ได้จริงๆ ร้านนั้นนี่ perfect สุดๆ อย่างไรก็ตาม มาที่เมืองนี้ ร้านนี้เป็น the must ครับ



อ่อ แล้วก็ น้ำจิ้ม ร้านนี้เหมือนบ้านเรา คือมีงามาให้บดเล่นค่อยเติมน้ำจิ้มครับ
พวกผักดอง งา น้ำจิ้มสลัด ตักเติมกันให้เต็มที่



ร้านต่อไปที่ภูมิใจเสนอ ไปเจอเอาตอนนั่งหาข้อมูลเที่ยวปราสาท kumamoto

Honmaru Goten Palace Restaurant ซึ่งอยู่บนชั้นสองของ honmaru goten palace (ตรงโถงที่แสดงวิธีการหุงหาอาหาร) ซึ่งเป็น zone หนึ่งของปราสาทคุมาโมโต้



ทางเข้านี่หายากครับ มันอยู่ในหลืบ ผมใช้วิธีถามเจ้าหน้าที่เอาเลยครับ ว่ามากินที่ร้านนี้ เดี๋ยวเค้าก็พาไปเอง
ทางเดินค่อนข้างชัน พอขึ้นมาแล้ว มองลงไปก็จะเห็นนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมปราสาท โดยไม่ได้เอะใจเลยว่าชั้นสองมีร้านอาหารอยู่นะ!!!



อาหารจะเป็นอาหารยุคเอโดะ ที่ไว้เสิฟไดเมียว ชนชั้นสูงในยุคก่อน โดยสูตรอาหารถอดมาจากตำราประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ ร้าน Aoyagi ซึ่งเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแบบ traditional รับดูแล ค่าใช้จ่ายต่อหัวคือ 3000 เยนถ้วน ต้องจองล่วงหน้าสามวันครับ
เซทอาหารชื่อ honmaru gozen



ผมนี่มาคนแรกเลย
เค้ามีใบปลิวอธิบายอาหารแต่ละชนิดด้วยว่าอะไรทำจากอะไร คือส่วนประกอบวัตถุดิบบางอันเราจะไม่คุ้นเลยครับ จัดว่าดี เป็นภาษาอังกฤษไว้พร้อมเลย

Osakana



ซ้ายบน แมงกะพรุนหมักในซอสลูกพลัมและ soy sauce : รสชาติหวานอมเปรี้ยวสดชื่นมาก สำหรับ plum บวกกับ แมงกระพรุนกรอบเด้ง อร่อยเลย
ขวาบน karashi renkon หรือ รากบัวยัดไส้มัสตาร์ด เมนูนี้เป็นอาหารเฉพาะถิ่นของเมืองคุมาโมโต้ ว่ากันว่า ทำขึ้นมาครั้งแรกเพราะเจ้าเมืองไม่สบายหรืออยากกินอาหารเสริม หมอเลยคิดอาหารนี่ขึ้นมา กินแล้วหาย..ผมเข้าใจว่าท่านอาจเป็นหวัด คัดจมูก กินแล้วปี๊ดมากครับ ฉุนขึ้นสมอง สังเกตปริมาณมัสตาร์ดได้
ซ้ายล่าง ผักๆๆ หัวหอม แครอท ไช้เท้า ที่เด็ดคือ abalone ชุบไข่ทอด เนื้อนุ่มหวานดี
ขวาล่าง ถั่วหมัก เค็มๆ ไว้กินกับข้าว

เขียนรีวิวแล้วหิวจริง
พักเที่ยงแปบ เดี่ยวมาต่อ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมได้รวบรวมงานรีวิวกระทู้ร้านอาหารทั้งหมดไว้ในเพจนะครับ
https://www.facebook.com/food.fit.for.fat